ที่เป็นมา คือความเหงา
ที่ใช้ความเป็นเรา เข้าบดบัง
แต่ไม่เคย เลยซักครั้ง
ที่จะเป็นอย่าง คนรู้ใจ
เพียงยึด ไว้กับตัว
เพราะกลัวความเหงา จะเข้าใกล้
กลัวเหงามากกว่า กลัวเสียใจ
จึงต่างฝ่าย ต่างทำร้ายกัน
เมื่อโลก สว่างไสว
จึงผละออกจากใคร ที่เคยยึดมั่น
พอเสียทีเถอะ กับการหลอกลวงกัน
ทั้งที่ไม่มีความผูกพันธ์..ในหัวใจ
บทกลอนสั้นๆถูกเขียนลงในกระดาษสีขาวธรรมดาๆแผ่นหนึ่ง
ไม่ใช่แผ่นหนึ่งสิ เป็นเพียงเศษส่วนหนึ่งเท่านั้น..เพราะฉันพับมันลงเป็นสองส่วน
ใช้ฟันขบเบาๆจนรอยพับเริ่มเปื่อย..จากนั้นจึงฉีกมันออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย
แล้วก็ทำแบบนั้นซ้ำอีกครั้ง..จนได้พี้นที่กระดาษแค่เพียงส่วนที่มีบทกลอนเท่านั้น
จากนั้นก็พับมันอีก ให้มันเล็กลง เล็กลง จนมันเหลือเพียงประมาณหนึ่งเซ็นติเมตร
ฉันบอกตัวเอง.."มันมีขนาดที่กำลังน่ารักทีเดียว..น่ารักจนคนที่ได้รับคงรู้สึกดี"
ช่างใจอยู่นาน..ถามตัวเองหลายครั้ง ถามแล้วถามอีก
มันจะดีเหรอ..มันจะดีเหรอ..แน่ใจนะ ว่าต้องการอย่างนี้จริงๆ
หาคำตอบดีๆให้ตัวเองไม่ได้..ในที่สุด ก่อนที่จะเปลี่ยนใจ
จึงรีบยัดเศษกระดาษแผ่นนั้นลงในกระเป๋านักเรียนใบโตเสีย
กระเป๋าใบโต..กระเป๋าคู่ใจ..ที่ดูแลจดหมายน้อยๆใบนั้นอย่างดีทั้งคืน
เพื่อรอที่จะถูกส่งไปยังคนๆนึง...โดยผ่านกามเทพตัวน้อยคนเดิม
พร้อมกำชับเสียงเฉียบ "ส่งให้ถึงมือนะ..ห้ามเปิดอ่านด้วย"
ฉันไม่รู้หรอก..ว่าตอนที่เขาได้เปิดมันออกมาอ่านนั้น..เขารู้สึกเช่นไร
แต่ตอนที่ฉันเขียนมันลงไป..ฉันรู้ดีว่าฉันรู้สึกเช่นไร..
แม้จะมีในบางขณะ ที่จดปากกาลงไป ..จะแอบสับสนบ้างก็ตาม
..
..
เย็นอีกวัน..จักรยานยนต์ฮอนด้าโนวา
แดสสีเขียวส้ม คุ้นตา มาจอดลงที่หน้าบ้าน
กับใครคนหนึ่ง..ที่เหมือนจะคุ้นเคย...พร้อมคำถาม "ทำไม"
กับความเงียบที่ยาวนาน "ทำไม พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจ"
บทสนทนาวันนั้น จบลงตรงที่ต่างคนต่างเงียบงัน
"ข้อความที่..ส่งให้ มันยังไม่ชัดเจนพออีกหรือ" ฉันย้อนถาม
..
..
..
..
เสียงรถดังขึ้น ออกจากหน้าบ้านไป แล้วค่อยๆเงียบลง เมื่อลงเนินที่สะพานหน้าวัด
ก่อนที่จะดังขึ้นอีกเมื่อขึ้นเนิน..แล้วเงียบลงไปอีกเมื่อลงเนิน ข้ามสะพานอีกด้านของวัดไป
นั่นคือเสียงสุดท้าย..ที่ฉันได้ยิน พร้อมกับที่บอกตัวเองว่า
"บางครั้ง..หัวใจมันก็อาจไม่ต้องการเหตุผลไม่ใช่หรือ?"
โลกใบเก่า..เหมือนเคยแคบเหลือเกิน เพราะความบังเอิญที่พบกันบ่อยๆ
หลังจากนั้นถึงรู้..ความจริงแล้ว..โลกใบนั้น คงอยู่ที่หัวใจของเรามากกว่า
หากหัวใจบอกว่า"ไม่"..ถึงโลกแคบแค่ไหน ก็เหมือนไกลกันสุดขอบฟ้า
ฉันเดินเข้าบ้าน.....แล้วปิดประตู
ไดอารี่ 18 ตุลาคม 2544
บทกลอนด้านบน อาจเป็นของใครซักคนที่ฉันไม่รู้จัก
เคยได้อ่านผ่านตา แล้วก็แอบบันทึกไว้ในไดอารี่ของปีนั้นเป็นต้นมา
เพียงเพราะชื่นชอบที่มันจี๊ดโดนใจ..แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้มันจริงๆ
จนกระทั่งวันนั้น..เวลานั้น..
เวลาทำให้มุมมองหรืออะไรเปลี่ยนไปจริงๆ
วันนี้..เมื่อย้อนกลับไป..เรื่องนั้น มันก็กลายเป็นเรื่องขำๆ
ทุกครั้งที่ใช้หัวใจ..มากกว่าเหตุและผล
คนเราก็มักหาข้ออ้างดีๆ..มาให้กับตัวเอง
ขอโทษนะ..สำหรับความเป็น"เด็ก"
ที่ฉันต้องใช้เธอมาเป็นข้ออ้างอีกแล้ว..
ก็แค่..วันนั้น ฉันเด็กเกินไป..
หัวใจเด็กๆ การกระทำก็เด็กๆ..รักอย่างเด็กๆ เลิกอย่างเด็กๆ
แม้แต่วิธีเลิกรักก็ยังเป็นวิธีของเด็กๆ..ก็แค่เด็กเท่านั้นเอง
เอ..เขาโตกว่าฉันในวันนั้น..ทำไมเขาถึงไม่กลับมาง้อฉันนะ
หรือเขาก็แค่"คนขี้เหงา"แล้วก็คิดว่าฉันเป็น"คนแก้เหงา"จริงๆ..ไม่ใช่ฉันที่คิดไปเองฝ่ายเดียว
ปล.หยิบไดอารี่เก่าๆมาอ่านหลังจากอ่าน"โรงจำนำหมายเลขแปด"ไปได้พักใหญ่ ยังอ่านไม่จบเลย..เอาใจช่วยให้อ่านจบด้วยแล้วกันนะ มันสนุกแบบแปลกๆ เอ..หรือเป็นเราเอง ที่ไม่ค่อยคุ้นกับนิยายจีน
เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกแบบเด็ก ๆ ประมาณหนึ่งทีเดียว...
เล่าเรื่องได้น่ารักจ้า...
ฝากหอมแก้มน้องนางฟ้าคนสวยด้วยน๊า...