เป็นแม่คนแต่ต้องเสียแม่ไป
ร่วมไว้อาลัยแด่การจากไปของ "คุณแม่องุ่น พูลพัฒน์"
วันแม่ปีนี้หญิงไม่มีโอกาสได้กราบแม่อีกหรือไปหาแม่อีกแล้ว ท่านได้จากโลกนี้ ไปแล้ว เช้าของวันที่ 3 ส.ค. 2550 ประมาณสิบโมงหญิงได้รับโทรศัพท์จากพี่ สะใภ้ว่าแม่เสียแล้วนะตั้งแต่เมื่อคืนตอนเที่ยงคืนกว่า ตอนที่รับโทรศัพท์ก็ใจ หายเหมือนกันค่ะเพราะไม่เคยเห็นพี่สะใภ้โทรมาในเวลานี้และในวันที่ 2 ส.ค. 2550 วันนั้นทั้งวันหญิงคิดถึงแม่ตลอดทั้งวัน ตกกลางคืนก็นอนไม่หลับคิดถึง แต่แม่ ตอนนั้นโมนาครบ 3 เดือนพอดีในวันที่ 2 ส.ค. แม่ป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนแต่ว่าเป็นหนักที่คอจนไม่สามารถลุกได้ต้องนอนตลอดเวลา พี่ชายจึงนำส่งรพ.ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนถ้าจำไม่ผิดเพราะแกอยู่ที่รพ.เกือบ 2 เดือน ตอนแรกแม่ก็แค่เป็นโรคกระดูกพรุน พอเข้ารับการรักษาแม่เป็นคนที่กำลังใจไม่สู้ดีและไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือกับหมอในการรักษาสักเท่าไหร่ เมื่อท่านอยู่รพ.ท่านไม่ค่อยยอมทานข้าว ทานได้แค่คำสองคำนมที่หมอสั่งให้ทานมื้อล่ะกล่องท่านทานได้แค่จิบสองจิบแล้วก็ปฏิเสธ และช่วงที่ให้พวกยาแคลเซียมเพื่อซ่อมแซมกระดูกเนื่องจากว่ากระดูกของท่านบางมาก จึงทำให้ตัวยาซึมเข้ากระแสเลือดไปแปลเปลี่ยนทำให้เกิดสภาวะเลือดเป็นกรด(จนในวันที่เสียเลือดเป็นกรดไปหมดทั้งร่างกาย) พอท่านไม่ยอมทานอาหารมาก ๆ เข้าร่างกายก็อ่อนแอไม่มีภูมิต้านทานไม่ลุกเดินออกกำลังกายเอาแต่นอนซมอยู่ที่เตียง และในที่สุดมันก็จะมีเชื้ออยู่ตัวหนึ่งที่ปกติแล้วจะอยู่ในกระเพาะอาหารของคนทุกคน(พี่บอกมาตามนั้นที่หมอบอก) เมื่อร่างกายอ่อนแอเข้าภาวะวิกฤตหนักเชื้อตัวนี้จึงลามเข้าไปที่ปอด และกระเพาะปัสสาวะทำให้เกิดปอดติดเชื้อและกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ ประจวบ กับเมื่อท่านไม่ค่อยยอมทานอาหารก็ทำให้ไม่ถ่าย ร่างกายถ้าไม่ทานอาหารไม่ขับถ่ายจะทรุดลงเร็วมาก ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมหญิงแฟนและลูกขับรถไป เยี่ยมท่านที่ขอนแก่น ก็ได้ไปเยี่ยมท่านในตอนเช้าและได้ป้อนอาหารให้ท่านทานไม่นึกเลยว่านั่นการป้อนข้าวแม่ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้ายที่จะ มีโอกาสได้ทำ ตอนนั้นท่านก็ยังดูร่าเริงคงเป็นเพราะเห็นเราไปเยี่ยมเพราะก่อนหน้านี้พี่ชายก็บอกว่า ท่านเดี๋ยวก็อาการดีขึ้นเดี๋ยวก็ทรุดลงบางทีก็เพ้อ บางทีก็ ลุกมาถอดสายน้ำเกลือกัดท่อที่ดูดเอาเสมหะออกจนขาด จนล่าสุดที่ท่านเป็นหนักคุณหมอให้อาหารทางสายยางท่านก็ดึงเอาออกหมด ตอนแรกหญิงตั้งใจว่าก่อนวันแม่สักสองสามวันจะขึ้นเครื่องไปเช้า เย็น กลับและฝากลูกกับเพื่อนแฟนให้ เพื่อนแฟนช่วยเลี้ยงแทนให้แล้วจะไปเยี่ยมแม่ เพราะรู้สึกอยากจะไปเยี่ยมท่าน มาก แต่แล้วก็ไม่มีวันนั้นแม่มาด่วนจากไปเสียก่อน
สิ่งที่หญิงเสียใจที่สุดคือเมื่อครั้งที่หญิงยังเล็กอายุได้ 7 ขวบ หญิงต้องเข้ารับการ ผ่าตัดโรคผนังกั้นห้องหัวใจรั่วซึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิด แม่ก็คอยไปดูแลเราตลอด เวลาแต่เมื่อถึงเวลาที่ท่านเจ็บป่วยเรากับต้องติดภาระเลี้ยงลูกเล็กไม่สามารถไปดู แลท่านด้วยตัวเองได้คงมีแต่พี่ชายพี่สะใภ้และคนที่มาเฝ้าไข้ที่เป็นคนดูแลท่านแทนเรา วันที่เผาศพแม่หญิงเป็นคนสวมแว่นตา(แว่นที่เห็นในรูป)ให้กับท่านเพราะตอนที่อยู่ที่รพ.แม่นอนทับจนขาแว่นมันหักไปข้างพี่ก็เพิ่งไปซ่อมเสร็จ หญิงสวมแว่นตาให้แม่และร้องไห้พร้อมกับรดน้ำศพ(น้ำมะพร้าว)ให้ท่านและบอกให้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเราหลับให้สบาย สับปะเหร่อบอกหญิงว่าอย่าร้องไห้ ให้น้ำตา หยดลงไปเดี๋ยวเค้าจะยังมีห่วงอยู่ แต่เรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริง ๆ
ทุกวันนี้เหมือนหญิงฝันร้าย แต่ล่ะวันที่พอลูกหลับแล้วลงมานั่งทานข้าวเที่ยงข้าง ล่างก็จะคิดขึ้นมาทุกทีว่าแม่จากเราไปแล้วจริง ๆ เหรอ ทำไมเรื่องอย่างนี้ต้องมา เกิดขึ้นกับแม่ของเรา แม่เราเป็นแค่โรคกระดูกพรุนแต่ทำไมท่านต้องทรุดหนักและจากเราไป ทุกวันที่นั่งทานข้าวไม่ว่ามื้อไหน ๆ จะหวนคิดถึงภาพที่แม่เคยจูงมือพาเราเดินไปตลาดซื้อกับข้าวกับมาบ้านมาทำกับข้าวทาน ภาพทุก ๆ ภาพที่มีเราสองคนไปไหนมาไหนกันทำอะไรร่วมกันมันผุดขึ้นมาทุกครั้งทำใจไม่ได้
ขอให้ท่านที่ได้อ่านเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สรณ์ใจว่า ตอนนี้พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ กับเราควรที่จะดูแลท่านและอยู่กับท่านให้มากที่สุด เพราะถ้ามัวคิดแต่ว่าจะทำแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปดูแล อาจจะไม่มีวันนั้นแล้วก็จะต้องมานั่งเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้ทำ
แม่จ๋าหลับให้สบายนะคะ
|
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 31
|
|
|
|
|