ยุทธการช้างกระทืบสิงห์ >> คอลัมม์ทุ่งหญ้าX >>โดย บอ.บู๋
บางทีเดือนแห่งความรักอาจจะไม่เป็นสีชมพู สำหรับ โชเซ่ มูริญโญ่ และพวกพ้องนักเตะชาวสิงห์น้ำเงินก็ เป็นได้
เริ่มตั้งแต่ข่าวฉาวเมื่อท่าน ปีเตอร์ เคนย่อนอดีตนักบริหารมือพยายมของปีศาจแดง ผู้ขายตูดให้โคตรเศรษฐีรัสเซียนอย่างไร้ศักดิ์ศรี แอบไปย่องตอด แอชลี่ย์ โคล ในโรงแรม ส่งผลให้เชลซี อาจถูกหักถึง 4 แต้ม หรืออาจทั้งหักทั้งปรับข้อหาตีท้ายครัวชาวบ้าน
ตามมาด้วยอาการบาดเจ็บอย่างหนักของอาร์เยน ร็อบเบน ดาวเตะตีนกะซวกไส้ผู้เป็นกุญแจสำคัญในการล่า สังหาร ก่อนทำได้แค่เสมอกับ แมนฯ ซิตี้ ในถิ่นตัวเอง แถมโดนเควิน คีแกน ออกมาไซโคว่ามึงรากแตกแน่คราวนี้
นอกจากนั้นยังมีปัญหาคาใจกับคุณหมอประจำทีมถึงขั้นแตกหัก โดยไม่จำเป็นต้องรอให้คุณหญิงพจมาน มาเป็นกาวใจเพื่อประสานรอยต่อของหัวใจที่แตกร้าว ชนิดคุณหญิงหมอเห็นแล้วยังต้องหนาว
ความกดดันเริ่มแสยะยิ้มกวนบาทากระโดดมาเกาะบ่าสีน้ำเงิน
จึงพูดกันหลายปากว่าเสาร์นี้ "เฮียครียด" จะต้องพบบทพิสูจน์ชิ้นใหญ่อีกครั้ง ในสถานการณ์เหมือนถูกมือ ลึกลับจากนรกเอื้อมมาบีบไข่เบาๆ แค่พอเสียว เมื่อต้องไปทำศึกที่โรงงานท๊อฟฟี่
ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นกังวลอะไร พลางยักไหล่ไม่สะ ทกสะท้าน แต่หน้าของเฮียก็ยังยับยู่ยี่เสมอหนึ่งไม่เคยเจอเตารีดทาบหน้า แม้เฮียเครียดอาจจะยืนยันว่า "อ๋อ...หน้าของกูเป็นอย่างนี้อยู่แล้วครับ" แต่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่างลง ความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน
ว่า"ของจริง" อาจเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น
อีกทั้งยังมีกระแสจิตจากฝูงชนที่กำลังทำพิธีแช่งชักหักกระดูกให้ทีมว่าที่แชมป์อย่าง เชลซี หักหลบความกดดันเสียหลักไปพุ่งชนความหายนะตามสันดาน ของมนุษย์ผู้ชอบเห็นความบรรลัยของชาวบ้านอีกต่าง หาก เพราะตอนนี้มีคนรอสมน้ำหน้าเฮียอยู่เพียบ เลยนะครับ-ขอบอก ประมาณเฮียอย่าพลาดให้เห็นแล้วกัน ฮิฮิ ถือเป็นวิกฤตเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้ามความปลอดภัย มิเช่นอาจเป็นเช่นนี้ กรุณาจินตภาพถึง อาร์แซน เวนเกอร์ ในอาการรูตูดตะลึงเมื่อ 2003 ก่อนออกมาประกาศว่า " อาร์เซน่อล ยังคงเป็นทีมที่ดีที่สุดในอังกฤษ"...ซึ่งวินิจฉัยว่าเกิดจากการถูกกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนักและเฉียบ พลันเกินไป
ถ้าแน่จริงตามที่ทำปากเก่ง คุยโวโอ้อวดเอาไว้ เขา(เฮียเครียด) ต้องนำลูกทีมพลิกตัวกลับมาเปลี่ยนวิกฤตเป็นแรงผลักดันขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้ได้
ทีนี้ เรามาดูบันทึกนะครับว่าที่ผ่านมา เมื่อ เชลซี ถูกหยุดยั้ง พวกเค้ามีสถาพอย่างไรในนัดต่อมา
ฤดู นี้ เดอะ บลู แมชชีน เครื่องสะดุดเมื่อทำได้แค่เสมอกับ แอสตัน วิลล่า และต่อจากนั้นก็ไม่มีปัญหา หักคอน้องไก่สเปอร์ ใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งเป็นต้น เหตุให้"เฮียเครียด" ออกมาถากถางผู้มาเยือนประมาณว่าทำไมไม่เอารถบัสคันใหญ่ๆ มาจอดขวาง หน้าประตูเสียเลยล่ะ แต่หลังจากเสมอ 2 นัด พวกเขาบุกไปเชือดโบโร่ได้สำเร็จ
ครั้งต่อมาหลังพ่ายศึกที่ ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์-เชลซีระเบิดความอัดอั้นด้วยการถล่มแบล็คเบิร์น สะเด่าหัว แม่เท้า 4 - 0 เช่นเดียวกับครั้งที่ถูกพลพรรคบ้านบางแค โบลตันบุกมาควัก 1 แต้ม ออกไปจาก เดอะ-บริดจ์กุมารทองที่เสี่ยหมีเอาฟ่อนไปห่อมาก็ระบายอารมณ์ด้วยการบุกไปถล่มชาร์ลตัน 4 - 0 และเมื่อต้องแบ่งแต้มอีกครั้งกับอาร์เซน่อลที่ไฮบิวรี่ -นอริช กลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของฝูงสิงโตหื่นกระหายในชัยชนะ
นกขมิ้นเหลืองอ่อนช่างน่าสงสารยิ่งนัก เมื่อถูกเชลซีที่ กำลังโรคจิตเต็มพิกัดบุกบุกกระหน่ำอย่างอำมหิตคารัง 4 - 0
สังเกตไหมครับว่าใน 3 ครั้งล่าสุด ที่เชลซี เพรี่ยงพร้ำ มันแทบไม่ต่างจากเฮียเครียดถูกดึงขนตูดหนึ่งเส้นก่อนพวกเขาจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก ประมาณถ้าเธอทำฉันเจ็บ ชาวบ้านต้องเจ็บเป็นสองเท่า!!! เพราะฉนั้นมันจึงแสดงให้เห็นเด่นชัดว่าไม่ควรเจอกับ เชลซีเด็ดขาด ยามที่ มูริญโญ่ เพิ่งโดนดึงขนตูด เนื่อง จากลูกทีมของเขาจะเปลี่ยนความแสบสันต์ & คันขอบทวารหนักเล็กน้อยของเจ้านายบวกกับความผิดหวังของตัวเองเป็นแรงอัดที่มีพลังทำลายรุนแรงและ กระหน่ำไม่เลี้ยง เรียกว่ายิ่งบาดเจ็บยิ่งดุร้ายประหนึ่ง เสือลำบาก
นั่นหมายความว่าเอฟเวอร์ตันคือเหยื่อรายต่อไป ที่ต้องรองรับแรงอัดของเชลซี คงง่ายเกินไปถ้าจะพูดอย่างนั้นและผมอาจถูกรุ่นน้องเลือดสีน้ำเงินประเภทอาร์ดคอร์ของเอฟเวอร์ตันที่มีอยู่ 2 ตัวบนกองบัญชาการซอคเก้อร์รุมกระทืบเอาได้ โทษฐานเขียนอะไรไม่ดูสถานการณ์
เพราะสถานการณ์ที่ เชลซี กำลังเผชิญอยู่ในนาทีนี้ไม่อนุญาตให้เลียนแบบของเก่าที่ไล่ถล่มชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ 4 - 0 ทุกครั้งที่พลั้งพลาด แม้ยังทั้งห่างผู้ไล่ล่าอย่างแมนฯ ยูไนต็ด และ อาร์เซน่อลจนเกือบไม่เห็นฝุ่น แต่นาทีนี้ใครหลายคนมองว่า เชลซี น่าจะกดดันมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาจากระยะทางที่กระชั้นชิดยิ่งขึ้นก่อนถึงเส้นชัย รวมถึงฟอร์มการเล่นใน 2 นัดหลังที่ออกอาการแผ่วให้เห็นและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำคุยเขื่องที่มูริญโญ่ เคี้ยวออกมาจากปาก ซึ่งอาจย้อนกลับมากดดันตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นอีกมากมาย ที่บ่งว่าทีมท๊อฟฟี่คงไม่ยอมให้ผู้มาเยือนจากเมืองหลวงเคี้ยวได้อย่างสนุกสนานรูปาก
เนื่องเพราะมันเป็นเกมที่มีความหมายสำหรับ เดวิด มอยส์ และพวกพ้องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้นำเป็นจ่าฝูง เมื่อมองข้ามสวนสาธารณะไปที่เพื่อนบ้านอย่างลิเวอร์พูล อย่าลืม.....สถานการณ์ปัจจุบันบีบให้เชลซีต้องเล่น เพื่อชนะเท่านั้น ผลเสมอย่อมไม่ดีสำหรับเชลซีแน่ ซ้ำ ยังอาจส่งผลข้างเคียงถึงสภาพจิตใจของนักเตะที่ส่วน ใหญ่ไม่เคยผ่านสถานการณ์ค่อนข้างคับขันในการเข้าโค้งอันตราย กลับกันที่เพียงหนึ่งแต้มน่าจะช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน พึงพอใจมากกว่า
คำถามคือทีมระดับเอฟเวอร์ตัน จะต้องทำอย่างไรเพื่อต้านทางแรงผลักดันและแบ่งแต้มมาจากเชลซี ในเมื่อที่ผ่านมาไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีใครทำสำเร็จ ย้อนกลับไปเกมที่แล้วแมนฯ ซิตี้ เพิ่งสาธิตวิธีหยุดความแรงของพลพรรคสิงห์บลูให้เห็น แต่ผมว่ามันยัง ไม่ชัดเจนมากนัก
ไม่ชัดเจนเพราะนอกจากการตั้งรับอย่างเต็มรูปแบบหรือแถวบ้านเรียกโคตรมหาอุดแล้ว ที่ลูกทีมของคีแกนยันเสมอเชลซีได้ เนื่องจากมันเป็นวันที่ผีปลาหมึก เข้าสิงนายทวารที่ยึดถือเจ้าพ่อสุกรทองเป็นแม่แบบ ในการป้องกันประตูอย่าง เดวิด เจมส์ พอดี
การอุดประตูอาจช่วยบรรเทาการเสียประตูอย่างลื่นไหลได้ แต่ก็ไม่มีอะไรพิสูจน์ว่าทุกครั้งจะประสบความสำเร็จ เช่นกันที่ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าวิญญานปลาหมึกจะเข้าสิงร่างของนายทวารคนไหนและในเกมไหน ครับ-ผมคงไม่กล้าฟันธงว่าวิญญานปลาหมึกจะเข้าสิงร่าง ไนเจล มาร์ติน ในวันพรุ่งนี้
แมนฯ ซิตี้ยังคงเป็นทีมเดียวที่ไม่เสียประตูให้ เชลซี ครบทั้ง 2 นัดที่เจอกัน ซึ่งเควิน คีแกน อยู่ในท่าได้ทีขี่แพะไล่ประกอบการเผยหนึ่งในเคล็ดวิชาหนังเหนียวว่า เป็นเพราเขาสั่งให้ลูกทีมทุกตัวประกบติดคู่ต่อสู้ยิ่งกว่า แซม ยุรนันท์ กับ พี่กี้ร์ อริสมันต์ (รวมถึงลิ่วล้อทั้งหลายที่อยากออกทีวี) ประกบติดท่านหัวหน้าพรรคจิ๋มรักจิ๋มตอนหาเสียงเสียอีก เฉพาะอย่างยิ่งดาวเตะประ เภทห้องเครื่องอย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด หรือเดเมี่ยน ดัฟฟ์ ต้องเอาให้อยู่หมัด
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าการประกบตัวต่อตัว จะปิดโอกาสของเป้าหมายได้อย่างหมดจด เดวิด มอยส์จัดเป็นผู้จัดการทีมระดับดาวรุ่ง คุณภาพสูงอีกหนึ่งคนในวงการ อย่างน้อยเขาพิสูจน์ตัวเองให้เห็น ในระดับหนึ่งว่าไม่ธรรมดาจากการเสกให้นักเตะระดับโรงงานท๊อฟฟี่ยืนระยะเสนอหน้าอยู่บนหัวตารางจนถึงบัดนี้
แน่นอนว่าเขาย่อมมีเหลียมเล่ห์และกลยุทธในการกำราบเชลซีที่อาจแยบยลชนิดที่ไม่สามารถมองเห็นด้วย ตาเปล่า กระนั้นอาจมีสิ่งหนึ่ง ซึ่งพลพรรคกุหลาบไฟของมาร์ค ฮิวจ์ เพิ่งแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง นั่นคือการเล่นในสไตล์ เฮฟวี่ เมทัล หนักหน่วง รุนแรงและกระแทกกระทั้นอย่างถึงลูกถึงคนและถอนรากถอนโคน
วันนั้นผู้เล่นแบล็คเบิร์น เล่นเหมือนได้รับคำสั่งจากซือเจ๊ให้ให้ดับเจ้าพ่อด้วยวิธีการเล่น แบบกะซวกยกชั้นปนอัดอัดดิบดิบ แม้นจะตกเป็นฝ่ายปราชัย แต่ลูกทีมของ "สปาร์กี้" แสดงวิธีการเล่นแบบโหดไม่จำกัดเข้าใส่จนลูกทีมแข้งเงินล้านของเฮียเครียดสะบักสะบอมไปตามๆ กัน
ผลงานสร้างชื่อคือการ "เก็บ" ตัวอันตรายอย่าง อาร์เยน ร็อบเบนและกระทุ้งหนักๆ จนส่งผลให้แข้งขาของนักเตะเชลซี บิดเบี้ยว ไม่มีพลังจมเรือไบ
เข้าใจครับว่าทำไม โชเซ่ มูริญโญ ถึงออกอาการรังเกียจผู้จัดการทีมกุหลาบไฟแบบออกนอกหน้า ไม่ยอมเขย่ามือกันหลังจบเกมนั้น
เพราะสิ่งที่ มาร์ค ฮิวจ์ สั่งให้ลูกทีมปฏิบัติกับคู่ต่อสู้ มันค่อนข้างดิบเถื่อนเกินกว่าที่จะรับได้ แถมยังทำลายความสวยงาม ของเกมลูกหนังให้แหลกสลายคาตีน แต่สิ่งที่กุนซือเชลซีควรเข้าใจ คือเขาดันทำให้ลูกทีม ตัวเองมีความสมบูรณ์แบบอย่างแพรวพราวเกินกว่าที่จะต้านทานนอกเสียจากการเล่นแบบโรคจิตกว่า
ภาษาลูกหนังอันเดอร์กราวนด์เรียกว่า "Fcuk The Ball" คือถ้าเชลซีเป็นทีมที่โรคจิต ก็ต้องโรคจิตกว่าให้ได้ ในอดีตทีมเอฟเวอร์ตันเคยได้ชื่อว่าเป็นทีมที่จัดอยู่ ในสไตล์ เฮฟวี่ เมทัลแม้การมาของ "เฮียฮะมอยส์" จะช่วยให้พวกเขามีความสวยงามมากขึ้น แต่ถ้าจำเป็นก็อาจจะงัดออกมากระทุ้งตับไตคู่แข่งได้ทุกเมื่อ
ไม่เชื่อลองไปถาม "บิ๊ก ดั๊งก์" ดูเดะ ผมไม่กล้ายืนยันหรอกครับว่า เอฟเวอร์ตัน จะหยุด เชลซี ด้วยวิธีไหน หรือจะหยุดได้สำเร็จหรือเปล่า แต่ไม่ว่าผลการ แข่งขันจะออกมาในรูปแบบใด
หลังจบเกมนี้ อาจเป็นได้เหมือนกันว่า มันจะเป็นอีกครั้งที่ โชเซ่ มูริญโญ่ ไม่ยอมจับมือกับกุนซือคู่แข่ง
บอ.บู๋ ขอบคุณหนังสือพิมพ์สตาร์ซ้อคเก้อร์ ฉบับประจำวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2548 |
|
9 comments |
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2548 8:24:59 น. |
Counter : 768 Pageviews. |
|
|
|