หวานใจนายมาเฟียตอนที่ 13




ทักษ์เดินออกจากห้องประชุมอย่างรีบเร่ง ตั้งแต่รู้จากพิพัฒน์ว่าผักหวานเดินทางมาหาถึงออฟฟิศเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เขาก็แทบอยากจะล้มเลิกการประชุมลงเดี่ยวนั่น ด้วยรู้ดีว่าถ้าไม่มีเรื่องด่วนจริงๆ หญิงสาวที่รักการทำงานเป็นชีวิตจิตใจอย่างผักหวานคงไม่ยอมโดดงานมาหาเขาถึงที่แน่ๆ ชายหนุ่มเปิดประตูห้องทำงานของตนอย่างรีบร้อน ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆห้องและก้าวเท้าไปหยุดยืนอยู่หน้าโซฟารับแขกที่มีร่างบางนั่งนิ่งอยู่

“ หวาน รอนานไหมจ๊ะ ขอโทษทีนะพี่ประชุมนานไปหน่อย “

“ ไม่เป็นไรหรอกคะ ดิฉันเองต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่มารบกวนเวลาทำงานของคุณ“ ทักษ์ถึงกับชาวูบไปทั้งตัว เมื่อได้ยินภาษาญี่ปุ่นแบบสุภาพที่ออกมาจากปากบาง ตาคมเข้มชายแววตระหนกเมื่อเหลือบไปเห็นนิตยสารที่อยู่ในมือหญิงสาว

“ หวาน“ ชายหนุ่มครางชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว หญิงสาวรู้ความจริงแล้วไม่ใช่จากปากเขา แต่รู้ด้วยตนเองจากนิตยสารในมือนั่น ใบหน้าคมคายซีดเผือดเมื่อปะทะสายตาเย็นชาของอีกฝ่าย

“ คือว่า หวานฟังพี่อธิบายก่อนนะ“

“ ไม่จำเป็นหรอกคะ ดิฉันต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ไม่ถือสาเด็กโง่เง่า ขี้หลงขี้ลืมอย่างฉัน“

“ หวาน คือมันไม่ใช่อย่างนั้น พี่ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี...หวาน หวาน ฟังพี่ก่อน“ ทักษ์เรียกเสียงหลงเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินหนีออกจากห้องไป ร่างสูงใหญ่รีบถลันเข้าไปขวางหน้า ก่อนจะละล่ำละลักพูด

“ พี่อธิบายได้นะ ใจเย็นๆก่อน มันไม่ใช่อย่างที่หวานคิดนะจ๊ะ“

“ วิธีที่จะบอกความจริงมีเป็นร้อยวิธีคะคุณทาคุยะ“ ผักหวานพูดขัดขึ้น ตากลมสวยฉายแววน้อยใจอย่างปิดไว้ไม่มิด

“ แต่คุณเลือกที่จะไม่บอกดิฉันเองต่างหาก เอาเถอะคะยังไง ดิฉันมันก็แค่ลูกจ้างคนหนึ่ง คงไม่มีสิทธ์ไปต่อว่าเจ้าของบริษัทได้ แต่ถ้าจะกรุณาเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของเราบ้าง ถ้ายังระลึกถึงมันอยู่บ้าง ปล่อยลีจินฮุนกับครอบครัวไปซะ อย่ายุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีก“

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงห่างเหิน แววตาที่ทอดมองทำให้ทักษ์เสียววูบเข้าไปในอก มือหนารีบคว้าแขนของคนร่างบางเอาไว้ ไม่ให้เดินหนีจากตนไปอีก หากแต่ผักหวานก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยหญิงสาวเพียรสะบัดมือให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ตอนนี้ภายในสมองของหญิงสาวว่างเปล่าคำพูดที่ทักษ์เพียรพร่ำบอกไม่ได้เข้าไปสูโสตประสาทเลยสักนิด

“ หวาน พี่ยอมแล้ว พี่จะไม่ไปยุ่งกับพวกเขาอีก แต่หวานต้องใจเย็นๆก่อนนะจ๊ะ ฟังพี่สักนิดนะคนดี ไม่ว่าจะเจ็ดปีก่อนหรือตอนนี้ ความรู้สึกที่พี่มีกับหวานก็เหมือนเดิม พี่...”

“ ปล่อย...บอกให้ปล่อยไงเล่า“ ผักหวานตะโกนใส่หน้าทักษ์ด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ ร่างบางถูกรวบเข้าชิดแนบอก ตอนนี้ทักษ์กำลังกลัว กลัวเหลือเกินว่าความไม่เข้าใจกันในครั้งนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ต้องเปลี่ยนแปลงไป

“ ไม่...หวานต้องฟังพี่ก่อน เราอย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้เลยนะครับ“

“ ปล่อย“ ผักหวานพยายามควบคุมเสียงของตนเองไม่ให้สั่น ตอนนี้เธอไม่อยากฟังไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เธออยากอยู่คนเดียว ไม่อยากเห็นคนตรงหน้าอีก เธอต้องไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่น้ำตาแห่งความน้อยใจจะไหลออกมาให้เขาได้เห็น

“ ปล่อยหวานก่อน... นะคะ“ ถึงจะควบคุมยังไง ปลายเสียงที่ดังผ่านลำคอก็สั่นจนทักษ์สัมผัสได้ ชายหนุ่มยอมคลายอ้อมแขนลงในที่สุด ตาคมเข้มทอดมองร่างบางที่เดินเกือบจะเป็นวิ่งออกจากห้องไปด้วยแววตาอ่อนล้า...ตอนนี้ ต่อให้เขาพูดยังไง ผักหวานก็คงไม่ยอมรับฟังอะไรอยู่ดี ชายหนุ่มไคร่ครวญในใจ ร่างสูงใหญ่ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟารับแขก ก่อนที่มือหนาจะถูกยกขึ้นมากุมศีรษะอย่างอับจนหนทาง

ผักหวานคงโกรธ คงคิดว่าเขาไม่จริงใจ ถึงได้ไม่บอกความจริง ไม่ยอมเปิดเผยตัวเองให้เธอได้รับรู้ ชายหนุ่มคิดในใจ...แต่มันไม่ใช่อย่างที่หญิงสาวคิดเลยสักนิด เป็นเพราะเขาขี้ขลาดเองต่างหาก เขากลัวว่าถ้าหญิงสาวได้ล่วงรู้ความจริง ความสัมพันธ์ที่กำลังดำเนินไปด้วยดีอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง เขากลัวว่าหญิงสาวจะทำตัวห่างเหินไม่พูดคุยกับเค้าเหมือนก่อนเมื่อล่วงรู้ว่าเขาคือเจ้านายตัวจริง และที่เลวร้ายที่สุดเขากลัวว่าเธอจะลาออก และหนีหายไปจากชีวิตในที่สุด


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ร่างหนาของพิพัฒน์จะก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ชายหนุ่มมองเจ้านายอย่างเห็นใจ แน่ใจในทันทีว่าเจ้านายของตนและหญิงสาวที่เพิ่งพลุนพลันจากไปเมื่อครู่คงเพิ่งมีปากเสียงกันเป็นแน่

“ มีอะไร“ทั กษ์เงยหน้าขึ้นถาม พิพัฒน์มองอาการของผู้เป็นนายอย่างชั่งใจ ด้วยรู้ดีว่าเรื่องที่ตนกำลังจะเอ่ยต่อไปนี้ จะยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับชายหนุ่มเป็นเท่าทวีคูณ

“ ตอนนี้ทางอิโนะอุเอะร่วมมือกับเพรชเชอร์กรุ๊ปถล่มหุ้นของเราที่นิเคอิอยู่ครับ“

“ เตรียมเครื่องบินให้พร้อมภายในหนึ่งชั่วโมง ฉันจะบินไปญี่ปุ่น“ทักษ์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดทันทีที่ได้ฟัง ชายหนุ่มรีบเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของตนเอง ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กส่วนตัวเพื่อดูผลหุ้นผ่านทางเวปไซด์

“ ต่อโทรศัพท์ถึง เคนอิจิที“ ชายหนุ่มสั่งการขณะกวาดสายตามองตัวเลขในกระดานหุ้นที่ดิ่งลงอย่างผิดปรกติ พิพัฒน์รีบต่อโทรศัพท์ถึงเคนอิจิ ผู้ช่วยอีกคนของทักษ์ที่ดูแลสำนักงานใหญ่ที่ญี่ปุ่นทันที หลังจากโทรไปสั่งนักบินให้เตรียมเครื่องบินไว้ให้พร้อมภายในหนึ่งชั่วโมงแล้ว
“ เคนอิจิ ส่งหลักฐานที่อิโนะอุเอะลอบค้าอาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือให้ตำรวจสากลได้แล้ว ไม่เกินสามทุ่มฉันคงถึงบ้าน อ้อ หาข้อมูลของเพรชเชอร์กรุ๊ปเตรียมไว้ให้ด้วย“ ทักษ์สั่งเสียงกร้าว ใบหน้าคมคายเต็มไปด้วยความขึงเครียดที่โดนตลบหลังอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ร่างสูงกวาดสายตามองกระดานเบื้องหน้าอีกครั้ง ก่อนจะกดปิดลงในที่สุด เมื่อเห็นว่าได้เวลาที่เครื่องบินพร้อมที่จะเดินทางได้แล้ว

“ ดูงานทางนี้ให้ดี บอกเดชให้คอยดูแลคุณผักหวานด้วย ถ้ามีอะไรโทรไปหาฉันได้ทันที ทุกเวลา“ ร่างสูงใหญ่ กล่าวกับคนสนิทเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นรถยนต์ส่วนตัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ร่างสูงใหญ่ปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้า เหนื่อยไปทั้งกายและใจกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาพร้อมๆกัน หากแต่เรื่องหุ้นดูจะกลายเป็นปัญหาเล็กไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับแววตาของผักหวานก่อนจะเดินจากไป ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่า เมื่อเวลาผ่านไปและผักหวานได้คิด หญิงสาวจะเข้าใจและรับรู้ว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมด ...ก็เพราะรัก


ผักหวานค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงนอน กระเป๋าถือใบใหญ่ถูกเหวี่ยงไปบนเตียงนอนอย่างไม่ใยดี ก่อนที่ใบหน้าหวานจะซบลงกับเข่าของตนเอง ไหล่บางสั่นไหวด้วยแรงสะอื้น ภายในใจกำลังเจ็บปวดกับความคิดที่ว่า ทักษ์ไม่ได้จริงจังกับตนเองเลยสักนิด เขาไม่เคยบอกความจริงกับเธอเลย สิ่งที่เขาแสดงคงเป็นแค่ละครหลอกเด็กที่ทำตบตาเพื่อให้เธอตายใจเท่านั้น สุดท้ายเธอก็คงเป็นแค่ผู้หญิงโง่ๆคนหนึ่ง ที่หลงไปกับคำพูดหวานๆ กับกิริยาเอาใจใส่ที่เขาแสดงออกมา

ทั้งที่เคยคิดอยู่เสมอว่า จะไม่มีทางร้องไห้ให้กับเรื่องราวรักใคร่ไร้สาระแบบนี้ ทั้งๆที่เคยด่าไอ้จีนอยู่เสมอเวลามันมาฟูมฟายเรื่องความรัก ทั้งๆที่เคยประกาศก้องว่าจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนไหน แต่ตอนนี้หยดน้ำตากำลังไหลออกมาจากตาคู่งามไม่ขาดสาย

มันเจ็บแบบนี้เองใช่ไหมตะวัน เวลาที่รู้ความจริงว่า คนที่เรารู้สึกดีๆด้วยโกหกหลอกลวงเรามาตลอด ผักหวานหวนนึกถึงเพื่อนสนิทด้วยใจที่ปวดร้าว ความเข้มแข็งที่เคยมี สติปัญญาที่คอยแก้ปัญหาให้เพื่อนทุกคนยามประสบปัญหาหัวใจ ตอนนี้กลับมืดสนิท ไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้เลยสักนิด ร่างบางฟุบหน้าลงไปกับเตียงนอนอย่างอ่อนล้า

ร้องซะให้พอผักหวาน หญิงสาวบอกตัวเองในใจ ร้องซะให้พอ ร้องแค่วันนี้ แล้วพรุ่งนี้ลืมเขาให้หมด ตัดผู้ชายหลอกลวงคนนี้ให้พ้นไปจากใจ หญิงสาวพร่ำบอกกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

จิดาภาไขกุญแจสำรองที่เจ้าของห้องเป็นคนปั๊มมาแจกจ่ายให้เพื่อนๆเข้าไปในคอนโดของผักหวาน เธอเพิ่งทราบเรื่องของลีจินฮุนจากเจ๊ชุดาหลังจากไปทานข้าวเย็นที่ร้านชิคคลับกับวินธัย สังหรณ์ลึกๆบอกเธอว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับพี่ทักษ์ของอีกฝ่ายแน่ๆ ด้วยอยู่ดีๆผักหวานก็ปิดเครื่อง ไม่ยอมรับโทรศัพท์ไม่ว่าจากเพื่อนคนไหน ต่างไปจากทุกทีที่ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเพื่อนคนไหน ทุกคนจะต้องถูกหญิงสาวเรียกประชุมพลทันทีเพื่อรวมหัวหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

รึจะยังไม่กลับ จิดาภาคิดในใจ เพราะเมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปแล้วนั้น ภายในคอนโดยังคงมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างดุจดังไม่มีคนอยู่ หญิงสาวเก็บถุงขนมจากร้านเค้กชื่อดังซึ่งเป็นร้านโปรดของเพื่อนที่ตนซื้อมาฝากไว้ในตู้เย็น ก่อนจะเดินผ่านห้องรับแขกไปยังห้องนอนเพื่ออาบน้ำและหาเสื้อผ้าของอีกฝ่ายมาใส่รอฆ่าเวลาหญิงสาวกลับมาจากการทำงานที่โรงงานแถบปริมณฑลเหมือนทุกที

“ เฮ้ย! ไอ้หวาน แกมานอนฟุบตรงที่นอนทำไมวะ ไม่ขึ้นไปนอนให้มันดีๆเล่า“ จิดาภาอุทานอย่างตกใจ เมื่อเปิดไฟแล้ว พบว่าเพื่อนสาวของตนนั่งฟุบอยู่ตรงข้างเตียงนอนของตัวเอง โดยมีกระเป๋าสะพายใบโตวางกองอยู่ไม่ห่าง หญิงสาวรีบเดินตรงไปยังเตียงนอนทันที มือบางอังไปที่ศีรษะของเพื่อนรัก ด้วยนึกว่าอีกฝ่ายไม่สบายจนลุกไม่ไหว หากแต่กลับสัมผัสได้ถึงความเย็นของหยดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่ทั่วใบหน้าแทน

“ นี่แกร้องไห้นี่“ หญิงสาวอุทานอย่างตกใจ ยิ่งอีกฝ่ายแหงนใบหน้าขึ้นมองก็ยิ่งเห็นถึงร่องรอยที่แสดงว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา ตากลมสวยบัดนี้บวมตุ่ยจนปิดแทบไม่มิด

“ แกมาตั้งแต่เมื่อไร มีธุระอะไรหรือเปล่า“ ผักหวานตอบไม่ตรงคำถาม หญิงสาวพยายามยันตัวลุกขึ้นแต่ก็เกือบล้มลงเนื่องด้วยความชาที่เกาะกินไปทั่วขา จิดาภารีบพยุงเพื่อนให้นั่งลงบนเตียง ตากลมสวยจ้องมองไปยังใบหน้าหวานที่หลุบต่ำลง ก่อนจะเอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้ตนแวะมาเยี่ยมอีกฝ่ายกลางดึกเช่นนี้

“ ไปกินข้าวร้านเจ๊ชุดากับวินนี่มา เจ๊แกเล่าเรื่องจินฮุนให้ฟังก็เลยนึกถึงแก กะจะแวะมาถามข่าวคราว แต่ถ้าให้เดาฉันว่ามันคงไม่เกี่ยวกับเรื่องที่แกร้องไห้จนตาบวมตุ่ยใช่ไหม“

สิ้นคำถามจากเพื่อนรัก ผักหวานก็กอดอีกฝ่ายปล่อยโฮทันที ความเข้มแข็งที่เพียรสร้างขึ้นหายราวกับทำนบแตก จิดาภาได้แต่ลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจเพื่อนด้วยความงุนงง หากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาให้อีกฝ่ายรำคาญใจ จวบจนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ รอจนผักหวานได้สติหญิงสาวจึงยอมเอ่ยปากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟังด้วยน้ำเสียงกะท่อนกะแท่น จิดาภาอยากจะหัวเราะดังๆหลังจากนั่งฟังจนจบ อะพิโธ่อะพิถังเอ๊ย ไอ้หวานนะ ไอ้หวาน รับปรึกษาปัญหาให้ชาวบ้านมาซะก็มาก ดันมาตกม้าตายกับเรื่องตัวเองจนได้ หญิงสาวคิดในใจ ก่อนจะจิ้มนิ้วไปที่หน้าผากมนของเพื่อนอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ในความไร้เหตุผลของอีกฝ่าย

“ เลิกบ้าได้แล้วแก ไอ้หวาน“

“ โอ้ย! อะไรของแกห๊ะ ไอ้จีน อยู่ๆก็จิ้มมาได้ เจ็บนะโว้ย“ ผักหวานอุทานอย่างตกใจด้วยจู่ๆอีกฝ่ายก็เอานิ้วมาจิ้มหน้าผากตนเองไปซะอย่างนั้น มือบางคลึงหน้าผากตัวเองทันที ก่อนจะส่งสายตาวาวๆไปให้อีกฝ่าย ต่างจากเมื่อครู่ที่ร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่
“ ก็ฉันตั้งใจจะไล่ผีนางเอกที่มันสิงตัวแกอยู่ไง...โอ้ย ฉันละปวดหัวแทนคุณพี่ทักษ์ของแกจริงๆ แมร่งชอบใครไม่ชอบ ดันมาชอบคนไม่เต็มเต็งอย่างแกเข้า“

“ หมายความว่าไงห๊า! ไอ้จีน แกจะจีบเพื่อนเขาเลยเข้าข้างกันใช่ไหม อ้อ เดี่ยวนี้เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนอย่างนั้นเหรอ“ จิดาภาใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ศีรษะของเพื่อนรักอย่างแรงอีกที ด้วยความหมั่นไส้ในท่าทีพาลลีพาลขวางของอีกฝ่าย ผักหวานรีบปัดนิ้วของอีกฝ่ายทิ้งแทบไม่ทันเมื่อมันกำลังจะจิ้มลงที่ศีรษะของตนอีกเป็นครั้งที่สาม

“ โอ้ย!ไอ้จีน ไอ้บ้า อะไรของแกอีกเนี๊ยะ“

“ ครบสูตรนางเอกละครน้ำเน่าจริงๆแกเนี๊ยะ โง่ งี่เง่า เอาแต่ใจ ไม่ฟังเหตุผล“

ผักหวานตาลุกวาวใส่อีกฝ่ายทันทีที่ได้ฟัง แต่จิดาภาไม่สนใจ หญิงสาวยังคงพูดในสิ่งที่อยากจะเตือนสติเพื่อนสาวต่อ

“ แทนที่แกจะดีใจ ที่มีผู้ชายมั่นคงรักแกมานาน เจ็ดแปดปีไม่เคยเปลี่ยน ดั๊น ! มางี่เง่าโกรธที่เขาไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นใคร ฉันถามหน่อย ถ้าเป็นแก แกจะกล้าบอกไหม เจอกันครั้งแรกก็บนโรงพัก แถมแกยังงั้มๆใส่เขาโทษฐานที่เป็นพี่ชายของคนที่มาทำร้ายตะวันซะอีก“

“ ก็แล้วทำไมไม่บอกวันอื่นล่ะ นี่เขาไม่แม้แต่จะพูดถึงเลยนะ แล้วยัง...“ ผักหวานเถียง ก่อนจะเงียบเสียงลงอย่างนึกขึ้นได้ เรื่องที่เธอถูกทักษ์ขโมยจูบแรกไปตั้งแต่ครั้งที่สองที่เจอกันนั้น เธอไม่คิดจะให้คนอื่นรับรู้ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตามที จิดาภาได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจกับอาการรั้นของเพื่อน หญิงสาวยังคงพร่ำบอกหวังชี้ทางสว่างให้คนที่ถูกความรักบังตา เส้นผมบังใจ

“ แล้วแกจะให้เขาบอกว่ายังไง ให้เขาบอกว่า หวานครับ นี่พี่ทาคุยะนะครับ จำพี่ได้ไหม แกคงเชื่อเขาหรอกนะ“

“ ก็ถ้าเขาพูดถึงเรื่องตอนนั้นได้ทำไมฉันจะไม่เชื่อล่ะ“

“ ก็แล้วถ้าแกไม่เชื่อตั้งแต่แรกเลยล่ะ ด้วยนิสัยแกน่ะนะ แค่เขาพูดแกก็คงไล่เขาเปิดเปิงไปไม่ทันได้อธิบายแล้ว นี่ไม่ต้องมาทำหน้ายังงั้นเลย“ จิดาภาพูดดักเมื่อเห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดของเพื่อนสนิท

“ ฉันไม่ได้เข้าข้างใครแต่พูดความจริงต่างหาก เหมือนกับที่แกพูดกะไอ้ต้าสมัยก่อนเปี๊ยบ! ถ้าไม่มัวแต่ทำตัวเป็นนางเอกหนังไทยงี่เง่าปัญญาอ่อนอยู่แกก็จะรู้ว่ามันคือความจริง“

ผักหวานเงียบไปเมื่อถูกเพื่อนพูดเตือนสติอย่างแรง...ถ้าเป็นเธอ เธอจะบอกพี่ทักษ์ไหมนะว่าตัวเองคือผักหวาน คือเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน คำตอบก็คือไม่ เธอคงไม่กล้าเสี่ยงพูดออกไป ถ้าเผื่อเขาจำไม่ได้เธอก็หน้าแตกนะซิ ..

“ เขาอาจจะกำลังคิดหาวิธีพูดกับแกอยู่ก็ได้ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี เฮ้อ! คนเรา ฉันล่ะสงสารพี่ทาคุยะรูปหล่อซะจริงๆ อุตส่าห์เฝ้าคิดถึง เจ็ดแปดปีไม่เคยลืม ตัวเองโดนลืมก่อนแท้ๆ ยังไม่ถือสาเลยสักนิด”
จิดาภาพูดต่อหลังจากเห็นอาการนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิดของเพื่อนสาวผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ ผักหวานทำปากขมุบขมิบเจริญพรใส่เพื่อนสาวอย่างหมั่นไส้ในอาการลอยหน้าลอยตาของอีกฝ่าย ก่อนจะครางเสียงแผ่วเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

“ เขา...“

“ อะไรเหรอ“ จิดาภาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดไป

“ เขา...คงไม่ใช่หรอกมั้ง แกจำเรื่องอิจิโร่คู่ปรับฉันได้ไหม“

“ จำได้ อีตาญี่ปุ่นจอมแดกที่แกเคยด่าให้ฟังอยู่บ่อยๆใช่ไหม ทำไมล่ะ โดนเด้งฟ้าผ่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ“

“ วันที่ฉันเถียงกับอิจิโร่ซัง พี่ทักษ์ก็อยู่ด้วย ตอนนั้นฉันคิดว่าเขาฟังไม่รู้เรื่องก็เลยเถียงไฟแลบกับอิจิโร่ซัง เขานั่งอยู่ข้างๆน่าจะได้ยินทั้งหมด แล้ววันรุ่งขึ้นอิจิโร่ก็โดนย้ายฟ้าผ่า...“

“ อืม ตอนนั้นไอ้เจษฎ์ยังพูดอยู่เลยนี่ว่าสงสัยไปเหยียบตาปลาใครเข้า ดูท่าจะไม่ใช่ตาปลาหรอก แต่เป็นสุดที่รักยอดดวงใจของเจ้าของบริษัทต่างหาก“

“ ไอ้จีน“ ผักหวานเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเขียว จิดาภาได้แต่ยักไหล่ให้เพื่อนเหมือนกับจะบอกว่าก็มันเรื่องจริงอ่ะ

ผักหวานขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เรื่องจินฮุนยิ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเขาไปใหญ่... ตกลงจริงๆแล้วพี่ทักษ์ พี่ทาคุยะเป็นคนยังไงกันแน่นะ อบอุ่น อ่อนโยนหรือว่าเลือดเย็น

“ ไอ้หวาน เป็นอะไรไปอีก“ จิดาภาสะกิดถามเมื่อเห็นว่าจู่ๆเพื่อนสนิทก็นิ่งไปดุจจมอยู่ในภวังค์ลึก

“ เรื่องจินฮุน พี่ทักษ์เป็นคนทำ“ ผักหวานพูดเสียงเบา จิดาภาตาโตทันทีที่ได้ฟัง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าขนาดอิจิโร่ที่แค่มีเรื่องด้วยกันยังโดนย้ายฟ้าผ่า แล้วนี่ลีจินฮุนทำร้ายแรงมากกว่านั้นถึงขั้นจะปล้ำแถมยังคิดที่จะถ่ายคลิปวีดีโอไว้แบลกเมล์อีก ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะโดนเอาคืนอย่างรุนแรงเช่นนี้

“ ฉันไม่ชอบเลยที่เขาทำแบบนี้“ ผักหวานรำพึงเสียงเบา จิดาภาได้แต่ตบไหล่เพื่อนเบาๆอย่างปลอบโยน

“ แต่ทุกอย่างที่เขาทำ ก็เพื่อแกไม่ใช่เหรอ“


ล่วงเข้าวันที่สามแล้วนับแต่เกิดเรื่อง แต่กลับไม่มีข่าวคราวอะไรจากทักษ์เลย มีเพียงช่อดอกทิวลิปที่วางอยู่ในดอกเล็ททิซ (Lettuce) วางไว้บนโต๊ะทำงานของผักหวานทุกเช้า พร้อมการ์ดที่เขียนสั้นๆว่า “ขอโทษ” เท่านั้น ผักหวานกระแทกดอกไม้ช่อโตลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด...มัวไปทำบ้าอยู่ที่ไหนของเขานะ หญิงสาวคิดในใจ...แล้วจะส่งมาอีกนานไหมไอ้ดอกไม้บอกความนัยพวกนี้เนี๊ยะ เธอไม่ได้อยากได้สักหน่อย หากแต่อยากคุยกับเขาให้รู้เรื่องมากกว่า แต่จะให้ไปหาก่อนมันก็ยังกระดากๆอยู่ เพราะในใจส่วนลึกบอกตนเองอยู่เสมอว่ามีเหตุผลสมควรที่จะงอนอีกฝ่ายเช่นนี้ ...งอนเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างผักหวานจะเกิดอาการงอนเป็นกับเขาด้วย เมื่อนึกมาถึงตอนนี้ผักหวานก็อดขำในใจไม่ได้ ตั้งแต่รู้จักกับทักษ์มา อะไรที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำ ล้วนเกิดขึ้นมาหมดแล้วแทบทั้งสิ้น

สารัจมองท่าทางหงุดหงิด และใบหน้ากึ่งบึ้งกึ่งยิ้มของลูกพี่สาวด้วยความแปลกใจ วันแรกที่มีช่อดอกไม้มาวางบนโต๊ะทำงาน เขาแอบเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของลูกพี่สาว วันต่อมารอยยิ้มดูเหมือนจะลดลง จนมาถึงวันนี้ ใบหน้าหวานๆนั่นกลับขมวดคิ้วขึ้นมาซะนี่ แถมโทรศัพท์กับเมสเซสข้อความก็ไม่มีมาให้เห็นอีกเลยตั้งแต่ที่เจ้าดอกไม้พวกนี้ถูกส่งมา ชายหนุ่มครุ่นคิดในใจ ถึงแม้จะเกรงๆอยู่บ้าง แต่ความอยากรู้มีมากกว่า ชายหนุ่มรีบก้าวเท้าเดินไปยังโต๊ะทำงานของลูกพี่ทันที

“ ไอ้เสือ ถ้าคิดจะมาปากหมาพูดจาไม่เข้ารูหูแถวนี้ละก็ รีบไปไกลๆเลย ตอนนี้ฉันยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ เกิดทนฟังไม่ไหวขึ้นมาเอาจิ๊กที่สั่งซื้อตัวใหม่มาเย็บปากแกเข้า จะมาหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะ“

“ โห! วันนี้โหดวะ“ สารัจที่ตอนนี้ชะงักเท้าอยู่กับที่ถึงกับครางออกมาก่อนจะรีบถอยหลังหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองทันที เพราะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้ชายหนุ่มรู้ดีว่าเวลาผักหวานหวานอารมณ์ไม่ดี อย่าได้ไปพูดจาไม่เข้ารูหูเชียว ไม่งั้นจะเจ็บไม่ใช่น้อย เสียงเพลงภาษาเกาหลีอันเป็นเอกลักษณ์ริงของโทนผักหวานดังขึ้น ทำให้สารัจอดเหลือบตาไปมองไม่ได้...สาธุ ขอให้เป็นของคนคนนี้นทีเถอะ เจ๊หวานของเขาจะได้หายอารมณ์เสียสักที เอ หรือว่าจะอารมณ์เสียหนักกว่าเดิมนะ เพราะเท่าที่ดูจากรูปการณ์แล้ว ตอนนี้เจ๊หวานของเขา กับบุคคลที่ไม่รู้จัก น่าจะมีเรื่องขัดใจกันอยู่

“ ตะวัน...ว่าไงจ๊ะ“ ผักหวานส่งเสียงทักไปก่อนด้วยทราบตั้งแต่ก่อนกดรับแล้วว่าใครเป็นคนโทรมา ตากลมสวยอดฉายแววสลดวูบออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาหาใช่คนที่ใจคิด
“ เห็นหวานหายเงียบไป เลยโทรมาหาน่ะ ช่วงนี้ยุ่งๆอยู่เหรอ“ ผักหวานเงียบไปเมื่อได้ยินตะวันทักขึ้น นี่เธอมัวแต่คิดเรื่องพี่ทักษ์จนลืมเพื่อนไปเลยหรือ หญิงสาวได้แต่รำพึงในใจด้วยความรู้สึกผิด

“ นิดหน่อยจ๊ะ แล้วตะวันล่ะเป็นยังไงบ้าง สงสัยหวานจะหายไปจนตะวันเป็นห่วงแน่ๆเลย“

เสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเพื่อนหนุ่มรีบตอบกลับมาทันทีว่าไม่เป็นไร ตนเข้าใจดี เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกโรงงานต่างเร่งการผลิตของตนเองแทบทั้งสิ้น ผักหวานถามไถ่ถึงเรื่องราวส่วนตัวของชายหนุ่มและเรื่องของเพื่อนสนิทคนอื่นอีกหลายประโยค ก่อนจะจบการสนทนาลงที่ทั้งสองนัดทานอาหารเย็นด้วยกันตามลำพัง เนื่องจากเพื่อนคนอื่นๆต่างก็ไม่ว่างในวันนี้

“ รู้ป่ะเจ้ ตอนแรกๆนะ ผมกับพวกไอ้วัชเคยคิดว่าไม่เจ้ก็เจ๊ต้าต้องมีใครสักคนแอบชอบจ้าวพี่ซะอีก“ สารัจที่เห็นว่าลูกพี่สาวเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้วแล้วหลังจากคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิท แถเข้ามาคุยด้วยทันที ผักหวานเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์เบื้องหน้า ก่อนจะตวัดสายตามองไปยังลูกน้องคนสนิทด้วยแววตาครุ่นคิด จะปากหมาอะไรของมันอีก หญิงสาวได้แต่นึกในใจ

“ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ผมไม่ได้จะปากหมานะเจ๊ พูดให้ฟังเฉยๆ“ สารัจรีบพูดเมื่อเห็นแววตาของลูกพี่สาว

“ ก็เจ๊กะเจ๊ต้าอ่ะ เวลาพูดกับจ้าวพี่นะพูดดี๊ดี แล้วก็ดูเป็นห่วงจ้าวพี่แกม๊ากมาก ไม่เหมือนตอนพูดกะเฮียเจษฎ์เลย คุยกันได้ไม่เกิน 3 ประโยคก็โดนด่าทุกที“

“ ก็แล้วเวลาแกพูดกะจ้าวพี่ กะไอ้เฮียเจษฎ์ของแก แกพูดเหมือนกันไหมล่ะ“ ผักหวานย้อนถาม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบเสียงไปเหมือนจะยอมรับว่าตนเองก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หญิงสาวจึงพูดต่อ
“ตะวันไม่เคยพูดคำหยาบกับพวกเจ้ ไม่เคยพูดไอ้นู้นไอ้นี่เลยสักครั้ง แล้วจะให้เรียกเขาว่าไอ้ตะวันเหรอไง แต่ไอ้เฮียของเราน่ะ เวลามันเรียกพวกเจ๊ก็เรียกว่าไอ้เหมือนกันน่ะล่ะ“

“ ก็จริงของเจ้อ่ะนะ“

“ แล้วไอ้เจษฎ์มันก็กลิ้งซะขนาดนั้น เจ๊ไม่รู้ว่าจะไปห่วงมันทำไม ห่วงผู้หญิงที่มันไปจีบจะดีกว่า แต่ตะวันน่ะ เราก็เห็นอยู่ ว่าจริงใจ รักใครก็รักจริง แล้วดูยัยน้องกิฟท์มันสิ ตอแหลซะแบบนั้นจะไม่ให้ห่วงยังไงไหว “

“ ก็ใช่ พวกผมน่ะเข้าใจ รู้ว่ายังไง ยังไงพวกเจ้ก็เป็นเพื่อนกันจริงๆ แต่คนอื่นที่เขาเห็นนะซี ผมว่าเขาต้องคิดว่าพวกเจ้กิ๊กกันแหงมๆ ขนาดเจ้าแม่ของเจ้าพี่ยังคิดเลย“ สารัจเอ่ยตามความรู้สึก ผักหวานอดไม่ได้ที่จะเขกกะโหลกลูกน้องด้วยความหมั่นไส้ในความช่างสังเกตของอีกฝ่าย

“ แล้วแกไปรู้ใจเจ้าแม่ได้ไงห๊ะ ทำยังกับสนิทกับเจ้าแม่นักนี่...ไปไป ไปทำงานทำการได้แล้ว หมู่นี้ชักอู้นะแกน่ะ เดี่ยวก็โดนยามาดะซังด่าหรอก คราวนี้ฉันไม่ช่วยรับหน้าให้หรอกนะ“

“ โห! เจ้อ่ะ“ สารัจบ่นอุบ ขณะลูบหัวตัวเองที่โดนเขกปรอยๆ ผักหวานได้แต่ส่ายหัวอย่างระอาใจกับอาการช่างซักช่างพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะก้มหน้าก้มตามุ่งความสนใจไปยังงานตรงหน้าอีกครั้ง



ทักษ์จ้องมองพอร์ตหุ้นและตัวเลขที่วิ่งผ่านหน้าจอทีวีขนาดยักษ์ในห้องทำงานที่ตึกนากาชิตะอย่างเลือดเย็น หุ้นที่พวกเพรชเชอร์กรุ๊ปจากอเมริกาถือครองอยู่ที่วอล์สตรีทนั้น ตอนนี้กำลังค่อยๆดิ่งลงเรื่อยๆสมกับความตั้งใจของเขา ป่านนี้คงวิ่งวุ่นเดือดพล่านเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกกันหมดแล้ว ชายหนุ่มนิ่งคิดอย่างสะใจ

เมื่อสองวันก่อนมีข่าวใหญ่ที่หนังสือพิมพ์ทุกสำนักในญี่ปุ่นต่างลงข่าวพาดหัวประชันกันอย่างครึกโครม ประมุขของตระกูลอิโนะอุเอะถูกตำรวจสากลเชิญตัวไปสอบสวนถึงอเมริกาหลังจากที่ทางโน้นได้หลักฐานว่าทางตระกูลลอบค้าอาวุธสงครามให้กับเกาหลีเหนือจากผู้หวังดีที่ส่งอีเมล์ไปให้ถึงสหประชาชาติ พอหมดเรื่องของศัตรูร่วมชาติ ศัตรูที่หาญกล้ามาท้ารบถึงถิ่นอย่างเพรชเชอร์กรุ๊ปจึงโดนทักษ์จัดการเป็นรายต่อมา ชายหนุ่มกดอินเตอร์คอมเรียกเคนอิจิผู้ช่วยมือฉกาจ ให้เข้ามาหาทันทีที่หุ้นในกระดานวิ่งมาถึงตัวเลขที่ตนตั้งใจไว้แล้ว

“ เดี่ยวช้อนซื้อให้หมดเลยนะ เคน“

“ ได้ครับ แล้วหุ้นของอิโนะอุเอะที่เราได้มาละครับ“ เคนอิจิถามถึงหุ้นของตระกูลอิโนะอุเอะซึ่งบัดนี้ได้ตกมาอยู่ในกรรมสิทธ์ของตระกูลนากาชิตะแล้วกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์

“ ให้เรียว ไปดู ส่วนนายคอยดูแลอยู่ห่างๆแล้วกัน“

“ ครับ“

“ฉันจะกลับเมืองไทย ตอนเที่ยงครึ่ง ให้คนไปเตรียมเครื่องไว้ให้ด้วยแล้วกัน“

“ครับ“ คนอิจิรับคำอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อจัดการทุกอย่างตามที่อีกฝ่ายต้องการ ทักษ์หลับตาลงขณะเอนกายพิงเก้าอี้นวมตัวใหญ่

ป่านนี้ผักหวานจะเป็นยังไงบ้างนะ ชายหนุ่มหวนนึกถึงหญิงสาวในดวงใจทันทีที่จัดการปัญหาทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้เธอจะใจเย็นลง ยอมรับฟังเหตุผลของเขาบ้างหรือยัง หรือจะยิ่งโกรธเขามากขึ้นไปอีกที่ไม่ยอมติดต่ออะไรกลับไปเลย มีเพียงดอกไม้ที่แนบการ์ดคำว่าขอโทษเท่านั้นที่ส่งไปให้ การที่เขาไม่ติดต่อกลับไปไม่ใช่เพราะไม่สนใจแต่เป็นเพราะกลัวว่า การพูดคุยทางโทรศัพท์จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงต่างหาก เขาอยากพูดอยากอธิบายกับหญิงสาวด้วยตัวเองมากกว่า ที่สำคัญตอนนี้เขาอยากเห็นหน้าหวานๆนั่นมากที่สุด อยากเห็นรอยยิ้ม อยากได้ยินเสียงและอยากกอดร่างบางเอาไว้แนบอก ทักษ์ได้แต่มองภาพหญิงสาวที่พกไว้ในกระเป๋าสตางค์ตลอดเวลาด้วยแววตาห่วงหา ก่อนจะผุดลุกขึ้นมาและก้าวเท้าออกไปจากห้องทันทีเมื่อเห็นว่าเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ไปยังเลขสิบสองแล้ว



ผักหวานกวาดสายตามองไปทั่วโถงรับแขกที่อยู่ชั้นล่างสุดของคอนโดตัวเองอย่างตั้งใจ ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ชายหนุ่มในชุดสูทสะอาดตาที่นั่งอยู่ริมกระจกไม่ห่างจากจุดที่เธอยืนอยู่มากนัก สองเท้าก้าวเดินไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มผู้นั้นนั่งอยู่ ก่อนที่ร่างบางจะตรงเข้าไปสวมกอดและเอ่ยทักเสียงสดใส

“ ตะวัน คิดถึงจังเลย“ ตะวันส่งยิ้มอบอุ่นตอบรับเพื่อนสาวเหมือนเช่นทุกที มือหนาเอื้อมไปขยี้หัวอีกฝ่ายอย่างอดไม่อยู่ ด้วยนึกเอ็นดูที่พูดประจบตั้งแต่เห็นหน้ากัน ทั้งสองต่างพากันไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ผักหวานจะยื่นมือไปควงแขนเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ และพากันเดินออกไปจากคอนโดเพื่อไปรับประทานอาหารเย็นดังที่ตกลงกันไว้


ทักษ์ขบกรามแน่นขณะจับตามองหนุ่มสาวที่พูดคุยกันอย่างสนิทสนมระหว่างรับประทานอาหารในห้องอาหารฝรั่งเศสชื่อดังของโรงแรมแลนด์ลอร์ด ประกายตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะที่เจ้าตัวพยายามเก็บงำไว้อย่างเต็มความสามารถ ทันทีที่เครื่องบินส่วนตัวลงจอดที่สนามบิน เขาก็รีบตรงดิ่งไปยังคอนโดของผักหวานทันที ทันได้เห็นหญิงสาวโผเข้ากอดเพื่อนหนุ่มที่โถงรับรองของคอนโดเต็มสองตาของตนเอง ทั้งๆที่รู้ว่าทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ทักษ์กลับทนแทบไม่ไหวเมื่อเห็นท่าทีของคนทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยหรือหัวเราะให้แก่กัน ทั้งหมดล้วนเสียดแทงหัวใจเขาจนแทบบ้า ชายหนุ่มพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเองเอาไว้และจับตามองสองเพื่อนซี้ต่างเพศต่อไปอย่างเงียบๆ บรั่นดีแก้วโตตรงหน้าพร่องลงไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันรู้สึกตัวถึงแม้บริกรจะพยายามเติมให้เต็มอยู่ตลอดเวลาก็ตาม


ผักหวานมองท่าทางร่าเริงของเพื่อนรักอย่างสบายใจ เวลาเดือนกว่าที่ผ่านมาทำให้ตะวันดีขึ้นมาก และตอนนี้น้องกิฟท์ก็กลายเป็นเพียงแค่สะเก็ดในใจของชายหนุ่มเท่านั้น หญิงสาวแน่ใจในความคิดของตัวเองอย่างที่สุด ด้วยรู้จักคนตรงหน้าดีจนรู้ว่าอาการไหนคือการเสแสร้งแกล้งทำและอาการไหนคือตัวตนจริงๆ

ตะวันมองเพื่อนสาวตรงหน้าด้วยแววตาเอื้อเอ็นดู สำหรับเขาแล้วผักหวานไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น เวลาที่เขาผิดหวังหรือทุกข์ใจ หญิงสาวจะเป็นเสมือนพี่สาวที่คอยดูแลและให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ในขณะที่เวลาปกติหญิงสาวจะเป็นเสมือนน้องสาวจอมซนช่างเอาใจที่เขาไม่เคยมี ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจ้าแม่ของตนนั้นอยากได้คนตรงหน้ามาเป็นลูกสะใภ้เพียงใด แต่ทั้งเขาและผักหวานต่างก็รู้ใจตัวเองดีเช่นกันว่าไม่เคยคิดถึงกันในแง่นั้นเลยสักครั้ง

“ อิ่มแล้วเหรอหวาน“ ตะวันเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวรวบช้อนในมือลง ผักหวานพยักหน้ารับก่อนจะส่งรอยยิ้มบางๆไปให้.. ทำไมนะทั้งๆที่มากับตะวันแท้ๆ แต่ใจเธอดันมัวนึกแต่วันที่ทานอาหารฝรั่งเศสบนตึกที่สูงที่สุดของประเทศกับทักษ์ไปได้

` “ จ๊ะ ตะวันจะทานอะไรอีกไหม“

“ไ ม่แล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นให้เขาเก็บโต๊ะเลยก็แล้วกันนะ แล้วเดี่ยวเราจะแวะไปส่งหวานที่คอนโดก่อน“ตะวันพูดกับเพื่อนสาวตรงหน้า ก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้กับบริกรที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

“ พูดอย่างนี้แสดงว่าจะไปไหนอีกละซิ“ ผักหวานพูดดักคอ อดแปลกใจไม่ได้เมื่อได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย ปกติแล้วตะวันไม่ใช่คนชอบเที่ยวในยามค่ำคืนมากนักที่ออกไปสังสรรค์ก็เป็นเพราะเพื่อนๆในกลุ่มคะยันคะยอซะเป็นส่วนมากต่างจากเจษฎาที่ชื่นชอบการเที่ยวกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจ
“ ราตรีนี้ยังเยาว์นัก“ ตะวันพูดประโยคประจำของเจษฎากับผักหวานก่อนจะก้มหน้าเพื่อเซ็นบัตรเครดิตให้กับบริกรที่ยืนรออยู่ หญิงสาวอดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้เมื่อได้ฟัง

นั่นสิ...ราตรีนี้ยังเยาว์นัก ถึงพรุ่งนี้จะเป็นวันศุกร์ แต่ว่าเธอไม่ต้องรูดบัตรนี่นา ขอเที่ยวให้สนุกหน่อยแล้วกัน ไปทำงานสายกว่าทุกทีสักวันคงไม่เป็นไรหรอก ก็เจ้าของบริษัทเขารวยมากจนไม่ต้องมาสนใจอะไรอยู่แล้วนี่ !










Create Date : 01 กันยายน 2551
Last Update : 1 กันยายน 2551 14:21:20 น. 5 comments
Counter : 361 Pageviews.

 
ตอบเมนท์จร้า

นู๋เนน - - ต้องเอาใจช่วยให้หนักๆเลยจร้า ช่วงนี้ผักหวานง๊องแง๊ง+น้อยใจมากมายเลย

สุดท้าย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ถึงจะขี้อายไปบ้าง แต่จำนวนคนอ่านก็ทำให้คนเขียนชื่นใจ และถ้าไม่ยุ่งจนเกินไปนัก ออกมาทักกันบ้างจะดีมากๆเลย


โดย: Na_Nath วันที่: 1 กันยายน 2551 เวลา:14:26:59 น.  

 
เย่ มารอบนี้ได้อ่านสองตอนเลย อิๆ ขอตอนต่อไปไวๆเลยจ้า

มะทำราย เอาแต่เร่ง จาอ่านๆๆๆ 555


โดย: ออยล์ (whatever it is ) วันที่: 1 กันยายน 2551 เวลา:16:19:41 น.  

 
มาให้กำลังใจค่ะ รออ่านตอนต่อไป


โดย: นู๋เนน IP: 119.42.79.225 วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:14:55:50 น.  

 
สนุกๆคะ ติดตามอ่านอยู่ตลอดเลยนะคะ


โดย: SmileTeppe วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:15:22:25 น.  

 
แหม ไม่ได้ขี้อายนะคะ คุณ ณ ณาทเจ้าขา แต่จะมาบอกว่าอ่านแล้วสนุกจังทุกครั้งก็เบื่อคอมเมนท์ตัวเอง อิอิ

คราวนี้ดี ชอบมุขที่ว่า ผีนางเอกเข้าสิงจริงๆ แล้วก็ดีที่ snap ออกมาได้เร็วดี ไม่ตะบอยงอนพระเอก (ซึ่งความผิดหนึ่งเดียวน่าจะเป็นรุนแรงไปนิดนี่แหละ) ให้คนอ่านหมั่นไส้



โดย: พี่หมูน้อย วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:10:31:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Na_Nath
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






✎ งานเขียนทั้งหมดในblog นี้ ✎

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายพระราช

บัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์

เผยแพร่ หรือ คัดลอกไปกระทำการ

ใดๆก็ตาม..หากผู้ใดกระทำการฝ่าฝืน

เจ้าของ blog สามารถดำเนินการตาม

กฏหมายได้ทุกกรณี (◡‿◡✿)




Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
1 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Na_Nath's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.