เอาปีศาจแดงตัวจริงคืนมา ++ คอลัมน์ ทุ่งหญ้าX ++ โดย บอ.บู๋
ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านที่เคารพรักเคยสั่งอาหารกับเด็กเสิร์ฟแล้วแม่หรือพ่อครัวดันทำอาหารผิดมาส่งให้เราบ้างหรือเปล่า?
เวลาได้อาหารผิดนี่มันก็น่าหงุดหงิดดวงหฤทัยอยู่เหมือนกันนะครับ
ดูเหมือนศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อวันอาทิตย์มันจะให้อารมณ์คล้ายการสั่งอาหารไปอย่างแล้วเซฟกลับปรุงอาหารอีกอย่างมาให้เราซะงั้น
ประมาณสั่งต้มยำกุ้งไป แต่คนครัวกลับทำแกงจืดฟักที่มีรสชาติไม่ต่างจากน้ำล้างตีนมาให้เราซด
ไอ้น้ำล้างตีนนี่มันรสชาติเป็นไงผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะเกิดมายังไม่เคยชิมสักครั้ง แต่ลองได้ชื่อว่าเป็นน้ำล้างตีนแล้ว ทุกท่านคงจินตนาการถึงรสชาติของมันได้ไม่ยากว่าจะอุบาทว์รูปากขนาดไหน
แถมแกงจืดที่ยกออกมาจากในครัวยังเป็นแกงจืดที่ไม่ได้ใช้น้ำต้มกระดูก รวมถึงลืมเหยาะซีอิ๊วหรือน้ำปลาอีกต่างหาก รสมันถึงได้จืดสนิทซะขนาดนั้น
แทนที่จะได้ต้มยำรสจัดจ้านมาทะลวงลำคอและลำไส้อย่างที่สั่ง เราเลยได้ซดน้ำต้มฟักที่ไร้ความเอร็ดระดับน้องหมาไม่กล้าซดมากิน
วันก่อนมีแฟนบอล 2 คนที่นั่งโซ้ยข้าวต้มที่ร้านอ้นโภชนาปากซอยโชคชัย 4 เข้ามาทักทาย โดยทั้งคู่แนะนำตัวเองว่าเป็นสาวกปีศาจแดงผู้เคยเกรียงไกร
พวกเขาบ่นกับผมประมาณไม่อยากจะเชื่อว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ตัวเองเคยรู้จักจะกลายเป็นทีมที่เล่นได้อย่างจืดชืดไปเสียแล้ว
มีประโยคหนึ่งเสียดแทงใจแบล็กมาคือ "ถ้าเล่นแบบนี้แล้วเสมอ สู้เปิดเกมรุกแล้วแพ้เสียยังดีกว่า"
สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อคืออย่างน้อยก็เป็นการเล่นแบบมีศักดิ์ศรี เพราะตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังฝืนอาญานรก ด้วยวีธีและทัศนคติในการเล่นอันผิดบุคลิกของตัวเองโดยไม่แยแสความสะใจของกองเชียร์
กองเชียร์ที่ต้องการเห็นทีมรักเดินหน้าเข้าบดขยี้ลูกเดียว โดยไม่สนใจว่าคู่แข่งจะแน่หรือยิ่งใหญ่มาจากนรกขุมไหน
เพราะปรัชญาการเล่นอันเป็นบุคลิกของพลพรรคปีศาจในทุกยุคทุกสมัยคือยิงแหลกแล้วแหกตาข่าย
พวกเขาไม่ยึดถือคำสอนขององค์พระศาสดาที่ตรัสว่า... "ถ้าโดนตบแก้มซ้าย เจ้าจงยื่นแก้มขวาให้เขาตบด้วย" หรือ "เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"
เหล่านักรบพันธุ์อสูรทุกรุ่นกลับยึดคำสอนของซาตานที่เขียนไว้บนผนังส้วมว่า..."ถ้าเธอทำฉันเจ็บ เธอนั่นแหละต้องเจ็บเป็นสองเท่า"
คือถ้าเสียหนึ่งประตู แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเอาคืนให้ได้อย่างน้อยสอง ถ้าโดนสอง ต้องเอาคืนให้ได้อย่างน้อยสาม ถ้าโดนสามต้องเอาคืนให้ได้อย่างน้อยสี่ (แต่ถ้าทะลึ่งโดน 4 หรือ 5 เม็ด ก็ตัวใครตัวมันแล้วกันนะครับ)
นี่แหละ...ปีศาจแดงตัวจริง!
ถ้าเป็นพี่อ๊อฟกับพี่เต๋าในโฆษณาชุดลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดงคงต้องร้องแหกปากร้องด้วยพลังเสียงขยี้พรหมจารีวัวกระทิงว่า..."ลูกปู้จายยยย...วัดกันที่หัวจัยยยยยยย"
ทว่านักรบพันธุ์อสูรรุ่นใหม่ประจำ พ.ศ. นี้ กลับถูกสอนให้สวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่ลงสนาม เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนโดยบรมครูคนเดิมที่เคยเกิดมาเพื่อตะลุยไปข้างหน้าเท่านั้น
เข้าใจครับว่ายุคสมัยของเกมลูกหนังเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จำเป็นต้องหมุนตามโลกลูกหนังยุคสังวาสกับธุรกิจ ส่วนแฟนบอลก็ต้องเปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลง แต่ผมว่ามันผิดธรรมชาติพอๆ กับขัดหูขัดตาสิ้นดี
อย่างไรเสียฝูงแฟนผีก็ยังยึดติดกับภาพเก่าๆ ที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความดุดันและเดือดดาลทะลุองศาเอาไว้ก่อน ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือประสบความไม่สำเร็จนั่นมันอีกเรื่อง
มันก็อย่างที่ผมได้ยินมาจากปากแฟนบอลสองคนนั่นแหะลครับว่าถ้าเล่นเกมรุกแล้วพลาดท่าแพ้ ยังดีกว่าเล่นด้วยความน่าเบื่อแบบนี้
เพราะถึงจะประสบความสำเร็จ มันก็นเป็นความสำเร็จที่ไม่มี "สไตล์" ไม่มีสีสัน แถมไม่มีใครอยากจดจำเหมือนคำที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ฝากให้ โชเซ่ มูรินโญ่ และพวกพ้องนั่นแหละ
ที่สำคัญคือทัศนคติการเล่นที่เน้นผลการแข่งขันมันค่อนข้างจะฝืนธรรมชาติของนักฟุตบอลทั่วๆ ไป ที่เคยไม่เป้าหมายหลักอยู่ที่การทำประตูมากกว่าการรักษาประตู
นั่นอาจเป็นเหตุผลที่บอกเราว่าทำไม ผู้เล่นปีศาจแดงถึงรวมหัวกันประท้วงระบบการเล่น 4-5-1 หรือ 4-3-3 อะไรนั่นของเจ้านาย
นอกจากจะสับสนในระบบแล้ว มันยังฝืนอารมณ์ตัวเองอีกต่างหาก
กระนั้นประเด็นนี้คงขึ้นอยู่กับผู้ยิ่งยงอย่างท่านเซอร์ (ซึ่งนาทีนี้ดูเหมือนจะถูกครอบงำจากมือขวาสากลยุโรปอย่าง คาร์ลอส เคยรอช ไปเสียแล้ว) ว่าจะฟังคำทัดทานจากลูกทีมบ้างหรือเปล่า
....................?????
หลังกินแกงจืดในเกมเสมอหงส์แดง...มีข่าวร้ายตามมาคืออาการบาดเจ็บต้องพักนานถึงสองเดือนของ รอย คีน ผู้เป็นจ่าฝูงและหัวใจในแดนกลาง
การปราศจากกำลังสำคัญอย่างลูกพี่คีโน่เป็นเวลานานขนาดนั้นย่อมไม่ต่างจากข่าวร้าย
แต่อย่างน้อยมันก็ถือเป็นโอกาสดีเช่นกันของปีศาจแดง ในการเปลี่ยนรูปแบบการเล่นใหม่ เช่นปรับระบบให้เป็น 4-4-2 เหมือนเดิม
ในเมื่อเหตุผลหนึ่งของการวางสูตร 4-5-1 คืออาการโรยราของ รอย คีน จึงต้องเพิ่มมิดฟิลด์อีกหนึ่งตัวเพื่อเป็นลูกหาบ ดังนั้นการปราศจากกัปตันทีมผู้นี้ย่อมหมายถึงโอกาสดีที่จะใช้ผู้เล่นรุ่นหนุ่มลงไปพิสูจน์ความสามารถในระบบเดิมพลางตัดผู้เล่นที่หมดสภาพออกไปจากทีมบ้าง
เฟอร์กี้วาง อลัน สมิธ ไว้เป็นทายาทของ รอย คีน ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ แต่สิ่งที่ "สมัดเจอร์" เหนือกว่าดาวเตะผู้ (เคย) เป็นสถาบันแห่งความหฤห่ามคือพละกำลังและความฟิตเต็มถัง
นั่นหมายความว่าเขาไม่ต้องการลูกหาบ และเฟอร์กี้สามารถจัดมิดฟิลด์ 4 คนได้โดยให้ สมิธ ยืนคู่กับ พอล สโคลล์ ตรงกลาง ขนาบด้วยปีกทั้งสองข้างแถมยังมอบตำแหน่งหน้าต่ำให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้สมใจไอ้หมูปีศาจอีกต่างหาก
เพราะทุกวันนี้น้องรูนก้อแทบไม่ได้ทำหน้าที่กองหน้ากึ่งปีกตามระบบ 4-3-3 ตามที่ถูกวางไว้ในผังสักหน่อย
หรือถ้าไม่ต้องการกลับมาเล่นในรบบ 4-4-2 เหมือนเดิม โดยต้องการยึดสูตร 4-5-1 หรือ 4-3-3 ต่อไปตามทัศนคติใหม่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนท่านเซอร์ก็สามารถถอย เวย์น รูนี่ย์ มาเล่นเป็นกองกลางตัวรุกหรือหน้าต่ำที่ตัวเองถนัดได้ ว่าแล้วก็ใส่ผู้เล่นริมเส้นอย่าง พาร์ค ชี-ซอง หรือ ไรอัน กิ๊กส์ ลงไปอีกสักตัว
เท่านี้เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็น่าจะกลมกล่อมและลงตัวมากกว่าที่เห็น โดยไม่ต้องสลับตำแหน่งให้วุ่นวาย
แหมทำอย่างกะตัวเองเป็น สเวน โกรัน อีริคส์สัน ไปได้
แต่ไม่ว่าจะมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะอย่างไร ที่สุดแล้วทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับผู้ถืออำนาจตัดสินใจอย่างเฟอร์กี้อยู่ดี
กรุณาไม่ลืมว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในรูปแบบของการดันทุรัง ผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่านเซอร์มักจะดื้อรั้นหัวชนฝาเพื่อจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นผู้ถูกต้องเสมอ
อีกทั้งยังมีแขนขวาภูมิปัญญาสากลอย่าง เคยรอช คอยเป่าหูอยู่อีกทั้งคน
ฉะนั้น ถามว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การปกครองระบอบแพนด้ามหาประลัยจะเปลี่ยนทัศนคติในการเล่นกลับมาบุกกระหน่ำสถานเดียวหรือกลับมายึดระบบ 4-4-2 เหมือนเดิมหรือเปล่า?
มันคงเป็นเรื่องยากหาก เฟอร์กี้ ยังยึดหลักกูและคิดว่า "กู" คือผู้ถูกต้องที่สุดคนเดียว (คนอื่นห้ามเถียง) แถมอาจถูกฟุตบอลสมัยใหม่ล้างสมองไปแล้ว
เข้าใจครับว่าการห่างเหินความสำเร็จมานานถึง 2 ฤดูกาล ย่อมต้องทำให้นายใหญ่แห่งสถาบันอสูรแดงกดดันและสับสน จึงจำเป็นต้องควานหาวิธีใหม่ๆ เพื่อปีนขึ้นบนหิ้งอีกครั้งให้ได้โดยไม่สนใจความสำราญของท่านผู้ชม
แต่ถ้าถามว่าชอบแบบไหนมากกว่ากันระหว่าง...
1. เล่นบอลน่าเบื่อตามแฟชั่น แต่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าการบุกแหลก
.....หรือ.....
2. เล่นเกมรุกเพื่อความสะใจของแฟนบอลเหมือนเดิม แต่อาจประสบความไม่สำเร็จ
ผมอยากเห็นปีศาจแดงตัวเดิมที่ไม่รู้จักการเล่นอันน่าเบื่อมากกว่า
แม้นจะไม่ประสบความสำเร็จใดๆ แต่อย่างน้อยก็ช่วยพิทักษ์ให้การฟาดแข้งยังเป็นเกมที่สนุกสนานตื่นเต้นและเร้าใจเหมือนเดิม
"บอ.บู๋"
...............................................................
ผังการเล่นที่พี่บู๋เขียนไว้ไม่ได้เอามาลงแต่คิดว่า แฟนผีแดงคงเข้าใจแระนึกภาพกันออกนะคะ ล่าสุดแมนยูก้อแพ้แบล๊คเบิร์นไปแร้ว....เฮ้อ....ไม่รู้ว่าเล่นระบบไหนเล่นเปนยังงัย...เพราะไม่ได้ดูเหมือนกันค่ะ
ขอบคุณพี่บอ.บู๋แระหนังสือพิมพ์สตาร์ซอคเก้อร์ >
Create Date : 25 กันยายน 2548 |
|
28 comments |
Last Update : 25 กันยายน 2548 0:01:18 น. |
Counter : 876 Pageviews. |
|
|
|