สถาบันแห่งความโอหัง.....โดย บอ.บู๋ >>ทุ่งหญ้าX
ในชีวิตชิดลูกหนังของผม มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่เคย ถูกยกให้เป็นดาวเตะในดวงใจ
นรก-หนึ่งในนั้นคือ แอนดี้ โคล!!!
ใครอ่านข้อเขียนของผมมานานกว่า 5 ปี คงทราบดีว่า ผมเคยมีนักเตะขวัญใจคนหนึ่งชื่อ แอนดี้ โคล
ครับ-แอนดี้ โคล ดาวยิงผู้เป็นคุณครูใหญ่ประจำสถาบันสากกะเบือแห่งชาตินั่นแหละ
ศิษย์เอกของสถาบันแห่งนี้ได้แก่ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน กับ เอมิล เฮสกี้ ฮิฮิ
ไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ กรุณาไม่ขำ และหย่านึกว่าผมเขียนประชดประชันหรือล้อเล่นสนุกๆ ผมชื่นชอบแอนดี้ โคล เป็นการส่วนตัวจริงๆ
ถึงแม้เขาจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับอุปกรณ์การตำน้ำพริกหรือตำข้าวเปลือกของคนไทยโบราณอยู่บ่อย ครั้งก็ตาม ทว่าผมก็มองเห็นเสน่ห์ของนักเตะผู้นี้เหมือนที่ (เซอร์) อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือใครบางคนเคยเห็น
จำได้ไหมครับว่ากาลครั้งหนึ่ง เฟอร์กี้เคยถูกนินทาว่าเป็นพ่อบุญธรรมของแอนดี้ โคล คือรู้ทั้งรู้ว่ากองหน้า ผู้นี้ยึดถือสากกะเบือเป็นแม่แบบในการเล่น แต่นายใหญ่แห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ตะบี้ตะบันส่งแอนดี้ โคล ลงสนามอย่างไม่รู้จักเบื่อหรือเอือมระอา ไม่ต่างจาก "เด็กเส้น"
และความจริงที่บันทึกไว้ในพงศาวดารลูกหนังคือ แอนดี้ โคล ถล่มประตูในพรีเมียร์ชิพได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก อลัน เชียร์เรอร์ เพียงคนเดียวเท่านั้น ด้วยจำนวนสูงถึง 175 ประตู ตลอดการดำเนินอาชีพนักธุรกิจลูกหนัง โคลยิงไปแล้ว 254 ประตู ไม่นับอีก 1 ประตูในนามทีมชาติอังกฤษ คงไม่มีสากกะเบือเลี่ยมทองดุ้นไหน กระทุ้งตาข่ายคู่แข่งได้ถึง 254 ประตูเป็นแน่
แต่พ่อยอดขมองอิ่มของผม ยังไม่พ้นข้อกล่าวหานั้นอยู่ดี เนื่องจากว่ากันว่า 254 ประตูที่เขาผลิตได้ เกิดจากจังหวะการสับไกยิงประมาณ 83,764 ครั้ง
หมายความว่าเขาเป็นกองหน้าที่ใช้โอกาสได้สิ้นเปลื่อง พอๆ กะฟุ่มเฟือยที่สุดในโลก ทุกครั้งที่แอนดี้ โคล หลุดเดี่ยว ผู้ชมจำเป็นต้องลุ้นเอาใจช่วยอย่างเหนื่อยหนักว่าเค้าจะทำประตูได้หรือไม่ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับลูกยิงระยะเผาขนเพียงไม่กี่หลา ที่อาจเหินข้ามคานได้เสมอ จนกลายเป็นเรื่องไม่น่าประหลาดใจ เท่าๆ กับกลายเป็นเรื่องตลกโปกฮา โดยไม่เว้นแม้กระทั่งการฝึกซ้อม
กาลครั้งหนึ่งยังไม่ค่อยนานเท่าไหร่ ผมเคยตามไปทำข่าว แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นนัดอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาลที่ประเทศฮ่องกง และมีโอกาสเห็นพลพรรค "ปีศาจแดง" ลงฝึกซ้อม
แอนดี้ โคล วิ่งลงไปหาลูกบอลที่วางอยู่หลายลูกตรงกลางสนาม เขาเลือกลูกหนึ่ง แล้วใช่ตีนควบตะบึงจากกลางสนามด้วยความเร็วสูงไปที่หน้าประตูด้านหนึ่งซึ่งว่างเปล่า ปราศจากนายทวาร ก่อนก้มหน้ามอง หำตะบันเต็มตีนเตี่ยบริเวณริมเขตโทษ โดยหวังว่าลูก จะเข้าไปทะลวงตาข่ายด้วยความรุนแรงเพื่อเป็นการ "โชว์ออฟ" ต่อหน้าแฟนๆ
อนิจจา....ลูกลอยละล่องเหินข้ามคานไปเกือบถึงเมือง จีนโน่นนนนน เรียกเสียงขาก....ถุยส์ส์ส์ส์ จากปากแฟนบอลอาตี๋ อาหมวยอย่างกึกก้องบนอาการขำกลิ้งแทนเสียงกระทืบมือขณะเจ้าตัวมองตามลูกที่ลอยข้ามคานไปไกลอย่างไม่สะทกสะท้านราวกับเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
แม้แต่การยิงประตูโล่งๆ ไร้สิ่งกีดขวางในการฝึกซ้อมเขายังอุตส่าห์เตะข้ามคานให้ชมเป็นขวัญตาเลยคุณ แต่การได้ชื่อว่าเป็นกองหน้าผู้ฟุ่มเฟือยโอกาสมากที่สุดอาจมีความหมายอีกนัยหนึ่งว่า แอนดี้ โคล คือกอง หน้าที่จมูกไวกว่าแมลงวันได้กลิ่นเนื้อเน่าในถังขยะผูนำพาตัวเองไปพบจังหวะและโอกาสในการทำประตูได้อย่างถี่ยิบเช่นกัน
นี่แหละจุดเด่นที่ซุกซ่อนในจุดด้อยของ แอนดี้ โคล และนั่นควรเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเป็นกองหน้าที่กุนซือระดับบรมครูอย่างเฟอร์กี้ โปรดปรานมากที่สุดคนหนึ่ง นอกจากนั้นอัตลักษณ์อีกอย่างของกองหน้าผู้นี่ คือความโอหังและมั่นใจในตัวเองแบบสุดขั้ว จนนำมาซึ่งความ" คลาสสิค" เฉพาะตัวอันแตกต่างจากคนอื่น
ถ้าคุณเคยศึกษาประวัติส่วนตัวของหมอนี่อย่างถี่ถ้วน คุณจะรู้ว่าเขาเป็นนักเตะที่จัดอยู่ในประเภท "หลงตัวเอง" เป็นที่สุด เขาคิดเสมอว่าตัวเองเป็นนักเตะที่เก่งกาจ เลอเลิศ แถมเคยคิดออกมาดังๆ ว่าตนเองเป็นกองหน้าดาวถล่มประตู ที่มีคุณภาพสูงกว่าอลัน เชียร์เรอร์ (คิดได้ไงเนี่ย)...................????
ใครก็ตามที่บังอาจมาวิพากษ์วิจารณ์ฟอร์มการเล่นของเขา มักจะถูกตอกกลับแบบเจ็บๆ และคันๆ ยกตัวอย่างเช่นที่ผู้ร่วมบรรยายเกมนามกระเดื่องอย่าง แอนดี้ เกรย์ หรือไม่เว้นแม้แต่เทพบุตรโลกันตร์อย่าง จอร์จ เบสต์เคยโดน เรื่องที่ถูกวิจารณ์ หนี่ไม่พ้นการใช้โอกาสที่สิ้นเปลือง โคลตอกกลับคอมเมนเตเตอร์ชื่อดังของ สกายสปอร์ต ว่าสมัยที่เป็นหัวหอกจอมโขก แอนดี้ เกรย์ คงจะใช้ศรีษะโหม่งลูกฟุตบอลมากเกินไปจนสมองเสื่อม เช่นเดียวกับดาวเตะรุ่นน้าในตำนานปีศาจแดงอย่าง จอร์จ เบสต์ ที่ถูกถล่มกลับว่าคงดื่มเหล้ามากเกินไปจนหมดสมรรถภาพทางความคิด...ถึง ได้มองไม่เห็นความยอดเยี่ยมที่บรรจุอยู่ในตัวเขา
ผมเอาเรื่องเก่าๆ ของ แอนดี้ โคล มาหากินอีกครั้งหลังทราบข่าวเมื่อวันก่อนว่าดาวเตะขวัญใจผู้นี้ เลื้อยตูดดำๆ ของตัวเองจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์ไปอยู่กับฟูแล่มแบบไม่มีค่าตัว
น่าจะเป็นการย้ายทีมเที่ยวสุดท้ายของดาวยิงวัย 33 ปี ผู้นี้แล้ว และชื่อของฟูแล่ม ทำให้ผมนึกอะไรอย่างหนึ่งออก ว่าครั้งหนึ่ง แอนดี้ โคลเคยถูกส่งตัวไปอยู่ฟูแล่มแบบไม่เต็มใจความหมายของการดัดสันดาน ผู้ที่ถีบหัวส่งเขาไปอยู่กะฟูแล่มเมื่อครั้งกระโน้นมีนามว่า จอร์จ เกรแฮม มหากุนซือแห่งสถาบันปืนโตในยุคนั้น สาเหตุเกิดจากความยโสโอหังและหยิ่งผยองในตัวเองเกินไปนี่แหละ เมื่ออยู่ดีๆ เด็กฝึกหัดวัยแค่ 18 ปีที่โมเดลลิ่งของทีมปืนโตไปค้นพบมาจากเมืองน้อตติ้งแฮม เดินไปเคาะประตูห้องทำงานของ "บิ๊กจ๊อด"
ก่อนเอ่ยปากถามนายใหญ่แห่งปวงปืนโตว่า "ทำไมผมถึงไม่เคยลงเล่นเป็นตัวจริง" อนึ่งคู่หัวหอกตัวจริงของอาร์เซน่อลในตอนนั้นมีนามว่า พอล เมอร์สัน กับอลัน สมิธ "บิ๊กจ๊อด" นิ่งอึ้งแดกส์อยู่บนเก้าอี้ทำงานพลางคิดในใจว่า "อะไรของมึงครับ...ไอ้หอก"
เขาไม่ตอบคำถามของหนุ่มน้อย แอนดี้ โคล โดยพลัน และไม่เคยบ้วนเหตุผลออกมาเป็นคำพูดว่าทำไมถึงยัง ไม่ให้โอกาสเด็กฝึกหัดวัย 18 ปี ผู้นี้ลงเล่นเป็นตัวจิงอย่างถาวร สิ่งที่จอร์จ เกรแฮม กระทำแทนการให้คำตอบที่กระจ่างชัดคือการที่ส่งตัวแอนดี้ โคล ให้สโมสรฟูแล่มยืมไปใช้เป็นเวลา 4 เดือน ก่อนดองเอาไว้อีกซักพักและขายขาดให้ทีมในระดับต่ำอย่างบริสตอล ซิตี้
นั่นคือคำตอบของ "บิ๊กจ๊อด" จากคำถามที่ว่า "ทำไม ผมถึงไม่เคยลงเล่นเป็นตัวจริง"
แต่ผมเชื่อว่า ณ วันนี้ แอนดี้ โคล คงยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมและทำไม ตลอดเวลาเกือบ 4 ปีที่เป็นนักเตะอาร์เซน่อลเขาถึงเคยลงสนามให้ทีมปืนโตชุดใหญ่เพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น แถมถูกผู้เป็นนายปล่อยออกจากทีมแบบไม่เสียดาย
เนื่องเพราะความจองหอง และมีความมั่นใจในฝีเท้าตัวเองสูง(เกินไป)ของแอนดี้ โคล นั่นเอง
เหตุผลที่เขายอมถอดเครื่องแบบปีศาจแดงอันทรงเกียรติเพื่อลดตัวไปอยู่กะแบล็คเบิร์น ก็คือนิสัยเกลียดการวางสะโพกบนม้านั่งสำรองเป็นที่สุด
วันนี้เขาเดินทางเพื่อแสวงหาความท้าทายกลับไปที่ฟูแล่ม อีกครั้งหลังขัดแย้งกับผู้จัดการทีมกุหลาบไฟ นอกจากนี้ ด้วยวัยที่ใบไม้ล่วงกาลเวลาขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ แอนดี้ โคล ไม่ใช่กองหน้าที่ปราดเปรียวเหมือนก่อน
แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดมาคือความมั่นใจในตัวเองแบบสุดขั้ว(กับมือที่ถือสากกะเบือเป็นอาวุธ) นี่แหละ แอนดี้ โคล ดาวเตะขวัญใจของผม
นี่แหละ ดาวยิงผู้เป็นสถาบันแห่งความโอหัง บอ.บู๋
จากคอลัมม์ ทุ่งหญ้าX หนังสือพิมพ์ สตาร์ซ็อคเก้อร์รายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม 2547
เห็นว่าน่าสนใจแล้วพี่บู๋เค้าเขียนไว้นานแร้ว เอามาลงให้ได้อ่านกัน
ขอขอบคุณพี่บอ.บู๋มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ MU_in_love
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2548 |
|
9 comments |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2548 2:00:58 น. |
Counter : 1255 Pageviews. |
|
|
|