ชีวิตที่มึความสวยงามนั้น อาจไม่ได้หมายถึงชีวิตที่มีความ "เต็ม" ในทุกๆด้าน แต่มันเป็นเพียงการที่เรารู้จัก "เติม" สิ่งที่สร้างสรรค์ให้กับชีวิตวันละนิดละหน่อย เหมือนการสร้างประโยคเล็กๆที่ดีๆให้กับชีวิต จนกลายเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่าและน่าอ่านในท้ายที่สุด
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
12 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
California trip # 17 : It's not about the coffee

11 เมษายน 2008


ช่วงนี้ถ้าถามเราว่าอะไรเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอเมริกา
เราคงตอบว่า Starbuck's coffee แน่ๆอ่ะ
เหมือนกับที่เรารู้สึกว่า 7-eleven เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย  แหะๆ



American citizen ทั้งหลายอย่าพึ่งโมโหนะคะ
เราแค่รู้สึกว่าตลกดีเฉยๆ
ที่ประเทศไทยเหมือนร้าน Starbuck จะมีแต่เฉพาะในเมืองใหญ่ๆเท่านั้นป่ะ
แถบที่เยอะๆก็น่าจะแถวๆสยาม  สีลม  อโศก  ประมาณนี้



ในสายตาเด็กไทยคนนึง  
ราคากาแฟร้านนี้ถือว่าแพงมากทีเดียว
เรียกว่าค่ากาแฟแก้วนึงนี่เรากินข้าวได้สองมื้อสบายๆ



พอมาที่ USA นี่  ร้าน Starbuck's หาได้แทบจะทุกหัวมุมถนนจริงๆ
ราคากาแฟก็ถูกกว่าร้านอื่นๆเสียอีก


ยังไม่พอ  ใน Cafeteria ของ Stanford medical center
เรายังเจอกาแฟสตาร์บัคส์ใส่กระติกให้คนซื้อกดเองได้อีกตะหาก
เหมือนกระติกเนสกาแฟเมืองไทยเลย
เห็นแล้วขำ   กระติกแบบนี้ถ้าไปตั้งอยู่เมืองไทยเราต้องคิดว่าของปลอมแน่ๆ



เห็นมั้ยว่ากาแฟสตาร์บัคส์เจอได้ทุกที่จริงๆ 
แถมบางสาขาคนยังต่อแถวกันยาวเหยียดอีกตะหาก


เรานั้นแสนจะงงว่าที่นี่เค้าไม่กินกาแฟยี่ห้ออื่นกันบ้างรึไง
(( อันที่จริงเท่าที่เรากินดูเองเราก็ว่าสตาร์บัคส์อร่อยกว่าร้านอื่นจริงๆแหละ ))
อานาตของเราถึงกับใช้ร้าน starbuck's  เป็นตัวตัดสินความเจริญของเมืองเลยทีเดียว

เค้าจะมีประโยคติดปากว่า
" โอ้ย ! เมืองนี้ไม่มี buck's ไม่น่าจะ work นะ "
หรือว่า" ตรงนี้มี buck's แวะเข้าห้องน้ำได้ " 
นึกแล้วก็ตลกดีอ่ะ



เล่ามาเสียยืดยาว 
คือจะบอกว่าวันนี้เรากับฟางมาถึงร้าน borders จนได้
( คราวนี้อาแหววต้องเอามาหย่อนชนิดเกือบจะถึงที่ )





แถวๆร้านหนังสือ ฟางถ่ายมาสวยดีอ่ะ

แล้วเรานั้นได้หนังสือถูกใจมาเล่มนึง 
ชื่อเรื่องว่า it's  not about the coffee
หนังสือเล่มนี้สะดุดตาเราดีเพราะว่าหน้าปกมีตรา starbuck's  ด้วย
เป็นหนังสือปกแข็ง  หน้าตาน่าอ่านดี 
แต่หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ leadership  principle น่ะ



ปกติเราไม่ค่อยสนใจอ่านหนังสือแนวนี้สักเท่าไร
(( ที่อ่านบ่อยๆดูจะเป็นพวก fantasy  ไม่ก็ ท่องเที่ยว อิๆ ))
แต่ไหนๆก็หยิบมาแล้วก็ลองเปิดอ่านคร่าวๆดู

แล้วก็ได้สะดุดกับคำโปรยในบทหนึ่งที่ว่า


The person who sweeps the floor  should choose the broom

ตอนนี้เกี่ยวกับ think independently แหละเรารู้สึกว่าแค่คำโปรยนำในแต่ละบทของหนังสือเล่มนี้ก็ให้ข้อคิดดีๆได้หลายอย่าง

แล้วดูท่าทางจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับ management ที่ไม่ค่อยน่าเบื่อดี
ประกอบกับแอบอยากรู้เป็นทุนเดิม
ว่าเค้าทำยังไงร้านกาแฟถึงครองตลาดขนาดนี้ก็เลยตัดสินใจซื้อได้แบบรวดเร็ว
(( จะได้เป็นผู้นำกะเค้าเมื่อไรก็ไม่รู้เนี่ย ))

โม้นอกเรื่องซะตั้งนาน 
สรุปว่าวันนี้ก็เป็นวัน shopping อีกวันนึงแหละ
แต่ว่าวันนี้เราได้มาเดิน borders กันสมความตั้งใจ
เราว่าเราชอบเดินร้านหนังสือที่นี่นะ 
เพราะราคาหนังสือก็ไม่ได้แพงมาก
ถ้าคิดเป็นเงินไทยเล่มนึงก็ประมาณ 200-300 บาทเท่า pocket book ปกติ
ถ้ามองเฉพาะหนังสือต่างประเทศต้องถือว่าถูกกว่าที่ไทยด้วยซ้ำ 


สรุปว่าที่อเมริกาหนังสือถือว่าเป็นของราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับราคาอย่างอื่น
หรือไม่ก็สรุปได้ว่าประเทศไทยขายหนังสือแพงไป
เราว่าหนังสือถูกน่าจะดีกว่านะ
เด็กที่บ้านไม่รวยมากจะได้ซื้อหนังสือดีๆอ่านได้เยอะๆ
หรือไม่ก็ทำห้องสมุดประชาชนให้ดีๆหน่อย
เด็กต่างจังหวัดอย่างเรางี้ ไม่มีห้องสมุดที่มีหนังสือเยอะๆให้นั่งเลยอ่ะ


วันนี้เรานั้นได้หนังสือติดไม้ติดมือมาสามเล่มได้
ไม่ได้นึกเล้ยยว่ามันหนักเวลาแบกกลับเมืองไทย

ฟางได้ชุดถักสร้อยข้อมือมาชุดนึง
เค้ามีแผ่นพลาสติกกลมๆ แบบมีร่องให้ใส่ไหมพรมอ่ะ
แล้วก็มีคู่มือมาให้ว่าจะเอาลายไหนต้องร้อยยังไง
อันที่จริงมันเป็นของเล่นเด็กแหละ
ตอนแรกฟางไม่กล้าซื้อบอกว่าเขิน
ต้องยุส่งว่าให้ซื้อไปเลย
ตลกดี จะเขินใครก็ไม่รู้แฮะ
คนรู้จักแถวนี้ก็ไม่มี


จะว่าไปอยู่แบบนี้ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องสนใจใครเท่าไร
อยากจะทำอะไรก็ทำ สรุปว่าบ้าบอได้เต็มที่ว่างั้น หึๆ


เสร็จจากร้านหนังสือก็กลับมาเดิน Valencia town center กันอีกรอบ
ฟางจะไปหาน้ำหอม miracle ที่เพื่อนฝากซื้อ
ปรากฎว่าซื้อไม่ได้เพราะเค้าไม่มีขาย
เราเลยเกิดอยากจะซื้อครีมทาหน้าของ shisedo เสียเอง
ด้วยเหตุว่าหน้าเรานั้นเริ่มจะลอกแล้ว
ก็เลยชวนกันไปถามราคาดู

พนักงานที่ counter shisedo ตลกดีอ่ะ
ไปถึงเค้าจัดการใช้ cleanser มาล้างหน้าเราก่อนเลย
แล้วก็ท่านู่นทานี่ประมาณสามสี่อย่าง
เราก็งงอยู่เพราะจะมาหาแค่ moisurising losion น่ะ
เลยไม่รู้ว่าอันไหนเป็น losion กันแน่
แต่พอเค้าจัดการเสร็จก็รู้สึกได้จริงๆนะว่าหน้าชุ่มชื้นขึ้น
ก็เลยตัดสินใจซื้อ day cream กระปุกนึง กับ scrub อีกหลอดนึง

พอถึงเวลาจ่ายเงิน คนขายก็ชวนให้สมัคร Macy's card
เพราะจะได้ gift set ชุดใหญ่เพิ่มอีกหนึ่งชุดแล้วก็ได้ลดราคาด้วย
เราก็เลยคิดว่าสมัครก็สมัคร

แต่ปรากฎว่าขั้นตอนการสมัครกลับยุ่งยากกว่าที่คิด
เค้าบอกว่าเราไม่มี security association number อ่ะ
พนักงานแกก็ดูพยายามจะสมัครให้เหลือเกิน
โทรนั่นโทรนี่วุ่นวายไปหมด เลยเด่นเลย
พนักงานคนอื่นๆเดินเข้ามาช่วยกันใหญ่

ผลสุดท้ายก็มีผู้หญิงท่าทางเป็นผู้ยิ่งใหญ่มากๆ
เค้าถือลูกโป่งลอยลมสีเหลืองๆ อยู่ด้วยลูกนึง
ฟางบอกว่าเค้าถือลูกโป่งมาให้แกรึเปล่า แบบเป็นรางวัล
" คุณเป็นคนแรกที่สมัครบัตร Macy's ของเราค่ะ "
ยังอุตส่าห์คิดได้อีกนะ คนเรา


แต่เราว่าเค้าดูถือไว้เพื่อให้คนอื่นๆหาตัวเค้าเจอมากกว่าอ่ะ
เพราะลูกโป่งดูจะลอยสูงเหนือป้ายพอดี
สรุปแล้วก็เลยไม่รู้อยู่ดีว่าใครเดาถู


เอาเป็นว่าท่านผู้นี้เดินเข้ามาคุยๆกับพนักงานอยู่พักนึง
ก็ได้ความว่าเราสมัครบัตรไม่ได้ แต่ว่าได้ giftset ชุดใหญ่กลับบ้าน
เค้าบอกว่า for your trying 555
ถือว่าคุ้มอยู่นะ ซื้อสองชิ้นเอง
ได้gift set มาสองชุดพร้อมกระเป๋าใส่อีกสองใบ

ตอนได้ของแถมนี่รู้สึกคุ้ม
แต่ตอนเดินถือถุงออกมาจากห้างก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดี
ถึงจะแค่สองชิ้นแต่ก็เป็นพันเลยนะเนี่ย
งง กับตัวเองเหมือนกันแฮะ

คืนนี้พวกเรา pack กระเป๋ากันอีกแล้ว
กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วอ่ะเรื่องจัดกระเป๋า
คราวนี้พวกเราเตรียมตัวตะลุย Las Vegus กัน
( ออกนอก California แล้วคราวนี้ )
ต้องจัดกระเป๋าคืนนี้ให้เสร็จเลยเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามากๆ
ตีห้าได้อ่ะ ประมาณว่าเด๊ยวต้องวนรถไปรับอีกสองบ้าน
ฟังแล้วตกใจเหมือนกัน
สงสัยคืนนี้ได้นอนไม่กี่ชั่วโมงแน่ๆเลย






Create Date : 12 มิถุนายน 2551
Last Update : 12 มิถุนายน 2551 23:30:02 น. 3 comments
Counter : 373 Pageviews.

 
ทันใจมากนภัส
เราแอบเสียใจที่ไม่ได้ซื้อชิมา
แต่เราจะฝากแพรตอนไปยี่ปุ่น

ฮิ้วๆ

รีบอัพต่อนะจ๊า


โดย: ฟางข้าว IP: 58.8.86.111 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:22:21:05 น.  

 
ไม่นับรวมความหอมอร่อยของกาแฟ แต่ยังสะดวกซื้อ หาได้ทุกๆ ที่ค่ะ ทำให้คนอเมริกันนิยมดื่มกาแฟสตาร์บัคส์มากกว่าแบรนด์อื่น บางครั้งไปทาน coffee beans ก็ยังบอกว่าอร่อยสู้ไม่ได้เลย


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:23:18:37 น.  

 
จริงค่ะ
อันนี้เห็นด้วย
เราลองกินร้านอื่นดูก็รู้สึกว่าสู้ starbuck's ไม่ได้

แต่เราก็กินแค่ช่วงอยู่ที่นั่นแหละค่ะ
กลับมาไทยแล้วก็ซื้อไม่ลงอยู่ดี
เสียดายเงิน อิๆ


โดย: N3K วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:23:31:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MsBrenda
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




blog นี้ดูจะเกิดขึ้นมาได้เนื่องด้วยเจ้าของบล็อกเกิดอยากจะเขียน
แล้วอยากให้คนอื่นๆอ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนด้วย
การมีบล็อกเป็นของตัวเองก็เลยดูจะลงตัวดี
และแม้ว่าช่วงนี้ถึงชีวิตการเรียนที่เป็นอยู่ไม่ค่อยเอื้อให้เรามานั่งเขียนบล็อกสักเท่าไร
แต่การที่ได้พักจากชีวิตที่วุ่นวายมาทำอะไรที่ชอบสักพัก ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน


บางเรื่องที่เราเขียนก็ดูจะบ้าๆบอๆไร้สาระไปหน่อย
จนเหมือนยึดเป็นที่ระบายอารมณ์ในบางครั้ง
อย่างไรก็ตาม
เราต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆนะคะที่เข้ามาอ่าน


ปล .
เราใช้ชื่อ N3K เป็นชื่อ blog เนื่องจากชื่อนี้เป็นชื่อกลุ่มเราสมัย ม.ต้น
แล้วเราสมัครพันธุ์ทิพย์ช่วงมอต้นพอดี ก็เลยใช้ login เป็นชื่อนี้แล (( ง่ายดีมั้ย ))

((( ปล จริงๆแร้ว )))

ตอนนี้เรากำลังจิตตกกับการเข้าสู่แผนกทำคลอดเป็นวันแรก

แอบกลัวอยู่อ่ะ เราไม่อยากทำคลอดเรย

ทำไงดีอ่ะ??




Friends' blogs
[Add MsBrenda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.