เรื่องของไอ๊ EPISODE 35
9 มกราคม 2560โดย ถามวัต สุทธิพงศ์ วันเสาร์ ที่ 7 มกราคม 2560ซึ่งยังเป็นโมงยามที่ประเทศไทยกำลังเดินทางอยู่บนถนนแห่งความอาลัยผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศยังคงทยอยเข้าสู่กรุงเทพฯอย่างไม่ขาดสายแม้ว่าจะเพิ่งผ่านเทศกาลรื่นเริง อันเนื่องมาจากการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่สากลมาหมาด ๆบรรดารถยนต์ซึ่งบรรจุผู้คนเหล่านั้นมาเพียบแปล้คงเต็มถนนกรุงเพทฯชั้นในอยู่ทั่วไป แลละม้ายคล้ายว่าจะยังไม่มีทางคลายจางเลยสักทีบนถนนบริเวณฝั่งตรงกันข้ามของด้านหน้าวัดสุทัศน์เทพวรารามฯ คือจุดหยุดรถโดยสารประจำทางซึ่งไอ๊ใช้บริการเป็นประจำ (ในช่วงเดือนสองเดือนนี้)สิ่งที่ไอ๊พบจนคุ้นชินก็คือ ทุก ๆ วันเสาร์บ่าย บนถนนเส้นนี้จะอัดแน่นไปด้วยยวดยานพาหนะนานาชนิด และทุกคันจะแน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากมายอันที่จริงแม้ไม่ใช่วันเวลาแห่งความโศกเศร้าเช่นนี้บรรดารถยนต์ก็มากมายพอดู กล่าวคือ การจราจรหนาแน่นไม่แพ้กัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจราจรในโมงยามเช่นนั้นก็ยังคงแล่นไหลตามกันไปได้โดยสะดวกกว่านี้กว่านี้...ซึ่งอาจเรียกได้ว่า รถมันติดยาวเป็นแพเลย วันเสาร์ที่ว่านั้น ไอ๊ยังคงมีภารกิจไปกล่อมร้านเปียโนไม่ให้วังเวง ทั้งยังเป็นการฝึกการใช้เสียงของตนเองให้แข็งแรงทนทานการเดินทางของไอ๊ยังคงใช้บริการรถโดยสารประจำทางเช่นเคยไม่น่าเชื่อว่า ไอ๊ใช้บริการมันจนสามารถจำแนกได้แล้วว่า เสียงอย่างนี้คือรถโดยสารประจำทางซึ่งไอ๊ใช้บริการประจำ และบางครั้งก็พอจะแยกแยะได้ถึงขนาดว่านั่นเป็นรถโดยสารประจำทางขนาดมินิบัสหรือไม่ใช่อย่างไรก็ตาม เมื่อสี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง แล้วไยไอ๊จะยังไม่พลาดพลั้งบ้างล่ะเมื่อไอ๊ขึ้นไปบนรถโดยสารประจำทาง (คันที่ทั้งน้าสาวสายตาปกติ และไอ๊ผู้ซึ่งตาบอดสนิท มองแล้ว ประเมินแล้วว่าคือสาย 12 เจ้าประจำ) ด้วยอาการเชื้อเชิญอย่างเต็มที่ของพลขับและพนักงานจำหน่ายตั๋วสิ่งแรกที่ไอ๊รับรู้ถึงความผิดปกติที่ไม่คุ้นเคยด้วยสภาพแวดล้อม ก็คือ บันไดขึ้นลงตัวรถที่สูงชันกว่าปกติยิ่งไปกว่านั้น กว่าจะถึงที่นั่งของผู้โดยสารก็ยังมีการทำชานพักเท้าหลายขั้นพี่ครับ นี่สายอะไรครับไอ๊ตัดสินใจถามพลขับในที่สุดสาย 1 ครับน้องนี่มันรถติด ปิดถนน จนกระทั่งรถโดยสารประจำทางสายอื่น ๆ ไม่คุ้นเคยต้องมาวิ่งผ่านเลยหรือเนี่ยไอ๊คิดในใจเดชะบุญรถประจำทางสายดังกล่าวก็พอมีรายทางที่ไอ๊สามารถใช้เป็นเป้าหมายปลายทางเฉพาะหน้าได้อย่างไม่เดือดร้อนไปใต้ดินหัวลำโพงครับ(ไอ๊หมายถึงว่า ไอ๊จะไปรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีหัวลำโพง)ไอ๊บอกกับพลขับไปอย่างนั้น และฝ่ายนั้นก็ตบปากรับคำเป็นแม่นมั่นว่าจะไปส่งไอ๊ให้ถึงที่หมายแต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันพลันเกิดมีขึ้นกับไอ๊เขยิบก้นให้ป้านั่งด้วยนะเมื่อสตรีชราเชื้อสายจีนที่เพิ่งขึ้นมาใช้บริการรถโดยสารประจำทางในย่านเยาวราชเอ่ยขอที่นั่งจากไอ๊ ด้วยเหตุผลที่น่าเห็นใจว่าพอดีป้าลงง่ายแต่น้องเขาพิการตาบอดนะครับป้า ป้าไม่รู้หรอพลขับที่คงเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดแสดงความรู้สึกอย่างหนึ่ง ซึ่งไอ๊เชื่อว่ามันคือ ความหวังดี ที่ก็เป็นห่วงกังวลว่าไอ๊จะใช้บริการรถโดยสารประจำทางของเขาแล้วไม่ได้รับบริการอย่างสะดวกสบาย โดยทำไปเพื่อการป้องกันไอ๊ไม่ให้ถูกรอนสิทธิ์จากคนอื่นน้องเขาก็ขยับให้ได้น่าน้ำเสียงกึ่งรำคาญจากคุณป้าทำให้ไอ๊ตัดสินใจได้ว่าไอ๊ควรทำอย่างไรต่อไปให้ทุกอย่างมีแต่ความสันติสุขไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยังพอขยับได้...นิดเดียวเองไอ๊ประนีประนอมที่น่าดีใจในผลสำเร็จว่า อย่างน้อย ๆ คนทั้งคู่ยังพอสงบสติอารมณ์ได้คนละครึ่งตามเจตนารมย์ของไอ๊แม้ว่า...โธ่... น้องเขาก็จะได้ลงง่าย ๆเอิ่ม... บางทีพลขับจะถามไอ๊สักหน่อยก็ได้ว่าไอ๊ยังโอเคไหม ไอ๊นี่คงแทบจะกราบขอบพระคุณอย่างสูงถึงตักเชียวล่ะอย่างไรก็ตาม ไอ๊ก็ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่รถโดยสารประจำทาง สาย 1 คันนั้น ที่เมื่อไอ๊ถึงจุดหมายปลายทาง พลขับก็บอกกล่าวไอ๊ชนิดที่เรียกว่า พูดเหมือนเจ๊กตื่นไฟ ซ้ำพนักงานจำหน่ายตั๋วยังให้การดูแล นำไอ๊ลงจากรถในลักษณาการที่แทบจะอุ้มไอ๊ลงมาเลยอุ้ม...เกือบคล้ายลิงกำลังอุ้มแตงโดยที่ทั้งหมดทั้งมวลที่ไอ๊ได้กล่าวมาแล้วนั้น ไอ๊สัมผัสถึงความปรารถนาดีจากเจ้าหน้าที่ซึ่งดูเป็นคนใส่ใจรายละเอียดในงาน และเอาจริงเอาจังกับภาระหน้าที่ที่ถูกมอบหมาย (อย่างเกินเหตุ)แน่นอนพวกเขาย่อมเกิดมีพื้นฐานทางความรู้ ความคิด ในเรื่องความพิการ (ทางการเห็น) มาอย่างแตกต่างหลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วเป็นความเข้าใจผิด เป็นต้นว่าคนพิการทางการเห็นจะต้องถูกปฏิบัติด้วยความพิเศษกว่าเนื่องจากว่าพวกเขามองไม่เห็นโห... คราวนี้คนพิการทางการเห็นเลยทำอะไรไม่เป็น ช่วยเหลือแบ่งเบาภาระคนอื่นไม่ได้เลยแล้วทีนี้ จนกระทั่งว่า...คนพิการทางการเห็นทำอะไรไม่ได้เหมือนคนสายตาปกติเอ๊า... เป็นงั้นไปดังนั้น สำหรับมุมมองของไอ๊ (คนเดียว) จึงขอกราบวิงวอนต่อบรรดาผู้คนทั้งหลายเหล่านี้ว่าบางที ไอ๊ก็ต้องการได้รับคำถามถึงความสามารถที่ไอ๊มีบ้าง และโดยที่จะไม่เป็นการถามเพื่อการชมเชยยกย่อง... ซึ่งมันดีตรงไหนกันนะสุดท้ายนี้ ไอ๊ขอกราบขอบพระคุณผู้อ่านทั้งหลายเหล่านี้นะครับที่อุตส่าห์ทนรับฟังคำบ่นเวิ่นเว้อเพ้อฝันของไอ๊จนจบถึงบรรทัดนี้ ไอ๊เพียงอยากให้มีใครสักคนเข้าใจบ้างก็เท่านั้นเองว่าคนพิการทางการเห็นก็เป็นคนธรรมดาไม่พิเศษเพียงลองเปิดใจไต่ถามพวกเขา เท่านั้นคุณและคุณก็คงได้รู้เรื่องที่คุณและคุณไม่เคยรู้ขอให้วันที่เก้าแรกของปีนี้จงเป็นวันที่คุณและคุณทั้งหลายเหล่านี้มีชีวิตที่ก้าวหน้าครับ