" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
001. เรื่องไร้สาระคดี ของ Moonfleet
002. ว่าด้วย ชีวิต ความคิด ผลงาน ของ นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ตลอดกาล
003. ว่าด้วย การท่องเที่ยวไปสู่ความสำเร็จ (ROVERING TO SUCCESS)
004. ว่าด้วย หนังสือของ ปีเตอร์ ดรักเกอร์
005. ว่าด้วย วาทะ ของ คนแถวหน้า : (TOP DOG)
006. Law of Success :ว่าด้วย ศาสตร์แห่งความสำเร็จ ของนโปเลียน ฮิลล์
007. The Prince by Niccolo Machiavilli : เจ้าผู้ปกครอง
008. Power of Life : พลังแห่งชีวิต
009. ว่าด้วย พิชัยสงคราม พงศาวดาร เต๋า และ จีนศึกษา
010. รายการ สนทนาประสา นายกฯ สมัคร สุนทรเวช
011. คิดแล้วรวย ด้วยแนวทางธุรกิจของ นโปเลียน ฮิลล์
012. เส้นทางสู่เสรีภาพ ของ เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์
013. เรื่อง สัญญาประชาคม (Contract Social) ของ จัง จ๊ากส์ รุสโซ่ แปลและเรียบเรียงโดย จินดา จินตนเสรี
014 Moonfleet @CCC: เชียงใหม่ นครแห่งชีวิต และ ความมั่งคั่ง ชุดที่ 1. พ.ศ.2552
015. ร้านอาหาร และ การรับประทาน @จ.เชียงใหม่ & จ.ลำพูน
016. ตลาด : ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ และ ลำพูน
017. ON LIBERTY by John Mill
018. วัด และ สำนักสงฆ์ จังหวัดเชียงใหม่ Volume I.
019. วัด และ สำนักสงฆ์ จังหวัด ลำพูน Volume 1
020. เรื่อง "สาระ DD" เศรษฐกิจ สังคม การเมือง & การบริหารการจัดการธุรกิจ # 001
021. การเดินทาง คือ สหายของฉัน ส่วนการผจญภัยคือแรงบันดาลใจ
022. ว่าด้วยเรื่อง สโมสรไลออนส์เชียงใหม่ภูพิงค์ ภาค 310 A1
023. หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 17 ประจำปี 2552 - 2553
024. ว่าด้วย อำเภอ.บ้านโฮ่ง จังหวัด.ลำพูน
025. ว่าด้วย Power : The Story of อำนาจ
026. เรียนรู้ " ......... " จาการอ่าน หนังสือ.
027. Sovereignty : การปกครองอยู่ที่กฏหมายมากกว่าตัวบุคคล
028. ประมวลสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ.ศ. 2544
029. วัด และ สำนักสงฆ์ จังหวัดเชียงใหม่ Volume II
030. CRI online : China Radir Online และ CCTV .
031. หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 18 ประจำปี 2554
032. เชียงใหม่นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง Volume II
033. Chiang Mai City 2554
034. Moonfleet 2011 : The Odyssey พ.ศ. 2554 ( Part 1 )
035. Moonfleet 2012 : The Odyssey พ.ศ. 2555
036. นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง พ.ศ.2555
037. ว่าด้วย ASEAN Comunity หรือ ประชาคมอาเซียน
038. ว่าด้วย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (Republic of the Union of Myanmar)
039. ว่าด้วย จังหวัด กว๋างบิ่ญ (Quảng Bình) และ กลุ่มจังหวัดภาคกลาง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม.
040. ว่าด้วย ประเทศเวียดนาม
041. ว่าด้วย ประเทศสิงคโปร์
042. Moonfleet 2011 : THE ODYSSEY พ.ศ. 2554 ( Part 2 )
043. ว่าด้วย กรุงเทพมหานคร อรรัตนโกสินทร์.
044. China : ว่าด้วย ประเทศจีน
045. The Greater Mekong Subregion (GMS) : แม่น้ำโขง
046. Thai Chamber of Commerce : หอการค้าทั่วประเทศไทย
047. Star of Asian.
048. ว่าด้วย ภาคประชาสังคมจังหวัดเชียงใหม่
049. ว่าด้วย คณะกรรมการส่งเสริมกิจการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วาระ 2557-2560
050. Japan : ว่าด้วย ประเทศญี่ปุ่น
051. Marketing : การตลาด
052. Tvdmcnews Worldnews
053. ว่าด้วย เกษียร เตชะพีระ
054. ว่าด้วย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
055. ว่าด้วย ประเทศ Korea : เกาหลีใต้
056. ว่าด้วย Kittiratt Na-Ranong (กิตติรัตน์ ณ ระนอง)
057. Arabia Night : อาหรับราตรี กลุ่มประเทศอารเบีย
059. ว่าด้วย จังหวัดลำปาง พ.ศ.2556
060. Lao People's Democratic Republic.(ສາທາລະນະລັດ ປະຊາທິປະໄຕ ປະຊາຊົນລາວ)
061. ลำนำหลวงพระบาง สปป.ลาว The rhythm of Luang Prabang.
062. ว่าด้วย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
063. ว่าด้วย CAMBODIA
064. ว่าด้วย "บันทึก ความทรงจำ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ" ในเรื่องต่างๆ
065. บันทึกการเดินทาง
066. An Inquiry into the Nature and Causes of the Wealth of Nations. ว่าด้วย ประเทศไทย
067. ว่าด้วย ทุน เงินตรา ความมั่งคั่ง.
068. ว่าด้วย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
069. โลกนี้มีเพียงหนึ่ง การดูแลและบำรุงรักษาดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ โดย บาร์บารา วอร์ด
070. ปีแห่งความรุ่งโรจน์ : A YEAR OF GROWING RICH
071. เรียนภาษาอังกฤษ จาก เพลง เนื้อเพลง และ ภาพยนต์
072. reba : Property and Real Estate
073. Productivity Corner หรือ จดหมายข่าวรายเดือน สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ
074. BUREAUCRAY มหาชนรัฐ ประชาธิปไตย เศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง.
075. พคบ.301: ผู้บริหารยุคใหม่ใส่ใจความมั่นคงของประเทศไทย
076. CEQC สมัยที่ 4 : คณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ สมัยที่ 4 ประจำปี 2555 - 2559
077. ว่าด้วย ตำนานและเรื่องราวเหตุการณ์ ล้านนาไทย ( The Story of Lanna Thai )
078. Economics : เศรษฐศาสตร์
079. Spaceship Earth : ยานอวกาศชื่อว่า โลก เรื่อง สภาวะแวดล้อมของมนุษย์
080. แกงโฮะ : การบริหารและจัดการ
081. Thailand เรื่องราวของสองนคร.
082. ร่วมด้วยช่วยให้ "กำลังใจ" แด่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปฏิบัติการ Thailand Vision "สร้างความสุข สลายความทุกข์ ให้ประชาชนไทย"
083. ว่าด้วย นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แห่ง ประเทศไทย: บันทึกไว้เป็นตำนาน
084. ว่าด้วย เมืองเชียงตุง(Kyaing Tong) หรือเก็งตุ๋ง (Keng tung) และ รัฐฉาน (Shan)แห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์.
085. Moonfleet Thailand : รายงาน ประเทศไทย
086. Moonfleet Asia
087. ถนน.สายบุญ สายวัฒนธรรม No.1 วัดศรีโสดา - ถ.ศรีวิชัย - ถ.ห้วยแก้ว - สวนรุกขชาติห้วยแก้ว
088. ถนน.สายบุญ สายวัฒนธรรม No.2 วัดพระสิงห์ฯ - ถ.ราชดำเนิน
089.ถนน.สายบุญสายวัฒนธรรม NO.3 วัดเชตุพน - ถ.รัตนโกสินทร์
090. ว่าด้วย ธรรมาภิบาล จังหวัดเชียงใหม่ : Good Governance Committee.
091. ว่าด้วย พระพุทธศาสนา
092.เชียงใหม่ นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง.
093. ว่าด้วย ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย
094. 6 Cities 3 Countries : ความร่วมมือ 6 ฝ่าย เขตชายแดนระหว่าง จีน ลาว ไทย
095. ว่าด้วย ผู้ว่าฯ นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ นครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง 2556
096. Sunset of Life : ชีวิตช่วงสนธยา.
097. รวมบทความของ อาจารย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์
098. Moonfleet : ว่าด้วย Upper Northern Provincial Cluster 1 Chamber of Commerce : หอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1.
099. ว่าด้วย คณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดเชียงใหม่
100. การเดินทาง คือ สหายของฉัน ส่วนการผจญภัย คือ แรงบันดาลใจ
101.ว่าด้วย ประเทศแถบยุโรปตะวันออก
<<
มกราคม 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
7 มกราคม 2553
137. วัดเมธัง "บ้านเมธัง" ถ.ราชมรรคา ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
136. วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ( 1 ใน วัดร้าง ในจังหวัดเชียงใหม่)
135. วัดเชียงของ (กู่พม่า) ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
All Blogs
163. รายชื่อวัดในจังหวัดเชียงใหม่.
162. วัดหนองป่าแสะ หมู่.1 ตำบล.ชมภู อำเภอ.สารภี จังหวัด.เชียงใหม่
161. วัดบวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
014. วัดกอสะเลียม หมู่ที่.8 ตำบล.บวกค้าง อำเภอ.สันกำแพง จังหวัด. เชียงใหม่
160. วัดแช่ช้าง (ป่าไผ่) หมู่.7 ตำบล.แช่ช้าง อำเภอ.สันกำแพง จังหวัด เชียงใหม่
159. วัดดอนปีน เลขที่ 108 หมู่.5 ตำบล.แช่ช้าง อำเภอ.สันกำแพง จังหวัด.เชียงใหม่
158. วัดป่าตาล เลขที่. 49 หมู่.4 ตำบล.บวกค้าง อำเภอ.สันกำแพง จังหวัด.เชียงใหม่
157. วัดย่าพาย ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
156. วัดท่าต้นกวาว หมู่.4 ตำบล.ชมภู อำเภอ.สารภี จังหวัด.เชียงใหม่
155. พระเจดีย์ธรรมสถาน วัดนางเหลียว อยู่ภายในบริเวณ โรงเรียน ยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
154. พระเจดีย์วัดหมื่นกอง อยู่ภายในบริเวณ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
153. วัดดอกเอื้อง ถ.ราชวิถี ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
152. วัดทรายมูลเมือง ถ.มูลเมือง ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
038. วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (กลับมาเยือนอีกครั้ง)
151. วัดพันแหวน ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
034. พระเจดีย์เก่า วัด ฟ่อนสร้อย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
150. วัดพระนอน ขอนม่วง ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
149. วัดเวฬุวัน หมู่ 1 บ้านเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
148. วัดทุ่งป่าเก็ด หมู่ 6 ตำบล หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
147. วัดห้วยเกี๋ยง หมู่ที่ 3 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
146. วัดเมืองสาตรน้อย ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
145. วัดเมืองสาตรหลวง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
144. วัดท่าหลุก ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
143. วัดสันทรายต้นกอก (วัดสลีปิงชัยแก้วกว้าง ) ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
142. วัดท่ากระดาษ ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
141. วัดขะจาว ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
140. วัดข่วงสิงห์ ถ.โชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
139. วัดช่างเคี่ยน ถ.ห้วยแก้ว "บ้านช่างเคี่ยน" หมู่ที่ 1 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
รายชื่อวัดในจังหวัดเชียงใหม่
เสาอินทขีล หรือ เสาของพระอินทร์ แห่ง วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ถ.พระปกเกล้า อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ตำนานพระญาธัมมิกราช R.02
ตำนานพระญาธัมมิกราช R.01
138. พระอุโบสถ พระเจ้าติโลกราชโปรดให้สร้างตรงที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระเจ้าสามแกนและพระราชเทวี
138.พระเจดีย์ แห่ง วัดป่าแดงมหาวิหาร เป็นที่บรรจุพระอัฐของพระเจ้าสามฝั่งแกนและพระราชเทวี
พิธีต้อนรับ สมณศักดิ์ สัญญาบัตร พัดยศ พระครูพิพัฒน์ศีลสังวร เจ้าอาวาสวัดสันทรายมูล
138. วัดป่าแดงมหาวิหาร "บ้านใหม่หลังมอ" หมู่ที่ 14 ถ.สุเทพ ซอย.4 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
137. วัดเมธัง "บ้านเมธัง" ถ.ราชมรรคา ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
136. วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ( 1 ใน วัดร้าง ในจังหวัดเชียงใหม่)
135. วัดเชียงของ (กู่พม่า) ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
134. วัดลังกา บ้านลังกา ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
133. วัดชัยพระเกียรติ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
132. วัดหมื่นล้าน ถ.ราชดำเนิน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
131. วัดป่าตาล หรือ วัดตาลวันมหาวิหาร ถนนซอยโปลีคลีนิค ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
130. พระเจดีย์ วัดร้าง ไม่ทราบนาม ถ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
128. วัดเชษฐา (ร้าง) อ.เมือง จ.เชียงใหม่
127. วัดวิเวกวนาราม ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
125. วัดแม่โจ้ ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
124. วัดทุ่งหมื่นน้อย ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
123. ศูนย์พุทธธรรมหนองฮ่อ ในความอุปถัมภ์ของ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
122. วัดเมืองก๊ะ ม.5 ต.สะลวง อ.แมริม จ.เชียงใหม่
121. วัดประกาศธรรม บ้านกาดฮาว ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
120. วัดพระพุทธบาทสี่รอย หมู่ 6 ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
120. การเดินทางขึ้นไปเพื่อ กราบนมัสการรอยพระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
119. วัดตโปทาราม(ร่ำเปิง) อ.เมือง จ.เชียงใหม่
118. วัดฝายหิน หมู่บ้านฝายหิน หมู่ 1 ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
117. วัดแม่แก้ดน้อย หมู่ 5 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
116. วัดอุ้มโอ 1 ใน วัดร้าง ถ.บุญเรืองฤทธิ์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
115. พระเจดีย์หนองหล่ม หรือ พระธาตุหนองหล่ม แห่ง วัดร้างไม่ทราบนาม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
114. พระเจดีย์ แห่ง วัดร้าง ไม่ทราบนาม ถ.ช้างม่อยเก่า ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
113. วัดท่าเดื่อ ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
112. วัดแม่หยวก ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
111. พระเจดีย์ แห่ง วัดร้างไม่ทราบนาม ต.ช้างเผือก อ.เมือง เชียงใหม่
110. พระเจดีย์ แห่ง วัดเจดีย์แดง ถ.ช้างเผือก ต.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่
109. วัดปันสาท ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
108. พระเจดีย์ แห่ง วัดร้าง วัดพระเจ้าอมเมี่ยง ถ.ช้างเผือก ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
107. วัดเชียงโฉม (วัดเจดีย์ปล่อง) ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ : จาก วัดร้าง กลายมาเป็น วัดรุ่ง
106. วัดกู่เต้า ( เวฬุวนาราม ) ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
105. วัดเชียงแสน บ้านเชียงแสน หมู่ที่ 2. ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่
104. วัดแม่ย่อยหลวง หรือ วัดแม่ย่อย ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
103. วัดพวกหงษ์ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
102. วัดป่าพร้าวใน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
101. วัดดับภัย ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
100. วัดล่ามช้าง ถ.มูลเมือง ซ. 7 ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
099. วัดหมื่นเงินกอง ถ.สามล้าน ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
098. วัดพวกแต้ม ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
097. วัดดอกคำ เลขที่.111 ถนน.มูลเมือง ตำบล.ศรีภูมิ อำเภอ.เมือง จังหวัด.เชียงใหม่
096. วัดช่างฆ้อง ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
095. วัดลอยเคราะห์ ถ.ลอยเคราะห์ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
094. วัดพันตอง ถ.ลอยเคราะห์ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
093. วัดปิยาราม ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
092. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ถ.สิงหราช อ.เมือง จ.เชียงใหม่
092.4 พระธาตุเจดีย์ แห่ง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ถ.สิงหราช ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
092.3 พระวิหารลายคำและภาพจิตรกรรมในวิหาร แห่ง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
092.2 พระอุโบสถ แห่ง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ถ.สิงหราช ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
092.1 หอไตร แห่ง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ถ.สิงหราช ต.พระสิงห์ อ.เมือง เชียงใหม่
092.0 พระวิหาร แห่ง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ถ.สิงหราช ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
091. วัดป้านปิง ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
090. วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
089. วัดพวกเปีย ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
073. พิธี จุดประทีป และลอยโคมถวายพุทธบูชา ณ. ธุดงค์สถานล้านนา วันเสาร์ ที่ 24 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2552
073. พิธีเปิด อาคาร ที่พักผู้ปฎิบัติธรรม ณ.ธุดงค์สถานล้านนา อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
073. กฐินล้านนาสามัคคี 2552 สร้างครัวสังฆทานล้านนา ธุดงค์สถานล้านนา
088. วัดทุงยู ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
087. วัดชัยศรีภูมิ์ ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
086. วัดศรีเกิด ถ.ราชดำเนิน ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
085. วัดปราสาท ถ.อินทวโรรส ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
084. วัดผาบ่อง (มังคลาราม) ถ.สีหราช ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
083. วัดพระเจ้าเม็งราย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
082. วัดเชตวัน ถ.ท่าแพ ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
081.วัดมหาวัน ถ.ท่าแพ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
080. วัดแสนฝาง ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
027.01 วัดบุพพาราม ถนน.ท่าแพ อำเภอ.เมือง จังหวัด เชียงใหม่
079. วัดสันป่าข่อย ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่
078. วัดเมืองลัง ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
077. วัดป่าตัน ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
001.01 วัดบ้านท่อ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
076. วัดฟ้าฮ่าม ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
075. วัดหนองคำ ถ.ช้างม่อย ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
074. วัดอู่ทรายคำ ถ.ช้างม่อยเก่า ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
065.01 วัดโลกโมฬี ถ.มณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ. เชียงใหม่
059. มหาทานบารมีถวายผ้ากฐินสามัคคี ทอดถวาย วัดสันทรายมูล ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
073. ธุดงคสถานล้านนา ม.8 ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
072. วัดหม้อคำตวง ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
071. วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) ม.10 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ศาลสมเด็จพ่อขุนเม็งรายมหาราช ที่ชาวเชียงใหม่เคารพนับถือ
หอพญามังราย สี่แยกกลางเวียง อ.เมือง จ.เชียงใหม่
070. วัดพันเตา ถนน.พระปกเกล้า ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
069. สำนักสงฆ์สันเหมืองประชาราม ม.7 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
068. วัดดวงดี ถ.พระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
067. วัดอินทะขีลสะดือเมือง ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
066. วัดบ้านท่อ หมู่ 5. ต.สันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
065. วัดโลกโมฬี ถ.มณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ. เชียงใหม่
064. วัดศรีบัวเงิน ม.2 ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
063. วัดพวกช้าง ถ.ศรีดอนไชย ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
062. วัดศรีดอนไชย ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
061. วัดป่าพร้าวนอก (ขุมคำ) หมู่ที่ 2. ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่
060. วัดสันคะยอม ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
059. วัดสันทรายมูล ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
058. วัดเชียงขาง ม.7 ต.ไชยสถาน อ.สารภี จ.เ ชียงใหม่
057. วัดเชียงยืน เดชเมืองเชียงใหม่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
056. วัดเมืองกาย ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่
055. วัดเสาหิน ม.3 ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่
054. วัดชัยมงคล ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
053. วัดสำเภา ต.ศรีุภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
052. วัดพันอ้น ถ.ราชดำเนิน ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
051. วัดผ้าขาว ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
050. วัดบวกครกหลวง ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
049. วัดบวกครกน้อย ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่
048. วัดดอนจั่น ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
047. วัดแม่คาว ตำบล สันพระเนตร อำเภอ สันทราย จังหวัด เชียงใหม่
046. วัดป่าเดื่อ ต.ขัวมุง อ.สารภี จ.เชียงใหม่
045. วัดศรีวารีสถาน (น้ำโท้ง) ต.สบแม่ข่า อ.หางดง จ.เชียงใหม่
044. วัดวังสิงห์คำ ม.6 ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่
043. วัดสวนดอก ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
042. วัดดอนมูล (สันโค้งใหม่) ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
041. วัดสันโค้ง (เก่า) ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
040. วัดโรงธรรมสามัคคี ม.7 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
039. วัดบ่อสร้าง ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
038. วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
037. วัดช่างแต้ม ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
036. วัดหมื่นตูม ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
035. วัด เจ็ดลิน ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
034. วัด ฟ่อนสร้อย ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
033. วัดเจ็ดยอด (วัดโพธารามมหาวิหาร) ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
032. วัดศรีปิงเมือง ตำบล หายยา อำเภอ เมือง จังหวัด เชียงใหม่
031. วัดพระธาตุดอยสะเก็ด อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
030. วัดนันทาราม ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
029. วัดทรายมูล (พม่า) ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
028. วัดพระธาตุดอยคำ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
027. วัดบุพพาราม ถนน.ท่าแพ อำเภอ.เมือง จังหวัด เชียงใหม่
026. วัดอุปคุต ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
025. วัดเจดีย์เหลี่ยม หรือ วัดกู่คำหลวง ม.1 ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่
024. วัดศรีสุพรรณ ถ.วัวลาย ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ : อุโบสถเงิน ศาสนสถานหลังแรกของโลก
023. วัดธาตุกลาง ถ.สุริยวงศ์ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
022. วัดหมื่นสาร ถ.วัวลาย ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ : ศาลาโลหะเงินที่สวยที่สุดในโลก
021. วัดยางกวง ตำบลหายยา อำเภอ เมือง จังหวัดเชียงใหม่
020. วัดธาตุคำ ถ.สุริวงค์ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
019. วัดเมืองมาง ถ.ราชเชียงแสน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
018. วัดดาวดึงษ์ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
017. วัดหัวฝาย (ศรีสร้อยทรายมูล) ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
016. วัดแสนเมืองมาหลวง (หัวข่วง) อำเภอ เมือง จังหวัด เชียงใหม่
015. วัดโป่งแยงเฉลิมพระเกียรติ หมู่ที่ 2 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ยินดีต้อนรับ
014. วัดกอสะเลียม ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
013. วัดมณเฑียร ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
012. วัดควรค่าม้า 143 ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
011. วัดเกตการาม ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
010. วัดหนองป่าครั่ง ตำบล หนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
009. วัดเชียงมั่น ตำบล ศรีภูมิ อำเภอ เมือง จังหวัด เชียงใหม่
008. วัดป่าเป้า ถ.มณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
007. สำนักสงฆ์ร้องก่องข้าวใต้ ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
006. วัดเมืองขอน ตำบล ป่าไผ่ อำเภอ สันทราย จังหวัด เชียงใหม่
005. วัดศรีโสดา พระอารามหลวง และ ครูบาศรีวิชัย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
004. วัดกู่คำ ตำบล วัดเกตุ อำเภอ เมือง จังหวัด เชียงใหม่
003. วัดชมพู ถนนช้างม่อย ตำบล.ช้างม่อย อำเภอ เมือง จังหวัด เชียงใหม่
002. วัดเกาะกลาง ตำบล ป่าแดด อำเภอ เมือง จังหวัด เชียงใหม่
001. วัดบ้านท่อ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
136. วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ( 1 ใน วัดร้าง ในจังหวัดเชียงใหม่)
วัดแสนตาห้อย
ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9060. พระเจดีย์ แห่ง วัดแสนตาห้อย
ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9061. แผ่นจารึกประวัติ :วัดแสนตาห้อย
9062. ข้อความบน แผ่นจารึกประวัติ : วัดแสนตาห้อย อ่านได้ความว่า
วัดแสนตาห้อย
ตั้งอยู่ถนนสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่บริเวณด้านนอกประตูสวนดอก ไม่ปรากฏชื่อและประวัติความเป็นมาในเอกสารตำนานใดๆ
ปัจจุบันเหลือหลักฐานเจดีย์ 1 องค์ แบบล้านนา ลักษณะเจดีย์เรือนธาตุสี่เหลี่ยมยกเก็จตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม เหนือเรือนธาตุเป็นชั้นมาลัยเถาซ้อนกันเป็นชั้นๆ และ องค์ระฆังกลม ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังก์และปล้องไฉน จากรูปแบบของสถาปัตยกรรมดังกล่าว สามารถกำหนดยุคสมัยราวพุทธศตวรรษที่ 21
9067. บริเวณฐานพระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย
ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9068. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ยุคสมัยราวพุทธศตวรรษที่ 21
สภาพแวดล้อม หรือ สถานการณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ หรือ ล้านนาเป็นอย่างไรบ้างเอ่ย
ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก //www.antiqueofsiam.com/Knowledgepage/Lanna_History.html
ยุครุ่งเรือง
พุทธศตวรรษที่ 20 - 21
อาณาจักรล้านนามีความรุ่งเรืองในทุกด้าน ทั้งทางด้านศาสนาและศิลปกรรม รูปแบบของศิลปะ แบบสุโขทัยและลังกาวงศ์ ยังเข้ามามีอิทธิพลกับศิลปะล้านนาอยู่เช่นเดิม
ในยุคนี้ถือได้ว่าเป็นยุคทองของการสร้างพระพุทธรูป เนื่องจากมีการสร้างพระพุทธรูป เนื่องจากมีการสร้างพระพุทธรูปสำริดออกมาเป็นจำนวนมาก และ อาณาจักรล้านนาได้นำเอาศิลปะแขนงอื่นเข้ามาผสม และ ปรับให้ลงตัวอย่างน่าทึ่ง
งานศิลปในยุคนี้ได้เกิดขึ้นใหม่หลากหลายแขนงด้วยกัน โดยช่างฝีมือแต่ละท้องถิ่นเอง เช่น สกุลช่างพะเยา สกุลช่างน่าน และ สกุลช่างไชยปราการ เป็นต้น
9069.พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9070. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9071. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
คัดลอกข้อมูลมาจาก //www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/abstract/thapra/th_rattha_littisorn.txt
การศึกษาเจดีย์ล้านนาตั้งแต่ พ.ศ.2510 - 2534 เน้นไปในด้านการกำหนดช่วงเวลาการสร้าง
และการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมอย่างกว้างๆ โดยอ้างอิงจากหลักฐานเอกสาร ซึ่งในการศึกษานี้
พยายามศึกษาพัฒนาการของเจดีย์ล้านนา และความสัแพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของประวัติ
ศาสตร์และพุทธศาสนาในอาณาจักรล้านนาในสมัยราชวงศ์เม็งราย โดยการศึกษาได้ทำการจัด
แบ่งรูปแบบของเจดย์ล้านนาเพื่อสะดวกในการศึกษาพัฒนาการของเจดีย์ล้านนาดังนี้
1. เจดีย์ทรงปราสาท
2. เจดีย์ทรงระฆัง
3. เจดีย์ทรงปราสาทผสมทรงระฆัง
4. เจดย์ทรงพิเศษ
เมื่อแบ่งเจดีย์ล้านนาเป็นที่รูปแบบ จึงทำการศึกษาพัฒนาการของเจดีย์ล้านนา โดยเน้นในส่วนของลักษณะทางสถาปัตยกรรรม (รูปแบบและองค์ประกอบ) ควบคู่กับข้อมูลด้านเอกสารสามารถสรุปพัฒนาการของเจดีย์ล้านนา โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วงเวลาที่กำหนดจากความเปลี่ยนแปลง
ของศาสนาพุทธในอาาาจักล้านนาที่เจริญอยู่ในสมัยราชวงศ์เม็งราย
ช่วงที่ 1 สมัยสร้างอาณาจักร (พุทธศตวรรษที่ 19-20) เจดีย์ที่สร้างขึ้นในช่วงเวลานี้มีรูปแบบที่มี อิทธิพลจากเจดีย์ทรงปราสาท ที่สร้างเนื่องในศาสนาพุทธที่รับอิทธิพลจากสมัยหริภุญไชย ต่อเนื่องสู่สมัยล้านนาในเมืองเชียงใหม่ และเชียงแสน ที่พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานความเจริญของวัฒน
ธรรมหริภุญไชย กระทั่งการรับศาสนาพุทธนิกายเถรวาทที่นิยมสร้างเจีย์ทรงระฆัง การสร้างเจดีย์ทรงปราสาทจึงลดบทบาทลง
ช่วงที่ 2 สมัยอาณาจักรรุ่งเรือง (พุทธศตวรรณที่ 20-21) เมื่ออาณาจักรล้านนารับศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเจดีย์สู่ทรงระฆัง แบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ เจดีย์ทรงระฆัง มีฐานสามชั้นชุดบัวลูกแก้วทรงสูงรับองค์ระฆังใหญ่ ไม่มีบัวปากระฆัง (แบบอย่างเจดีย์วัดสวนดอก คณะรามัญ) 2.เจดีย์ทรงระฆังมาลัยเถาเตี้ย ชุดบัวฝาละมี องค์ระฆังเล็กมีบัวปากระฆัง (แบบอย่างเจดีย์ป่าแดงหลวง คณะสีหล) โดยเจดีย์ทรงระฆังทั้งสองลักษณะ พัฒนาขึ้นอย่างสอดคลัองอย่างเด่นชัดในส่วนฐานย่อเก็จ ส่วนเจดีย์ทรงปราสาทอิทธิพลศาสนาพุทธจากหริภุญไชยพยายามฟื้นฟู โดยผสมผสานกับเจดีย์ทรงระฆังเกิดเป็นรูปแบบเจดีย์ทรงปราสาทผสมทรง
ระฆัง ช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 21 แต่ไม่ได้รับความนิยมเหมือนทรงระฆัง โดยยุคทองของอาณาจักรล้านนาอยู่ในรัชสมัยพญาติโลกราช มีศาสนาพุทธในอาณาจักรล้านน 3 คณะ มีแบบอย่างเจดีย์เป็นลักษณะเฉพาะ
ช่วงที่ 3 ก่อนเสียแก่พม่า (พุทธศตวรรษที่ 21-22) เป็นช่วงเวลาที่รูปแบบเจดีย์สร้างต่อเนื่องจากยุคทอง ที่มีการคลี่คลายโดยเพิ่มชุดฐานเพื่อความสูง เพิ่มจำนวนชั้นเก็จ เพิ่มเหลี่ยม และผสมผสานรูปแบบเจดีย์ต่างนิกาย ที่ยังสร้างเจดีย์ในรูปแบบของเจดีย์ทรงระฆัง 2 ลักษณะ และทรงปราสาทผสมทรงระฆัง
จากการศึกษาเห็นว่าชาวล้านนาให้ความสำคัญกับการสร้าง และการออกแบบเจดีย์ให้มีรูปแบบลักษณะเป็นแบบอย่างของตนเอง ที่ถ่ายทอดผ่านการก่อสร้างสถาปัตยกรรมทางศาสนาอย่างยิ่งใหญ่และสวยงาม สะท้อนถึงความเจริญในทุกด้านของอาณาจักรล้านนา โดยเฉพาะความเจริญ
ของวัฒนธรรมพุทธศาสนาในอาณาจักรล้านนา กระทั่งในปัจจุบันชาวล้านนายังคงให้ความสำคัญกับประเพณีเกี่ยวกับพุทธเจดีย์เสมอมา.
Source://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/abstract/thapra/th_rattha_littisorn.txt
9072. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9073. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9077. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9078. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9079. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9080. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ตึก อาคารสีขาวด้านหลังนั้น คือ โรงพยาบาล มหาราช เชียงใหม่
9081.พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเจดีย์เจดีย์ถือเป็นปูชนียสถานหรือวัตถุเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าหรืออาจจะหมายถึงตัวแทนของพระพุทธองค์ มีความมุ่งหมายให้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุหรือบรรจุพระบรมธาตุ เจดีย์จึงเป็นประธานในวัด ต้นกำเนิดของเจดีย์มาจากอินเดียเรียกว่า สถูป ในภาษาบาลี หรือ ถูป ในภาษาสันสกฤต แต่เดิมก่อนมีพระพุทธศาสนาเป็นที่ฝังอัฐิ ในล้านนาเรียกเจดีย์ว่า กู่ เช่น กู่เต้า กู่กุด ต่างจากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนิยมเรียกเจดีย์ว่า ธาตุ เช่น พระธาตุพนม ในทางพุทธศาสนาแบ่งเจดีย์ออกเป็น 4 ประเภท คือ ธาตุเจดีย์ ธรรมเจดีย์ อุเทสิกเจดีย์ และบริโภคเจดีย์ ต่อมาสามัญชนหรือบุคคลชั้นปกครองได้นิยมนำอัฐิเจดีย์ของผู้มีเกียรติสูง บรรจุไว้ในเจดีย์ด้วยแต่ต่างวัตถุประสงค์กัน(โชติ กัลยาณมิตร, 2539: 94 97) เจดีย์ล้านนาของไทย ได้มีการทำการศึกษาในภาพรวมของล้านนากันต่อๆมาในปี 2510 งานวิทยานิพนธ์ของ พิเศษ เจียรจันทรพงษ์และขนิษฐา อัตถสันปุณณะ (จิรศักดิ์ เดชวงศ์ญา, 2541: 3) ได้เสนอเรื่องเจดีย์เชียงใหม่ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ
ระยะที่ 1
ในช่วงพญามังราย ถึงพญาผายูเป็นเจดีย์ที่ประกอบด้วย ฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จ ตั้งอยู่บนฐานเขียงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเตี้ยรองรับเขียงกลมสามชั้น ถัดไปเป็นมาลัยเถาที่แปลงมาจากฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จแต่ทำเป็นฐานกลมซ้อนสามชั้น เหนือขึ้นไปเป็นองค์ระฆังขนาดเล็ก เช่นเจดีย์วัดพระสิงห์ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีเจดีย์เหลี่ยมที่สืบทอดจากหริภุญไชย คือเจดีย์เหลี่ยมที่เวียงกุมกาม อ.สารภี จ.เชียงใหม่
ระยะที่ 2
ระหว่างรัชกาลพญากือนา ถึงพระเจ้าสามฝั่งแกน ซึ่งแยกเป็น 2 แบบคือ แบบแรกได้รับอิทธิพลขององค์ระฆังและแผนผังที่ประกอบด้วยฐานทักษิณรวมทั้งสี่ทิศจากเมืองนครศรีธรรมราช ได้แก่วัดสวนดอก แบบที่สองเป็นอิทธิพลจากศิลปะพม่า ลักษณะเด่นคือ ท้องไม้ของมาลัยเถามีช่องสี่เหลี่ยมเจาะเป็นระยะ เช่นเจดีย์วัดอุโมงค์ เชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่
ระยะที่ 3
เป็นเจดีย์มณฑปผสมทรงกลมที่เริ่มก่อสร้างสมัยพระเจ้าติโลกราชถึงพระเกศเกล้า ลักษณะเป็นเจดีย์ที่มีการผสมกันระหว่างมณฑปกับเจดีย์ทรงกลมแบบสุโขทัย โดยพิจารณาจากชั้นมาลัยเถาและองค์ระฆังเป็นสำคัญ
ระยะที่ 4
ตั้งแต่รัชกาลพรเกศเกล้าลงมาได้มีความนิยมสร้างเจดีย์ย้อนรอยตามแบบระยะแรก แต่ดัดแปลงมาลัยเถาเป็นเหลี่ยม รวมทั้งจำนวนชั้นมากขึ้น เช่นเจดีย์วัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นต้น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 กรมศิลปากรได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนเจดีย์ในจังหวัดเชียงใหม่ได้อธิบายถึงการกำหนดอายุสมัยของการสร้าง คือในระยะแรกของการสร้างเมืองเชียงใหม่เข้าใจว่ามีอิทธิพลของศิลปะจากหริภุญไชย ได้แก่เจดีย์เหลี่ยมที่เวียงกุมกาม เจดีย์แปดเหลี่ยมองค์ระฆังกลมในบริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่หลังเก่า น่าจะเป็นอิทธิพลจากเจดีย์กู่กุด และเจดีย์แปดเหลี่ยมที่วัดจามเทวี ลำพูน ต่อมาราวพุทธศตวรรษที่ 20 ได้ปรากฏศิลปะพม่าแบบพุกามที่เชียงใหม่ ได้แก่เจดีย์วัดอุโมงค์เถรจันทร์ ในระยะเวลาใกล้เคียงกับศิลปะสุโขทัยก็เข้ามายังเชียงใหม่ เช่นมีการสร้างเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ในวัดสวนดอก และน่าจะมีความแพร่หลายมากขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ต้นแบบได้แก่เจดีย์วัดป่าแดงหลวง ในราวพุทธศตวรรษที่ 21 เป็นยุครุ่งเรืองของล้านนามีกลุ่มเจดีย์ที่เรียกว่าแบบสี่เหลี่ยมผสมทรงกลมที่พัฒนามาจากเจดีย์เชียงยัน ลำพูน เจดีย์แบบนี้น่าจะเริ่มในสมัยรัชกาลของพระเจ้าติโลกราช คือ เจดีย์หลวง สำหรับส่วนยอดเจดีย์คงเลียนแบบทรงระฆังในศิลปะสมัยสุโขทัยที่มีการดัดแปลงไป คือการเพิ่มจำนวนของลวดบัวใต้องค์ระฆัง องค์ระฆังที่สั้นลง และบัลลังก์ที่แสดงลักษณะเปลี่ยนไปจากรูปสี่เหลี่ยม เช่นเจดีย์วัดพระธาตุดอยสุเทพคงเป็นลักษณะเจดีย์แบบนี้ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ที่มีศิลปะแบบพม่า เป็นเจดีย์ทรงกลมตั้งบนฐานย่อเก็จตื้นๆ ส่วนประกอบตั้งแต่องค์ระฆังถึงปลียอดจะทำต่อเนื่องกันโดยไม่มีบัลลังก์คั่นจะพบมากในระยะหลัง(จิรศักดิ์ เดชวงศ์ญา, 2541: 5)
นอกจากนี้ยังมีผู้ศึกษาและเสนอแบ่งเจดีย์ออกเป็นหลายรูปแบบเช่นในปี 2524 นักวิชาการท้องถิ่นแบ่งตามรูปแบบตามอิทธิพลที่ได้รับ คือ
1. พระเจดีย์แบบทวารวดี เช่น เจดีย์เหลี่ยมที่เวียงกุมกาม
2. พระเจดีย์แบบมหาโพธิพุทธคยา คือ เจดีย์เจ็ดยอดในวัดมหาโพธารามซึ่งบางตำราถือเป็นวิหารที่มียอดทรงเจดีย์
3. เจดีย์แบบสุโขทัย ลังกา เช่น เจดีย์วัดอุโมงค์เถรจันทร์ เจดีย์วัดสวนดอก เจดีย์วัดป่าแดงหลวง
4. เจดีย์แบบลานนา พุกาม เช่น เจดีย์ประธานในวัดพระสิงห์มหาวรวิหาร
5. เจดีย์แบบพม่า เช่น เจดีย์วัดบุปพาราม วัดเชตะวัน
6. พระเจดีย์ปล่อง เช่น เจดีย์วัดร่ำเปิง วัดพวกหงส์ และวัดเชียงโฉม(สมหมาย เปรมจิตต์ กมล ศรีวิชัยนันท์ และสุรสิงห์สำรวม ฉิมพะเนาว์, 2524 :60-153)(จิรศักดิ์ เดชวงศ์ญา, 2541 :5)
เจดีย์วัดตะโปทาราม (ร่ำเปิง) ลักษณะเป็นเจดีย์ปล่อง มีจระนัมประดิษฐานพระพุทธรูปโดยรอบ
เจดีย์วัดเจดีย์เหลี่ยม เวียงกุมกาม เดิมชื่อกู่คำ สร้างขึ้นโดยพญามังราย
9082. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9084. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9085. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
รูปทรงของเจดีย์เจดีย์เมืองเชียงใหม่ ได้มีนักวิชาการทำการศึกษาในแง่มุมต่างๆ มากมาย สำหรับเนื้อหาโดยสรุปในงานวิจัยนี้เป็นการสรุปความจากผลของงานวิจัยเรื่องเจดีย์เมืองเชียงใหม่ของจิรศักดิ์ เดชวงศ์ญา (2541) ซึ่งได้จัดแบ่งกลุ่มรูปแบบเจดีย์ในเมืองเชียงใหม่ได้ 3 กลุ่มใหญ่ คือ เจดีย์ทรงระฆัง เจดีย์ทรงปราสาท และเจดีย์แบบอื่นๆ
1 เจดีย์ทรงระฆัง อาจจำแนกได้ 3 กลุ่มย่อย คือ
กลุ่มที่ 1 เป็นเจดีย์ที่รับอิทธิพลจากศิลปะพม่าและพัฒนาจนกลายเป็นรูปแบบของเจดีย์พื้นเมือง เจดีย์ที่เก่าที่สุดน่าจะได้แก่ เจดีย์วัดอุโมงค์เชิงดอยสุเทพ(สวนพุทธธรรม) เป็นเจดีย์ทรงระฆังที่เก่าที่สุดสร้างขึ้นราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 ลักษณะที่แสดงรูปแบบศิลปะพม่าอย่างเด่นชัดคือ ชั้นฐานบัวในผังกลมซ้อนลดหลั่นกันสามชั้น เจาะช่องสี่เหลี่ยมตลอดแนวท้องไม้ ชั้นฐานบัวในผังกลมนี้มีการพัฒนาให้สูงขึ้นและแนวการเจาะช่องสี่เหลี่ยมที่ท้องไม้ได้หายไป เช่น ที่เจดีย์วัดสวนดอกที่สร้างขึ้นราว พ.ศ. 1916 และอาจมีฐานปัทมลูกแก้วอกไก่เตี้ยๆ รองรับ เช่น เจดีย์วัดแสนเส้า ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 20 ลงมาเจดีย์กลุ่มนี้ได้พัฒนาจนเป็นรูปแบบที่แน่นอน คือ ส่วนฐานเขียงสี่เหลี่ยมรับฐานปัทมลูกแก้วอกไก่ยกเก็จ ส่วนกลางเป็นฐานบัวในผังกลมยืดสูงซ้อนลดหลั่นกันสามฐานรับทรงระฆังที่เล็กลง บัลลังก์และส่วนยอดเช่นเจดีย์วัดปันเส่า (องค์นอก) ความลงตัวที่สมบูรณ์ของเจดีย์กลุ่มนี้เกิดขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 20ต้นพุทธศตวรรษที่ 21 คือการเพิ่มความสูงของฐานกลมเหนือฐานปัทมลูกแก้วอกไก่ยกเก็จ เช่น เจดีย์วัดกิตติ
ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 21 เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้น คือ การเปลี่ยนชั้นฐานบัวในผังกลมเป็นผังแปดเหลี่ยม ซึ่งส่อเค้าว่าจะเริ่มขึ้นรัชกาลของพระเมืองแก้วเป็นต้นมา ตัวอย่างได้แก่ เจดีย์วัดดวงดี ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 21 ส่วนฐานของเจดีย์มีการพัฒนาไปสองแบบคือ แบบแรก ได้เพิ่มชั้นบัวคว่ำเหนือฐานเขียงสี่เหลี่ยมและชั้นบัวหงายเหนือฐานปัทมลูกแก้วอกไก่ยกเก็จ ตัวอย่างได้แก่ เจดีย์วัดหนองหญ้าแพรก แบบที่สอง มีการเพิ่มชั้นฐานสี่เหลี่ยมเจาะช่องสี่เหลี่ยมวงโค้งเหนือฐานปัทมลูกแก้วอกไก่ยกเก็จ เช่น เจดีย์แดง (นอก) ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 22 ส่วนฐานยังคงเพิ่มความสูงมากขึ้น เช่น เจดีย์วัดอีก้าง หรือมีการเพิ่มชั้นฐานสี่เหลี่ยมเหนือฐานสี่เหลี่ยมเจาะช่อง เช่น เจดีย์พระบรมธาตุศรีจอมทอง เจดีย์กลุ่มนี้ส่อเค้าการฟื้นฟูอีกครั้งหนึ่งในสมัยครูบาศรีวิชัย เช่น การสร้างเจดีย์ที่วัดพระนอนปูคา เมื่อ พ.ศ. 2471 หรือเจดีย์รายในวัดสวนดอก
กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเจดีย์ที่รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัยแล้วพัฒนาปะปนกันจนแตกต่างไปจากต้นแบบ เจดีย์ที่กล่าวถึงกันมา ได้แก่ เจดีย์วัดป่าแดง ที่นำไปเปรียบเทียบกับเจดีย์ช้างล้อม ศรีสัชชนาลัย เจดีย์ที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 20 เช่นเดียวกันอีกองค์หนึ่งได้แก่ เจดีย์วัดป่าพร้าวใน ที่แสดงลักษณะมาลัยเถาแบบสุโขทัยอย่างชัดเจนในขณะที่ฐานปัทมยกเก็จแบบพื้นเมืองก็ยังปะปนด้วย
ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา แนวทางการพัฒนาของทรงเจดีย์ยังคงเป็นไปในทำนองเดียวกันกับเจดีย์ทรงระฆังมนกลุ่มที่ 1 คือ การเพิ่มความสูงของฐานและมาลัยเถา ตัวอย่างได้แก่ เจดีย์วัดแสนตาห้อย ตลอดจนการเปลี่ยนมาลัยเถาให้อยู่ในผังเหลี่ยมในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 21 เช่น เจดีย์วัดป่าอ้อย ความลงตัวของรูปทรงปรากฏขึ้นราวปลายพุทธศตวรรษที่ 21 ได้แก่ เจดีย์วัดพระธาตุดอยสุเทพที่ควรบูรณะรูปแบบครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ศ. 2081
ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 22 การปรับเปลี่ยนที่ส่วนฐาน เช่น เจดีย์แดง (นอก) ก็พบในเจดีย์กลุ่มนี้เช่นกัน ได้แก่ เจดีย์ร้างที่บ้านทุ่งหมากหนุ่ม ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22 แนวโน้มของรูปแบบน่าจะเป็นการพัฒนาให้อยู่ในผังเหลี่ยมทั้งองค์ เช่น เจดีย์วัดหัวข่วง หรือเจดีย์ร้างที่เวียงท่ากาน
มีความพยายามรื้อฟื้นรูปเจดีย์แบบนี้ทดแทนเจดีย์องค์เดิมอีกครั้งหนึ่งที่วัดหม้อคำตวง เมื่อ พ.ศ. 2480 แต่สุนทรียะของรูปทรงไม่สามารถใกล้เคียงกับของเดิมได้
กลุ่มที่ 3 เป็นเจดีย์ที่เลียนแบบศิลปะพม่ารุ่นหลังราวพุทธศตวรรษที่ 24 เป็นต้นมา รูปแบบของเจดีย์ไม่ค่อยมีความแตกต่างมากนัก ถึงแม้ว่างานนั้นจะเกิดจากกลุ่มชนที่ต่างกัน เช่น เจดีย์วัดป่าเป้า ของชาวไต เจดีย์วัดลวงเหนือของชาวลื้อ เจดีย์วัดทรายมูลพม่าของชาวพม่า ลักษณะที่ร่วมกันคือ ส่วนฐานปัทมลูกแก้วอกไก่ยกเก็จเตี้ยซ้อนลดหลั่นกันรับองค์ระฆังกลมที่ไม่มีบัลลังก์ ต่อด้วยปล้องไฉน ปัทมาท ปลีและฉัตรโลหะ ความแตกต่างที่พบเกิดจากขนาดขององค์เจดีย์เป็นสำคัญ
2 เจดีย์ทรงปราสาท ทรงปราสาทที่นำมาเรียกชื่อของเจดีย์นั้น ต้องการให้หมายถึงเจดีย์ที่มีเรือนธาตุและยอดที่เรียวแหลมขึ้นไป ความแตกต่างของยอดสามารถแยกเป็น 4 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 เจดีย์ทรงปราสาทยอดเจดีย์ เจดีย์วัดอุโมงค์อารยมณฑล น่าจะสร้างขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ 19 ลงมา ลักษณะประกอบด้วย ฐานเขียงเตี้ยๆ รับเรือนธาตุที่มีคูหาหลังคาโค้ง เหนือเรือนธาตุเป็นชั้นลดที่ชำรุดไปแล้วเหลือแต่วงแหวนรูปบัวคว่ำรับทรงระฆังที่ไม่มีบัลลังก์ต่อเนื่องด้วยปล้องไฉน และที่มุมเหนือเรือนธาตุควรมีเจดีย์มุมประดับด้วย
ตัวอย่างเจดีย์กลุ่มนี้ ราวพุทธศตวรรษที่ 20 หลงเหลือเค้าโครงอยู่เพียงองค์เดียว คือ เจดีย์วัดอุ้มโอ สภาพที่ชำรุดอาจสามารถสังเกตเค้าโครงได้อย่างคร่าวๆ เท่านั้น สิ่งที่นำมากำหนดอายุการสร้างได้คงมีแต่ลายปูนปั้นประดับที่ยังมีความคิดเห็นขัดแย้งกันอยู่
ราวพุทธศตวรรษที่ 21 ความแตกต่างของส่วนยอดทำให้แยกได้เป็น 3 กลุ่มย่อย ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีแนวทางการพัฒนาแตกต่างกันออกไปอีก กลุ่มย่อยที่ 1 ได้นำเอาลักษณะของเจดีย์ทรงระฆังแบบพื้นเมืองเข้ามาผสม ตัวอย่างได้แก่ เจดีย์วัดร่มโพธิ และเจดีย์มุมนั้นเริ่มหายไปเนื่องจากการขยายตัวของฐานบัวในผังกลม ซึ่งต่อมาการพยายามไม่ให้เจดีย์ถูกทดแทนด้วยชั้นบัวถลาขนาดใหญ่ เช่นที่ เจดีย์หลวง ซึ่งระบุในเอกสารว่า ทำให้มีกระพุ่มยอดเดียว กลุ่มย่อยที่ 2 ส่วนยอดของกลุ่มนี้เป็นชั้นลดที่ยกเก็จต่อเนื่องจากเรือนธาตุรับฐานแปดเหลี่ยมและทรงระฆัง เช่น เจดีย์วัดป่าตาล ชั้นลดนี้ได้พัฒนาซ้อนลดหลั่นกันหลายชั้น เช่น เจดีย์วัดโลกโมฬี กลุ่มย่อยที่ 3 เป็นการผสมกันระหว่างกลุ่มย่อยที่ 1 และกลุ่มย่อยที่ 2 คือ ใช้ชั้นบัวถลาขนาดใหญ่รับชั้นลดยกเก็จ เช่น เจดีย์บรรจุอัฐิพระเจ้าติโลกราชในวัดเจ็ดยอด การพัฒนาที่ต่อเนื่องลงไปของเจดีย์ทั้งสามกลุ่มเป็นไปในทำนองเดียวกันกับเจดีย์ทรงระฆังในระยะเดียวกัน คือ การเพิ่มความสูงของฐานแบบต่างๆ ซึ่งมีผลต่อเนื่องถึงยอดที่เรียวเล็กลง ตลอดจนการเพิ่มแนวบัวหัวเสาและบัวเชิงเสาของเรือนธาตุที่สัมพันธ์ไปกับการเปลี่ยนแปลงของจระนำเรือนธาตุด้วย
ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 22 เป็นต้นมา ยังคงมีการซ่อมแซมเจดีย์ทรงปราสาทยอดเจดีย์อยู่บ้าง อาทิ ราว พ.ศ. 2114 เจดีย์วัดเชียงมั่นถูกสร้างครอบทับเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งส่วนยอดนั้นน่าจะแสดงเค้าโครงที่ซ่อมทับได้เป็นอย่างดีเมื่อเปรียบเทียบกับเจดีย์ร้างวัดพระบาทแก้วขาว อำเภอฮอด ที่จำนวนของยกเก็จเรือนธาตุเพิ่มจำนวนมากขึ้น อันเป็นแนวทางการวิวัฒนาการราวพุทธศตวรรษที่ 22
กลุ่มที่ 2 เจดีย์ทรงปราสาทแปดเหลี่ยมและเจดีย์ปล่อง องค์ประกอบของเจดีย์ทรงปราสาทแปดเหลี่ยมคล้ายกับเจดีย์ทรงปราสาทยอดเจดีย์ เพียงแต่มีแผนผังอยู่ในรูปแปดเหลี่ยมเท่านั้น เจดีย์แปดเหลี่ยมที่วัดสะดือเมือง น่าจะสร้างขึ้นราวต้นพุทธศตวรรษที่ 20 เค้าโครงที่ถูกบูรณะแล้ว คือ ส่วนฐานและชั้นบัวถลา นอกจากนั้นเข้าใจว่าเป็นของเดิมยกเว้นลายปูนปั้นบางตำแหน่งที่ซ่อมเพิ่มเติมราวพุทธศตวรรษที่ 21 เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่าเจดีย์องค์นี้ได้รับรูปแบบจากเจดีย์แปดเหลี่ยมในวัดกู่กุด ลำพูน แต่เป็นที่น่าสงสัยในรูปทรงที่เตี้ยป้อมกว่าและการเจาะคูหาที่เรือนธาตุ ซึ่งส่อเค้าโครงถึงเจดีย์แปดเหลี่ยมหลายองค์ที่สร้างกันในศิลปะพุกามราวพุทธศตวรรษที่ 19 การถ่ายทอดรูปแบบน่าจะปรากฏที่อนิมิตเจดีย์ในวัดเจ็ดยอดที่สร้างเมือง พ.ศ. 1998 ซึ่งยึดส่วนบัวถลาเหนือเรือนธาตุให้สูงขึ้น กึ่งกลางของแต่ละด้านประดับด้วยซุ้มวงโค้ง ยืนยันถึงรูปแบบที่ขาดหายไปของเจดีย์แปดเหลี่ยมวัดสะดือเมือง รวมทั้งฐานปัทมลูกแก้วอกไก่ควรมียกเก็จเล็กๆ ในแต่ละด้านด้วย เจดีย์วัดยางกวงน่าจะได้รับการซ่อมเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปมากแล้ว ลักษณะเดิมอาจเป็นเรือนธาตุแปดเหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกันหลายชั้นที่พัฒนาต่อเนื่องจากอนิมิตเจดีย์นั่นเอง จากลักษณะดังกล่าวและลักษณะของกรอบซุ้มจระนำทำให้นึกถึงซุ้มในตำแหน่งเดียวกันของกลุ่มเจดีย์ปล่องที่คล้ายกันสามองค์ในเชียงใหม่ คือ เจดีย์วัดร่ำเปิงที่สร้างเมื่อ พ.ศ.2035 เจดีย์วัดพวกหงส์ และเจดีย์วัดเชียงโฉม รูปแบบของเจดีย์น่าจะได้รับแรงบันดาลใจจาก ถะ ในศิลปะจีนแต่คงถูกนำมาดัดแปลงไปพร้อมกับแนวการสร้างเจดีย์แปดเหลี่ยม การพัฒนาต่อมาของเจดีย์ทรงนี้น่าจะได้แก่ เจดีย์วัดกู่เต้า เป็นระยะสุดท้าย
กลุ่มที่ 3 เจดีย์ทรงปราสาทสี่เหลี่ยม พบเพียงองค์เดียว คือ เจดีย์เหลี่ยมในเวียงกุมกาม ที่ตำนานกล่าวถึงว่าสร้างในรัชกาลพญามังราย เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าน่าจะได้รับรูปแบบจากเจดีย์วัดกู่กุด ลำพูน แต่สภาพปัจจุบันนี้ถูกดัดแปลงไปแล้วโดยหลวงโยทการวิจิตร สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ พระพุทธเจ้าในจระนำ ลวดลายกรอบซุ้มจระนำ การเพิ่มซุ้มจระนำที่ฐานเพื่อให้ครบตามจำนวนอายุของผู้ซ่อม สถูปจำลอง และฉัตรโลหะ เค้าโครงที่พอจะเชื่อถือได้ คือ ส่วนฐานด้านทิศเหนือที่พบร่องรอยการซ่อมทับศิลาแลงที่อยู่ภายในและลักษณะพระพุทธรูปองค์หนึ่งในซุ้มจระนำด้านทิศตะวันออก ซึ่งยังคงแสดงความคล้ายคลึงกับพระพุทธรูปในจระนำเจดีย์วัดกู่กุด
กลุ่มที่ 4 เจดีย์ทรงมณฑปปราสาท ชื่อของมณฑปที่นำมาเรียกเจดีย์กลุ่มนี้เพื่อต้องใช้เห็นภาพว่า มีการใช้สอยพื้นที่ว่างภายในอาคารตามคติเดิมของมณฑปที่เริ่มขึ้นในประเทศอินเดีย ซึ่งบางท่านอาจจะเรียกเป็นอย่างอื่นก็ได้ตามแต่เหตุผลประกอบ เจดีย์กลุ่มนี้อาจแบ่งได้ 3 กลุ่มย่อย คือ กลุ่มย่อยที่ 1 เป็นมณฑปห้ายอดที่มีคูหาต่อเนื่องกับวิหารด้านหน้า ซึ่งบางท่านเรียกว่า คันธกุฎี รูปแบบของการใช้สอยน่าจะมีความเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มวิหารในศิลปะพุกาม และมณฑปห้ายอดนั้นคงมีความสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างได้แก่ มณฑปท้ายวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ ซึ่งยังคงเป็นปัญหาในเรื่องของระยะเวลาการสร้างอยู่ ราวพุทธศตวรรษที่ 21 เจดีย์วัดปันสาท (ร้าง) คงเป็นตัวอย่างของการสืบทอดต่อมา กลุ่มย่อยที่ 2 สืบเนื่องการใช้ชั้นบัวถลาขนาดใหญ่ในเจดีย์ทรงปราสาทยอดเจดีย์ ทำให้มีอิทธิพลถึงมณฑปอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น เจดีย์วัดศรีพูนโต ที่น่าจะสร้างขึ้นตั้งแต่ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 21 เมื่อเปรียบเทียบกับมณฑปสำริดที่มีจารึก พ.ศ. 2051 ที่พบที่วัดพระธาตุหริภุญไชย ลำพูน กลุ่มย่อยที่ 3 มณฑปกลุ่มนี้มีรูปแบบที่นำเอาเรือนธาตุมาวางซ้อนลดหลั่นกันเป็นชั้นทำให้กลายเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เช่น มณฑปประดิษฐานพระแก่นจันทร์ในวัดเจ็ดยอด ส่วนใหญ่แล้วมณฑปแบบนี้มักตั้งประดิษฐานพระพุทธรูปในวิหาร ซึ่งเรียกกันในภาษาเหนือว่า โขงพระเจ้า นั่นเอง
3 เจดีย์แบบอื่นๆ ยังมีเจดีย์อีก 2 แบบ ที่เชียงใหม่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะใกล้เคียง คือ เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ และเจดีย์เพิ่มมุม
เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นรูปแบบเฉพาะของศิลปะสุโขทัยที่น่าจะสร้างขึ้นในรัชกาลพญาลิไท หลักฐานที่พบในเชียงใหม่คงเหลือแต่รูปถ่ายเก่าของเจดีย์ทรงนี้ในวัดสวนดอก ซึ่งน่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับเจดีย์ประธานในระยะนั้น เจดีย์ที่วัดธาตุกลาง ถึงแม้ว่าเค้าโครงจะเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ แต่ในรายละเอียดของพุ่มข้าวบิณฑ์และยอดแตกต่างออกไป คงเป็นการพยายามสร้างเลียนแบบต่อมาในรุ่นหลังราวพุทธศตวรรษที่ 20 มากกว่าที่จะสร้างขึ้นในระยะเดียวกัน
เจดีย์เพิ่มมุม เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นในศิลปะอยุธยาตอนกลางและมีวิวัฒนาการต่อเนื่องลงมาจนถึงศิลปะรัตนโกสินทร์ เจดีย์เพิ่มมุมที่พบในเชียงใหม่ส่อเค้าครั้งแรกที่เจดีย์วัดหมื่นตูม และพบอีกองค์หนึ่งที่เจดีย์วัดศรีโขงซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2464(จิรศักดิ์ เดชวงศ์ญา, 2541)
9086. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9087. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9088.พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9089. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9090. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
องค์ประกอบของเจดีย์องค์ประกอบของเจดีย์โดยทั่วไป ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังแสดงในรูปที่ 1 นี้
รูปที่ 1 ส่วนต่างๆ ของเจดีย์
1. ลูกแก้ว องค์ประกอบส่วนที่ตั้งอยู่บนปลายยอดสุดของพระเจดีย์ นิยมทำเป็นรูปทรงกลมเกลี้ยง บางแห่งทำเป็นรูปคล้ายหยดน้ำ ซึ่งเรียกว่า หยดน้ำค้าง
2. ปลี องค์ประกอบของยอดพระเจดีย์ส่วนที่ทำเป็นรูปกรวยกลมเกลี้ยงคล้ายปลีกล้วย ต่อจากส่วนของปล้องไฉนขึ้นไป บางแห่งยืดปลีให้ยาวแล้วคั่นด้วย บัวลูกแก้ว ตอนกลาง ทำให้ปลีถูกแยกเป็น 2 ส่วน ซึ่งจะเรียกส่วนล่างว่า ปลีต้น และส่วนบนว่า ปลียอด
3. บัวกลุ่ม ชื่อเรียกองค์ประกอบชุดหนึ่งซึ่งทำเป็นรูปบัวโถ ต่อซ้อนให้มีขนาดลดหลั่นกันขึ้นไปอย่างบัวลูกแก้ว สำหรับใช้เป็นส่วนของปล้องไฉน ในเจดีย์ย่อเหลี่ยม
4. ปล้องไฉน ชื่อเรียกส่วนปลายที่เป็นยอดแหลมของพระเจดีย์ ซึ่งทำเป็นบัวลูกแก้วคั่นเป็นข้อๆ ใหญ่เล็กลดหลั่นลงตลอดแท่ง ตรงเชิงฐานรับด้วย บัวถลา ก่อนวางเทินบน ก้านฉัตร
5. ก้านฉัตร องค์ประกอบทางโครงสร้างของพระเจดีย์ ที่ทำเป็นรูปทรงกระบอกกลม ทำหน้าที่เทินรับปล้องไฉนให้ตั้งฉาก
6. เสาหาน องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ทำหน้าที่ช่วยเสริม ก้านฉัตร ในการรับน้ำหนักของ ปล้องไฉน และ ปลี นิยมทำเป็นรูปทรงกระบอกกลมหรือแปดเหลี่ยมขนาดเล็ก แต่สูงเท่ากับก้านฉัตร วางล้อมก้านฉัตรในตำแหน่งของทิศประจำทั้ง 8
7. บัลลังก์ องค์ประกอบสำคัญที่ทำเป็นรูป ฐานปัทม์ 4 เหลี่ยม หรือ4 เหลี่ยมย่อมุม หรือ กลม หรือ 8 เหลี่ยม วางเทินเหนือหลังองค์ระฆัง เพื่อตั้งรับ ก้านฉัตร และ เสาหาน
8. องค์ระฆัง องค์ประกอบส่วนที่สำคัญที่สุดของพระเจดีย์ในฐานะตัวเรือนของอาคาร ที่ทำเป็นรูปทรงกลมปากผายคล้ายระฆังคว่ำปากลง ในงานสถาปัตยกรรมไทยองค์ระฆังนี้มีทั้งแบบทรงกลม ทรง 8 เหลี่ยม และทรง 4 เหลี่ยมย่อมุมตามคตินิยมของแต่ละยุคสมัยที่แตกต่างกัน
9. บัวคอเสื้อ องค์ประกอบตกแต่งที่ทำเป็นรูปกระจัง ปั้นทับลงบนส่วนของสันบ่าองค์ระฆังในเจดีย์ย่อเหลี่ยม
10. บัวปากระฆัง ชื่อเรียกส่วนประกอบที่ทำเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงาย บางแห่งปั้นปูนประดับเป็นรูปกลีบบัว
11. บัวโถ ชื่อเรียกองค์ประกอบสำคัญที่เป็นลักษณะเฉพาะของเจดีย์ย่อเหลี่ยม ที่ทำเป็นรูปบัวมีกลีบขนาดใหญ่ดอกเดียวเทินรับองค์ระฆังแทนบัวปากระฆังในเจดีย์ทรงกลม บ้างเรียกว่า บัวคลุ่ม ก็มี
12. มาลัยเถา ชื่อเรียกองค์ประกอบชุดหนึ่งที่ทำเป็นชั้นของ บัว หรือ ลูกแก้วคล้ายพวงมาลัยซ้อนต่อกันขึ้นไป 3 ชั้น ใต้บัวปากระฆัง
13. ชุดฐานสิงห์ ชื่อเรียกฐานเท้าสิงห์ ซ้อนกัน 3 ชั้น ใช้เป็นชุดของมาลัยเถา สำหรับเจดีย์ย่อเหลี่ยม
14. ฐานปัทม์ องค์ประกอบสำคัญทางโครงสร้างของพระเจดีย์ที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักอาคารทั้งองค์ หรือใช้เสริมองค์พระเจดีย์ให้ดูสูงขึ้นเหตุที่เรียกว่า ฐานปัทม์ เนื่องเพราะฐานชนิดนี้ก่อรูปด้วยลักษณะของฐานบัวชุดบัวคว่ำและบัวหงาย (ปัทม์หมายถึง ดอกบัว)
15. ฐานเขียง ชื่อเรียกฐานหน้ากระดานเกลี้ยงๆ ชั้นล่างสุดขององค์พระเจดีย์ ซึ่งแต่ละองค์แต่ละรูปแบบอาจจะมีฐานเขียงได้ตั้งแต่1-5 ชั้น ซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไปแล้วแต่จะกำหนด
จัดทำโดย
ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ความรู้เกี่ยวกับเจดีย์
Source://www.cendru.eng.cmu.ac.th/earthquake/gis/index.php?option=com_content&view=article&id=5&Itemid=5&limitstart=2
9091. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9092. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9093. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9094. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9095. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9096. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9097. พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
9098.
9099.
9100.
Moonfleet ได้มาเยือน พระเจดีย์ วัดแสนตาห้อย ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วันอังคาร ที่ 5 เดือน มกราคม พ.ศ. 2552
Create Date : 07 มกราคม 2553
Last Update : 7 มกราคม 2553 21:48:09 น.
4 comments
Counter : 7091 Pageviews.
Share
Tweet
ยังนึกไม่ออกว่าอยู่แถวไหน หรืออยู่ในกรมทาง ??? คะ
โคราชครึ้มทั้งวันค่ะ แต่ตอนเช้า ปรอย ๆ มาแป๊บเดียว ไม่ยอมตกเลยค่ะ
โดย:
tuk-tuk@korat
วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:20:33:55 น.
อยู่ข้างกรมทาง ครับ ฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาลมหาราช แต่ว่าอยู่ใกล้กับสี่แยกสวนดอก ครับ
โดย:
moonfleet
วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:21:51:31 น.
คุณmoonfleet ครับ ขอบคุณคำอวยพรปีใหม่และภาพดอกไม้แสนสวย
ขอให้พรนั้นตอบสนองคุณเป็นทวีคูณครับ
................................................................
ทราบว่าไปรับราชการที่น่าน ปัจจุบันยังอยู่ที่นาหมื่นหรือย้ายไปไหนแล้วครับ?
ผมมีแผนการจะกลับไปเยี่ยมน่านพร้อมเพื่อนอีก๒คนในเดือนกุมภานี้ครับ?
จากไปนานมากมาย นับแต่ พ.ศ.๒๕๐๘
>
โดย: ... (
ขามเรียง
) วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:23:48:20 น.
ขอบคุณกรมศิลปฯ ท่ีเร่งบูรณะก่อนท่ีจะทรุดโทรมไปมากกว่านี้ ยังมีเจดีย์ร้างอย่างนี้อีกมากในเมืองเชียงใหม่ ท่ีีเรายังไม่เคยชมชัดอย่างนี้ และขอขอบคุณท่านเจ้าของรูปภาพนี้ด้วย
โดย: akkpunyo IP: 58.11.4.216 วันที่: 19 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:02:28 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [
?
]
ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
Opey
hellojaae
tuk-tuk@korat
อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที
ขามเรียง
แฟนEOD
me-o
เจียวต้าย
SevenDaffodils
วายุอัคคี
Webmaster - BlogGang
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
CSRi สถาบันธุรกิจเพื่อสังคม
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
โคราชครึ้มทั้งวันค่ะ แต่ตอนเช้า ปรอย ๆ มาแป๊บเดียว ไม่ยอมตกเลยค่ะ