หวานใจนายมาเฟียตอนที่ 11



“ โอ๊ะ! ผักหวาน เล่นอะไรกัน พี่ไม่เล่นด้วยนะครับ“ ทักษ์เผลออุทาน ก่อนจะแสร้งพูดเสียงเข้มใส่อีกฝ่าย ทันทีที่เหยียบเท้าเข้ามาในห้องนอน เพื่อหยิบนาฬิกาที่หญิงสาวกล่าวอ้างว่าลืมเอาไว้ ผักหวานก็หันขวับทางเขาทันทีมือบางหยิกแก้มของเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ยิ่งร้องห้ามก็ยิ่งออกแรงมากขึ้นแถมยังขยับมือขึ้นลงอย่างสนุกมืออีกต่างหาก

“ ใครว่าเล่นล่ะ เอาจริงต่างหาก เรื่องอะไรมาหอมแก้มหวาน ห๊ะ!“ สีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสะใจ ขณะพูดกับคนตรงหน้า ยิ่งพูดก็ยิ่งเข็ดเขี้ยวแรงมือจึงยิ่งเพิ่มขึ้นตาม เมื่ออีกฝ่ายแกล้งยืดตัวสูงเพื่อหนีการกระทำ หญิงสาวก็ยิ่งเขย่งตัวให้สูงตามไปเท่านั้น ทักษ์ลอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นหญิงสาวมุ่งมั่นแต่จะเอาคืนจนลืมที่จะระวังตัวไป มือหนาเกาะกุมมือบางเอาไว้เหมือนต้องการยับยั้งการกระทำของอีกฝ่าย

“ พี่ยอมแล้ว ปล่อยมือก่อนนะครับผักหวาน แล้วมาพูดกันดีๆ“

“ ไม่ สมน้ำหน้า คราวหน้าจะได้ไม่ทำอีก รู้ไหม ทำอย่างนี้หวานไม่ชอบนะ“

“ อย่าใจร้ายสิครับ ผักหวานคนดี ปล่อยมือก่อนนะครับ พี่เจ็บจริงๆ“ ทักษ์แกล้งพูดขณะสบสายตาวาวโรจน์ที่มองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อตนเอง ตาคมเข้มทอประกายอ่อนหวาน น้ำเสียงที่ใช้ออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน ผักหวานมองสบสายตาคมเข้มเหมือนโดนแรงดึงดูด รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก จากมือที่เคยดึงแก้มของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นทาบทับเฉยๆอย่างไม่รู้สึกตัว

“ เออ... ปล่อยมือก่อนสิ หวานเลิกเอาคืนแล้วไง“ ผักหวานพูดเสียงแผ่ว หลังจากเริ่มตั้งสติไม่ให้หลงไหลไปกับดวงตาคมเข้มคู่นี้ได้แล้ว นึกเจ็บใจตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่จู่ๆเกิดมาหวั่นไหวกับอะไรง่ายๆแค่นี้

“ เอ๊ะ! พี่ทักษ์นี่ หวานเลิกแล้ว ตัวเองก็ปล่อยสักทีสิ“ แกล้งพูดเสียงดังกลบเกลื่อนอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ไม่กล้าสบตาคมเข้มนั่นอีกด้วยนึกกลัวความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวอยู่ลึกๆภายในใจ ทักษ์ทอดสายตามองคนที่ก้มหน้างุดๆ กับอกตัวเองด้วยแววตาอ่อนหวาน หัวใจอดพองโตไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของอีกฝ่าย

“ ถ้าปล่อยแล้ว สัญญาก่อนนะ ว่าจะไม่หนีไปไหนอีก“ ผักหวานรีบพยักหน้ารับทันที ไม่ทันได้ไตร่ตรองถึงความนัยที่ทักษ์พูดแฝงเอาไว้ในประโยค รอยยิ้มสุขใจปรากฏบนใบหน้าของทักษ์ ก่อนจะพูดย้ำอีกฝ่ายราวกับต้องการย้ำเตือนให้ระลึกถึงคำมั่นสัญญา

“ สัญญาแล้วนะ“

“ อืม สัญญา ปล่อยมือสักทีสิ” ผักหวานพูดเสียงเข้ม ก่อนจะรีบถอยออกห่างออกมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายยอมปล่อยมือบางให้เป็นอิสระ

“ นึกออกแล้ว ลืมนาฬิกาไว้ในห้องน้ำนี่ หวาน...หวานไปเอาก่อนนะ“ พูดจบก็รีบจ้ำอ้าวเดินหนีไปทันที ประตูห้องน้ำถูกปิดลงก่อนที่ร่างบางจะค่อยๆทรุดกายลงนั่งพิงประตูเอาไว้ มือบางถูกทาบลงบนหน้าอกก่อนที่เจ้าตัวจะเพิ่มแรงกดให้มากขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจที่ทวีมากขึ้นทุกที ทุกที
เป็นบ้าอะไรไปผักหวาน ทำไมถึงไม่กล้าสบตาเขาหญิงสาวได้ถามตัวเองในใจ ก็แค่ผู้ชายเจ้าชู้ทั่วไป ที่ชอบส่งสายตาหวานๆให้ผู้หญิงก็เท่านั้นเอง ตอนจินฮุนมองแกยิ่งกว่านี้อีกแกยังไม่รู้สึกอะไรเลยนี่นา ใจนะใจดันมาแพ้คนหล่ออะไรตอนแก่เนี๊ยะ หญิงสาวก่นด่าตัวเองในใจ พยายามระงับความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นเต็มที

...โอเคนะผักหวาน หายใจเข้าลึกๆ นั่นละ ต่อไปก็หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้รู้สึกอะไร มันเป็นแค่อาธรรพ์เบญจเพสเท่านั้น...หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆอยู่หลายที กว่าที่อัตราการเต้นของหัวใจจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หลังจากลุกขึ้นมาสำรวจตัวเองตรงหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำและเห็นว่าตนเองเข้าสู่สภาพเป็นปกติแล้วผักหวานจึงตัดสินใจออกมาจากห้องน้ำในที่สุด พร้อมกับความคิดที่ถูกฝังเข้าไปในหัว

มันเป็นแค่อาธรรพเบญจเพสเท่านั้น


ทักษ์มองประตูห้องน้ำสลับกับเข็มเวลาบนนาฬิกาข้อมือของตนเอง นี่มันจะสิบนาทีแล้วแต่ผักหวานยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมออกมาจากห้องน้ำเลย อดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงท่าทีเขินอายของอีกฝ่ายเมื่อครู่ หญิงสาวคงไม่รู้ว่าตนเองหน้าแดงขนาดไหนตอนที่สบสายตากับเขา ยิ่งนึกถึงท่าก้มหน้างุดๆกับอาการหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก รอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่มก็ยิ่งปรากฏเพิ่มมากขึ้น ... เขาไม่ได้เขาข้างตัวเองจนเกินไปใช่ไหม ตอนนี้ในใจของผักหวานเริ่มจะหวั่นไหวขึ้นมาบ้างแล้ว หรือบางที อาจจะเริ่มรักเขามาแล้วก็ได้ ยิ่งคิดกำลังใจก็ยิ่งมีมากขึ้น ชายหนุ่มส่งยิ้มบางๆไปให้หญิงสาวที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา

เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีนะครับผักหวาน...เพราะต่อไปนี้พี่จะไม่ให้โอกาสเราได้ทันตั้งตัวอีกแล้ว !



“ พี่ทักษ์... เลยคอนโดหวานแล้วนะ“ ผักหวานรีบกระตุกแขนทักษ์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆทันทีเมื่อเห็นว่าคนขับรถของชายหนุ่มขับรถผ่านคอนโดตัวเองไปต่อหน้าต่อตา ทักษ์ส่งยิ้มให้เจ้าของมือบาง ก่อนจะเอ่ยเฉลยให้หญิงสาวได้ฟังในสิ่งที่ตนตั้งใจกระทำ

“ พี่กลัวว่าหวานจะหิว เลยจะพาไปหาอะไรอร่อยๆทานก่อนไงครับ“

“ แล้วก็ไม่บอก..“ ผักหวานบ่น ก่อนจะพูดต่อ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำเนียนจับมือเธอไม่ยอมปล่อยสักที “ ว่าแต่จะปล่อยมือได้รึยังคะ “

ทักษ์อดคลี่ยิ้มที่มุมปากอีกครั้งไม่ได้ ตั้งแต่ขึ้นรถมาผักหวานก็ค่อยๆกระเถิมตัวจนก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างกันอย่างจงใจ ขืนรีบปล่อยมือไปตอนนี้ก็เขาก็โง่นะสิ จริงอยู่ที่ว่าตอนนี้หญิงสาวอาจจะต้องการเวลาบ้างเพื่อสำรวจใจของตัวเอง แต่เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาไม่อาจรออะไรได้อีกแล้ว ก็เพราะรอเวลาให้อีกฝ่ายได้ศึกษาตนเองก่อนไม่ใช่หรือ ในครั้งนั้นจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้บอกความในใจ ผักหวานเริ่มหน้าหงิกเมื่อทักษ์ไม่ยอมปล่อยมือตัวเองเสียที น้ำเสียงที่พูดในเวลาต่อมาจึงเข้มขึ้นตามแรงอารมณ์

“ พี่ทักษ์“

“ มือหวานเย็นจัง ไม่สบายรึเปล่าฮึ“ ไม่ใช่แค่ไม่สนใจน้ำเสียงที่เริ่มจะขุ่นควักหากแต่มือหนานั้นยังกุมเอามือบางของเธอไปทาบทับบนหน้าผากของตัวเองอีกด้วย

“ จะบ้าเหรอพี่ทักษ์“ ผักหวานพูดเสียงดังกลบเกลื่อน ขณะดึงมือบางของตนให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม...เผลอเป็นไม่ได้เชียว หาโอกาสได้ตลอดเลยนะ แต่ว่า...ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกโกรธหรือรำคาญใจเหมือนตอนจินฮุนเลยนะ...

“ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ว่าแต่พี่ทักษ์เถอะจะพาหวานไปไหน พรุ่งนี้หวานต้องไปทำงานแต่เช้านะ“ ผักหวานแกล้งตีสีหน้าเรียบเฉยขณะพูดออกมา ทักษ์ได้แต่มองเสี้ยวหน้าหวานนั่นอย่างนึกเอ็นดู ทั้งๆที่หน้าแดงออกขนาดนี้ยังแกล้งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรอีก

“ ไม่บอกหรอก บอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิจ๊ะ“

“ ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก นึกว่าอยากรู้นักเหรอ เดี่ยวก็ถึงแล้ว“ อดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ายอย่างค้อนๆ...น่าหมั่นไส้นักเชียว ตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้เก่งนักนะ... หญิงสาวคิดในใจ ก่อนรอยยิ้มจะถูกจุดขึ้นที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อนึกแผนแก้เผ็ดขึ้นมาได้สดๆร้อนๆ

“ โอ๊ะ! หวานตีพี่ทำไมครับ“ ทักษ์อุทานเสียงหลงเมื่อจู่ๆหญิงสาวก็ยกมือขึ้นตีขาตนเองดังป้าปใหญ่ ผักหวานแกล้งทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้เลียนแบบชายหนุ่มขณะลอยหน้าลอยตาพูด

“ หวานเห็นยุงมันบินผ่าน เลยลืมตัวตีนะค่ะ แต่พี่ทักษ์คงไม่เจ็บอะไรหรอกเน๊อะ ใช่ไหมคะ“

ทักษ์ได้แต่สบสายตาแพรวพราวนั่นอย่างนึกเข็ดเขี้ยว...ให้มันได้อย่างนี้สิ ผักหวานของเขา


ลิฟท์แก้วค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นจากชั้นแรกไปยังชั้นบนสุดของอาคารโดยมิได้แวะพักชั้นใดให้ผู้โดยสารภายในเสียบรรยากาศ ผักหวานมองผ่านกระจกใสไปยังท้องฟ้าซึ่งถูกแต่งแต้มไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่อย่างถูกใจ...ทำไมวันนี้ดาวบนฟ้าดูสวยกว่าทุกทีที่เคยเห็นนะ หญิงสาวคิดเงียบๆในใจ นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้มองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ากรุงเทพมหานคร เต็มๆตาแบบนี้

เสี้ยวหน้าหวานที่มองเหม่อไปยังทัศนียภาพเบื้องนอกดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างมองไม่ถูก ทักษ์ได้แต่มองภาพตรงหน้าดุจจะประทับให้จารึกอยู่ในหัวใจ...อยากจะบอกรัก อยากจะโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน แต่ก็ไม่อาจทำได้ในตอนนี้ ด้วยรู้ดีว่ามันยังเร็วไปนัก เสียงลิฟท์ดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ผู้โดยสารรับรู้ว่าบัดนี้ได้มาถึงปลายทางแล้ว ทักษ์ยื่นมือมารอตรงหน้าหญิงสาวอย่างใจเย็น ตาคมเข้มทอดสบประดุจออดอ้อนให้อีกฝ่ายใจอ่อนยอมวางมือและไว้วางใจในตนเอง

ผักหวานมองมือหนาตรงหน้าอย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมวางมือลงในที่สุด...คงจะไม่เป็นอะไรมั้ง ในเมื่อเธอเองก็เคยกุมมือเพื่อนสนิทเวลาไปไหนต่อไหนเหมือนกัน... ทั้งๆที่ก็เคยมากับพวกไอ้เจษฎ์ ไอ้ต้า ไอ้จีน แท้ๆ ทำไมถึงรู้สึกตื่นเต้นมากขนาดนี้นะ...หญิงสาวได้แต่คิดขณะก้าวเดินตามการจับจูงของอีกฝ่าย

ร่างบางเดินผ่านโต๊ะรับประทานอาหารที่ดูจะมีผู้คนบางตามากกว่าครั้งแรกที่เคยมากับเพื่อนๆ หากแต่ก็ไม่ได้นึกสงสัยอะไรด้วยคิดว่าคงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันทำงานไม่ใช่วันสุดสัปดาห์อย่างที่เคยมา ทักษ์ค่อยๆคลายมือที่เกาะกุมมือมือบางลงหลังจากเดินมาถึงพื้นที่ด้านในสุดของร้านแล้ว บริเวณนี้โต๊ะรับประทานอาหารจะถูกยกขึ้นสูงกว่าด้านหน้าที่ผ่านมา และมีน้ำพุขนาดใหญ่ซึ่งเปลี่ยนสีสันไปตามแสงไฟที่ถูกจัดไว้คอยบดบังสายตาจากผู้คนด้านหน้าอีกด้วย ถือว่าเป็นมุมที่ดีที่สุดของร้าน เหมาะกับคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เพราะนอกจากจะมีวิวจากน้ำพุแล้ว ยังเป็นมุมที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของกรุงเทพได้โดยรอบอีกด้วย

ผักหวานกล่าวขอบคุณ เมื่อทักษ์เลื่อนเก้าอี้ตรงหน้าให้ สายลมที่พัดผ่านมาพร้อมกับกลิ่นหอมๆของเทียนอโรมาทำให้หญิงสาวเผลอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างดื่มด่ำและผ่อนคลายไปกับบรรยากาศรอบตัว กระไออุ่นจากเสื้อสูทตัวใหญ่ที่โอบล้อมรอบตัวทำให้หญิงสาวเผลอสบสายตากับเจ้าของเสื้ออย่างไม่รู้สึกตัว ใจจริงนึกอยากจะจะหยิบเสื้อสูทส่งคืนให้กับเจ้าของไปเสีย หากแต่เมื่อทอดสบสายตาห่วงใยที่มากล้น คำพูดก็ดูจะกลืนหายไปในลำคอ เหลือเพียงแต่คำขอบคุณเบาๆที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากบาง

อีกแล้ว เขาทำให้เธอรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว อ่อนไหวเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง ทำอะไรไม่ถูกเพียงแค่สบสายตาคมเข้มที่ทอดมองมา ผักหวานได้แต่หลุบสายตามองเมนูที่บริกรนำมาให้ จ้องมองมันราวกับเป็นบทกวีซีไรท์จากนักเขียนชื่อดัง

“ เออ พี่ทักษ์สั่งอะไรไว้บ้างรึยังค่ะ“ ผักหวานเงยหน้าขึ้นถาม หลังจากรวบรวมสมาธิและควบคุมสติของตนไม่ให้หวั่นไหวไปกับสายตาของคนตรงหน้าได้แล้ว ทักษ์ทอดมองหญิงสาวด้วยแววตาอ่อนหวาน น้ำเสียงที่พูด อ่อนโยนจนคนฟังรู้สึกได้

“ ยังเลยครับ พี่กลัวว่าหวานจะหาว่าเผด็จการอีก เลยคิดว่าให้สั่งเองจะดีกว่า“

แสนรู้นักนะ ผักหวานได้แต่บ่นอุบในใจ ก่อนจะเอ่ยสั่งอาหารที่ตนต้องการบ้าง หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆตัว พยายามจะหันเหความสนใจไปยังที่อื่น ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความฉงน หลังจากพบว่านอกจากตัวเองและทักษ์แล้ว พื้นที่บริเวณฟลอร์แห่งนี้ดูร้างราวกับไร้ผู้คน แม้แต่บริกรเองก็ดูจะหายหน้าหายตาไปจนเห็นได้ชัด

“ คนหายไปไหนกันหมด“ ไวเท่าความคิด หญิงสาวพูดออกไปตามใจสั่งทันที ทักษ์อดสะดุ้งไม่ได้เมื่อได้ฟัง ...จะมีคนได้อย่างไรกันล่ะ ในเมื่อเขาเหมาพื้นที่บริเวณฟลอร์และโต๊ะใกล้เคียงเอาไว้หมดแล้ว ใจจริงก็อยากจะปิดร้านให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเหมือนกัน ติดที่ว่ากลัวคนตรงหน้าจะแตกตื่นจนไม่ยอมเข้ามาทานอาหารด้วยกันเท่านั้น

“ วันธรรมดา ก็อย่างนี้ล่ะ” ทักษ์ตอบเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะส่งสัญญาณมือให้นักดนตรีบรรเลงเพลงคลอเคล้าบรรยากาศ เพลงเพราะๆ บวกกับไวน์ชั้นดี ที่บริกรบรรจงรินใส่แก้วทำให้ผักหวานรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นเจ้าหญิงในเทพนิยายที่กำลังรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเจ้าชายรูปงาม หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกมาถึงตอนนี้ ...บ้าจัง อย่างเธอนะหรือจะเป็นเจ้าหญิง นี่ถ้าไอ้จีนรู้เข้าคงหัวเราะงอหาย เพราะสำหรับเพื่อนคนนี้แล้ว เธอคงเป็นได้แค่แม่มดเจ้าเล่ห์เท่านั้น แถมยังเป็นแม่มดที่พร้อมจะแปลงกายกลั่นแกล้งคนรอบกายได้ทุกเมื่ออีกด้วย

ทักษ์มองรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าของผักหวานอย่างสะดุดใจ หากแต่ยังไม่ทันได้ถามไถ่ บริกรก็ยกอาหารมื้อค่ำมาวางไว้ตรงหน้าเสียก่อน...เอาเถอะ คุณพี่ทักษ์ ผักหวานคนนี้จะปล่อยให้ได้รับประทานอาหารมื้อค่ำอย่างสุขใจไปก่อน แล้วเดี่ยวจะเล่นให้จุกจนพูดไม่ออกเลย ผักหวานคิดในใจอย่างมีความสุข ขณะเหลือบตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาพราวระยับ

“ อร่อยไหมครับ“ ทักษ์เอ่ยถามหลังจากที่ผักหวานตักอาหารชิ้นแรกเข้าปากแล้ว ผักหวานพยักหน้ารับก่อนจะตักอาหารในจานของตนยื่นให้คนตรงหน้าบ้าง รอยยิ้มอ่อนหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้างามทำให้ทักษ์แทบจะหยุดหายใจ ไม่ทันได้รับรู้เลยว่า ตนเองกลืนอาหารลงคอตั้งแต่เมื่อไหร่

“ อร่อยไหมละคะ“ ผักหวานเอ่ยถามกลับไปบ้าง มือบางสั่นน้อยๆ ในขณะที่เจ้าตัวพยายามเก็บอาการเอาไว้อย่างสุดความสามารถ...จะแกล้งให้อีตาคุณพี่ทักษ์ เขินจนทำอะไรไม่ถูกไม่ใช่หรือผักหวาน อย่าเป็นซะเองสิ หญิงสาวพร่ำบอกตนเองในใจ

“ มากที่สุดเลยจ๊ะ“ คำลงท้ายที่เปลี่ยนไป ทำให้ผักหวานอดอมยิ้มไม่ได้ ใครจะคิดล่ะว่าคนตัวโต มาดโหด เวลาพูดจาจ๊ะจ๋าจะรื่นหูน่าฟังได้ขนาดนี้ ทักษ์ทอดสายตามองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนเชื่อม นึกอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แค่ตรงนี้ ที่ที่มีแต่เธอและเขาเพียงสองคนเท่านั้น ผักหวานแทบเป๋ไปเหมือนกันเมื่อมองสบสายตาคนตรงหน้า พยายามท่องในใจซ้ำๆ ย้ำกับตัวเองชัดๆอยู่ตลอดเวลาว่านี่เป็นแค่การแสดงเท่านั้น อย่าได้เผลอไผลไปกับบรรยากาศที่แสนจะเป็นใจตอนนี้เด็ดขาด


“ พี่ทักษ์แอบชอบหวานอยู่หรือคะ“ ผักหวานปล่อยหมัดฮุกทันทีที่อาหารตรงหน้าหมดลง และเวลานี้เหลือเพียงแค่เธอและเขา ตากลมสวยจับจ้องอิริยาบถของคนตรงหน้าเต็มที หวังเหลือเกินว่าจะได้เห็นคนมาดเนี๊ยบหลุดอะไรเปิ่นๆ หรือทำอะไม่ถูกขึ้นมาบ้าง หากแต่ปฏิกิริยาที่ได้รับกลับตรงกันข้ามกับที่คิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง เพราะคนตรงหน้าไม่เพียงแต่จะไม่ตกใจเท่านั้น สายตาที่ทอดมองมายังหวานไหวจนทำให้ใจสั่นระรัว

“ พี่ไม่ได้แค่ชอบหวานหรอกจ๊ะ แต่พี่รักหวานต่างหาก รักมากที่สุด...“

คราวนี้เลยกลับกลายเป็นว่าเป็นตัวคนคิดที่จะแกล้งเองที่ทำอะไรไม่ถูก ผักหวานได้แต่มองคนตรงหน้าปริบๆ สมองมึนงงราวกับถูกทุบด้วยของแข็งอย่างแรง ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ยามที่มือบางถูกเกาะกุมจากมือหนา ไม่รู้สึกตัวเลยว่า ตนเองได้พยักหน้าตอบรับคำขอโอกาสจากชายหนุ่มไปตั้งแต่เมื่อใด



พี่รักหวานต่างหาก ... รักมากที่สุด


คำพูดของทักษ์ยังตามมาหลอกหลอน แม้ในยามกลับมาถึงที่พักแล้ว ผักหวานได้แต่กลิ้งไปมาบนเตียงอย่างทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าหวานแดงซ่านเมื่อนึกถึงริมฝีปากอุ่นที่แนบลงบนแก้มนุ่มของตนก่อนอีกฝ่ายจะลากลับ... บ้าจัง ไม่น่าพูดออกไปอย่างนั้นเลย ผักหวานได้แต่ก่นด่าตนเองในใจ ... คิดจะแกล้งเขาแต่ดันกลายเป็นตัวเองที่ทำอะไรไม่ถูกเสียเอง แบบนี้หรือเปล่านะที่เขาว่ากันว่า ดาบนั้นคืนสนอง มือบางลูบไล้บนแก้มนุ่มตรงตำแหน่งที่อีกฝ่ายสัมผัสอย่างเผลอไผล...แล้วทำไมตอนนั้นถึงไม่ปฏิเสธออกไปนะ ผักหวาน นิ่งเงียบอยู่ทำไม

ก็เพราะแก ชอบเขาไปแล้วนะสิไอ้หวาน...น้ำเสียงสาแก่ใจของจิดาภายังตามมาเยาะเย้ยแม้จะล่วงเข้าวันใหม่มาแล้ว แกน่ะ ชอบเค้าไปแล้ว จะตอนไหนฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ เค้ากำลังทำให้แกปั่นป่วน ไม่เป็นตัวของตัวเองใช่ไหมล่ะ.... คำพูดของจิดาภาหลังจากที่ตัดสินใจโทรไปปรึกษายังตามมาอีกระลอก เมื่อคืนวานหลังจากจมอยู่กับความคิดอันสับสนของตัวเองกว่าค่อนคืน ผักหวานจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปปรึกษาจิดาภา นึกๆไปก็ขำไม่น้อย จากที่เคยเป็นที่ปรึกษาของใครต่อใคร พอมาถึงตาของตัวเองบ้างกลับกลายเป็นคิดอะไรไม่ออกไปเสียอย่างนั้น

มันจะยากอะไรกับอีแค่ถามใจตัวเองว่ารู้สึกยังไงกันแน่! ที่แกไม่กล้าถามก็เพราะว่ารู้คำตอบอยู่แล้วนะสิ ใช่ไหมล่ะ... เสียงใสของจิดาภายังตามมาเป็นชุด...แกกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่ห๊ะ ถ้าใช่มันก็คือใช่ ถ้าไม่ใช่ก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แกเคยบอกไอ้ต้าแบบนี้มาก่อน จำไม่ได้รึไง...แกพูดเองนะว่าให้ลองคบไปก่อน ดีกว่ามานึกเสียใจภายหลังว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำแบบนี้ แกบอกไอ้ต้าเองไม่ใช่เหรอว่าสามสิ่งในชีวิตที่คนเราไม่สามารถควบคุมได้ก็คือ เวลา โอกาสและความรัก แกพูดเองแท้ๆไหงตอนนี้ทำเป็นลืมซะงั้นละ...เสียงของจิดาภายังคงดังก้องในสมองแม้ขณะเปิดประตูเดินเข้ามาในออฟฟิสของแผนกตนเองแล้ว สารัจที่ยืนคุยเรื่องงานกับกสินอยู่ที่โต๊ะประชุมกลางมองท่าทางครุ่นคิดของลูกพี่อย่างแปลกใจเนื่องด้วยไม่เคยเห็นอาการใจลอยจนไม่รู้สึกตัวแบบนี้ของหญิงสาวมาก่อน…ไม่ได้การล่ะ ต้องสืบให้รู้ให้ได้ว่าเป็นเพราะอะไร

“ เจ๊หวาน เจ๊หวานคร้าบบ“ สารัจเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดัง หากแต่หญิงสาวก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยินอยู่ดี ร่างบางเดินผ่านหน้าสารัจและกสินไปดื้อๆเสียอย่างนั้น ก่อนจะไขกุญแจโต๊ะทำงานของตนเองออกและเก็บกระเป๋าถือใบโตของตนลงไป กิริยาที่ทำเป็นไปตามความเคยชินเสียมากกว่า สารัจและกสินได้แต่มองหน้ากันอย่างแปลกใจ ก่อนที่สารัจจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อน ชายหนุ่มปิดแฟ้มงานในมือลงก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของผักหวานและตบโต๊ะเสียงดังปัง! ผักหวานถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยิน หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุดการกระทำลงแต่เพียงแค่นั้น หากแต่ยังแผดเสียงเรื่องชื่อตนเองเสียงดังลั่นแผนก

“ ไอ้เวรเสือจะตะโกนเสียงดังทำไม แล้วเรื่องอะไรแกมาตบโต๊ะทำงานฉันห๊า! นี่หัวหน้านะโว้ย...ผู้จัดการแผนกไม่ใช่เพื่อนเล่น“ หญิงสาวร่ายเป็นชุดก่อนจะลุกขึ้นมาดีดติ่งหูของลูกน้องอย่างแรง ตากลมสวยขุ่นควั๊กขณะจ้องไปที่สารัจซึ่งแกล้งยกมือขึ้นกุมหูของตนเอง ร้องโอดโอ้ยเสียงดัง

“ จะแหกปากเสียงดังทำไมอีก เดี่ยวยามาดะซังพ่อแกก็เข้ามาด่าหรอก“ พอผักหวานพูดถึงจีเอ็มจอบเฮี้ยบ เสียงโอดโอ้ยก็ดูจะหายเงียบเป็นปลิดทิ้งไปทันที สารัจแกล้งทำท่าสะบัดสะบิ้งมองค้อนผักหวานก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ

“ ใช่ซี คนอย่างไอ้เสือทำอะไรก็ผิด ก็ผมเรียกเจ๊แล้ว เจ๊ไม่ได้ยินเองอ่ะ ก็ต้องตะโกนเรียกสิ ไอ้เรารึก็หวังดี เป็นห่วงเห็นว่าเมื่อวานหยุดงานแถมวันนี้ยังเดินเข้ามาทำท่าแปลกๆอีก ดูซิดู๊ ...ไอ้เสือเอ้ย คิดดีไม่ได้ดี ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ“

“ พอๆ แกหยุดพร่ำพรรณาความหวังดีของแกได้แล้ว ฉันเลี่ยนวะ“ ผักหวานพูดก่อนจะส่ายหัวอย่างระอาใจกับนิสัยเล่นจนล้นของหลานรหัสที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะกลายมาเป็นลูกน้องคนสนิทแทน

“ ว่าแต่หยุดงานกะทันหันทำไมเหรอหวาน ตอนยามะดะซังเดินเข้ามาบอกพี่ยังเอ๋อๆอยู่เลย ไม่เห็นบอกกันก่อนว่าจะหยุด นี่พี่เลยต้องเข้าไปประชุมแทนเราน่ะ สรุปมีทติ้งอยู่ในแฟ้มใสสีชมพูนะ“ กสินซึ่งนั่งทำงานอยู่โต๊ะข้างๆอดไม่ได้ที่จะหันมาถามถึงสาเหตุของการลาหยุดด้วยอีกคน

“ แฟ้มนี้เหรอคะพี่สิน...“ ผักหวานเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มตรงหน้ามาชูให้อีกฝ่ายดู เมื่อผู้ช่วยรุ่นพี่พยักหน้ารับแล้ว หญิงสาวจึงวางแฟ้มในมือลง

“ พอดีหวาน...“ ยังไม่ทันจะได้ตอบคำถาม เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ผักหวานได้แต่ส่งยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้หญิงสาวรีบโบกมือไล่สารัจที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของตนให้ถอยห่างออกไปทันที รอจนกระทั่งลูกน้องหนุ่มยอมถอยทัพออกไปแล้ว หญิงสาวจึงกดรับโทรศัพท์

“ อรุณสวัสดิ์ครับ“ เสียงทุ้มจากปลายสายเอ่ยทักหลังจากกดรับ ผักหวานรีบหมุนเก้าอี้หันหลังให้เหล่าลูกน้องจอมสอดรู้สอดเห็นทันที ด้วยรู้ดีว่าทุกอิริยาบถของตนล้วนถูกจับตามองจากเจ้าพวกตัวแสบอยู่เสมอ

“ สวัสดีคะ“ เสียงหวานๆจากปลายสายที่ทำให้ใบหน้าคมเผยรอยยิ้มออกมา นึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อยที่เอ่ยถามความรู้สึกของตนเองออกมาโต้งๆเมื่อวาน ถึงจะรู้เจตนาดีว่าหญิงสาวต้องการแกล้งให้เขาทำอะไรไม่ถูก แต่นั้นกลับเป็นผลดีไม่ใช่หรือเพราะตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเก็บกักความรู้สึกเอาไว้ในใจอีกต่อไปแล้ว

“ ถึงที่ทำงานแล้วหรือจ๊ะ“

“ ถึงแล้วคะ พี่ทักษ์มีอะไรหรือเปล่าคะ“

“ ไม่มีอะไรหรอก พี่โทรมาอรุณสวัสดิ์เฉยๆ“

“ โทรมาอรุณสวัสดิ์ตอน 8 โมงกว่าเนี๊ยะนะคะ ไม่สายไปหน่อยเหรอ“ ผักหวานย้อนกลับอย่างอารมณ์ดี นึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่ไปต่อรองต่อเถียงกับอีกฝ่ายแทนที่จะตัดบทวางสายไปซะ เหมือนตอนที่พูดกับลีจินฮุน

“ ไม่สายหรอก พี่อยากจะโทรมาเช้ากว่านี้เหมือนกัน แต่กลัวว่าหวานกำลังขับรถอยู่เดี่ยวจะเกิดอุบัติเหตุ“ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหวานเมื่อได้รับฟังเหตุผลของอีกฝ่ายก่อนที่เจ้าตัวจะรีบหุบยิ้มแทบไม่ทันเหมือนกลัวว่าปลายสายจะมีญาณวิเศษมองเห็นเห็นรอยยิ้มของตนในเวลานี้
“ แล้วมีอะไรอีกไหมคะ“ น้ำเสียงที่พูดถูกกดให้เรียบสนิทเหมือนกับที่เจ้าตัวพยายามกดความรู้สึกของตนเองอยู่

“ มีจ๊ะ...คิดถึงนะ แล้วก็ตั้งใจทำงานล่ะเด็กดี พี่ไม่กวนแล้ว สวัสดีครับ“ ทักษ์รีบพูดความในใจยาวเหยียด ก่อนจะกดตัดสายลงทันทีไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ทันพูดโต้ตอบกลับมา ใบหน้าคมปรากฏรอยยิ้มอิ่มเอม ก่อนที่เจ้าตัวจะกดมือถือในมืออีกครั้งเพื่อส่งข้อความไปให้อีกฝ่าย

มือถือบนมือที่สั่นอีกรอบ ทำให้ผักหวานที่ยังคงนั่งหันหลังอยู่เพื่อปรับสีหน้าเก้อเขินของตนให้เป็นปกติจากคำพูดของปลายสายเมื่อครู่อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ นิ้วเรียวกดดูข้อความ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะแดงระเรื่อขึ้นมาอีกรอบ

อยากเป็นแบบนี้บ้างจัง...นั้นคือข้อความที่ทักษ์พิมพ์แนบมากับภาพมัลติมีเดีย ภาพที่ส่งมานั้นเป็นภาพของเด็กหนุ่มในชุดทักซิโด้กำลังยื่นช่อดอกไม้ให้กับเด็กสาวน่าตาน่ารักคนหนึ่ง เด็กสาวมีท่าทีดีใจกับดอกไม้ที่ได้รับก่อนจะจุ๊บแก้มเด็กหนุ่มทันทีหลังจากรับดอกไม้มาไว้ในอ้อมแขนแล้ว ทั้งสองต่างแข่งกันหน้าแดงและมีท่าทีขวยเขิน

“ ฮั่นแน่! แอบอมยิ้มด้วย...อย่าบอกนะว่าแอบไปมีแฟนมา อ๊ะ อ๊ะ หรือว่าเมื่อกี้นี้แฟนโทรมาหาจ๊ะ“ เสียงแซวของสารัจทำลายความรู้สึกหวานไหวในใจของผักหวานทันทีที่ได้ยิน หญิงสาวรีบหมุนเก้าอี้กลับมาเตรียมจะเขกหัวอีกฝ่ายที่บังอาจแอบมาย่องดูตน แต่ไม่ทันได้ทำอย่างใจนึกเพราะเจ้าลูกน้องตัวแสบเผ่นผลุงหนีไปราวกับติดสปริงทันทีที่พูดจบ ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่แต่เข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันกับความแสบของอีกฝ่ายในใจ
ไอ้เด็กบ้านี่ ถือว่าเป็นหลานรหัสป้ารหัสกันมาก่อนเลยชอบลามปามอยู่เรื่อย มันน่านัก...หญิงสาวอาฆาตในใจ ก่อนจะได้สติขึ้นมาเมื่อหันไปมองรอบๆและเห็นสายตาของลูกน้องคนอื่นๆที่จ้องมองมา

“ เอ้า! พลอยบ้าไปกับไอ้เสือด้วยรึไง งานที่สั่งๆไปน่ะทำเสร็จกันหรือยัง เสร็จแล้วก็เอามาดูซิ“

สิ้นเสียงโหด บรรดาลูกน้องทั้งหลายต่างก็รีบก้มหน้าก้มตาง่วนกับงานบนโต๊ะทำงานของตนทันที ผักหวานแอบยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของลูกน้องในแผนก ในขณะที่กสินได้แต่แอบส่ายหน้าอยู่ในใจ เฮ้อ ...พอเขินทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาก็แกล้งโหดแบบนี้ทุกที จนคนเขารู้แกวกันหมดแล้ว ดูท่าอีแบบนี้หญิงสาวคงจะตกเป็นทอล์คออฟดีพาร์ทเมนท์ของวันนี้แน่ๆ ชายหนุ่มคิดก่อนจะก้มหน้าก้มตาดูงานในมือของตนเองบ้าง


“ คุณทักษ์ครับ คุณซนยองจุน จากซนยองกรุ๊ปขอเรียนสายด้วยครับ“ ทักษ์ที่กำลังอมยิ้มกับตนเองขณะส่งข้อความไปให้ผักหวานหน้านิ่วทันทีที่ได้ยินรายงานจากลูกน้องคนสนิท ใบหน้าคมกลับมาเรียบสนิทอีกครั้งขณะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ที่ลูกน้องยื่นมาให้

“ สวัสดีครับ ผมทาคุยะพูด“ ในยามที่ต้องสวมหน้ากากเป็นนายใหญ่แห่งนากาชิตะกรุ๊ป ภาษาอังกฤษจะถูกหยิบยกนำมาใช้ พร้อมๆกับชื่อทาคุยะที่ถูกนำมาแทนที่ทักษ์

“ คุณทาคุยะ ผมซนยองจุนเป็นพี่ชายของลีจินฮุนครับ“ เสียงปลายสายที่บ่งบอกสถานะของตนเองอย่างชัดเจน ทำให้ทักษ์เหยียดยิ้มทันทีที่ได้ฟัง แววตาคมเปล่งประกายดุดัน ในขณะที่น้ำเสียงโต้กลับเต็มไปด้วยความเย็นชา

“ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไร“

“ ต้องขอโทษด้วยที่โทรมารบกวน ผมเพิ่งทราบเรื่องของลีจินฮุน ต้องขอโทษด้วยที่เขาทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด...“ ปลายสายพูดขอลุแก่โทษแทนญาติผู้น้องก่อนจะเริ่มเปิดการเจรจาขอตัวคนของตนคืน การสนทนายืดเยื้อไปกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่โทรศัพท์จะถูกยื่นส่งคืนให้กับพิพัฒน์ที่ยืนรออยู่

“ ปล่อยตัวลีจินฮุนได้แล้ว คนของซนยองกรุ๊ปจะมารอรับที่หน้าคอนโดหมอนั่น รอจนกว่าจะแน่ใจว่ามันจะกลับประเทศตอนไฟล์สามทุ่มแล้วค่อยกลับมา“พิพัฒน์ก้มหน้ารับคำสั่ง สองเท้าก้าวเดินเตรียมจะออกจากห้องไปแต่ยังไม่ทันถึงประตูดี เสียงเหี้ยมจากปากผู้เป็นนายก็ดังขัดขึ้นมาก่อน

“ เรื่องของแตยางกรุ๊ปที่ให้ไปสืบได้มาหรือยัง“

“ ได้เรื่องแล้วครับ ตอนนี้รอหลักฐานจากคนของเราอยู่ คิดว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้คงจะเรียบร้อย“

“ ให้คนของเราบินไปเกาหลีคืนนี้เลย เตรียมปล่อยภาพทั้งหมดที่ได้ในร้านอินเตอร์เนตคาเฟ่แถวโซล เสร็จเรื่องแล้วให้บินไปกบดานที่ออสเตรเลียก่อนสักสองอาทิตย์ค่อยกลับมา อ้อ! อย่าติดต่อกันอีกจนกว่าฉันจะสั่ง“

“ ครับ“ พิพัฒน์รับคำสั่งจากคนตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวเดินจากมาเพื่อจัดการทุกอย่างตามความประสงค์ของผู้เป็นนาย ... ก็กะอยู่แล้ว ว่าคุณทักษ์คงไม่ยอมปล่อยหนุ่มเกาหลีคนนี้ไปง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะซ้อมซะจนอีกฝ่ายสะบักสะบอมปางตายไปแล้วก็ทีเถอะ สงสารก็แต่คนในครอบครัวของชายหนุ่มเท่านั้นที่จะต้องมาทนอัปยศกับพฤติกรรมผิดลูกผิดเมียของคนในตระกูล ความลับกว่าครึ่งศตวรรษ ที่กำลังจะถูกนำมาเปิดเผยในครั้งนี้ไม่ได้ แต่ก็นับว่านี่คือความปราณีอย่างถึงที่สุดแล้ว เพราะถ้าไม่ติดว่าประมุขเฒ่าของตระกูลลีเป็นเพื่อนกับคุณท่าน คุณตาของคุณทักษ์แล้วละก็ ความเกรียงไกรของตระกูลลีคงกลายเป็นเพียงประวัติศาตร์หน้านึงของเศรษฐกิจเกาหลีเท่านั้น... ดูท่ากว่าจะฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ตระกูลลีคงจะบอบช้ำไม่น้อย และลีจินฮุนเองก็คงไม่มีแม้แต่เวลาจะคิดหาทางกลับมาหาคุณผักหวานได้อีก











 

Create Date : 26 สิงหาคม 2551
3 comments
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 16:57:24 น.
Counter : 361 Pageviews.

 

นู๋เนน -- ขอบคุณคร่า ถ้าตามอ่านไปเรื่อยๆจะเห็นความน่ารักของพี่ทักษ์เพิ่มตามจำนวนตอนนะเออ

มะนาว -- ขอบคุณคร่า ยินดีต้อนรับสุดๆ แผนรักที่สิรินดาอัพแล้วนะจ๊ะ ตามไปดูได้

สุดท้าย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ถึงจะขี้อายไปบ้าง แต่จำนวนคนอ่านก็ทำให้คนเขียนชื่นใจ และถ้าไม่ยุ่งจนเกินไปนัก ออกมาทักกันบ้างจะดีมากๆเลย

 

โดย: ณนาถ (Na_Nath ) 26 สิงหาคม 2551 17:03:53 น.  

 

มาแล้วค่า ตามอ่านพี่ทักษ์ น่ารักมาก

 

โดย: นู๋เนน IP: 119.42.77.122 27 สิงหาคม 2551 14:38:49 น.  

 

เพิ่งอ่านวันแรก รวดเดียว 11 ตอน วะฮ่าๆๆ

หนุกจังค่ะ อู้งานมาอ่าน อิๆ ตอนใหม่มาเร็วๆน้า รออยู่ๆ

 

โดย: ออยล์ IP: 203.148.220.220 27 สิงหาคม 2551 17:25:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Na_Nath
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






✎ งานเขียนทั้งหมดในblog นี้ ✎

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายพระราช

บัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์

เผยแพร่ หรือ คัดลอกไปกระทำการ

ใดๆก็ตาม..หากผู้ใดกระทำการฝ่าฝืน

เจ้าของ blog สามารถดำเนินการตาม

กฏหมายได้ทุกกรณี (◡‿◡✿)




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Na_Nath's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.