ชีวิตที่มึความสวยงามนั้น อาจไม่ได้หมายถึงชีวิตที่มีความ "เต็ม" ในทุกๆด้าน แต่มันเป็นเพียงการที่เรารู้จัก "เติม" สิ่งที่สร้างสรรค์ให้กับชีวิตวันละนิดละหน่อย เหมือนการสร้างประโยคเล็กๆที่ดีๆให้กับชีวิต จนกลายเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่าและน่าอ่านในท้ายที่สุด
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
21 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
California trip # 21 : Las Vegas ( 4 )

21.00น 

ตอนนี้อยู่ในโรงแรม Wynn เดินมาได้อย่างไรนี้ก็จำไม่ได้เหมือนกัน
กำลังปวดหัวสุดๆ รู้แต่มีคนรอเข้าแถวกิน Buffet dinner อยู่เยอะเหมือนกัน 


อืมม เห็นคนแล้วอยากจะเป็นลมรอบที่สอง  
รออยู่ครึ่งชั่วโมง ( ที่เหมือนนานแสนนาน ) พวกเราก็ได้เข้าไปกิน 
อาหารที่ร้านนี้มีให้เลือกหลายแบบหลายประเทศมากๆ 

เริ่มต้นเดินเข้าไปเจอสลัดเป็นอย่างแรกเลย
ถ้าเป็นวันปกติอาหารของเราคงเป็นสลัด แต่วันนี้หางตายังไม่มองเลย ( นี่ เป็นไง อ้วนแน่ )
หิวเกินกว่าจะมานั่งกินสลัด 


ต่อจากสลัดเป็นซีฟูด  เราได้ปลาแซลมอนอบสมุนไพรกับปลาเทราต์ มากิน ไม่เคยกินปลาเทราต์แฮะเลยเอามาลองกินดู

เดินต่อมาก็จะเจอซุปอะไรไม่รู้ หม้อใหญ่ๆ หน้าตาเหมือนใส่เครื่องเทศเยอะๆ 
ข้ามไปก่อนละกัน เด๊ยวค่อยลอง  



ถัดมาเป็นอาหารอิตาลี  หน้าตาหน้ากินดี แล้วก็มีพิซซ่าด้วย 
เราตักไก่มาชิ้นนึง ไม่ทันอ่านชื่ออาหารอีกแล้ว รู้แต่เป็นไก่อบ
แล้วก็มีครีมชีสๆราด 


จากสถานีอิตาลี เราก็ผ่านเขียงไก่งวง กะ Beef อาหารชาติอะไรหว่า 
เรากินเนื้อไม่ได้อยู่แล้วเลยตรงดิ่งไปที่ซุ้มอาหารญี่ปุ่นเลย
ก็เกือบสุดแถวอาหารแล้วแหละ มีซูชิหลายแบบเหมือนกัน
แล้วก็ยำสาหร่าย  แบบที่มันสีเขียวๆอ่ะ แต่ที่นี่เค้าดูใส่แตงกวาผสมด้วย 
ตักมาชิมนิดหน่อยไม่รู้ว่าจะรสชาติเหมือนที่ไทยรึเปล่า 


ซุ้มสุดท้ายเป็นปูอลาสก้า  เป็นปูตัวใหญ่ๆ หนามเยอะๆ 
เค้าเอาขาปูมาผ่าครึ่งวางไว้ให้หยิบ   แค่ขามันก็ยาวเกินจานเปลใหญ่ๆแล้วอ่ะ  


ตรงซุ้มปู้นี้มีน้ำจิ้มให้เลือกหลายแบบเหมือนกัน  แต่ไม่มีอันไหนหน้าตาเผ็ดเลย 
คิดถึงพริกขี้หนูเมืองไทยก็คราวนี้แหละ  

ที่เราตกใจคือเค้ามีเนยที่ละลายแล้วให้จิ้มด้วยอ่ะ  อืมม
นึกรสชาติไม่ออกแฮะปูจิ้มเนย  แต่ดูฝรั่งเค้าจะชอบกันนะ 


หยิบปูเสร็จก็เดินกลับมาที่โต๊ะ  กินต่อ
ไก่อิตาลีที่ตักมาก็อร่อยดี เนื้อมันมีสองชั้นด้วยอ่ะ
คือข้างในเป็นเนื้อไก่เหมือนกันสีค่อนข้างเข้ม  ส่วนชั้นนอกก็เป็นไก่
แต่ว่าสีขาวกว่า  สงสัยจะเป็นไก่คนละชนิดกันมั้ง
ที่สำคัญคือซอสเค้าอร่อยมากอ่ะ เป็นชีสๆ อร่อยดี ( ไม่อยากคิดเลยว่ากี่ kcal ) 
เราว่าเราชอบไก่นี่ที่สุดแล้วในบรรดาที่ตักมา



ปลาเทราต์ก็เค็มๆ  แต่ปูอลาสกาของแพงนี่ไม่ค่อยอร่อยนะ 
เนื้อปูออกเย็นๆด้วยมั้ง  เรากินไปสักครึ่งขาเองก็วาง  เสียดายของแฮะ   สงสัยลิ้นเราจะไม่ค่อยคุ้นกับปูอลาสก้านี่สักเท่าไร


พอเดินรอบสองเราเลยไปตัดไก่อิตาลีมาอีก (( เค้ามีชื่อติดไว้นะ แต่จำไม่ได้แล้ว )) 
คราวนี้เรากวาดซอสเค้ามาเยอะมาก เชฟมองหน้าเลยแฮะ
เค้าคงงงว่าไอ้นี่มันกวาดไปทำอะไร  
เสร็จแล้วเราก็ตักซุปมะเขือเทศที่ติดไว้มาลองดู 
กะจะตักสักสองทัพพีพอกลัวไม่อร่อย
ปรากฎว่าคุณเชฟบอกว่าจะตักให้  แล้วพี่แกก็ตักมาซะเต็มถ้วยเลย อืมม เริ่มลางไม่ดี  



นอกจากซุปแล้วเรายังโฉบไปหยิบของหวานด้วย ได้เป็น browney กับทาร์ตผลไม้สักอย่าง ดูเยิ้มมากเลย น่าจะหวาน เสร็จแล้วกลับมานั่งโต๊ะกินไก่ด้วยความเอร็ดอร่อย แล้วซุปก็ไม่อร่อยจริงๆตามลางสังหรณ์  เสียดายของสิครับพี่น้อง  browney เค้าก็พอกินได้นะ ทาร์ตอร่อยมาก สรุปว่าใช้อะไรทำก็ยังไม่รู้เลย  เป็นผลไม้สีน้ำตาลๆ  อาจจะเป็นลูกพลัมป่ะ  กินได้อย่างละสองคำ เราก็เกิดอยากจะกินเครป  




เรื่องของเรื่องคือฟางเอาเครปมาแล้วก็ราด Chocolate sauce มาด้วย น่ากินสุดๆ  เราเลยเอาบ้าง  ที่นี่เค้าก็มีการตั้งเตาทำเครปเลยหน้าตามันก็เหมือนๆบ้านเราแต่ว่าไส้เป็นพวกผลไม้ซะเยอะ ก็จะมีกีวี สตอเบอรรี่ กล้วย  ตามเรื่องแล้วก็มี sauce ให้ตักเอง เท่าที่เห็นก็คลาสสิกทั่วไปพวก chocolate sauce , maple syrup , strawberry   ให้ตักเองแบบนี้ก็เสร็จเราสิ  ราด chocolate ซะเต็มที  แล้วก็ไปหยิบ apple เคลือบน้ำตาลสีแดงๆ มาด้วยหนึ่งลูกชดเชยกับ apple ชุบ chocolate ที่ไม่ได้กินเมื่อตอนกลางวัน  




เดินกลับมาที่โต๊ะปรากฏว่าทาร์ตเราหายไปซะแล้วเหลือแต่ซุปไว้  เอ่ออ เหลือไว้ทำไมไม่ทราบพี่  เอาเถอะ ช่างมัน  หันมาสนใจแอปเปิ้ลแทนดีกว่า แต่ปรากฏว่ายังไงรู้ม้ายยย เรากัดไม่เข้าอ่ะ
คือน้ำตาลมันแข็งเป๊กเลย หนาด้วย  คือเค้าจะให้กินยังไงหรอ
หรือว่าต้องหั่น  พยายามอยู่สักพักก็ปลง 
ประมาณว่าเหนื่อยแล้วมองไปมองมาก็เห็นว่ายังเหลือเครปให้ชิมอีก   ปรากฎว่าแป้งเครปไม่อร่อยอ่ะ แต่ว่าสตอเบอรี่กะ chocolate อร่อยดี  เราเลยกินแป้งเหลือ ในขณะที่ฟางกินแล้วไส้เหลือเพราะฟางบอกว่า chocolate ขมมาก  



นึกๆดูแล้วก็ตลกดีอ่ะ  เพราะอะไรที่ฟางกินอร่อยเราก็ไม่อร่อย อะไรที่เราอร่อย ฟางก็ไม่อร่อย  เป็นแบบนี้ตลอดเวลาเลยแฮะ  ที่ร้านนี้มีพายไข่น่าตาน่าอร่อย  เป็นของหวานปิดท้ายของฟาง   เราว่าหน้าตามันก็น่ากินดีแหละแต่พอฟางกินอร่อยเราเลยสมัครใจไม่ลองดีกว่า 555   ในที่สุดพวกเราก็กินอิ่ม ร้านเค้าจะปิดด้วยแหละ เลยได้เวลาจรลี 





23.00 น  พวกเราออกจากร้านอาหารกัน  กินกันดึกมากๆเลยนะเนี่ยยย

  โรงแรม wynn นี่ตกแต่งโรงแรมเฉยๆอ่ะ ไม่ค่อยมีอะไรให้ถ่ายรูปเท่าไรนัก  ภารกิจต่อไปของพวกเราคือเดินกลับไปเอารถที่โรงแรม bellagio  คิดเวลาขามาคือออกมาสี่โมงและมาถึงที่นี่ตอนประมาณสามทุ่ม   รวมแล้วประมาณห้าชั่วโมงพอดี แต่มีแวะถ่ายรูปด้วยนะ  ไม่รู้ขากลับจะใช้เวลามากขนาดนั้นมั้ย แต่ดูจากสภาพผู้ร่วมทีมแล้วคิดว่าน่าจะไม่ เพราะฟางกับอาแหววบ่นว่าง่วงนอนกันมากๆแล้วทั้งคู่  รีบเดินกันใหญ่เลย 



แต่ถึงจะง่วงอาแหววก็ยังพาพวกเราเดินข้ามถนนไปดูข้างในโรงแรม Treasure Iceland กันก่อน  ตู้สล็อตที่นี่หน้าจอน่ารักมากเลยอ่ะ เป็นรูปปลาการ์ตูนๆด้วย ไม่รู้ทำไว้ให้ใครดูแฮะ  เพราะยังไงก็มีแต่ผู้ใหญ่มาเล่นอยู่ดีจิงมะ หรือไม่ผู้ใหญ่ก็คงชอบดูอะไรน่ารักๆเหมือนกัน  ทางออกที่นี่ก็หายากอีกแล้ว



เรามุดกันออกมาทางด้านหน้าของโรงแรมพอดี   เห็นคนเยอะแยะเลย ( อีกแล้ว )  เดินออกมาเลยเห็นว่าSirens of TI มีโชว์อีกรอบคือรอบห้าทุ่มครึ่ง  คราวนี้พวกเราได้ที่ยืนใกล้เวทีเลยอ่ะเพราะพึ่งเดินออกมากจากในโรงแรม   คือด้านหน้าโรงแรมเค้าทำเป็นสระน้ำกว้างๆไว้อ่ะ  แล้วก็มีสะพานข้ามจากโรงแรมมาถนนได้  คงทำให้เป็น Iceland สมชื่อมั้ง   พวกเรามายืนอยู่บนสะพานพอดีเลยอ่ะเปรียบเสมือนเป็นแขกของโรงแรมนี้ 55


ถือว่ามุมดีมากนะเพราะจะดูโชว์ได้ทั้งสองข้างของสะพานเลย  การแสดงเค้าก็คงเล่นอยู่สองข้างสะพานนี่แหละ ได้ที่ยืนปักหลักแล้วก็เหลือแต่รอ  หวังว่าคราวนี้เค้าคงไม่ยกเลิกอีกนะ   โชว์เริ่มด้วยพระเอกนั่งเรือมาจากฝั่งซ้ายมือของเรา  แล้วเรือก็มาเทียบท่า   พระเอกสุดหล่อขึ้นสะพานตรงหน้าเราพอดีเลยระยะประชิดห่างกระมาณเมตรเดียวเอง  ได้ยินเสียงฟางตะโกนมาว่า  ถ่ายรูปด้วยๆ แต่เสียดายยย  ช้าไปแล้วอ่ะ  เปิดกล้องไม่ทัน  เลยอดได้รูปกล้ามงามๆมาฝาก  พึ่งรู้สึกอยากเปลี่ยนกล้องก็คราวนี้แหละ   ใช้เวลาเปิดโคดเยอะเลย 




อือ เกือบลืม คือพระเอกคนนี้วิ่งผ่านสะพานไปขึ้นเรือทางขวามือของเราที่มีสาวๆเต้นคาบาเรต์อยู่นั่นแหละ   ตอนหัวค่ำเราไม่เห็นหรอกว่าเค้ามาเรือด้วยนะ เราเห็นก็อีตอนเค้าขึ้นไปเต้นๆเลย  พอเต้นกันเสร็จก็มีเรือโจรสลัดมาทางซ้าย  แล้วเค้าก็เดินเรื่องเหมือนเรือสองลำนี่สู้กันน่ะ เดาเอาว่าสุดหล่อคนนั้นคงหนีจากเรือโจรสลัดมาขึ้นหลบอยู่ที่เรืออีกลำมั้ง  ฉากสู้กันนี่สิอลังการ  มียิงปืนใหญ่เสียงดังลั่นเลย    แล้วก็มีไฟลุกไหม้ด้วย  ตรงที่เรายืนอยู่นี่ร้อนเลยอ่ะ   โชว์จบลงพร้อมกับกลิ่นไหม้ๆ 



เรารอให้คนหายเบียดเสียดอยู่สักพักก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินกลับไปเอารถต่อ  คราวนี้อาแหววกับฟางรีบเดินใหญ่เลยอ่ะ  สงสัยง่วง  ส่วนเราก็พยายามถ่ายวิดีโออยู่คนเดียว  กล้องก็แบตใกล้หมดเต็มที  ถ่ายได้ยาวๆครั้งเดียวเอง  ที่เหลือก็ดับตลอด  ทำไมไม่ง่วงเหมือนชาวบ้านเค้าบ้างเนี่ย    ตอนเที่ยงคืนนี่ที่ลาสเวกัสก็เริ่มหนาวแล้ว  เสื้อหนังกิ๊กก๊อกของเรารู้สึกว่าจะทำหน้าที่กันหนาวได้ไม่ค่อยดีซะด้วยสิ




















13 เมษายน 2008

00.30 น  กลับมาถึงโรงแรม bellagio มายืนรอดูน้ำพุต่อ  มีคนยืนเหมือนรอดูอยู่เหมือนกันแต่ไม่เยอะมาก พวกเรารออยู่สักพักแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีโชว์สักที  อาแหววง่วงจัดทนไม่ได้ต้องเข้าไปถามพนักงานว่ายังมีโชว์อยู่รึเปล่า  ได้ความมาว่าเค้าเลิกแล้ว โชว์มีถึงเที่ยงคืน   พวกเรามากันดึกไปหรือนี่ อืมม  เลยอดดูน้ำพุตอนกลางคืนเลยได้ยินมาว่าสวยอ่ะ  แต่ก็ไม่เป็นไร  ไว้หาดูตามหนังที่เค้ามาถ่ายที่นี่ก็ได้เหมือนกันมั้ง


01.00 น  ตอนนี้กำลังรถติดอยู่ระหว่างทางกลับโรงแรม ยกให้เลยเวกัส  รถติดตลอดเวลาจริงๆ  ดึกขนาดนี้แล้วผู้คนก็ยังพลุกพล่านกันอยู่เลยสมกับที่ใครๆเค้าก็ว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับเกือบๆตีสอง พวกเรากลับมาถึงห้องโดยสวัสดิภาพอันที่จริงโรงแรมที่เราพักก็ไม่ได้อยู่ห่างจาก bellagio    เท่าไรหรอกคงเป็นเพราะรถติด เลยใช้เวลานานมากมาย

เราโทรกลับไปหาที่บ้าน  พ่อบอกว่าเห็นในข่าวว่าใน LA เค้าเล่นสงกรานต์กันด้วยจะว่าไปอยู่ที่นี่นี่ลืมไปเลยแฮะว่าเป็นวันสงกรานต์แล้วแถมไม่ได้อยู่แถวบ้าน
อาแหววด้วยเลยไม่รู้ว่าตกลงเค้าเล่นกันมั้ยหรือไม่เล่นเกือบๆตีสามพวกเราจะก็ผลัดกันไปอาบน้ำเสร็จเราก็ยังรู้สึกไม่ค่อยง่วงเท่าไรง่ะ  อาหารในกระเพาะยังไม่ย่อย  อิๆ


ตีสามกว่าๆ  นอนไปยังไม่ทันจะหลับลุงของเพื่อนกลับมาจากคาสิโนเราตื่นมาเป็นพยานในการกลับเข้าห้องสักแป๊บ  เอ้ย ไม่ใช่  คือสรุปว่าตื่นเพราะได้ยินเสียงเฉยๆคิดไปคิดมาน่าจะออกไปถ่ายรูปต่อให้ครบเลยแฮะ   ยังไงก็นอนไม่หลับอยู่ดี












สองรูปนี้ถ่ายจากในห้องพัก ตอนกลางคืนและตอนกลางวัน


08.30 น ของวันใหม่

เราตื่นอย่างเป็นทางการที่บอกตื่นอย่างเป็นทางการเพราะรู้สึกจะตื่นเรื่อยๆทุกชั่วโมงอยู่แล้วเช้าวันนี้ของเรามาพร้อมกับอาการปวดหัวอย่างจริงจังรู้สึกสองวันนี้จะนอนรวมกันได้ไม่ถึงหกชั่วโมงเลยมั้งเลยต้องขอบายโปรแกรมเก็บภาพต่อตอนเช้าคงต้องขออภัยฟางและคณะญาติไว้ ณ ตรงจุดนี้เรายังคงเสียดายอยู่จนถึงทุกวันนี้    รูสึกมีอีกตั้งหลายโรงแรมที่ยังไม่ได้เดินไปเลย



13.00 น  พวกเรากำลังรถติดอยู่บน freeway สาย 15เป็นถนนที่สองข้างทางดูจะมีแต่ทะเลทรายจริงๆคราวนี้คนขับรถเกิดอยากเข้าห้องน้ำแต่หาห้องน้ำไม่ได้เลยทรมานนะเนี่ย  เหอๆพวกเราเลยต้องลุ้นให้อาแหววเข้าห้องน้ำให้ทันจนเหนื่อยตามไปด้วยเห็นแบบนี้แล้วรู้สึกว่านั่งรถเมล์แบบเราต่อไปน่ะดีแล้วยังนึกภาพไม่ออกว่าถ้าตัวเองรถติดอยู่บนทางด่วนแล้วอยากเข้าห้องน้ำจะทำยังไงดี


17.00 นพวกเราวนรถส่งลุงฟางถึงบ้านเรียบร้อยอาแหววพามากินอาหารจีนร้านชื่อ may flower เค้าบอกว่าร้านนี้กุ้ง lobster อร่อยค่ะอยู่ใน china town ของที่นี่แหละร้านนี้ก็สไตล์จีนๆดีมีครอบครัวที่มารวมญาติส่งเสียงล้งเล้งไปหมดด้วยเห็นแล้วคิดถึงที่บ้านเราเลยแฮะ



เกือบๆทุ่มพวกเราก็กลับมาถึงบ้านอาแหววโดยสวัสดิภาพเรานี่แทบอยากจะคลานขึ้นเตียงไปเด๊ยวนั้นเรยสถานการณ์ตอนนี้ยังคงง่วงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงหุหุ 


Create Date : 21 มิถุนายน 2551
Last Update : 21 มิถุนายน 2551 15:01:06 น. 3 comments
Counter : 343 Pageviews.

 
ตามมาเที่ยวต่อค่ะ


โดย: whitelady วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:20:38:33 น.  

 
เวกัสเป็นเมืองที่ไม่หลับกลางคืนค่ะ แต่กลางวันสิคะหงอยเชียว คนมาเที่ยวมักตื่นเต้น สนุกกับสลอต-โรงแรม เพราะแต่ละที่จะมีไม่ซ้ำกัน เค้าแข่งกันค่ะ


โดย: superss วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:3:25:44 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ
ตอนกลางคืนดูมีชีวิตชีวากว่าจริงๆ


โดย: N3K วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:21:25:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MsBrenda
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




blog นี้ดูจะเกิดขึ้นมาได้เนื่องด้วยเจ้าของบล็อกเกิดอยากจะเขียน
แล้วอยากให้คนอื่นๆอ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนด้วย
การมีบล็อกเป็นของตัวเองก็เลยดูจะลงตัวดี
และแม้ว่าช่วงนี้ถึงชีวิตการเรียนที่เป็นอยู่ไม่ค่อยเอื้อให้เรามานั่งเขียนบล็อกสักเท่าไร
แต่การที่ได้พักจากชีวิตที่วุ่นวายมาทำอะไรที่ชอบสักพัก ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน


บางเรื่องที่เราเขียนก็ดูจะบ้าๆบอๆไร้สาระไปหน่อย
จนเหมือนยึดเป็นที่ระบายอารมณ์ในบางครั้ง
อย่างไรก็ตาม
เราต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่เข้ามาอ่าน


ปล .
เราใช้ชื่อ N3K เป็นชื่อ blog เนื่องจากชื่อนี้เป็นชื่อกลุ่มเราสมัย ม.ต้น
แล้วเราสมัครพันธุ์ทิพย์ช่วงมอต้นพอดี ก็เลยใช้ login เป็นชื่อนี้แล (( ง่ายดีมั้ย ))

((( ปล จริงๆแร้ว )))

ตอนนี้เรากำลังจิตตกกับการเข้าสู่แผนกทำคลอดเป็นวันแรก

แอบกลัวอยู่อ่ะ เราไม่อยากทำคลอดเรย

ทำไงดีอ่ะ??




Friends' blogs
[Add MsBrenda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.