"จีน" แซงหน้า "ญี่ปุ่น" ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เป็นรองเพียง "อเมริกา"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประเทศจีนสามารถเอาชนะญี่ปุ่น ในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา จากการสำรวจเมื่อช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเปลี่ยนจากประเทศคอมมิวนิสต์ มาเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มตัว
จากระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ย ร้อยละ 9 ต่อปี ผู้เชี่ยวชาญบางคนคาดการณ์ว่า จีนอาจสามารถเอาชนะสหรัฐฯได้ภายในปี 2030 อันเนื่องมาจากความเข้มแข็งทางการเงิน จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
หลังจากที่ทางการญี่ปุ่น ได้ออกมาเปิดเผยว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่สองของปีนี้ เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 โดยมีผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 1.28 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตามหลังจีน ซึ่งอยู่ที่ 1.33 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนแซงหน้าญี่ปุ่น ในช่วงระยะเวลาไตรมาสเดียว แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า น่าจะเป็นไปได้ที่จีนจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ไปจนถึงช่วงสิ้นปีนี้
ในปัจจุบัน องค์การกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า จีดีพีของจีน จะสามารถเพิ่มขึ้นถึง 5.36 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปีนี้ แต่ก็ยังค่อนข้างห่างจากสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าระดับจีดีพีจะสามารถแตะระดับ 1.479 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 5.27 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วเกินไปของจีนก็ส่งผลกระทบในด้านลบทางสังคมไม่น้อย ซึ่งรวมถึงการอพยพของประชากรจากชนบทจำนวนมหาศาล เข้าสู่เมืองใหญ่ โดยคาดการณ์ว่าอัตราประชากรในเขตเมือง จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2025 โดยจะมีเมืองกว่า 221 เมืองทั่วประเทศ ที่มีประชากรเกินกว่า 1 ล้านคน โดยองค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่า ประชากรจีนกว่า 300 ล้านคน จะสามารถหลุดพ้นภาวะความยากจนได้ จากแผนการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล แต่ก็พบว่ายังมีประชากรอีกหลายร้อยล้านคน ที่ยังคงประสบปัญหาความยากจนและขาดแคลนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบทห่างไกล
โดยประเทศญี่ปุ่น ยังถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยอัตราจีดีพีต่อประชากรอยู่ที่ 39,700 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,230,700 บาท) ประเทศสหรัฐฯอยู่ที่ 46,400 เหรียญ (1,438,400 บาท) ในขณะที่จีนอยู่ที่ 3,600 เหรียญสหรัฐ (111,600 บาท) เท่านั้น
ข้อมูลจากมติชนออนไลน์