หินและหัวใจ
คอลัมน์ เรื่องเล่ารายทางโดย วารุ วิชญรัฐ VARUVORA@yahoo.comนับไปนับมานี่ก็ใกล้จะปลายปี ฉันเองก็ถึงเวลาที่ต้องรำพึงไปพร้อมกับคนอื่นๆ ที่ทำงานใกล้เคียงกันว่า ปีๆ หนึ่งนี้ช่างผ่านไปเร็วนัก ปลายปีเป็นเวลาของการงานที่เร่งรีบและวุ่นวาย และสำหรับคนทำงานอิสระ ก็เป็นเวลาที่ต้องตักตวงทำงานกันอย่างหนัก นั่นเพราะงานมีความหมายกับชีวิตบนโต๊ะของฉันมีสิ่งของนานาชนิด ทุกสิ่งล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการทำงาน ไม่ว่าปากกา ยางลบ อุปกรณ์เครื่องเขียนสารพัดที่ต้องมี พจนานุกรมสองเล่ม กล้องถ่ายรูป เครื่องคิดเลข โทรศัพท์มือถือ นาฬิกาเรือนโปรด ตอนนี้ที่เพิ่มมาก็เห็นจะเป็นยาหอมที่ต้องมีไว้เพราะบางทีก็เวียนหัว และแท่งแก้วสี่เหลี่ยมที่ข้างในทำเป็นรูปแพะที่เพื่อนคนหนึ่งให้มาเมื่อนานมาแล้วนี่เป็นของชิ้นโปรดของฉัน เพราะแพะไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของราศีเกิด แต่ยังหมายถึงสัตว์ที่บางทีก็ดูโทรมแต่อดทน ได้ยินมาว่าพวกแพะภูเขานั้น วันๆ ก็ได้แต่ปีนขึ้นที่สูง ที่แห้งแล้งแค่ไหนก็อยู่ได้ กินกระดาษก็ได้ บางทีขวดแตกๆ ก็ยังสวาปามเข้าไป คงหมายถึงการไม่ย่อท้อต่อความลำบากล่ะมั้ง เปล่าเลย ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะอดทนเหมือนแพะก็หาไม่ มีแพะไว้บนโต๊ะทำงานก็เพียงเพื่อหมายเอาเป็นแรงใจไปเท่านั้นเองความหมายของสิ่งของที่เราได้พบเห็นหรือเป็นเจ้าของ หรือแม้มีความฝันไปถึง อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนใครเลยก็ได้ สิ่งเหล่านั้นมีคุณค่ากับเราก็เพราะใจเราให้ความหมายยิ่งยวดกับสิ่งนั้น เพื่อนของฉันหลายคนเอ็นดูแม้ฝักต้อยติ่งที่แตกเปรี๊ยะเมื่อโดนน้ำ หรือแม้ดอกไม้ร่วงสักดอกหนึ่ง เธอเหล่านั้นก็เฝ้าเก็บเอามาใส่สมุดหนังสือ เพื่อวันหนึ่งจะเปิดมาเจอดอกไม้ที่แห้งคาหน้าที่คั้นไว้ แล้วก็ระลึกถึงความหลังครั้งได้ไปพบเจอดอกไม้เมื่อยังสดสวยบางคนอาจจะถูกใจเพชรพลอยงามๆ หรือสิ่งของเครื่องประดับประดามี บางคนอาจพอใจเพียงหินสีเจียระไนสวยๆ นานาชนิด เพื่อนของฉันอีกคนหนึ่ง ตอนนี้เธอหลงใหลหินสีเหล่านี้อย่างหนัก วันๆ ก็เฝ้าใฝ่ฝันถึงหินชนิดต่างๆ เอาตำรับตำรามาเปิดอ่าน ว่าหินแบบนั้นแบบนี้มีสีอะไรบ้าง ชื่ออะไรบ้าง หาได้จากที่ไหน ไปจนถึงอำนาจลึกลับที่หินเหล่านั้นสื่อสารและดลบันดาลให้เกิดมีขึ้นสำหรับผู้สวมใส่หรือแม้เอามาครอบครองกับตัว และพยายามเลือกว่าคุณสมบัติใดเหมาะกับตัวเธอ เนื่องจากเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิท ฉันจึงมีโอกาสได้ติดตามเธอคนนี้ไปเยี่ยมชมหินในที่ต่างๆ อยู่บ้าง และพบว่า จากก้อนหินธรรมดาๆ มีสายแร่ธาตุอยู่ภายใน เกิดมาภายใต้แรงบีบอัดมหาศาลของพื้นผิวโลก พอนำมาขัดสีเจียระไน ก็กลายเป็นของมีคุณค่าขึ้นมาได้ ไม่เพียงแค่เป็นเครื่องประดับ แต่ฉับพบว่าคนที่รักและหลงใหลหินสวยเหล่านั้นมักมีความเชื่อในใจผูกติดมากับความสวยงามนั้นด้วย ความเชื่อหรือแท้จริงก็คือ "ความหมาย" ซึ่งก็เหมือนที่บอกคุณมาแต่ต้นว่า เมื่อเราให้ความหมายกับสิ่งใด ก็เพราะสิ่งนั้นมีความสำคัญต่อใจเราอย่างยิ่ง จึงย่อมมีผลกับความรู้สึก และกับตัวตนของเราในที่สุด เหมือนถ้าเราเชื่อศาสนาก็คงเป็นพระพุทธธรรมหรือเป็นพระเจ้าที่มีจริงในใจเรา คนชอบและเชื่อพระเครื่อง พระเครื่องจึงมีความหมายกับเขา และแน่นอนว่าสิ่งที่เราให้ความหมายเหล่านั้นก็น่าจะส่งผลกับเราในทางใดทางหนึ่งได้ พูดง่ายๆ ว่า เป็นเพราะเรา "เชื่อ" สิ่งนั้นจึง "มี"แต่เรื่องนี้ฉันยังสงสัยอยู่ว่า หากเราไม่ให้ความสำคัญหรือความหมายกับสิ่งใดแล้ว สิ่งนั้นจะมีจริงในใจเราหรือไม่หนอเมื่อคุณเพื่อนผู้นี้ได้ซื้อหาหินสีสวยมาแล้ว เธอเล่าว่าต้องเอามาล้างน้ำเพื่อให้สิ่งไม่ดีที่ติดมากับหินถูกชำระล้างออกไป เหลือไว้แต่พลังที่ดี แล้วก็อธิษฐานว่าเป็นของเรา ฯลฯ เพื่อให้หินนี้สามารถส่งพลังที่ดีกับเราอย่างเต็มที่ หินบางชิ้นที่สามารถใช้เป็นเครื่องประดับเธอก็สวมใส่ แถมมีหินเล็กๆ ขนาดพกพานานาชนิดเก็บอย่างดีอยู่ในถุงผ้าในกระเป๋าถืออีกด้วย"ดูสิ มันตุบๆ ที่มือด้วยนะ ลองจับดูไหมคะ" เพื่อนชวนให้ลองสัมผัส "พลังจากหิน"ฉันจึงลองจับคาเนเลี่ยนก้อนเล็กๆ สีส้มละมุนหวาน ไม่มีความรู้สึกอื่นใด นอกจากความเย็นที่หินก้อนหนึ่งส่งออกมา น่าประหลาดที่แม้จับนานแค่ไหนก็ยังเย็นอยู่อย่างนั้น ชวนให้นึกถึงอำนาจลึกลับที่ตำราว่าด้วยหินบอกว่าคาเนเลี่ยนจะช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายและส่งผลดีเรื่องสุขภาพได้"แปลกดีเนอะ เย็นเจี๊ยบเลย" ฉันว่าพลางส่งคืนเธอ ต่อแต่นี้คงไม่แปลกอะไรที่ก้อนหินเหล่านี้จะเริ่มมีความหมายกับฉันบ้าง ก็มีหรือที่จะไม่หวั่นไหว ใช่เพราะสวยงามต้องใจและไม่แพง แต่คงเพราะมันเหมือนได้ผูกสัมพันธ์กับพื้นดินและโลกนี้ไปด้วยในขณะเดียวกัน ฉันเพิ่งเข้าใจว่าหินเหล่านี้ช่างสำคัญกับเธอนัก เพราะเธอทะนุถนอมและปฏิบัติต่อหินสวยเหล่านั้นราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตอันล้ำค่าและมีความหมายต่อใจเป็นล้นพ้น ชวนให้คิดได้ว่า หากเราตระหนักว่าโลกใบนี้ ผู้คนเพื่อนฝูง คนรักและอะไรอื่นๆ ล้วนมี "ความหมาย" ต่อเราจริงๆ แล้ว เราก็ควรทะนุถนอมสิ่งเหล่านั้นไว้ด้วยความรักดุจเดียวกัน จากหนังสือพิมพ์มติชนจขบ.ต้องขอโทษด้วยนะคะที่อัพบล๊อกอะไรๆ ที่บางครั้งก้อไร้สาระเกินไปน่ะค่ะ..อิ อิ...อันนี้พอมีสาระบ้างนะคะขอบคุณภาพประกอบจากคุณbluejade
สิ่งต่างๆเหล่านั้นมีคุณค่ากับเราก็เพราะใจเราให้ความหมายยิ่งยวดกับสิ่งนั้น