หวานใจนายมาเฟีย ตอนที่ 1


ท่ามกลางแสงสีในยามราตรี รถญี่ปุ่นสุดหรูแล่นมาจอดยังลานจอดรถของผับชื่อดังด้วยความเร็วสูง เสียงเบรกดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่ร่างบางของสตรีในชุดเสื้อกล้ามสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนจะก้าวลงมา ขาเพรียวยาวภายใต้กางเกงสีฟ้าน้ำทะเลก้าวไปตามทางเดินอย่างเร่งรีบ บริกรหนุ่มที่รู้จักกันดีรีบปราดเข้ามาหาและเดินนำหญิงสาวเข้าไปยังตัวออฟฟิตด้านในทันทีที่เห็นหน้า ไม่มีการพูดคุยระหว่างคนทั้งสอง เนื่องด้วยตอนนี้สิ่งที่หญิงสาวต้องการมากที่สุดคือการได้พบหน้าเพื่อนสนิทของตนเท่านั้น มือบางรีบผลักประตูห้องเข้าไปทันทีที่ไปถึง สภาพของคนตรงหน้าทำให้ต้องหลุดปากครางชื่อออกมาอย่างคาดไม่ถึง

“ ตะวัน ... “ นางสาวพิมลพัทธ์ ธาราทร หรือไอ้หวานของเพื่อนๆ ปราดเข้าไปดูร่างหนาที่นอนหมดสติอยู่บนโซฟาทันที มือบางกำแน่นเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนเต็มตา ใบหน้าคมคายที่มักจะแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเสมอบัดนี้บวมแตกเต็มไปด้วยริ้วรอยของการโดนทำร้าย เปลือกตาทั้งคู่ปิดสนิทในขณะที่ศีรษะมีผ้าพันแผลซึ่งชุ่มไปด้วยเลือดพันไว้อย่างลวกๆ

“ นี่มันอะไรกันไอ้เจษฏ์ “ หญิงสาวรีบหันไปถามเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังสาละวนอยู่กับการหาผ้าพันแผลผืนใหม่เพื่อนำไปเปลี่ยนให้คนที่นอนหมดสติอยู่ทันที สภาพของเจษฎาหรือไอ้เจษฏ์ที่หญิงสาวเรียกขานนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากคนที่นอนทอดร่างอยู่สักนิด จะดีกว่าก็ตรงที่ศีรษะไม่มีผ้าพันแผลไว้เท่านั้น ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ตอบ เสียงถากถางก็ดังแทรกมาจากมุมห้องเสียก่อน

“ สำออย... แค่นี้ไม่ตายง่ายๆหรอก ” เสียงนั้นออกมาจากปากของเด็กหนุ่มผิวคล้ำหน้าตายียวนที่มองมาอย่างท้าทาย ข้างกายของเด็กหนุ่มคนนั้นมีเด็กหนุ่มผิวขาวหน้าตาดีอีกคนยืนอยู่ไม่ห่าง เบื้องหลังของคนทั้งคู่มีชายชุดดำตัวใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่นถึงห้าคนด้วยกัน ผู้จัดการร้านหน้าซีดลงทันทีเมื่อเห็นประกายตากราดเกรี้ยวของหญิงสาวผู้เป็นลูกค้าขาประจำของร้าน สองขารีบก้าวเข้าไปขวางหน้าเมื่อเห็นหญิงสาวคนดังกล่าวลุกขึ้นยืน

“ คุณผักหวาน ผมขอนะครับ “ ชายร่างสัดทัดรีบพูดขอร้อง หากแต่ไม่ได้รับความสนใจเลยแม้แต่น้อย ผักหวานหรือนางสาวพิมลพัทธ์ยิ้มเย็นขณะกวาดตามองคู่กรณีของเพื่อนสนิท

“ พวกมันใช่ไหม ” หญิงสาวหันไปขอคำยืนยันจากปากเพื่อน เจษฎาพยักหน้ารับอย่างจำใจ อดขนลุกแทนเด็กหนุ่มทั้งสองไม่ได้เมื่อเห็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของผู้เป็นเพื่อน ร่างสูงรีบโผลุกขึ้นอย่างกะปรกกะเปลี้ยหวังจะหยุดยั้ง หากแต่ก็ไม่ทันความเร็วของอีกฝ่าย ด้วยตอนนี้หญิงสาวผลักร่างสัดทัดของผู้จัดการร้านให้พ้นทางไปแล้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจที่ถูกทางร้านเชิญมาเพื่อยุติข้อพิพาทเดินทางมาถึงพอดีในตอนนี้ ชายในเครื่องแบบรีบเข้ามาขวางหน้าหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยปากพูดจาไกล่เกลี่ยให้คนอารมณ์ร้อนได้ใจเย็นลง

“ใจเย็นก่อนครับทุกท่าน เรื่องกระทบกระทั่งกันในผับมันเรื่องธรรมดา เราคนไทยด้วยกันค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะครับ“ ผักหวานหรือนางสาวพิมลพัทธ์ส่งสายตาแข็งกราวไปให้ผู้กำกับการตำรวจทันทีที่ได้ฟัง

“เรื่องธรรมดาหรือคะ...ไอ้ที่โดนซ้อมปางตายในขณะที่อีกฝ่าย ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนนี่นะ เรื่องธรรมดา!“ หญิงสาวพูดเสียงห้วน กิริยาที่แสดงดูคุ้นตาจนผู้กำกับการตำรวจต้องหันมาสำรวจร่างบางตรงหน้าอย่างจริงจัง พลันก็สะดุ้งในอกเมื่อระลึกได้ว่า สาวสวยที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ภายในห้องนี้หาใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นนางสาว พิมลพัทธ์ ธาราทร หลานสาวคนเดียวของท่านพัฒนา อดีตผู้บังคับการสำนักงานตำรวจแห่งชาตินายเก่าของตัวเองอย่างแน่นอน ในขณะที่คู่กรณีเท่าที่ทราบก็ดันเป็นลูกชายคนเล็กและหลานชายห่างๆของท่านทำนุรัฐมนตรีช่วยคนดังเข้าให้อีก ข้างฝ่ายชายหนุ่มอีกสองคนที่ดูท่าว่าจะเป็นเพื่อนสนิทของหญิงสาวและเป็นเจ้าของเรื่องตัวจริงนั้น คนหนึ่งคือลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวตระกูลดังญาติสนิทท่านนายก ส่วนอีกคนคือลูกชายคนเล็กของตระกูลเจ้าเมืองเหนือ ท่านผู้กำกับได้แต่กรอกตามองทั้งสองฝ่ายอย่างหนักใจ นึกรู้ว่าเรื่องในวันนี้คงไม่จบลงง่ายๆเป็นแน่

“ชนยังแค่นี้ ถ้าเผลอไปเหยียบหางเข้าไม่โดนจ่อยิงแสกหน้าเลยหรือคะคุณตำรวจ “

“อ้าวเจ๊...หน้าตาก็สวยไหงพูดจาสุนัขไม่รับประทานยังงี้ล่ะ ... อ้อ! เข้าใจล่ะ คิดจะโกงค่าตัวขอค่าทำขวัญเพิ่มละซี้ จะเอาเท่าไรดีล่ะ ห้าหมื่นพอไหม จะได้จบๆกันไปสักที ง่วงนอนจะตายชัก “ เด็กหนุ่มผิวคล้ำยังคงปากเสียไม่เลิก ไม่มีวี่แววเสียใจในการกระทำของตนเองเลยแม้แต่น้อย ผักหวานหันมามองหน้าเด็กทั้งคู่ด้วยแววตาวาวโรจน์ ดูท่าเธอคงจะพูดดีๆกับเด็กที่ถูกตามใจมาจนเสียคนไม่ได้แล้ว ก็ดี ในเมื่อพ่อแม่ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนปล่อยให้ลูกออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านนักละก็ เธอก็ขอเป็นคนสั่งสอนแทนแล้วกัน! เพื่อจะได้รู้สำนึก ทำตัวดีขึ้นมาบ้าง

“ไอ้น้อง...นอกจากปากไม่ดีแล้วสันดานยังเสียชอบดูถูกคนอื่นอีกนะเราน่ะ เก็บเงินของแกไปให้พ่อแม่ซื้อโซ่มาล่ามตัวเองเถอะ จะได้ไม่เที่ยวออกไปเพ่นพล่านไล่กัดชาวบ้านอีก ...โว้ย ! ไม่ไหวแล้วเว้ย “ พูดไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องอุทานออกมาอย่างเหลืออดเมื่อเห็นอาการลอยหน้าลอยตาเหมือนคำพูดของตนเป็นเพียงอากาศที่พัดผ่านไปจากเด็กหนุ่มคนเดิม

“ขอแม่สั่งสอนหน่อยเถอะ ไอ้เด็กเวรเอ๊ย! “ และโดยที่ทุกคนไม่คาดคิด พูดจบสาวร่างบางก็ปราดเข้าไปเตะข้อพับเด็กปากเสียทันทีจนเด็กหนุ่มคนดังกล่าวทรุดลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือสะบัดใส่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของเด็กจอมยียวนไปถึงสองทีซ้อน โดยไม่ลืมที่จะหันไปตบหน้าเจ้าเด็กตัวดีที่ยืนข้างๆเพื่อนอีกคนไปฉาดใหญ่ ถึงมันจะไม่ปากสุนัขแต่ก็ทำเพื่อนเธอเหมือนกันล่ะวะ

เหล่าบอดี้การ์ดในชุดดำกรูเข้ามาหาหญิงสาวทันทีโดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของนายตำรวจใหญ่เมื่อเห็นนายของตนโดนทำร้าย หากแต่ร่างยักษ์ปักหลั่นเหล่านั้นกลับไม่สามารถทำอะไรอดีตเทควันโดเหรียญทองได้ พิมลพัทธ์ใช้ประโยชน์จากร่างที่เล็กกว่าเอี้ยวตัวหลบเหล่าบอดี้การ์ดที่ดาหน้าเข้ามา ก่อนจะสะบัดสันมือเข้าใส่ท้ายทอยของเจ้าตัวใหญ่คนนึงอย่างแรง ยังผลให้ร่างยักษ์ปักหลั่นนั้นล้มคะมำไม่เป็นท่าไปหนึ่งราย ขณะเดียวกันหญิงสาวก็กระโดดจนตัวลอยตวัดฝ่าเท้าเข้าใส่ใบหน้าของบอดี้การ์ดอีกคนที่ดาหน้าเข้ามา ท่านผู้กำกับรีบตะโกนเรียกลูกน้องที่ยืนรออยู่ด้านนอกให้เข้ามาระงับเหตุทันที เหตุการณ์คงจะชุลมุนวุ่นวายมากไปมากกว่านี้ หากไม่มีเสียงห้าวทรงอำนาจดังขึ้นมาเสียก่อน

“หยุด “

คำพูดสั้นๆเพียงคำเดียว จากชายที่เพิ่งมาถึงสามารถทำให้บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำหยุดการเคลื่อนไหวได้ในบัดดล เด็กหนุ่มผิวขาวที่กำลังประคองเพื่อนตัวดีให้ลุกขึ้นยืนถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นประกายตาตำหนิของชายหนุ่มคนดังกล่าว ผักหวานประสานสายตากับบุคคลที่เพิ่งมาถึงอย่างไม่กลัวเกรง แววตาตาคมกล้าที่มองมาดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก หากแต่หญิงสาวกลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด ความจริงที่ว่าชายหนุ่มผู้นี้คือผู้ปกครองของเด็กหนุ่มจอมยียวนก่อให้เกิดอคติในใจอย่างรวดเร็ว … คงมัวแต่คั่วผู้หญิง ไม่ก็บ้าทำแต่งานอยู่ละสิ ถึงไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนน้องนุ่งจนออกมาก่อความวุ่นวายให้ชาวบ้านแบบนี้

“นี่มันเรื่องอะไรกัน นายทศ นายแพท ฉันเคยสั่งสอนแกให้รุมรังแกผู้หญิงกันรึยังไง “

ผักหวานเบ้ปากอย่างนึกหมั่นไส้ทันทีเมื่อได้ฟัง เจษฎารีบประคองตัวเดินมาขนาบข้างเพื่อนสาวทันทีเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่คือ ทักษ์ พัฒนะไพศาลบุตรชายคนโตของท่านทำนุรัฐมนตรีช่วยคนดัง หนุ่มอนาคตไกลเจ้าของรางวัลนักธุรกิจดีเด่นแห่งปี ผู้กุมบังเหียนดูแลค่ายมวยยักษ์ใหญ่ที่ร่ำลือกันว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของมือปืนอาชีพแทนผู้เป็นพ่อที่ล้างมือในอ่างทองคำเพื่อไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงดัง บุรุษอันตรายที่แม้แต่ตำรวจยังต้องเกรงใจ

“อ้อ! งั้นก็ทำผู้ชายได้น่ะซินะ เพื่อนฉันถึงได้หมดสภาพอย่างนั้นน่ะ“ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องพูดแทรกขึ้นมา ตากลมโตจ้องไปยังชายผู้มาใหม่ไม่ลดละ แววตาเปล่งประกายแข็งกร้าวอย่างไม่คิดจะลงให้ เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกายแทบอยากจะกัดลิ้นตายเมื่อเห็นอาการดั่งกล่าว... ไอ้ตะวันเอ้ย เสือกสลบไปอีก รีบฟื้นขึ้นมาช่วยกูหาตะกร้อมาครอบปากไอ้ตัวดีนี่หน่อยสิวะ ... เจษฎาได้แต่รำพึงในใจอย่างกลัดกลุ้มกับพฤติกรรมบ้าระห่ำไม่เกรงกลัวใครของเพื่อนรัก

“ ขอโทษครับผู้กำกับ ไม่ทราบว่าเรื่องเป็นมายังไงกัน “ เสียงทุ้มทรงอำนาจหันกลับมาถามนายตำรวจที่ยืนเป็นตัวประกอบอยู่ในห้องหลังจากที่เล่นเกมจ้องตากับหญิงสาวอยู่พักใหญ่ ผักหวานได้แต่มองร่างสูงตรงหน้าด้วยแววตาหงุดหงิด ... ชิ ทำเป็นไม่สนใจ วางมาดขี้เก๊กเป็นเจ้าพ่อ คิดเหรอว่าคนอย่างไอ้หวานจะกลัว ... ผักหวานคิดในใจอย่างหมั่นไส้ รู้สึกคุ้นๆหน้าอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย หากแต่ไม่อยากจะสนใจญาติของไอ้เด็กจิ๋กโก๋ปากสุนัขที่มาทำร้ายเพื่อนสนิทของตน เจษฎากระตุกมือเพื่อนเป็นเชิงเตือนทันทีเมื่อเห็นอาการฮึดฮัดที่อีกฝ่ายแสดงออกมา ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากให้เรื่องนี้จบลงให้เร็วที่สุด ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี แววตาที่อีกฝ่ายมองมายังเพื่อนสนิทของตนเมื่อครู่นั้น ทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกเสียววูบขึ้นมาไม่ได้ มันแฝงไว้ด้วยความสมใจและหมายมาดอะไรบ้างอย่างที่ตัวเขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

“ คือ พยานให้การตรงกันว่า เจ้าตะวันเดินชนคุณทศวรรษที่หน้าห้องน้ำจนเซไปชนกับคุณภาสกรที่เดินตามมาครับ จากนั้นคุณภาสกรก็กระโดดชกเจ้าตะวัน คุณเจษฎาที่เดินตามมาทีหลังเห็นเหตุการณ์เข้าก็รีบเข้ามาห้ามแต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรกันสักพักคุณเจษฎาก็ชกปากคุณภาสกร แล้วคุณภาสกรก็เรียกผู้ติดตามให้มาจัดการคุณเจษฎากับเจ้าตะวันทันที “ ท่านผู้กำกับอธิบายเหตุการณ์ที่ได้รับฟังมาอย่างละเอียดยิบ ไม่กล้าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเนื่องด้วยแต่ละคนต่างก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น งานนี้ก็ได้แต่หวังว่าทายาทคนโตของท่านทำนุจะไม่รักพวกพ้องมากไปกว่าความถูกต้องอีกคนเท่านั้น

“ขอโทษ คนที่พวกแกไปซ้อมเค้าซะ นายทศ นายแพท “ เสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่ยขึ้นด้วยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่นั่นยิ่งทำให้ผู้คุ้นเคยใกล้ชิดอย่างทศวรรษน้องชายคนเดียวและภาสกร ลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ถึงกับขนหัวลุก ทศวรรษกล่าวคำขอโทษเสียงเบา ในขณะที่ภาสกรเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงที่เรียบร้อยแตกต่างจากเมื่อ 15 นาทีก่อนโดยสิ้นเชิง

“ส่วนค่าเสียหายภายในร้านและค่ารักษาพยาบาลของเจ้าตะวันและคุณเจษฎา ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง “ ทักษ์หันมาพูดกับเจษฎา ที่ก้มหัวนิดๆเป็นเชิงยอมรับ ด้วยต้องการให้เรื่องจบๆไปเสียที

“ง่ายไปหน่อยไหมคุณ ถ้าคำว่าขอโทษมันใช้ได้ผลทุกครั้ง ตำรวจคงไม่มีความหมาย คนเราคงไม่ต้องพึงศาลให้ตัดสินคดีความกันหรอก“ ผักหวานพูดแทรกอย่างไม่คิดจะยอมความให้ ผู้กำกับการตำรวจถึงกับสะดุ้งในอกด้วยไม่แน่ใจว่านัยแห่งคำพูดนั้นต้องการจะสื่อกระทบถึงตนด้วยหรือไหม เจษฎาได้แต่ส่งยิ้มเหมือนจะขอลุแก่โทษไปให้ท่านผู้กำกับแทนเพื่อนสาวตัวดีที่ยังคงลอยหน้าลอยตาส่งสายตาท้ารบให้กับชายตรงหน้า

“แล้วคุณต้องการอะไร คุณเองก็ลงโทษพวกเค้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ “ ทักษ์ย้อนเสียงเรียบ

“ แล้วมันเทียบได้ไหมกับสิ่งที่น้องคุณสั่งให้คนทำกับเพื่อนฉัน ขอโทษนะคะ ฉันไม่สนใจไอ้ค่ารักษาพยาบาลของคุณหรอก เงินแค่นี้ ฉันมีปัญญาจ่ายเองได้ ทางที่ดีฉันว่าคุณควรจะสละเวลามาอบรมสั่งสอนน้องๆคุณให้มากกว่านี้จะดีกว่ามั้ง สั่งสอนพวกเขาไม่ให้ไปทำกิริยาเลวๆอย่างนี้กับใครอีก ชาวบ้านเค้าจะได้ไม่นินทาว่าดีแต่สั่งสอนคนอื่นแต่กับน้องกับนุ่งตัวเองดันอบรมดูแลไม่ได้ “ เจษฎาเองยังอดสะดุ้งไม่ได้กับวาจาของเพื่อนสนิท ยิ่งได้เห็นแววตาที่ยากจะหยั่งถึงของทักษ์ยามที่ทอดมองมายังเพื่อนของตนเขม็งก็ยิ่งทำให้รู้สึกหนาวๆร้อนๆแทนเพื่อนปากกรรไกรของตน ...จะโดนมือปืนตามเก็บล้างโคตรไหมนี้ไอ้หวาน ตาเอ็งไม่ได้เป็นผู้บังคับการตำรวจแห่งชาติแล้วนะโว้ยย...

“ เออ ... หวานฉันว่าเราพาตะวันไปหาหมอดีกว่าวะ มันสลบไม่ได้สติมาตั้งนานแล้ว เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ “ เจษฎาพูดแทรกหวังหันเหความสนใจของเพื่อนสาวมาจากสถานการณ์ตรงหน้า ผักหวานหันไปมองเพื่อนสนิทที่นอนหมดสติทันทีอย่างนึกขึ้นได้ เธอลืมตะวันไปเสียสนิทใจด้วยมัวแต่โมโหกลุ่มคนตรงหน้าอยู่ หญิงสาวหมดความสนใจที่จะหาเรื่องอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิงเมื่อเห็นร่างหนาของเพื่อนไม่มีวี่แววจะรู้สติขึ้นมาอย่างที่เจษฎาบอก ร่างบางปราดเข้าไปลูบเนื้อตัวเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ปากก็เรียกชื่อไปด้วยอย่างร้อนใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีสนองตอบกลับมา ทักษ์ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา ประกายตาวาบไหวอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นกิริยาที่หญิงสาวแสดงต่อเพื่อนสนิท ชายหนุ่มมองร่างบางที่สาละวนสั่งการเจษฎาและผู้จัดการร้านให้ช่วยกันพยุงร่างไร้สติของเพื่อนสนิทอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเบือนหน้าหนี และก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป โดยมีเหล่าผู้ติดตามและน้องชายทั้งสองเดินตามออกไปอย่างเงียบๆ ผักหวานอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองร่างสูงด้วยหางตาอีกครั้ง ปากบางยู่น้อยๆด้วยยังหมั่นไส้ท่าทางของอีกฝ่ายอยู่ ท่านผู้กำกับรีบเรียกลูกน้องที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาช่วยกันพยุงร่างสูงของเจ้าตะวันไปส่งที่รถอีกแรงทันที ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโลงอกที่เหตุการณ์ในวันนี้สามารถยุติลงได้ แม้จะไม่ดีสักเท่าไหร่นักก็ตาม









Create Date : 23 กรกฎาคม 2551
Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 20:02:41 น. 1 comments
Counter : 559 Pageviews.

 
เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้กลับมาอ่านนิยายของคุณนักเขียนอีกครั้งนะคะ รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อ่าน เป็นกำลังใจให้นะคะ และขอให้มีผลงานดีๆออกมาเรื่อยๆค่ะ


โดย: dd IP: 124.122.141.51 วันที่: 11 กันยายน 2564 เวลา:23:55:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Na_Nath
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






✎ งานเขียนทั้งหมดในblog นี้ ✎

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมายพระราช

บัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์

เผยแพร่ หรือ คัดลอกไปกระทำการ

ใดๆก็ตาม..หากผู้ใดกระทำการฝ่าฝืน

เจ้าของ blog สามารถดำเนินการตาม

กฏหมายได้ทุกกรณี (◡‿◡✿)




Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Na_Nath's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.