MY___WORLD

 
กุมภาพันธ์ 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
21 กุมภาพันธ์ 2548
 

อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบัน "คุณเจอกูแน่" >>Tungya X >>บอ.บู๋

โปรดอย่าถามว่าอดีต " เฮียเครียด " เคยได้แชมป
อะไรบ้าง และโปรดอย่าถามว่าอดีต "เฮียเครียด" เคย
เล่นฟุตบอลกีฬาสีบ้างหรือไม่...รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้
"มึงเคยเป็นแชมป์ยุโรปเหมือนผมอ๊ะเปล่า"

สมัยยังหนุ่มแน่น ไม่พบบันทึกหรือเกียรติประวัติที่บอกว่า โชเซ่ มูริญโญ่ เป็นนักเตะอาชีพ ขนาดคุณน้องเหน่อ จอมเครียดของผม ยังเคยเป็นนักฟุตบอลทีมโรงเรียนที่จังหวัดเพชรบุรีเลยคุณ(นินทากันบนกองบัญชาการซอคเก้อร์ว่าทั้งโรงเรียนของ ดร.พิว น่าจะมีผู้ชายสิบเบ็ดคนพอดี) ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้กุนซือ
ผู้ได้รับสมญา "เฮียเครียด" เพิ่งถูกคู่แข่งถากถาง พลางมองด้วยสายตาหยามเหยียด
ถามว่าจำเป็นด้วยหรือ...ที่ผู้จัดการทีมต้องเป็นอดีตของยอดนักเตะ?
ในเมื่อความจริงในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่ามียอดดาวเตะชื่อดังหลายตัวไม่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้จัดการทีม(แถมบางคนยังมีคุณภาพค่อนข้างบัดซบตบชักอีกต่างหาก)ยกตัวอย่างเช่น แกรม ซูเนสส์ เควิน คีแกน หรือ ไบรอัน ร็อบสัน และอีกเพียบกุนซือคุณภาพบัดซบ
กระนั้น การเป็นอดีตของยอดดาวเตะย่อมช่วย ท่านได้หลายประการในงานผู้จัดการทีม
อย่างน้อยมันก็ช่วยสร้างเสริมบารมีให้คุณเป็นที่นับหน้าถือตาของบรรดาลูกทีมเป็นอันดับแรก อันเป็นที่มาของศรัทธา
อันดับต่อมาเป็นผลพวงจากความเจนจบบนถนนลูกหนัง ทั้งความสามารถและประสบการณ์ที่สะสม ยิ่งเก่งมาก ยิ่งโชกโชนมาก ยิ่งช่วยท่านได้มากในงานผู้จัดการทีม
เช่นเดียวกับการลงไปสาธิตตัวอย่างให้บรรดาลูกทีมประจักษ์ในระหว่างฝึกซ้อม
หากคุณต้องการจะสอนกองหน้าให้ยิงประตูได้อย่างเฉียบคม ไม่เพียงแต่คุณจะต้องบอกให้เขาก้มหน้ามองหำตัวเองก่อนสับไก และกล่าวขอบคุณการสื่อสารแห่งประเทศไทย บางครั้งคุณจำเป็นต้องแสดงให้ลูกทีมเห็นเป็นตัวอย่างด้วยว่าคุณทำได้ ไม่ใช่สักแต่สอนด้วยลมปาก
และไม่ใช่สับไกยิงข้ามคานให้เป็นที่เสียหมาต่อหน้าลูกน้องตอนซ้อม
ฉะนั้นในความหมายของผมการเป็นอดีตของยอดดาวเตะระดับดารารุ่งรัศมีย่อมไม่ต่างจากพื้นฐานของผู้จัดการทีม และการเคยเป็นนักเตะตีนพระกาฬอาจช่วยให้คุณเป็นผู้จัดการทีมที่ได้เปรียบผู้จัดการทีมคนอื่น ซึ่งสมัยเป็นนักเตะไม่เก่งกาจเท่า(แม้นมันจะไม่เสมอไปก็เหอะ)
มีอดีตยอดดาวเตะหลายคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดในฐานะผู้จัดการทีมหรือโค้ช ไม่ว่าจะเป็น
ไบรอัน คลัฟ ผู้ล่วงลับ, อดีตนักเตะเทวดาอย่างโยฮัน ครัฟฟ์, อรหันต์ลิเบอโร่อย่าง ฟร้านซ์ เบ็คเค่นเบาเออร์
จอร์จ เกรแฮม หรือเคนนี่ ดัลกลิช
หรือไม่ต้องเป็นถึงยอดดาวเตะ เอาแค่พอมีชื่อเสียงพอหอมปากหอมคออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ เซอร์ บ๊อบบี้ ร็อบสัน ก็ได้
แต่ถ้าพูดถึงโชเซ่ มูริญโญ่ ดูเหมือนการเป็นนักฟุตบอลระดับอาชีพจะกลายเป็นทั้งปมด้อยและปมเด่นในตัวของกุนซือผู้นี้
จุดด่างพร้อยของชีวิตเฮียเครียดคือเขาเคยเป็นนักเตะในประเภทที่พากย์ฝรั่งว่า "Who Are Ya"
แทบจะไม่มีใครรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่มูริญโญ่ยังอุตส่าห์เปลี่ยนจุดด้อยของตัวเองให้กลายเป็นจุดเด่นในฐานะโค้ช หรือกุนซือดาวรุ่งพุ่งแรงผู้ประสบความสำเร็จได้โดย ที่ไม่จำเป็นที่ต้องเล่นฟุตบอลเก่งกาจหรือเคยได้เหรียญทองกีฬาสีมาก่อน
ใช่ว่าทุกคนจะทำได้แบบ "เฮียเครียด" และนั่นหมายถึงการบำเพ็ญเพียรพยายามอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับ
ถึงนักเตะชื่อ โชเซ่ มูริญโญ่ จะไม่เก่งกาจอะไร แต่อาจวิเคราะห์ได้ว่าเขาเป็นผู้มีความเข้าใจในเกม พอๆ กับรู้เรื่องลูกหนังอย่างลึกซึ้งอยู่แล้ว เมื่อบวกกับความขยันเล่าเรียนและศึกษาไขว่คว้าหาความรู้ในเรื่องลูกหนัง อีกทั้งยังเป็นศิษย์มีครู (อาจารย์ปู่บ๊อบ)
มันจึงหล่อหลอมให้เขาเป็น ซุปเปอร์ เมเนเจอร์ อีกคนของวงการตั้งแต่ยังหนุ่ม
อาจเพราะปมด้อยสมัยเป็นนักเตะนี่แหละครับ ที่บรรจงถีบให้ โชเซ่ มูริญโญ่ มีวันนี้
อาจเพราะอดีตที่น่าอับอาย กระตุ้นให้เขาต้องมุ่งมั่นฝึกวิชาอย่างหนักเป็นสองเท่าเพื่อทดแทนประสบการณ์จริงที่ควรได้รับโดยตรงจากสังเวียนแข้งและลบความบกพร่องสมัยเป็นนักเตะของตัวเองให้ได้
ซึ่งผลจากการฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนักหน่วงนี่เอง ที่อาจเป็นเหตุให้ใบหน้าของพี่แกยับยู่ยี่เหมือนกลืนก้อนหินปิ้งไฟ ในลำคอจนถึงบัดนี้
ผิดกับอดีตดาวดังหลายคนที่อาจคิดว่าตัวเองเคยเป็นผู้เล่นเท้าไฟระดับตีนกะซวกไส้มาก่อน เลยคิดว่าตัวเองแน่ หรือที่พวกเด็กแนวเรียกว่า "กูนี่ชัวร์" พอเลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นกุนซือบ้าง จึงเสียหลักพุ่งชนความล้มเหลวไม่เป็นท่า
เพราะอาจลืมไปว่าหน้าที่หลักของผู้จัดการทีมคือการฝึกสอน วางแผน และแก้เกม เช่นเดียวกับหัวใจสำคัญที่วิธีการถ่ายทอดความรู้ และกระชากความสามารถของลูกทีมออกมาอย่างไรให้มีประโยชน์มากที่สุด
ก็ผู้จัดการทีมไม่ได้ลงไปเตะในสนามเองนี่หว่าเพราะฉะนั้นบางทีความเก่งในอดีตก็เป็นแค่ตัวบอกภูมิหลังของผู้จัดการทีมเท่านั้น ไม่ได้เป็นตัวบอกอนาคต
และไม่ได้บ่งว่าลูกทีมจะต้องเจริญรอยตามความยิ่งใหญ่สมัยเป็นนักเตะของผู้จัดการทีมเสมอไป
คือมันคนละเรื่องเดียวกัน
จึงอาจบอกได้เช่นกันว่าบางทีความยิ่งยง สมัยเป็นดาวเตะก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก มิเช่นนั้น แมนฯ ซิตี้ คงได้แชมป์พรีเมียร์ชิพ และเวสต์บรอมวิช คงไม่ต้องหนีตกชั้น
เรื่องของการโค้ชชิ่งมันเป็นเรื่องของการใช้สมอง
มันเป็นเรื่องของการประชันกึ๋นระหว่างกุนซือและกุนซือ มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ชั้นสูงเพราะผู้เป็นกุนซื่อจะเก่งกาจปนฉลาดปราดเปรื่องมากขนาดไหน ถ้าลูกทีมที่เปรียบเสมือน ตัวหมากมีชีวิตลงไปทำตามคำสอนมิได้หรือไม่รู้จักพลิกแพลงหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างช่ำชอง มันก็คงไม่มีประโยชน์อันใด
ดังนั้น ถ้าเทียบปูมหลังกะกุนซือคนอื่นๆ ในประวัติศาสตร์ - มูริญโญ่ก็ต้องเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของวงการแบบห้ามเถียง อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ให้ภาพอย่างคมชัดมากกว่าผู้จัดการทีมที่ดีไม่จำเป็นต้องเป็นนักเตะที่ดี
ที่ผมเชิญ โชเซ่ มูริญโญ่ ขึ้นมาบนหน้ากระดาษแห่งนี้อีกครั้ง เนื่องจากวันก่อนอ่านเจอข่าวที่ทางบาร์เซโลน่าพยายามไซโคคู่แข่งของตัวเองในแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบสิบหกทีมเป็นระยะ
ประมาณเป็นการชวนทะเลาะและเล่นสงครามจิตวิทยากันซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
แต่ผมกลับมีความรู้สึกว่ายอดทีมจากแคว้นคาตาลุนญ่า เผลอหลุดอาการหวั่นเกรง "จ่าฝูง" และ "ว่าที่แชมป์" จากอังกฤษ อย่าง เชลซี ออกมาโดยไม่รู้ตัวนะจ๊ะ...จะบอกให้
เหตุเพราะขุมกำลังของบาร์ซ่า นั้นไม่เป็นรองแถมอาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ แต่ผู้คนทั่วไปกลับมองว่าเชลซี
เหนือกว่าตรงภาพรวม และกึ๋นส์ของผู้เป็นกุนซือ ซึ่งคาดว่ามันคงทำให้จ่าฝูงบอลสเปน ออกอาการหวาดผวาจนต้องทำเป็นกลบเกลื่อน
อันนี้ใครๆ ก็คิดนะครับ ผมไม่ได้คิดคนเดียวคือแทบทุกสื่อยกให้ เชลซี เหนือกว่า บาร์เซโลน่า และฟันธงว่าน่าจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จก็ตรงคุณภาพของผู้จัดการทีมที่เหนือกว่านั่นแหละ
บรรดาลูกทีมของ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด จึงต้องเป็นฝ่ายออกมาเปิดฉากพูดอะไรที่ควรเรียกว่า "ยกตนข่มท่าน"
นอกจากจะพยายามยกตนข่มท่านแล้ว ยังเพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่า "กูไม่กลัวเชลซี"
ครับ - เชลซี ที่เป็นใบหน้าของ โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังยักคิ้ว
บาร์เซโลน่าส่งดาวถล่มประตูที่ผมเพิ่งรู้ว่า โคตรปากหมาหลบในอย่าง ซามูแอล เอโต้ ออกมาเป็นหัวหอก เพราะสิ่งที่ดาวซัลโว ลา ลีกา บ้วนออกมานั้นมันค่อนข้างแทงใจแบล็คของเฮียเครียดเหลือเกิน
เอโต้ ยกหางพี่แฟร้งค์กุนซือหัวหยิกหยอยเหมือนฮะมอยส์ขัดหม้อของตัวเองว่ามีความรู้ในเชิงฟาดแข้งมากกว่ากุนซือของเชลซี ซึ่งนั่นมีความหมายคล้ายๆ การพูดด้วยปากแล้วถากด้วยตา ว่ามูรินโญ่เตะบอลไม่เป็น โดยเฉพาะถ้าเทียบกับไรจ์การ์ดสมัยเป็นนักเตะ
แถวบ้านเรียกสะกิดปมด้อยครับ
ถึง "เฮียเครียด" จะไม่เคยเป็นนักเตะผู้ยิ่งยงและไม่ได้ลงเล่นแม้แต่ในทีมที่มีพ่อตัวเองเป็นกุนซือตามที่ถูกกระทบกระเทียด แต่ใครก็ตามที่ขุดปมด้อยประเภทนี้มาทิ่มแทงกัน ย่อมแสดงให้เห็นถึงความไม่มีสปิริตและน้ำใจนักกีฬาของผู้พูด
มันเหมือนการประจานและตอกย้ำปมด้อยของคนอื่น
คงไม่มีนักเตะปีศาจแดงคนใดบอกว่าตอนเด็กๆ อาร์แซน เวนเกอร์ เคยถูกลุงแท้ๆ ของตังเองอัดถั่วดำเพราะนั่นเป็นการตอกย้ำถึงปมด้วยของคนอื่น
ถ้าเป็นนักเลงแถวโคกอีแหลวคงต้องแจ้งกลับ"พูดสุนัขๆ แบบนี้ต้องเตะปากกัน"
เมื่อถูกสะกิดใจอย่างรุนแรงแบบนี้ไม่ต้องสงสัยเรยครับว่าทำไมกุนซือหน้าเครียดตลอด 24 ช.ม. ถึงออกมาเอาคืนอย่างทันควันว่าโค้ชจอมถุยส์ขอองคุณพี่ก็ไม่เคยได้แชมป์ยุโรปหรือแชมป์อะไรในฐานะกุนซือเหมือนอย่างเขา
ว่าแร้วก็ฝากคำกระทบชิ่งไปถึงป้าแหวงอาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลที่กำลังนอนเลียไอศกรีมอยู่กับบ้านว่าเชลซีมีนักเตะท้องถิ่นมากกว่าบางทีมเสียอีกซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่บาร์เซโลน่าออกมาแขวะเขาเลย
มูรินโญ่จัดเป็นกุนซือที่ไวต่อความรู้สึกมากครับคือถ้าโดนแล้วจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้เดี๋ยวอกแตกตาย และถ้าใครก็ตามดันทะลึ่งมาชวนเฉือนคารม เขาก็มักจะจัดให้ไม่ผิดหวัง
แต่อย่างที่บอกครับว่าสิ่งที่เอโต้บ้วนออกมานั้นนอกจากจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาประจานกันแล้ว มันยังแสดงให้เห็นว่าในใจลึกๆ แล้ว พวกท่านก็หวาดๆ เชลซีอยู่เหมือนกัน ถึงได้ออกมาทำเสียงดังว่าโค้ชของข้าเก่งกว่าโค้ชของเอ็ง ประหนึ่งกลัวชาวบ้านจะไม่รู้ว่า แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ก็เป็นกุนซือที่เก่งเหมือนกันนะ
น่าเสียดายครับที่กุนซือหนุ่มแห่ง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ปากไวไปหน่อย
เพราะแทนที่"เฮียเครียด" จะเอาเกียรติประวัติแห่งการเป็นผู้จัดการทีมของตนมาหักล้างอย่างฉับพลันแบบนั้น การวางมาดนิ่งแล้วเหน็บยิ้มเย้ยหยันพลางพยักหน้าช้าๆ ฝากคำกลับไปในเสียงเยือกเย็นว่า
"มึงเจอกูแน่" จากผู้จัดการทีมที่เตะบอลไม่เก่ง
มันน่าจะเป็นอะไรที่สยดสยองปนโรคจิต มากครับสำหรับบาร์เซโลน่า

บอ.บู๋
คอลัมน์ทุ่งหญ้าX
นสพ.สตาร์ซอคเก้อร์
ขอบคุณค่ะ




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2548
10 comments
Last Update : 11 มีนาคม 2548 22:48:34 น.
Counter : 728 Pageviews.

 
 
 
 
ตามูมันโชคดีจริงๆนะได้ทำงานกับสโมสรใหญ่ๆอย่างบาซ่า รวมทั้งทำงานร่วมกับ ปู่บ๊อบและ หลุยฟานกัล
ซึ่งทั้งคู่ล้วนเป็นสุดยอดผู้จัดการทีมทำให้ตามูได้เรียนรู้จากคนเก่งๆถึงสองคน
แต่ไม่ว่ายังไงผมว่าตอนนี้ตามูยังเทียบชั้นปู่บ๊อบไม่ได้เลย ที่พาทีมเป็นแชป์เยอะแยอะหลายสโมสร
ถึงแม้การมาอยู่กับนิวจะไม่ได้แชมป์ไรติดมือ แต่ก็เรียกว่าพานิวกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหลังจากรุด กุลริด ทำตกต่ำ จนเกือบไปอยู่ท้ายๆตาราง
 
 

โดย: panumas05 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:1:34:20 น.  

 
 
 
แวะเข้ามาอ่านค่ะ บอ บู๋ อ่านแล้วจิ๊ดๆ เลยนะคะ ฮี่ฮี่
 
 

โดย: วัฌชา วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:2:59:50 น.  

 
 
 
สะจาย...ว้อยยย!!

=)
 
 

โดย: ฮัน (hunjang ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:8:15:50 น.  

 
 
 
อ่านแล้วเน้อ
 
 

โดย: ลูกบ้าเที่ยวสุดท้าย IP: 202.176.85.33 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:13:45:02 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับเปิ้ล
 
 

โดย: jeawsuka jang วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:14:46:27 น.  

 
 
 
"มึงเจอกูแน่"

ชอบจัง..เข้ามาแล้วนะครับ แหะๆ ขอบคุณคร้าบบ
 
 

โดย: ManU_In_Blood IP: 220.237.214.175 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:8:20:24 น.  

 
 
 
เข้ามาอ่านนะคะ ไม่ค่อยจะรู้เรื่องมากนัก

เพราะไม่ค่อยได้สนใจเลยค่ะ
 
 

โดย: รักดี วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:15:12:41 น.  

 
 
 
ขอบคุณคะเปิ้ล
(หุหุ แอบตามlinkในบอร์ดเข้ามาอ่านอีกแระ^^)
 
 

โดย: Over Protected!~* IP: 61.91.94.13 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:15:17:47 น.  

 
 
 
หวัดดี ค๊าบ เจ๊เปิ้นนนนน
 
 

โดย: Masculiner IP: 202.28.27.3 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:18:58:39 น.  

 
 
 
แวะมาขอบคุณ
ที่แวะไป "เบื้อกเดย์" นู๋ก่ะ ฮี่ๆๆ...

=)
 
 

โดย: ฮัน (hunjang ) วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:7:47:48 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Mu_in_love
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Mu_in_love's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com