ไปเที่ยว ไปกินกันนะคะ ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะชมค่ะ
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
18 กุมภาพันธ์ 2556
 
 
ไปดูปิกัสโซ(Picasso)ที่ฮาโกเน่(HAKONE)at JAPAN (8/Feb./2013)

วันนี้เรายังอยู่ที่โมโตะฮาโกเน่(Moto Hakone)Musashiya Hotel
ตื่นขึ้นมาแต่เช้ามองดูวิวเรือไวกิ้งยังจอดอยู่ที่ท่าเหมือนเดิม
ขึ้นไปชั้นที่ 5 ไปแช่ออนเซนให้สะใจ เรียกว่าไม่อาบน้ำในห้องพัก
เรามาเพื่อลงออนเซนโดนเฉพาะ
ร่างกายเราผ่อนคลายกล้ามเนื้อดี สบายๆ ค่ะ







หลังจากนั้นเราก็เตรียมตัวแต่งตัวไปทานอาหารเช้าของโรงแรมซึ่งอยู่ชั้น 2
พนักงานถามชื่อเราเสร็จก็พาไปที่นั่ง
ที่มีป้ายชื่อเราไว้ที่โต๊ะรับประทานอาหาร ไปคนเดียวก็นั่งคนเดียวนั่นแหละ






















ของหวานและชาเขียวร้อนในกา รินได้ตามใจ




กินเสร็จกลับเข้าห้อง แล้วไปเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรมเพื่อไปท่ารถ
ที่อยู่ไม่ไกลเดินไปแค่ 5 นาที เพื่อขึ้นรถช่องที่ 1
ไปลงที่ Kowakidani ประมาณ 20 นาที จ่ายไป 560 เยน
ตั้งใจไปดู " The Hakone open-air museum "
ซึ่งอยู่ที่สถานีรถไฟ Chokoku no Mori





ลงจากรถบัส ก็เดินมาที่ป้ายรถไฟที่สถานี Kowakidani
เพื่อนั่งไปลงป้าย Chokokunomori อีกป้ายเดียว ซื้อตั๋วรถไฟ 130 เยน












เดินไปอีกนิดออกทางซ้ายมือของสถานีก็ถึง The Hakone open-air แล้ว
มีสัมภาระก็ฝากไว้ในล๊อคเกอร์ ค่าเก็บหยอดไปแค่ 100 เยน
แล้วก็ไปซื้อตั๋วผ่านประตูราคาสำหรับเราที่เป็นผู้ใหญ่ 1,600 เยน







ตู้ล๊อคเกอร์ใสเห็นสัมภาระที่จุอยู่ภายในเลยค่ะ





ซื้อตั๋วเข้าภายในพร้อมตราประทับปิกัสโซ
พร้อมโบชัวร์และแผนที่ พนักงานจะถามว่าต้องการภาษาใด
เพราะมีอยู่ 4 ภาษา คือ ภาษาญี่ปุ่น, อังกฤษ, จีน และ เกาหลี







ส่วนตัวนับว่าคุ้มกับการเข้าชมศิลปะสุดยอด ไม่ได้มีแต่เฉพาะปิกัสโซ
มีทั้งศิลปินคนญี่ปุ่น และ ทั่วประเทศนำรูปปั้น
และสิ่งประดิษฐ์มาลงในสถานที่กลางแจ้ง ได้ดู ได้ชม
พร้อมกันนั้นบางครอบครัวมีลูกมีเด็กมา
ก็สถานที่เล่นของเด็กเล่นโดยเฉพาะอีกต่างหากค่ะ

ทางผ่านประตูต้องลงบันไดเลื่อนซึ่งยาวลงไป
สถานที่มิวเซียมนี้ อยู่ระดับพื้นดินตอนล่างหรือนี่?















ไปคนเดียว เลี้ยวซ้ายแลขวาไม่มีใคร เพราะดันมาแต่เช้า
เลยต้องตั้งโหมดถ่ายอัตโนมัติ ถ่ายไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย ตรงนี้ชอบค่ะ












ในก้อนเพชรนี้เด็กๆสามารถเข้าไปเล่นได้ด้วยนะคะ




บางโซนเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้ด้วย
บรรยากาศเหมือนเนื้อที่ป่า สงบเงียบ มีลำธาร มีเสียงน้ำไหลหลาก
มีปลาคราฟ และ สะพานเชือก รอบข้างสะอาดตา






























สถานที่ซุ้มตะข่ายนี้ เด็กๆสามารถเข้าไปโหน เข้าไปปีนป่ายได้ค่ะ
แต่ต้องมีอายุอย่างต่ำ 12 ปีเท่านั้น อายุมากกว่านี้ห้ามเล่นนะคะ
ป้าซิ่งชอบจัง สีตะข่ายสวยถูกใจ ประดิษฐ์ได้เก๋และเท่ห์ดี
















มาถึงโซนของอาคาร 2 ชั้นเป็นเนื้อที่ส่วนของปิกัสโซแล้วค่ะ
ถ่ายได้นิดเดียวด้านนอก พอเข้าด้านในมิวเซียมแล้ว
พนักงานบอกห้ามถ่ายรูป
ก็เลยต้องดูด้วยตาและเก็บความทรงจำไว้นะคะ















อาคารแสดงผลงานบางส่วนของปิกัสโซที่ฮาโกเน่ ประเทศญี่ปุ่น
ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพราะมีสิ่งสำคัญครบรอบอยู่ 3 สิ่งในญี่ปุ่นค่ะ

The Picasso pavilion opened on July 7,1984
It was founded in commemoration of the 50th anniversary
of the Sankei shimbun newpaper,
The 30th anniversary of Nippon Broadcasting System,Inc.,
and The 25th anniversary of Fuji Television Network,Inc.

บรรยากาศภายในอาคารสงบเงียบ เพราะคุณต้องปิดมือถืออีกด้วย
มีรูปถ่ายสมัยที่ปิกัสโซกำลังทำผลงาน
ภาพวาดของภรรยาของปิกัสโซคนที่ 2 ทั้งหมด 18 ภาพที่ดิฉันชอบ
เพราะภาพมันเหมือนกัน
เพียงแต่ลายเส้นและดวงตาที่แสดงอารมณ์จะไม่เหมือนกัน

ป้าซิ่งเดินออกมาจากโซนปิกัสโซแล้วก็ มาที่โซนขายของที่ระลึก
ตรงนั้นมีที่นั่งดื่มกาแฟด้วย เลยได้ซื้อแก้วกาแฟ กับ ช้อน และ ส้อม อิๆ







แก้วเซรามิคพวกนี้ เป็นผลงานของวาดของคนญี่ปุ่น มีหลายคนเลยค่ะ







อย่างแก้วที่มีภาพวาดที่เหมือนกัน แต่สีไม่เหมือนกันก็เป็นของคนนี้ค่ะ





ส่วนป้าซิ่งถูกใจใบนี้ค่ะ สีสวยด้วย มีชื่อ Picasso

















พาไปเดินข้างนอกของคาเฟ่หรือร้านขายของที่ระลึกกันต่อดีกว่า









มีบริการแช่เท้าด้วยน้ำอุ่น นั่งเรียงกันเป็นทางยาว ซื้อผ้าเช็ดเท้าก็ 100 yen





เดินไปดูอาคารทรงกระบอก มีบันไดวน มีแสงสีของแก้วผลึก













เดินลงจากบันไดเสร็จ ก็เดินดูสิ่งประติมากรรมกลางแจ้งกันต่อไปค่ะ
































สิ่งประติมากรรม หุ่นผู้ชายเป็นสีดำ ผู้หญิงเป็นสีส้ม





ภาพรวมกลางแจ้ง










ใกล้ทางเข้าและออกมีสถานที่เด็กเล่นอีกที ต้องถอดรองเท้าเล่น



ถึงทางออกมีบันไดเลื่อนขึ้นไป พอถึงก็เจอะร้านขายของที่ระลึกอีกแร๊ะ



ลากสัมภาระออกจากล๊อคเกอร์เสร็จ ก็เดินกลับไปที่สถานีรถไฟ Chokoku no mori
คราวนี้ลากยาวไปลงที่ Hakone-Yumoto ซึ่งเป็นที่สิ้นสุดของสถานี
เส้นทางธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร สวยดีในญี่ปุ่น










มีอุโมงค์รถไฟมืดด้วย ได้บรรยากาศกลัวๆอีกต่างหาก



พอถึงสถานีรถไฟ Hakone-Yumoto
รถไฟโรมานซ์จะไปชินจุกุ
มาจอดเทียบรอผู้โดยสารพอดี เพราะอีก 3 นาทีก็จะออกตอน 12:47 น.
วิ่งหน้าตั้งไปซื้อตั๋ว 870 yen
มีที่นั่งประจำระบุพร้อมในตั๋ว ไปถึงก็หาที่นั่งตามที่ระบุไว้ในตั๋ว








จังหวะพอดีอาหารเที่ยง เลยได้ซื้อปิ่นโตกินบนรถไฟ เขามีขายบนรถไฟ
เลือกกินกล่องน่ารักแบบรถไฟโรมานซ์แล้วกัน ราคากล่องละ 1,000 yen
ตบท้ายด้วยไอศครีมส้มเชอร์เบท บรรจุในลูกส้มของจริง
และน้ำแอปเปิ้ล อ่านหนังสือฆ่าเวลาไปอีก 1 ชั่วโมง กว่าจะถึงสถานีชินจุกุ





มีที่วางของกินเสียบอยู่ด้านข้าง เหมือนนั่งเครื่องบินตอนหน้าค่ะ









ภายในกล่องรถไฟ อาหารก็จะเป็นข้าวผัดซอสมะเขือเทศสไตร์อเมริกัน
มีไส้กรอก และ ไก่ชุปแป้งทอด หรือคาราอาเกะ




เชอร์เบสรสส้มที่อยู่ในลูกส้มญี่ปุ่นยูซึ
คนญี่ปุ่นมักนิยมนำเปลือกส้มมาหั่นแล้วใส่ถุงตะข่าย
มัดปากถุงให้เรียบร้อย แล้วไปโยนในอ่างอาบน้ำในบ้าน
แช่น้ำไป.............กลิ่นส้มจะลอยมาปะทะจมูก
เขาว่า...กันและแก้โรคหวัดได้ชะงักนักค่ะ (โรคหวัดจะมาเยี่ยมตอนหน้าหนาว)
บางทีตามออนเซนต่างๆ ก็อาจจะเจอะลูกส้มลอยตุบป่องในออนเซนกันบ้างค่ะ



บล๊อควันหน้า ป้าซิ่งจะพาไปเที่ยวออนเซนที่ฮาโกเน่ เดินทางมาพักคนเดียว
มาอ่าน มาอยู่เป็นเพื่อนป้าซิ่งด้วยกันนะคะ




Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2556 10:02:30 น. 0 comments
Counter : 4317 Pageviews.
 

ป้าซิ่ง Naomichan
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




........หลังไมค์ถึงป้าซิ่งค่ะ.........
[Add ป้าซิ่ง Naomichan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com