สไตล์ที่ อาร์แซน เวนเกอร์ กล่าวถึง >>คอลัมน์ ทุ่งหญ้าx โดย บอ.บู๋
ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก วิลเลี่ยม กัลลาส ปราการหลังปากหมา-เอ๊ย-ปากกล้า ของเชลซี เพิ่งกล่าวพาดพิงถึงทีมปืนโตทำนองเหยียดหยามว่า...หมดยุค
ประมาณว่า อาร์เซน่อล และพ.ศ.นี้ไม่มีทางเป็นแชมป์พรีเมียร์ชิพดอก
แถวบ้านเรียกว่า" ได้ทีขี้แพะไหล " ซึ่งเป็นกริยาช่องที่สามของ "ได้ทีขี่แพะไล่" คือคนชนะจะพูดหรือจะถากถางอะไรก็ไม่น่าเกลียด
เหตุเกิดหลังจาก เชลซี ของ กัลลาส ย้ำชัยเหนือขุนพลปืนโตถึง 2 นัดติดต่อกันในเวลาห่างกันประมาณ 15 วัน
การที่ เชลซี เอาชนะ อาร์เซน่อล ติดต่อกันแบบนี้ถือเป็น "ปรากฏการณ์" ที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง กระทั่งยุคของโชเซ่ มูรินโญ่ นี่แหละ
หลังจากโดนสบประมาทอย่างรุนแรงแบบนี้ มันก็ร้อนถึง อาร์แซน เวนเกอร์ อาจาร์ยใหญ่แห่งสถาบันปืนโตวิทยาต้องออกมา "เคลียร์" สิครับ
กุนซือมาดละเมียดผู้อมเลื่อยไฟฟ้าออกมาไว้ในปากออกมา "เอาคืน" บ้าง ด้วยการยอมรับว่า เชลซี เป็นทีมที่ "ยอดเยี่ยม" จริง แต่หาใช่ทีมที่ "ยิ่งใหญ่" ไม่ เนื่องจากวิธีการเล่นอันน่าเบื่อที่ไม่มีใครอยากจดจำและกล่าวขวัญถึง
ส่วนนักเตะชาติเดียวกันอย่าง กัลลาส กรุณาเก็บคำหยามเหยียดนั้นกลับไปเลย มิเช่นนั้นจะถูกจับยัดคอหอย
ก่อนฝากคำทิ้งท้ายถึงพลพรรคสิงห์บลูล์ยุคอู้ฟู่ว่าพวกเขาเป็นทีม "แชมป์" ที่ไม่มี "สไตล์"
ไอ้คำว่า "สไตล์" ที่ อาร์แซน เวนเกอร์ กล่าวถึงนี่ก็น่าจะหมายถึงลีลาหรือวิธีการเล่นอันน่าตื่นเต้ลเร้าใจไม่หยุดซอย ซึ่งไม่ใช่วิธีการเล่นของ เชลซี จากขุมกบาลอันปราดเปรื่องของผู้จัดการทีมจอมเครียด
แถมยังเป็นตัวทำลายความสนุกสนานของเกมลูกหนังอีกต่างหาก
ปรกติธรรมดา ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับคำพูดของกุนซือผู้เป็นเจ้าของวลี "ดิฉัน-เอ๊ย-ผมไม่เห็นเหตุการณ์" สักเท่าไหร่ ยกเว้นครั้งนี้ ที่เห็นด้วยเต็ม 67 ตีนกีบ
ส่วนที่เหลืออีก 33 ตีนกีบนั้นไม่เห็นด้วย เพราะว่า "สไตล์" ที่นำไปสู่ความยิ่งใหญ่ของ เชลซี ยังไงก็ย่อมมีคนกล่าวขวัญถึง
เพียงแต่น่าจะเป็นการกล่าวถึงความเกรียงไกรในด้าน "ลบ" เสียมากกว่า
ด้วยแนวทางการเล่นที่ไม่สร้างความสำราญให้แฟนบอล ซึ่งมันแทบไม่ต่างจาก อาร์เซน่อล ในยุคที่มีพระเจ้าจอร์จ เกรแฮม เป็นนายใหญ่
ยุคนั้น อาร์เซน่อล มีกองหลังถึง 5 ตัว (ลี ดิ๊กสัน , โทนี่ อดัมส์ , เดวิด โอเลียรี่ , สตีฟ โบลด์ , และไนเจล วินเทอร์เบิร์น) แถมยังเล่นแบบเน้นผลเป็นสำคัญจนถูกมอบสมญา "บอริ่ง อาร์เซน่อล" จากท่านผู้ชมที่เคารพ
ทุกวันนี้ยังมีคนกล่าวถึงหน่วยรบปืนโตในยุคนั้นที่สามารถสอดแทรกขึ้นมาเป็นแชมป์ ดิวิชั่น1 (โบราณ) สองสมัยในปี 1989 และ 1991 แต่เป็นการพูดถึงวิธีการเล่นอันน่าเบื่อในฐานะที่ถูกยกให้เป็น "บอริ่ง อาร์เซน่อล" ด้วย
เมื่อ อาร์แซน เวนเกอร์ เดินทางมาจากญี่ปุ่น เมื่อกันยายน 1996 เขาค่อยๆ ล้มล้างระบอบการเล่นอันน่าเบื่อทีละนิด จนช่วยให้พลพรรคปืนโตผงาดเป็นแชมป์พรีเมียร์ชิพครั้งแรกได้สำเร็จในอีก 2 ปีต่อมา ก่อนสร้างนิสัยการเล่นเกมรุกบุกกระหน่ำชนิดถอยหลังเป็นหกล้มอย่างเต็มรูปแบบในเวลาต่อมา
ว่าแล้ว อาร์เซน่อล ก็กลายเป็นทีมที่จัดอยู่ในประเภทโขยกไม่ยั้งหยุดจนน้ำกระฉูดแตกในฤดูกาล 2001-02 และ 2003-04 ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพแบบบันทึก "สถิติ" ทั้ง 2 ฤดูกาลนั้น
ฤดูกาล 2001-02 อาร์เซน่อล เป็นแชมป์โดยทำสถิติไม่แพ้นอกบ้านสักนัด ขณะที่ฤดูกาล 2003-04 พวกเขาเป็นแชมป์แบบไม่แพ้ใครเลย
และนั่นน่าจะหมายถึงการเป็นแชมป์แบบมี "สไตล์" ที่ อาร์แซน เวนเกอร์ กล่าวถึง
ฟุตบอลของ อาร์เซน่อล จากภูมิปัญญาของ เวนเกอร์ เป็นฟุตบอลที่มุทะลุดุดัน พวกเขาเดินเกมรุกทะลุทะลวงคู่ต่อสู้อย่างแม่นยำ ช่ำชอง ไหลลื่น และเปี่ยมประสิทธิภาพ
สิ่งที่ต้องยอมรับคือพวกเขาเป็นฟุตบอลที่เล่นสนุก พอๆ กับดูสนุกสนานเพลิดเพลิน และกระซวกไส้ดีนักแล
เพียงแต่ปัจจุบัน ดูเหมือนแฟชั่นของฟุตบอลจะเปลี่ยนไปซะแล้ว
เมื่อแชมป์ถ้วยใหญ่ยุโรป ในนาม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยล่าสุด กลายเป็นทีมที่เน้นกลยุทธ์ เป็นสำคัญทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น เอซี มิลาน ในปี 2003, ปอร์โต้ ในปี 2004 และลิเวอร์พูลในครั้งล่าสุด
ในศึก ยูโร 2004 ทีมที่เป็นแชมป์ก็เป็นทีมที่เน้นแท็กติกอย่าง กรีซ ขณะที่ เชลซี ของมูรินโญ่ก็ยังยึดแนวทางเดียวกันนี้
โดยไม่เว้นแม้แต่ทีมชาติที่เคยยึดถือคติ "เกมรุกคือเกมรับที่ดีที่สุด" อย่าง บราซิล
แม้จะไม่เน้นแท็กติกเต็มตีนมากกว่าความแพรวพราว แต่นักเตะแซมบ้าก็ไม่ได้ก็ไม่ได้เน้นเกมรุกอย่างบ้าคลั่งเหมือนแต่ก่อน
บราซิล ชุดแชมป์โลก 2002 วางระบบ 3-5-2 โดยใช้มิดฟิลด์ตัวรับถึง 2 คน บวกปราการหลังตัวกลางอีก 3 ซึ่งในเมื่อมีเกมรับที่แน่นหนารัดกุมเสียอย่าง ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ วิง-แบ็ก ทั้งสองข้าง อย่าง คาร์ลอส และคาร์ฟู กับแนวรุกล่าสังหารรหัส "ทริปเปิ้ลอาร์" ที่ประกอบด้วย โรนัลดินโญ่ , ริวัลโด้ และโรนัลโด้
เรียกว่าการบุกถล่มคู่แข่งให้สิ้นซากเพียงอย่างเดียวก็ไม่ช่วยให้ประสบความสำเร็จระดับบรรลุโสดาบันเสมอไปในเมื่อเกมลูกหนังแห่ง พ.ศ นี้มีหลายทีมที่หันมาใช้เหลี่ยมเล่ห์และกลยุทธ์ในการเล่นงานคู่ต่อสู้อย่างแพร่หลายมากขึ้น
ถ้าแต่ละทีมมัวแต่จะเดินหน้าเข้าทิ่มแทงและประหัสประหารกันดอกต่อดอกเพียงอย่างเดียว ขี้คร้าน อาร์เซน่อล ควรจะได้แชมป์ยุโรปไปนานแล้วล่ะครับคุณ
คงไม่ต้องมองทำตาปริบๆ ดูทีมที่มีศักยภาพต่ำกว่าอย่าง ลิเวอร์พูล ฉลองแชมป์อย่างรื่นเริงขนาดนั้นหรอก
แต่ทำไงได้ ในเมื่อการกระหน่ำเกมรุกใส่คู่แข่งมันเป็นยิ่งกว่านิสัยหรือบุคลิกของ อาร์เซน่อล และ อาร์แซน เวนเกอร์ ซึ่งควรเรียกว่าเป็น "สันดาน" ด้วยซ้ำ
ย้อนไปในเกมกับทีมที่ผูกปีชนะมาตลอดอย่าง มิดเดิ้ลส์โบรซ์ เมื่อวันเสาร์ แม้จะปราศจากเสาหลักตกน้ำมันอย่าง โซล แคมป์เบลล์ ในแดนหลัง เฟร้ดดี้ ลุงเบิร์ก ในแดนกลาง และ เธียร์รี่ อองรี ในแดนหน้า รวมถึง ปาทริค วิเอร่า ที่ย้ายไปอยู่กับยูเว่ แต่นักเตะกระสุนโลกันตร์ยังคงยึดถือคติ..."เดินหน้าแล้วฆ่ามัน" เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
โดยเฉพาะช่วงสิบห้านาทีแรก ทีมปืนโตเล่นแบบมี "สไตล์" มั่กๆ โดยดาหน้าประเคนเกมรุกใส่คู่แข่งของตัวเองเป็นระลอกๆ ทั้งศอกทั้งหมัดทั้งเข่าทั้งแข้งแบบไม่เกรงใจเจ้าบ้านจะบอบช้ำ ซึ่งเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าพลางพูดในใจว่า งานนี้ โบโร่ คงรอดยาก ดับเบิ้ลยากส์ ดากส์แหกแน่มึง!!!
ที่ไหนได้เกมนั้นสงสัย สตีฟ แม็คคลาเลน เพิ่งไปเช่าพระรอดกับพระมหาอุดจากแถววัดมหาธาตุมาบูชาที่ริเวอร์ไซค์ สเตเดี้ยม เพราะอาร์เซน่อลจะยิงจะกระทุ้งหรือจะซอยยิกเป็นเอวกระต่ายอย่างไรก็เจาะไม่เข้าสักที
เจาะไม่เข้าไม่ว่ายังอุตส่าห์โดนตอกกลับหน้าหงายถึง 2 ดอกเน้นๆ อีกต่างหาก
เกมจบแล้ว ผมยัง ง.งู 2 ตัว ไม่หายว่า อาร์เซน่อล แพ้ได้อย่างไร
คือดูจากรูปเกมแล้ว พวกเขาไม่ควรเดินออกมาอย่างผู้ปราชัย แม้กองหลังค่อนข้างจะโชว์ห่วยก็เหอะ
สุดท้ายคือหาบทสรุปให้ตัวเอง 2 อย่าง ๑. นี่แหละฟุตบอล...คือมันไม่ใช่วันของอาร์เซน่อล ๒.อาร์เซน่อล โดน "สไตล์" ของตัวเองเล่นงานอย่างจัง
ไม่เชื่อลองคิดกลับกันดูนะครับว่าถ้าเกมนี้เป็นเชลซีที่เดินลงสนามแทนอาร์เซน่อล ผมกล้าพนันร้อยเอาขี้หมากองเดียวได้ว่าอย่างแย่หรือทุเรศสุด เชลซี ก็คงไม่แพ้ออกมาจาก ริเวอร์ไซค์ สเตเดี้ยม เพราะลูกทีมของมูรินโญ่ คงไม่ตั้งหน้าตั้งตาบุกแหลกแบบไม่คิดชีวิตแบบที่อาร์เซน่อลแสดงให้เห็น
นี่ไงล่ะการเล่นแบบมี "สไตล์" อย่างที่ อาร์แซน เวนเกอร์ กล่าวถึง
ลงเล่นไป 4 เกม อาร์เซน่อล พ่ายไปแล้ว 2 นัด นั่นเท่ากับถูกแชมป์เก่าทิ้งห่างไปไกล 9 แต้ม (หรืออาจเป็น 6 แต้มในกรณีที่แข่งเท่ากัน)
แม้เส้นทางยังอีกยาวไกล แถมทางทฤษฏียังมีสิทธิ์อีกเยอะ แต่ 4 นัดแรก แพ้ไป 2 มันก็แทบจะเท่ากับการตัดตัวเองออกจากสารบบเรียบร้อย
แต่นี่แหละสไตล์ของอาร์เซน่อลแล้วคุณล่ะสไตล์ไหน?
"บอ.บู๋"
จากหนังสือพิมพ์กีฬา สตาร์ซอคเก้อร์ ฉบับประจำวันที่ 15 กันยายน 2548
^ ^ ขอบคุณพี่บู๋ ขอบคุณนสพ.สตาร์ซอคเก้อร์
>>พี่บู๋เขียนถึงสไตล์การทำทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์กับเฮียเครียด ไว้ได้น่าสนใจดีค่ะ อ่านแร้วมองต่างมุม หรือมีข้อคิดเห็นขัดแย้งยังไง ก้อเม้นท์ไว้ได้นะคะ...เผื่อพี่บู๋หรือคนใกล้ชิดอาจมาอ่าน เปนการแลกเปลี่ยนคคห.กันด้วยน่ะค่ะ
ปล. ตอนนี้บล๊อกของเปิ้ลกะลังมีอาการแปลกๆ สีสันหายไป แต่ก้ออ่านง่ายดีสำหรับคนที่บอกว่าอ่านยากส์ จขบ.มีเวลาอัพแต่คงไม่มีเวลามาตามสีbgให้กลับมา คาดว่า คงกลับมาเองมั้งคะ...อิ อิ
Create Date : 15 กันยายน 2548 |
|
29 comments |
Last Update : 15 กันยายน 2548 22:49:49 น. |
Counter : 795 Pageviews. |
|
|
|
เดี๋ยวพื้นหลังก็ฟื้นกลับมาเอง
ระบบมันคงโหลดมาก
ตอบพี่บู๋... สไตล์สวย แสบแบบแดงดำ
จ๊ากกกกกก