การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด
21 มิถุนายน 2550
เหลืออีกเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้นเอง การเรียนวิชาการและทักษะการเป็นแอร์โฮสเตสก็จะจบลงแล้ว ถ้าทำเอกสารเสร็จเรียบร้อยรวดเร็วตามกระบวนการของบริษัท ความฝันที่จะได้ใช้ชีวิตติดปีกเร่ร่อนบนฟ้าก็จะเป็นจริงในอีกไม่ช้านี้นี่เอง...
มองย้อนกลับไปเมื่อ 2 เดือนกว่าที่แล้ว เพิ่งแตะเท้าย่างลงมาบนพื้นแผ่นทรายแห่งนี้ด้วยความสดใส สดใหม่และไม่รู้ประสาอะไรทั้งสิ้น มีก็แต่ความมุ่งมั่นและความฝันจะเป็นแอร์โฮสเตสให้ได้ แต่หารู้ไม่เลยว่า เส้นทางการจะก้าวไปเป็นได้นั้น นอกจากต้องฝ่าด่านการสัมภาษณ์ที่แสนยากลำบาก แล้วยังต้องมาเจอกับการเรียน (Train) ที่ยากยิ่งกว่ากันหลายเท่านัก
ใครหลายต่อหลายคนถามฉันบ่อยเหลือเกินว่า บินเป็นยังไง ผู้โดยสารดีมั้ย ...แล้วฉันก็ต้องคอยตอบคำถามว่า ยังไม่ได้บินเลย ยังเทรนอยู่
แล้วเขาก็อดไม่ได้หรอกที่จะถามต่อไปว่า เทรนอะไรนาน ๆ เป็นแอร์มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ มันไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก...แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เท่านั้นเอง...เคยได้ยินได้อ่านหนังสือมากมายที่เขาภูมิใจนักหนาในอาชีพแอร์โฮสเตส อาจจะเป็นสิ่งที่พูดและบอกต่อกันมาซ้ำซาก แต่ฉันก็เพิ่งมาเข้าใจและภูมิใจด้วยตัวเองก็วันนี้แหล่ะว่า เป็นแอร์ไม่ใช่แค่เสิร์ฟอาหารหรือยิ้มหวาน ๆ ทุกเที่ยวบิน แต่หน้าที่ที่สำคัญและยิ่งใหญ่กว่านั้น คือ การที่ต้องรับผิดชอบชีวิตผู้โดยสารทุกคน ต้องรับผิดชอบสุขภาพ อนามัย ร่างกาย ความปลอดภัย จากนั้นค่อยเป็นเรื่องความสะดวดสบายตามมาทีหลังด้วยซ้ำ...
แล้วว่าแต่ที่ยาก ๆ นั้น...มีอะไรบ้างน่ะเหรอ?
การเรียนของคูเวตแอร์เวย์อาจจะแตกต่างออกไปจากสายการบินอื่น แต่ในเนื้อหาหลัก ๆ คงไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ ซึ่งการเทรนของที่นี่ จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ กล่าวคือ Service, First Aid และ Safety
เริ่มต้นเรียนที่ Service เรียนทั้งหมดถึง 5 อาทิตย์ด้วยกัน เนื้อหาก็เหมือน ๆ กับชื่อ ก็คือ การบริการนั่นเอง แต่นอกจากนั้นก็ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ อีกมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตในการทำอาชีพนี้นั่นเอง เช่น
- Documentations: คือ เอกสารทั้งหมดที่ต้องถือติดตัวตลอดเวลา เป็นเอกสารจำเป็นทั้งนั้น นอกจาก passport แล้วยังมีใบอนุญาตการบิน ใบรับรองการแพทย์ บัตรประจำตัว รวมทั้งหมดตั้ง 7 ชิ้นด้วยกันแน่ะ
- Gastronomy: แปลตรงตัวคือ "สวรรค์ของอาหาร" ซึ่งต้องเรียนรู้ทั้งหมดเลยว่า แบคทีเรียตัวไหนทำอะไรกับเนื้ออะไรบ้าง อุ่นขนมปัง อุ่นเนื้อต้องใช้กี่องศา และการรักษาความสะอาดของตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด เรียนวิชานี้ทำให้ได้รู้วิธีการล้างมือที่ถูกต้อง ขจัดแบคทีเรียสิ้นเชิงด้วยนะ
- Sales: คือ การเรียนเรื่องการขายของ duty free บนเครื่องนั่นเอง ต้องคำนวณอัตราค่าเงินให้เป็น จากดีน่าร์เป็นดอลล่าร์อะไรประมาณนี้ แล้วก็การเก็บดูแลสินค้าทั้งหมด การรูดการ์ด บัตรเครดิต การเขียนฟอร์มแจ้งสินค้าตามประเทศต่าง ๆ เป็นความรับผิดชอบยิ่งใหญ่เชียวล่ะ ถ้าได้ทำ sale
- Special care: เป็นเรื่องการดูและผู้โดยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ มี wheel chair, handicapped, เด็กที่มาคนเดียว, คนตาบอด, คนหูหนวก แล้วก็ผู้สูงอายุ เป็นต้น
- Rule and regulations: แน่นอนว่าต้องมีการปฏิบัติตัวอย่างดีงามใน uniform การทำผม แต่งตัวให้ถูกระเบียบ อะไรห้ามทำ อะไรอนุญาตให้ทำ การมาอยู่ในบริษัทเขาก็ต้องมีกฎระเบียบให้ปฏิบัติตามเป็นธรรมดา และการอยู่ร่วมกันในสังคม ถ้ามันไม่มากเกินไป กฎเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้สังคมเล็ก ๆ นี้น่าอยู่ขึ้นอีกมาก
- Cabin Appearance: เป็นการดูแลทำความสะอาดเครื่องบินทั้งก่อนผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ระหว่างผู้โดยสารอยู่บนเครื่องและหลังจากผู้โดยสารลงเครื่องไปแล้ว
- Service: เป็นส่วนสำคัญที่สุดของการเรียนที่นี่เลยล่ะ ต้องเรียนการเสิร์ฟอาหารที่ถูกต้อง การเสิร์ฟน้ำ การแนะนำเมนูอาหาร การจัดถาดอาหาร การอบข้าว อุ่นข้าว อุ่นขนมปัง และลำดับการเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟอาหาร ให้ขนมปัง ให้เมนูการ์ด การเก็บถาดอาหารแล้วก็ผ้าเย็น รายละเอียดล้วนยิบย่อยและหยุมหยิมเหลือเกิน แต่ช่วงสอบปฏิบัติเป็นช่วงที่สนุกสนานมาก ๆ เชียวล่ะ เพราะผลัดกันสอบ เพื่อนที่เหลือก็ต้องกิน อิ่มหนำสำราญกันไปเป็นแถบ ๆ
ส่วนต่อมาก็คือ first aid เรียนกันอาทิตย์เดียวเองล่ะ แต่ว่าเนื้อหาเยอะเหลือเกิน ต้องท่องจำชื่อยาว่าใช้กับโรคอะไร การปฐมพยาบาลเบื้องต้นแบบไหน การทำคลอดเด็ก การตัดรก(ยึ๋ย!!) จำแม้กระทั่งว่าอวัยวะส่วนไหนอยู่ตรงไหนกันเชียว นึกถึงตอนเรียนวิทย์กายฯม.ปลายที่แสนจะเกลียด แล้วก็ได้เรียนการผายปอดด้วยล่ะ แต่ก็สนุกดีเหมือนกัน เรียนละเอียดซะจนจะสอบพยาบาลได้อยู่แล้ว
ส่วนสุดท้าย คือ emergency หรือว่า safety นั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ (เค้าว่ากันว่า) สำคัญที่สุดและยากที่สุดนั่นเอง โดยเรียนกัน 3 อาทิตย์ ซึ่งต้องเรียนทั้งหมดทุกส่วนทุกตอนเลยว่า การเปิดปิดประตูทำยังไง การดำรงชีวิตให้รอดในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างเช่น อุปกรณ์ส่งสัญญาณ การทำน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืด การช่วยชีวิตผู้โดยสาร แล้วก็ต้องเรียนการกู้ระเบิด การเผชิญหน้ากับผู้ก่อการร้าย การดูแลความเรียบร้อยความปลอดภัยทั้งหมด การอพยพผุ้โดยสารออกจากเครื่องภายใน 90 วินาที แล้วก็ได้กระโดดสไลด์ กระโดดน้ำจริง ๆ ด้วยล่ะนะ ยังมีการดับไฟหรือผจญเพลิงอ่ะ แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นมาจริง ๆ คงมีเบลอบ้างล่ะ ส่วนนี้แหล่ะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องรับผิดชอบชีวิตคนเป็นร้อย อาจารย์บอกว่า "Service is visible job but emergency is invisible and our main job is safety of passengers." ตอนนี้ก็เหลือเรียนแค่การทำ annoucement แล้วก็อะไรอีกเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ก็เท่ากับว่าจบหลักสูตรการเรียนทักษะการเป็นแอร์อย่างเต็มตัวและพร้อมจะดูแลความปลอดภัยและรับใช้ผู้โดยสารบนเครื่องบินแล้ว
แต่เหนืออื่นใดแล้วสิ่งที่ได้เรียนรู้มากมายที่สุดตลอดระยะเวลาการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ก็คือ เรื่องของทัศนคติ...เพราะในแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์จะได้พบเจอกับเรื่องราว ข่าวคราวมากมาย ทั้งทำให้ผิดหวัง เสียใจ ดีใจ เกิดความคาดหวัง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำมีเพียงอย่างเดียว คือ เลือกที่จะมองโลกในแง่ดีและเติมความรู้สึกให้ตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้ยังคงมีความสุขกับสิ่งที่เป็นและสามารถดำเนินชีวิตที่นี่ต่อไปได้นั่นเอง
เรียนรู้การจัดการกับอารมณ์ตัวเอง อารมณ์ของคนอื่นที่มากระทบ เรียนรู้การปรับตัวกับความเปลี่ยนไป เรียนรู้การทำใจรับกับสิ่งที่ไม่ได้คาดหวัง เรียนรู้ความผิดหวัง เรียนรู้ชีวิตจริง ๆ และเรียนรู้ว่าชีวิตทุกชีวิตมันไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายหรือแอร์โฮสเตส เพราะในที่สุดแล้วมันก็มีปัญหาไม่ต่างกันเท่าไหร่ อยู่ที่เพียงจะจัดการกับมันอย่างไรเท่านั้นเอง
พอได้คิดย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนก่อนที่มุ่งหน้ามายังดินแดนตะวันออกกลางแห่งนี้ ยิ่งทำให้ได้รู้เลยว่า ความคิด ความอ่าน เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย นอกเหนือจากบรรดาวิชาการที่ถ่ายทอดกันในห้องเรียน และที่สำคัญทำให้ได้เข้าใจความคิดตัวเอง ความรู้สึก และแน่นอนว่าได้ค้นพบอีกด้านหนึ่งของตัวเองอย่างไม่เคยได้เห็นมาก่อน
ที่เขาว่ากันว่า การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เรียนรู้อะไรมากมาย ปะปนความผิดหวังเสียใจ หรือดีใจและเสียงหัวเราะ บทสรุปของฉัน ก็มีเพียงแค่ว่า แม้ต้องถูกบังคับให้เรียนรู้อะไรอีกมากมายก็ตาม ฉันก็มีความสุขและพร้อมที่เรียนรู้มัน หากมันเป็นสิ่งที่ฉันเลือก สิ่งที่ฉันอยากเรียนรู้ ไม่ว่ายากกว่านี้เท่าไหร่ มันอยู่แค่ที่ใจว่าตั้งใจและปรารถนาจะเรียนรู้มันมากเพียงไหนก็แค่นั้นเอง
ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ เราก็จะไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่าเรากำลังทำมันอยู่ If you love your work, you will never work a day
Create Date : 31 ตุลาคม 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 31 ตุลาคม 2550 3:37:04 น. |
Counter : 1149 Pageviews. |
|
|
|
wherever u go.....whatever u do.......!!!!!
I'll b by your side...........
Have a nice trip kubbbbbbbbbbb.......!!!!
I Believe in yourself.........u can u do it !!!!
Cause Aim Trusts P" kubbbbbbbbbb
Fly with Aimmmmmm.......
My mom had passed those times .....and she knows that
U can do it.........
I'll b by your side.....
AIM