1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
The Rifle by Gary Paulsen : ว่าด้วย Gun Control
เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เวอร์จิเนียเทค ในเช้าวันที่ 16 เมษายน 2550 ทำให้นึกถึงหนังสือเรื่องนี้ กับ หัวข้อเรื่องของ การควบคุมอาวุธปืน (Gun Control) ภาพจาก //www.bestwebbuys.comข้อมูลหนังสือ ชื่อเรื่อง : The Rifle ผู้เขียน : Gary Paulsen สำนักพิมพ์ : Harcourt Childrens Books The Rifle เขียนโดย Gary Paulsen เป็นนิยายขนาดสั้นสำหรับวัยรุ่น จัดตามแบบอเมริกันก็คืออยู่ในหมวด Young Adult Fiction ผู้เขียนตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องของการควบคุมอาวุธปืนได้อย่างมีแง่มุมดี เรื่องราวเริ่มต้นย้อนในปีค.ศ. 1769 เล่าถึงปืนไรเฟิลที่ได้รับการทำขึ้นอย่างประณีตโดยช่างทำปืนชื่อ คอร์นิช แมคมานุส เขาได้ใช้เวลายาวนานในการประดิษฐ์ปืนผลงานชิ้นเอกของเขา ด้วยความงามและความแม่นยำของมันนี่เอง เขาจึงอยากจะเก็บไว้ใช้งานเองมากกว่าขาย แต่กระทั่งเขาต้องการเงินเพื่อมาแต่งงาน เขาจึงต้องขายให้กับ จอห์น ไบแย่ม และปืนไรเฟิลกระบอกนี้ก็ได้กลายมาเป็นอาวุธสำคัญเมื่อไบแย่มเข้าร่วมกับกองทัพต่อสู้สงครามปฏิวัติเพื่ออิสรภาพของอเมริกา หลังจากที่ไบแย่มเสียชีวิต ปืนไรเฟิลก็ถูกส่งผ่านมือมาจนกระทั่งถึงสตรีนางหนึ่งที่หมายจะมอบปืนให้ลูกชายเข้าไปร่วมรบ แต่ลูกชายนางตายในสงครามเสียก่อน ยังไม่ทันได้ใช้ ปืนเลยถูกเก็บไว้ แบบเก็บลืมบนห้องใต้หลังคา กระทั่งถึงปี 1993 ผู้ที่ได้ครอบครองบ้านหลังนั้น ก็ค้นพบปืนกระบอกนั้นเข้า แล้วก็เอาไปขาย ผู้ครอบครองคนสุดท้ายเป็นช่างเครื่อง (อะไรสักอย่าง) ไม่รู้จักการเก็บรักษา และไม่รู้จักระมัดระวัง จึงเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ผู้เขียนเล่าถึงการเดินทางของปืนไรเฟิลกระบอกนี้ คุณประโยชน์ที่มันสร้างให้ เมื่อมนุษย์ใช้เป็นเครื่องมืออย่างถูกทาง แต่ถึงแม้มันจะให้คุณ มันก็มีโทษให้เช่นเดียวกัน หากคนเราไม่รู้จักการดูแลและควบคุมการใช้งานของมัน มุมมองของผู้เขียนได้แสดงอยู่ในหนังสือ หน้า 56 ไว้ดังนี้ Had he known history of the riflehow it had been part of the Revolutionary War
he would never need a gun nor use a gun to defend himself or his property. Even police officers constantly working in the area of crime and danger, almost never fired their weapons against men. หากเขารู้ประวัติศาตร์เกี่ยวกับปืนไรเฟิล ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของสงครามปฏิวัติอย่างไร...เขาคงไม่ต้องการปืน หรือแม้แต่ใช้ปืนเพื่อป้องกันตนเอง หรือสมบัติของเขา แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ที่ต้องทำงานอยู่ในพื้นที่อาชญกรรมและอันตรายอย่างต่อเนื่อง ก็แทบจะไม่เคยยิงปืนเข้าใส่ผู้คน ทำไม เหตุการณ์ในเวอร์จิเนียเทค ทำให้คิดถึงหนังสือเล่มนี้ ในสหรัฐอเมริกาเรื่องการควบคุมอาวุธปืน เป็นเรื่องที่โต้เถียงกันมาก กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งพยายามที่จะให้มีการครอบครองอาวุธปืนเป็นไปอย่างเสรี แต่อีกกลุ่มหนึ่งต้องการให้ควบคุม เพราะตระหนักถึงภัยอันตราย และเป็นข้อโต้เถียงที่แทบจะไม่มีนักการเมืองคนไหนอยากแตะ ยกตัวอย่าง อัล กอร์ ตอนที่หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี เสียงตกไปอย่างมาก เมื่อไปแตะเรื่องของการควบคุมอาวุธปืนเข้า วันนี้ดูข่าว มีการพูดถึงว่าในสภาควรมีการถกประเด็นเรื่อง การควบคุมอาวุธปืน คาดว่าจะไปสัมภาษณ์นักการเมืองฟากรัฐบาลคนหนึ่ง ได้คำตอบมาว่า จะยังไม่มีการถกกันในประเด็นนี้ โอ้...ขนาดเกิดโศกนาฏกรรมขนาดนี้ ยังยึกยักไม่กล้าพูดถึงกันอยู่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่อง แต่เป็นกี่ครั้งแล้ว ที่คนสติแตกคนหนึ่งลุกขึ้นมายิงกราดใส่ผู้บริสุทธิ์ นักการเมือง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจค้าอาวุธ จะรู้สึกรู้สากันบ้างไหมถึงความสูญเสีย หรือว่าต้องเป็นลูกหลานของคนพวกนั้นตายก่อนจึงรู้สึกกระตือรือร้นว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัว (พูดถึงตรงนี้แล้วก็ทำให้นึกถึงข่าวเกี่ยวกับรัฐบาลไทย และคมช.ที่เพิ่งอ่านเกี่ยวกับการต่อรองอะไร บางอย่าง ซึ่งไม่ทราบว่าต่อรองอะไรอยู่ ในขณะที่บ้านเมืองเดือดร้อน พี่น้องภาคใต้ตายกันรายวัน...อย่างโหดเหี้ยม ก็ยังไม่เห็นความกระตือรือร้น เป็นรูปธรรม หรือว่ามัวแต่คิดว่าจะต่อรองอย่างไร จนลืมคิดว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไร เครียดเกินไปไหมนี่) ว่ากันต่อเรื่องข้างบน จริงๆ ก็นึกเห็นใจพวกที่เป็นคนโดดเดี่ยว ขาดสังคม จนกดดันให้กระทำการโง่ๆ แบบนี้กับเพื่อนมนุษย์นะ แต่...การแสดงออกแบบนี้ไม่อยากให้อภัยเลย สรุปที่หนังสือเล่มนี้ อ่านแล้วก็รับรู้ได้ถึงเจตนารมณ์ของผู้เขียน ที่ต้องการปลูกฝังความคิดเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนแก่วัยรุ่น ผู้ซึ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต เราก็หวังว่าความตั้งใจของผู้เขียนจะประสบผล และทำให้เพิ่มปริมาณของผู้ที่ต่อต้านการครอบครองอาวุธปืนอย่างเสรีให้มากพอที่จะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะร่างกฎหมายควบคุมอาวุธที่ไม่เปิดโอกาสให้คนไร้สติ หาอาวุธมาไล่ยิงคนได้ง่ายดายเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอไว้อาลัยให้กับนักศึกษา อาจารย์ และทุกคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค ค่ะ ขอแสดงความเสียใจต่อญาติพี่น้องผู้สูญเสียด้วยค่ะ
Create Date : 18 เมษายน 2550
Last Update : 18 เมษายน 2550 2:02:13 น.
3 comments
Counter : 580 Pageviews.
Location :
California United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [? ]
บล็อกจับฉ่าย บางทีก็อวดรูปลูก บางทีก็เล่าเรื่องที่ไปเที่ยว บางทีก็เล่าไปเรื่อยเปื่อย แนะนำหนังสือบ้าง แล้วแต่เวลาและอารมณ์จะพาไป * * * * * * * ส่งเสริมมิตรภาพ และการเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตให้สวยงาม หอมหวานตลอดไป บทความและรูปภาพในบล็อกนี้จึงต้องเป็นไปตามนี้นะจ๊ะ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
ผู้ชายพวกนี้หัวรั้นจะตาย คิดว่า ของเล่นชิ้นนี้มันสนุก ตัดใจจากความอยากชนิดนี้ไม่ลง จะไม่ฟังเหตุผลว่ามีผลในวงกว้างอย่างไร คนจึงยังขายได้อยู่ เหตุการณ์ครั้งที่แล้ว ตอนนั้นที่โคลัมไบน์ไฮ มีคนวิจารณ์มาก จน K-Mart ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการปิดเซ็คชั่นปืนล่าสัตว์ รวมทั้งกระสุนปืนด้วย
ขอร่วมไว้อาลัยเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยค่ะ