:: ด อ ก ไ ม้ ใ น ป่ า ห น า ว ::
แทกระบาด...ได้รับแทกมาจากบล็อกพี่แก้ว...พี่สาวที่น่ารัก
และบล็อกเพื่อนปอย..เพื่อนที่แสนดีเหลือเกินในเวลาที่เดียวกันเลย แต่รับด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ
"กติกา...โพสต์ภาพคนละไม่เกิน 4 ภาพ ที่คิดว่ามันนำเสนอถึงความเป็น " ตัวตน " ของเราได้ดีที่สุด ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นภาพที่สวยหรือคิดว่าดีที่สุด แค่รู้สึกว่า .. เนี่ยแหละที่เป็นเรา"
กติกา..เค้ามีอยู่4ภาพ แต่รับมาจากเพื่อนบล็อกสองคน แทกของฉัน..จึงแตกหน่อออกเป็น8ภาพ..ดังภาพข้างล่าง
ตอนรับแทก เหมือนจะง่าย แต่ยากจัง กลับมาเอาเท้าก่ายหน้าผาก..คิดหนัก ภาพที่แสดงตัวตนของฉัน มันเป็นอย่างไรหนอ เพราะความจริง คนเราจะมองเห็นตัวเราเองนั้น..มันยาก เพราะคนเรา มักมองตัวเอง แต่ไม่ค่อยเห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง..ต้องให้คนอื่นภายนอกมอง แล้วสะท้อนกลับมาดูตัวเอง เพราะการมองตัวเอง มักมีอคติแห่งความรักตัวเองมากไปเสมอ
แต่ไม่เป็นไร..ได้มาแล้ว ก็ต้องทำการบ้านเสียหน่อย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กป.หนึ่งใหม่อีกครั้ง..ที่ได้คำถามว่า หนึ่งบวกหนึ่ง เท่ากับเท่าไหร่?..ถ้าเป็นเด็กธรรมดา ก็คงตอบว่า..เท่ากับสอง แต่ถ้าเป็นเด็กแก่แดดคิดมากหน่อย ก็อาจตอบว่า หนึ่งบวกหนึ่ง เท่ากับหนึ่ง ทำไมน่ะเหรอ..ก็เพราะหนึ่งหัวใจบวกกับอีกหนึ่งหัวใจ กับเท่ากับหนึ่งความรักไงเล่า..อิอิ แล้วฉันล่ะ..เป็นเด็กแบบไหนกัน...ไปดูตัวตนของฉันกันดีกว่า..ว่าเป็นอย่างไร
นี่แหล่ะฉัน-ดอกไม้ในป่าหนาว ไม่ได้จะมารีวิว"ดอกไม้ในป่าหนาว"นิยายของคุณปิยะพร ศักดิ์เกษมนะคะ แต่ว่ามันคือตัวตนของฉัน..ถึงฉันจะไม่สวยอย่างดอกไม้ดอกนี้ แต่ฉันว่า มันก็เป็นตัวแทนของฉันได้ดี ดอกไม้ดอกเดียว ที่โดดเดี่ยวในโลกกว้าง และในดินแดนยุโรปที่เหน็บหนาว ดอกไม้ดอกนี้ มันอ่อนแอ และเงียบเหงาไม่น้อยที่ไกลบ้าน แต่ดอกไม้ดอกนี้ ก็ยังพยายามยืดหยัดอยู่ให้ได้บนโลกใบนี้และดินแดนที่ไม่คุ้นเคย และขอบคุณน้ำ(ใจ)จากเพื่อนบล็อก ที่คอยแวะมารดรินให้ชื่นใจอยู่เสมอ
นี่แหล่ะฉัน-ทุกวันก่อนนอน แสงไฟสลัวๆและคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่แสดงตัวตนของฉันได้ดี ฉันรักแสงไฟระยิบระยับ ฉันรักการสื่อสารกับเพื่อนๆด้วยตัวอักษร ฉันรักยามค่ำคืนก่อนนอน ฉันรักบล็อกนี้..ที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับเพื่อนที่น่ารักหลายคน และฉันรักการระบายความคิดด้วยการเขียน
นี่แหล่ะฉัน-ขาว ชมพู ม่วง ตัวตนของฉัน นึกถึงนิกานดา ต้องนึกถึงสีเหล่านี้นะคะ นี่แหล่ะค่ะคือตัวตนของฉันเลย เเม้อายุจะเลยวัยสดใสมาซักหน่อยแล้ว แต่ก็ยังรักสีสันแห่งความสดใสเหล่านี้อยู่ ไม่ว่าจะซื้ออะไรก็แล้วแต่ ขอเพียงมีแซมๆมาบ้าง พวกขาว ชมพู ม่วง แค่นี้ ฉันก็มีความสุขแล้วค่ะ นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งส่วนสิบของสีเหล่านี้..ที่ฉันมีอยู่ ก็คนมันชอบน่ะนะ..จะทำอย่างไรได้
นี่แหล่ะฉัน-ในวันสวยๆและเวลาที่ว่างๆ ไม่ผิดหรอกค่ะ..ที่เห็นภาพนี้ นึกถึงนิกานดา นึกถึงรองเท้าส้นสูงเถอะค่ะ ชอบจังเลย ชอบมากมาย รองเท้าที่ส้นเตี้ยก็มีนะคะ แต่ฉันรักรองเท้าส้นสูงเหลือเกิน แต่พวกมันไม่ค่อยรักฉันซักเท่าไหร่หรอกค่ะ วันดีคืนดี ฉันพาบางคู่ออกไปเดินเล่นบ้าง มันกลับทรยศฉัน กัดเท้าฉันเสียแดงไปหมด บางคู่ก็ใส่เดินไม่ได้นานนัก เสียเงินค่ารองเท้าไปแล้ว ยังต้องเจ็บตัวอีกต่างหาก..แต่ไม่เป็นไรค่ะ..รักเสียแล้ว ก็ต้องทนเจ็บ เพื่อความงามและความสุข..เนาะ หนังสือ ซีรี่ย์ ปากกา และสมุดจดโน๊ต..ถ้าใครพอจะรู้จักฉันบ้างแล้ว คงไม่แปลกใจใช่ไหมคะ..ว่านี่แหล่ะ ก็คืออีกหนึ่ง ความเป็นตัวตนของฉันเอง
นี่แหล่ะฉัน-ไม่หวาน ไม่ขม ไม่ซ่า ไม่อร่อย..แต่ดื่มได้ตลอดชีวิต บางครั้ง..ฉันอยากหวานเหมือนน้ำหวานที่ชื่นใจ บางครั้ง..ฉันอยากขมเหมือนกาแฟที่คนชอบดื่ม บางครั้งฉันอยากเป็นน้ำโค้ก..ที่ซ่าบซ่า หรือเปรี้ยวเข็ดฟันอย่างน้ำมะนาวปั่น แต่หันกลับมามองตัวเองที่ไร..ฉันก็เป็นได้แค่น้ำเปล่านี่แหล่ะค่ะ เพราะฉันช่างเป็นคนที่ครึ่งๆกลางๆ ไม่หวานมาก ไม่เปรี้ยวมาก ไม่ซ่า ไม่เก๋ ไม่เท่ห์..ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยซักอย่าง เพราะงั้นฉันจึงขอแทนตัวตนของฉัน..ด้วยน้ำเปล่าแก้วนี้แล้วกัน..ถึงมันจะจืดชืดไปบ้าง แต่เวลาที่คุณกระหาย หรือต้องการความเรียบบ้างในชีวิตที่เหลืออยู่..น้ำแก้วนี้..จะอยู่ตรงนี้..เพื่อคุณค่ะ
นี่แหล่ะฉัน-ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ "ทบทวนเรื่องราวต่างๆทุกๆครั้งที่ฉันตื่นนอน กับบทกวีไม่มีความหมาย ฉันงมงายสวดมนต์ขอพร หากจะมีโอกาสอีกหน จะร่ายมนต์กับสายน้ำจันทร์ เพื่อจะได้หลับตาลงสักครั้ง เพื่อพบกับเธอผู้เป็นนิรันดร์ หากความรักเกิดในความฝัน เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน ปฏิทินได้บอกคืนและวัน ดั่งที่ฉันไม่เคยต้องการ"
อุ๊ย..ย..ไม่ใช่ ผิดแล้วค่ะ...ไม่ได้จะเอาเพลงมาแบ่งปัน เพียงแต่จะบอกว่า....หมายความตามหัวข้อข้างบนจริงๆ ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอจริงๆนะ...ถ้าภาพที่แสดงตัวตนของฉัน ไม่มีนางฟ้าน้อย..มาแจมด้วยคน แสดงว่านั่นไม่ใช่นิกานดาตัวจริงค่ะ ตัวจริงเสียงจริง.. ต้องมีนางฟ้าน้อยมาการันตี..ความไม่โสดค่ะ..อิอิ
นี่แหล่ะฉัน-แสงสะท้อนของความจริง หากจะพูดถึงอนาคต..เคยกันบ้างไหมคะ..ที่เราจะเฝ้าฝันถึงอนาคตที่สดใส หรืออยากรู้ความเป็นไปต่อจากวันพรุ่งนี้..ฉันก็คนหนึ่งล่ะที่คิดถึงวันเวลาอย่างนี้บ้าง แต่คุณรู้ไหม...ว่ามันไม่ต่างอะไรกับการส่องเลนน์กล้องไปยังกระจกเงา สิ่งที่สะท้อนกลับมา ก็เป็นเพียงแสงเงาสลัว มองอะไรก็เห็นไม่ค่อยชัด มีใครบ้างคะ...ที่รู้ว่าอนาคตของตนเองจะเป็นอย่างไร...เหตุการณ์ใดที่รอคอยคุณอยู่ข้างหน้า ฉันไม่รู้หรอกค่ะ...และฉันก็เชื่อว่า ยังมีใครอีกหลายคนบนโลกที่วุ่นวายใบนี้ ที่ก็ยังมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง...แล้วฉันจะต้องกลัวอะไรเล่า เรามาเดินไปข้างหน้า พร้อมๆกันเถอะ ปล่อยให้แสงจากกระจกเงานั้น...สะท้อนเพียงเพื่อที่เราจะมองเห็นแต่ความงดงามก็พอ
นี่แหล่ะฉัน-อุ๊ย เขินหนังหน้าตัวเองจัง หน้าตาไม่ดีแต่จิตใจดีนะ..เออ อย่างที่เกริ่นมาตั้งแต่ข้างต้น..ว่าฉันไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ว่าจะมีภาพที่แสดงตัวตนของคนคนนึงได้ดี แม้แต่ภาพของฉันเองตอนนี้..คุณมองเห็นตัวตนของฉันไหมคะ..ว่าฉันเป็นคนอย่างไร เพื่อนๆหลายคน..ที่เคยรู้จักฉัน เค้าชอบล้อเลียนฉันเล่น ว่าฉันเป็นคนช่างเพ้อฝ้น และชอบอยู่ในโลกของจินตนาการ..ฉันเพียงแต่ยิ้มรับ ไม่เถียงกับพวกเพื่อนเหล่านั้นหรอก เพราะมันก็มีส่วนที่มีความเป็นจริงบ้าง..ก็แล้วทำไมล่ะ เมื่อคนเรามีความสุขกับความฝัน เราไม่มีสิทธิ์จะฝันหรือ...??..เมื่อสองวันก่อน เพิ่งอ่านหนังสือเล่มนึง..มีประโยคๆนึง เค้าบอกว่า"การสร้างวิมานบนลานทราย..มันยาก มันมีแต่รอวันพังทลายลงมาเท่านั้น" ฉันอ่านแล้ว..ก็เห็นด้วยนะคะ...แต่ฉันคิดว่าอย่างน้อย การสร้างวิมานบนลานทราย ก็ย่อม..ยังดีกว่า การสร้างวิมานบนอากาศอย่างแน่นอน...เพราะอย่างน้อย นั่นก็คือความจริง แต่เมื่อฉันมีความสุขกับสร้างวินมาน...ไม่ว่าจะเป็นบนลานทรายหรือบนอากาศ..ฉันก็มีความสุขทั้งนั้นแหล่ะ
แทกนี้..บอกตามตรง..ฉันไม่รู้ว่าจะส่งให้ใครดี เพราะเพื่อนบล็อกก็พอมีอยู่บ้างพอสมควร แต่ไม่รู้ว่า..ใครจะมีเวลาว่างมารับแทกนี้กับฉันไป...เอาเป็นว่าฉันแสดงตัวตนของฉันด้วยภาพเหล่านี้แล้ว หากเพื่อนคนใด ผ่านมาอ่านมาเจอ...แล้วอยากแสดงตัวตนของคุณให้คนอื่นรับรู้บ้าง ก็เชิญรับแทกนี้ไปได้เลยค่ะ...ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง..เมื่อทำการบ้านแล้ว แวะมาบอกข่าว ให้ฉันตามไปอ่านบ้างนะคะ
ด้วยรัก
นั่งคนเดียว แล้วมองกระจก ที่สะท้อนแสงจันทร์วันเพ็ญ โดดเดี่ยวกับความเหงา อยู่กับเงาที่พูดไม่เป็น
ฟังเพลงเดิมๆที่เรารู้จัก แต่ไม่รู้ความหมายของมัน หากฉันจะหลับตาลงสักครั้ง และพบกับเธอผู้เป็นนิรันดร์
หากความรักเกิดในความฝัน เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน ปฏิทินได้บอกคืนและวัน ดั่งที่ฉันไม่เคยต้องการ
แต่อยากให้เธอได้พบกับฉัน เราสมรสโดยไม่มองหน้ากัน จูบเพื่อล่ำลาในความสัมพันธ์ ก่อนที่ฉันจะปล่อยเธอหายไป (โดยไม่รู้จักเธอ)
ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ทุกๆครั้งที่ฉันตื่นนอน กับบทกวีไม่มีความหมาย ฉันงมงายสวดมนต์ขอพร หากจะมีโอกาสอีกหน จะร่ายมนต์กับสายน้ำจันทร์ เพื่อจะได้หลับตาลงสักครั้ง เพื่อพบกับเธอผู้เป็นนิรันดร์ หากความรักเกิดในความฝัน เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน ปฏิทินได้บอกคืนและวัน ดั่งที่ฉันไม่เคยต้องการ
แต่อยากให้เธอได้พบกับฉัน เราสมรสโดยไม่มองหน้ากัน จูบเพื่อล่ำลาในความสัมพันธ์ ก่อนที่ฉันจะปล่อยเธอหายไป (โดยไม่รู้จักเธอ)
หากความรักเกิดในความฝัน เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน ปฏิทินได้บอกคืนและวัน ดั่งที่ฉันไม่เคยต้องการ
แต่อยากให้เธอได้พบกับฉัน เราสมรสโดยไม่มองหน้ากัน จูบเพื่อล่ำลาในความสัมพันธ์ ก่อนที่ฉันจะปล่อยเธอหายไป (โดยไม่รู้จักเธอ)
Create Date : 14 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 11 มกราคม 2555 6:12:38 น. |
|
32 comments
|
Counter : 989 Pageviews. |
|
|
ขำมากๆ ตรงความพยายามอยากสวย (รึเปล่า) รักแล้วนี่นะ ถึงจะถูกกัดจนแด๊ง แดง ยังไงก็ต้องใส่ (สงสัยส้นสูงจะไม่รักเราตอบเนอะคุณแจงเนอะ ฮ่าๆๆ)
ที่สะดุดใจ และชอบใจที่สุด อยู่ตรงนี้ครับ
"ไม่ต่างอะไรกับการส่องเลนน์กล้องไปยังกระจกเงา
สิ่งที่สะท้อนกลับมา ก็เป็นเพียงแสงเงาสลัว มองอะไรก็เห็นไม่ค่อยชัด"
อนาคต มองไป ก็คงเห็นไม่ค่อยชัดจริงอย่างคุณแจงว่านะ
ย้อนกลับมามองตัวเอง นึกถึงความฝันวันเก่าๆ สมัยยังเป็นเด็ก และเมื่อเติบโตขึ้นมา (แก่ตัวหลง... หยึ้ย...) บอกได้ว่า เมื่อก่อนไม่เคยนึก เคยคิด เคยฝัน ว่าจะมาอยู่แบบที่อยู่ตอนนี้ ทำแบบที่ทำตอนนี้ และเป็นแบบที่เป็นตอนนี้
มันต่างจากที่เคยคิดไว้ มากเหลือเกิน มากสุดๆ มากคนละขั้ว
ถ้าตอนนั้นผมส่องเลนส์กล้องเข้าไปในกระจกเงา สิ่งที่ผมเห็นตอนนั้น แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอีกด้านหนึ่งเลยเชียว (กระจกเงาผมสงสัยจะทะลุแฮะ)
ตอนนี้ก็เลยไม่อยากจะส่องอีก เพราะถึงส่องไป ก็คงไม่เห็นอะไร ที่มันจะเป็นจริง
ถึงเวลามันคงเป็นอย่างที่เป็นไป มั้งครับ ^^