ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
18 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

-Love is...- Vol.3 (24)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."




“หากได้รับความคืบหน้าเช่นไรเราจะแจ้งให้ทางท่านทราบทันทีครับ” นี่คือประโยคที่ทุกคนในบ้าน อดีตท่านทูตเกลียดที่สุด

“หนูทนไม่ไหวแล้วค่ะ หนูจะไปที่อัฟกานิสถาน หนูทนรอโดยที่ไม่รู้ว่าเหมี่ยวเป็นตายร้ายดียังไงไม่ได้” น้อยหน่าลุกพรวดขึ้น หมุนตัวตั้งท่าจะเดินขึ้นไปที่ห้องส่วนตัว... ในสมองคิดหาวิธีการที่จะเดินทางไปอัฟกานิสถานอย่างรวดเร็ว

“ใจเย็นหน่อยสิหน่า” พริกลุกพรวดขึ้นขวางหน้าของคนสวยไว้ สายตาคมดุของเขามีแววบังคับอยู่ในที ซึ่งมันใช้ได้ผลกับทุกคน แต่ดูเหมือนตอนนี้ น้อยหน่าจะไม่แคร์อะไรแล้วจริงๆ

“หน่าเย็นไม่ไหวหรอกนะพริก... เหมี่ยวอยู่ที่นั่น เขา...อาจจะเจ็บอยู่ หรือ...”

“ใจเย็นๆ ค่ะหน่า...เหมี่ยวไม่เป็นไร...เชื่อพู่สิคะ...นะ...” ชมพู่พูดอีกแรง พร้อมกับยกมือขึ้นทาบหน้าอก... หากมะเหมี่ยวเป็นอะไรไปละก็ เธอต้องทราบก่อนใครแน่นอน... นี่แหละฝาแฝด!

“เชื่อพู่เถอะหนูหน่า เราทำได้แค่รอจริงๆ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบโหย ไม่ได้มีแค่เธอสินะที่ต้องทรมานกับการรอคอยที่ไม่มีกำหนด พริกเองก็มองเธอด้วยสายตาร้องขอ ปะปนไปกับความหวั่นใจในชะตากรรมของเพื่อนรัก...

“ค่ะ...” น้อยหน่าตอบรับ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับโซฟาเช่นเดิม

นี่คงเป็นอีกวันหนึ่งสินะที่เธอไม่สามารถรับรู้ความเป็นไปของเขา หลังจากเสียงระเบิดนั่น... เธอไม่อยากจะนับมันแล้วว่าผ่านมากี่วันกี่คืน หรือต้องนั่งรอโทรศัพท์อีกกี่วัน...

มะเหมี่ยว...อย่าเป็นอะไรนะ... ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย







...สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ ....

ผ่านมาอีกสามวันแล้ว แต่ข่าวของมะเหมี่ยวยังไม่มีความคืบหน้า ทุกอย่างยังมืดสนิท มีเพียงข่าวการทิ้งระเบิดลงที่ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งที่มะเหมี่ยวติดต่อมาครั้งสุดท้ายเท่านั้น... ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนเจ็บ คนตาย คนหาย ก็ยังไม่สามารถบอกอะไรได้... นายจุลจักรนั่งถอดใจอยู่ที่ห้องรับแขก

หากมะเหมี่ยวยังไม่เจ็บจนถึงที่สุด หรือเป็นอะไรมากกว่านั้น...เขาต้องหาทางติดต่อกลับมาสิ...แต่นี่...

“คุณพ่อคะ! แย่แล้วค่ะ...” ชมพู่วิ่งหน้าตาตื่นลงมาจากชั้นบน พร้อมๆ กับพริก ที่วิ่งถลาไปที่โทรศัพท์บ้าน

“พู่เบอร์สนามบินเบอร์อะไรคะ!” พริกตะโกนถาม

“เบอร์แรกในสมุดจดสีดำค่ะ” คำตอบตามมาและไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียว พริกก็เปิดสมุดโน๊ตจดหมายเลขโทรศัพท์สถานที่ต่างๆ ที่ชมพู่ชอบจดทิ้งไว้ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินอย่างกรณีนี้ และไม่กี่วินาทีพริกก็รัวภาษาอังกฤษไปยังปลายสายอย่างรวดเร็ว เร็วที่สุดในชีวิตที่เขาเคยพูดภาษาต่างชาติเลยก็ได้

“เกิดอะไรขึ้นพู่ ทำไมถึงเสียงดังโวยวาย”

“แย่แล้วค่ะ หน่า... หน่า...หน่าต้องไปที่อัฟกันฯ แน่เลยค่ะคุณพ่อ” ทันทีที่ลูกสาวคนเล็กพูด คนเป็นพ่อถึงกับหน้าถอดสี

“พู่ไปดูที่ห้อง แต่ไม่เจอ พาสปอร์ต วีซ่า เสื้อผ้า...แล้วก็นี่...” กระดาษแผ่นเล็กๆ ที่มีตัวหนังสือภาษาอังกฤษข้อความสั้นๆ บอกชัดเจนได้ดีทีเดียวเลยว่าคนรักของมะเหมี่ยวกำลังจะไปไหน

...ฉันรออยู่ที่นี่ไม่ไหว ไม่ต้องเป็นห่วง...

พระเจ้าเถอะ ที่อัฟกานิสถานมันอันตรายขนาดไหนกัน หญิงสาวไม่รู้หรือไง...

“ทำยังไงดีคะพ่อ”

“ใจเย็นๆ ไม่มีสายการบินไหนในเบอลินบินไปที่อัฟกานิสถานตอนนี้หรอก ที่นั่นยกเลิกการคมนาคมเข้าออกเรียบร้อยแล้ว...” นายจุลจักรบอก แต่ในใจของงเขากลับไม่คิดอย่างนั้น... คนรักของมะเหมี่ยวฉลาด แม้จะไม่แกมโกงเหมือนลูกสาวคนโต แต่เธอก็เคยทำงานเกี่ยวกับสายการบิน... เธออาจจะมีลู่ทางอื่นอีก...

“ไม่มีเที่ยวบินไปที่นั่นจริงๆ ค่ะ แม้แต่ผ่านก็ไม่มี... แต่มีสายการบินไปอินเดียเพิ่งออกไปสักครู่... มีผู้โดยสารที่ถือสัญชาติไทยเดินทางไปด้วย”

“อินเดีย!?” ทั้งชมพู่และพ่อทวนชื่อประเทศที่พริกบอกอย่างงงวย

“หน่าไปอินเดียเหรอคะ?” พริกพยักหน้า...

“เป็นไปได้ยังไง? แล้วไปทำไม?” พริกส่ายหน้าอีก

“โอ้ว...ไม่..ไม่...พระเจ้า!” นายจุลจักรอุทานออกมา ทำเอาทั้งสองคนตกใจ “ต่อสายไปที่สถานทูตให้พ่อเดี๋ยวนี้เลยลูก”

“ทำไมคะพ่อ” ชมพู่ถามอย่างร้อนรน แต่ก็วิ่งไปกดเบอร์ของสถานทูตเยอรมันให้กับบิดา

“อินเดีย... ถ้าไปที่อินเดียสามารถเดินทางทางรถไปที่ประเทศใกล้ๆ ได้นะสิ อย่าง อิหร่าน ปากีสถาน... แล้วจากนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะไปที่อัฟกานิสถานน่ะ”

สิ้นเสียงท่านทูต ทั้งพริกและชมพู่แทบจะล้มทั้งยืนนี่มันอะไรกัน? พระเจ้า

“พ่อจะลองให้ทางสถานทูตของเราติดต่อทางนั้นให้กักตัวของหนูหน่าไว้ก่อน... แล้วให้ส่งตัวกลับ เราจะปล่อยให้เธอไปที่อัฟกันฯไม่ได้...มันอันตรายเกินไป” นายจุลจักรพูด...พร้อมกับรอสายติดต่อกับทางสถานทูตเยอรมัน ส่วนพริกและชมพู่ต่างก็หนักใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น...









แต่ในขณะที่ทางหนึ่งกำลังวุ่นวาย... น้อยหน่าก็เดินทางออกจากอินเดียเรียบร้อย และอีกไม่เกินครึ่งวันเธอก็จะถึงอัฟกานิสถาน ทุกคนที่เยอรมันคิดผิดเรื่องเที่ยวบิน น้อยหน่าเดินทางมาก่อนนั้นหลายชั่วโมงแล้ว หลังจากที่รอให้ทุกคนในบ้านที่คอยระวังไม่ให้เธอหนีมาที่นี่เผลอ และถือว่าเป็นความผิดของพริกด้วยที่ไม่ถามชื่อของนักท่องเที่ยวที่ถือสัญชาติไทยคนนั้น...

ตอนนี้เธออยู่ที่ปากีสถาน... เธอกำลังคิดถึงวิธีที่จะเดินทางไปที่อัฟกานิสถานได้อย่างปลอดภัยที่สุดและเร็วที่สุด เธอร้อนใจจนแทบทนไม่ได้...

บริเวณร้านอาหารย่านชานเมืองนั้นไม่ได้หรูหราอย่างที่เธอเคยนั่งทาน มีอาหารที่เธอสั่งลวกๆ มาวางอยู่ตรงหน้าเท่านั้น สายตาของเธอจับจ้องออกไปนอกถนนข้างหน้า ก่อนที่จะหันขวับมามองโทรทัศน์เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศข่าวจากช่องข่าวยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกประกาศเป็นภาษาอังกฤษ

...คณะแพทย์อาสาของเยอรมัน ได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัยทุกคน และตอนนี้ได้เดินทางขึ้นเครื่องกลับประเทศโดยสวัสดิภาพ...บลาๆ ๆ ๆ จากนั้นน้อยหน่าก็ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว เธอมองแต่รูปของมะเหมี่ยวที่ผ่านกล้องของนักข่าวแวบๆ และจำเพียงเท่านั้น

...เขาปลอดภัย... มะเหมี่ยวปลอดภัย และกำลังจะถึงเยอรมัน...

รอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏเลยในเกือบสองเดือนกว่าๆ นี้ มันแต่งแต้มบนใบหน้าของเธอ โครงการที่เธอคิดทุกอย่างพังลงทันที สิ่งที่เธอคิดได้ตอนนี้คือ กลับเยอรมันให้เร็วที่สุด...เท่านั้น...ดังนั้น คนสวยจึงรีบจ่ายเงิน และโบกรถรับจ้างที่มีลักษณะคล้ายกับแท็กซี่ ตรงดิ่งไปที่สนามบิน...










“อะไรนะ!” มะเหมี่ยวแทบจะกินทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเดี๋ยวนั้น เมื่อได้รับรู้ว่าเจ้าของหัวใจของตัวเองหายไปไหน...

นายจุลจักรแทบจะเป็นลม เมื่อทางสถานทูตเยอรมันประจำอินเดียโทรมาแจ้งว่า ชาวไทยที่ให้กักตัวไว้นั้นไม่ใช่หญิงที่ตามหา... แสดงว่าน้อยหน่าหนีไปก่อนหน้านั้น... และในเวลาไม่ถึงสามชั่วโมงต่อมา ทางสถานทูตเยอรมันก็โทรมาแจ้งว่า ลูกสาวของเขาปลอดภัย ทางอัฟกานิสถานส่งตัวกลับมาแล้ว แต่เพราะเรื่องฉุกละหุกมากเลยแจ้งข่าวมาช้า

ซึ่งตอนนี้คนที่คิดว่าอยู่ในอันตรายกลับมายืนทำหน้าราวกับจะจับทุกอย่างที่ขวางหน้าโยนออกนอกโลกแล้ว...

“หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วติดต่อได้หรือยัง? บ้าเอ้ย!” มะเหมี่ยวแทบจะคำราม...

เขากลัวแทบตายตอนที่ระเบิดลง... เพิ่งถึงบางอ้อก็ตอนนั้นนี่แหละ...ในสมองพร่ำขออย่าให้ตัวเองเป็นอะไร... เขาคิดถึงแต่พ่อ น้อง และเธอ...น้อยหน่า...

และมันก็เหมือนโชคดีของเขาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรสักนิด แม้แต่รอยแมวข่วนก็ไม่มี เพราะระเบิดนั้นลงผิดพิกัดไปหน่อย แต่ค่ายก็ได้รับความเสียหายอยู่ดี เขาและคณะแพทย์ แล้วก็เจ้าหน้าที่อีกไม่กี่คน หนีเตลิดเข้าป่า เก็บตัวอยู่สองวันเต็ม ๆ ก่อนจะหาทางออกมาติดต่อกับทางเจ้าหน้าทีของรัฐบาลได้...ซึ่งนั้นก็กินเวลาไปนานโข จนคนทางนี้ทนรอไม่ไหว

และทุกอย่างก็เป็นอย่างที่รู้ๆ กัน ทุกคนถูกส่งกลับประเทศอย่างรวดเร็ว จนเขาไม่มีเวลาตั้งตัว ไม่มีเวลาแม้แต่จะโทรหาใครบอกว่าตัวเองปลอดภัยดี...

แต่พอมาถึงบ้าน เขากลับเจอเรื่องร้ายแรงไม่ต่างกับอยู่ในสนามรบนั่น...

น้อยหน่าเดินทางตามไปหาเขา... ไปตัวคนเดียว ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยอะไรสักอย่างเลยด้วยซ้ำ... ยัยนั่นต้องบ้า... ถ้าไม่บ้าก็ต้องเสียสติไปแล้ว...


พระเจ้า!

“ใจเย็นนะเหมี่ยว” พริกพูดขึ้น

“เย็นหอกอะไรวะ!” พริกพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำมะเหมี่ยวก็ตะคอกกลับมา ก่อนจะเดินลิ่วไปที่โทรศัพท์ ในหัวมีแต่คำว่า สถานทูต... ยังไงซะที่นั้นต้องมีคำตอบอะไรดีๆ ให้เขาบ้างนั่นแหละ

ทุกคนถึงกับเงียบกริบเมื่อเจอกับพายุอารมณ์ของมะเหมี่ยว เขาไม่ได้โวยวายอย่างนี้กับใครมานานแค่ไหนแล้วไม่รู้ คนเป็นพ่อยังจำไม่ได้แล้ว... จะว่าไปตั้งแต่น้อยหน่าเข้ามาในชีวิตมะเหมี่ยว ลูกสาวของเขาก็เป็นปรกติชนเหมือนคนอื่นๆ แทบจะทุกกระเบียดเลยทีเดียว...

ยังไม่ทันที่จะถึงโทรศัพท์ เสียงของมันก็กรีดร้องขึ้น มะเหมี่ยวอยากจะหยิบมันขึ้นมาปา ข้อหาดังไม่ถูกกาลเทสะ แต่เขาก็รับสายและกรอกคำทักทายภาษาเยอรมันลงไปด้วยอารมณ์ที่เดือดรอปะทุได้ทุกวินาที

เสียงจากปลายสายทำเอามือของคุณหมอสั่นทันที ดวงตาของเขาจากที่ฉายแวววาววับอยู่แล้วยิ่งทวีความวูบวาบชวนให้คนเห็นขนลุก ก่อนจะตามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะของเจ้าตัวว่า

“โง่หรือบ้าห๊ะ! สมองน่ะคิดอะไรไม่ได้แล้วใช่มั้ย! ยัยบ้าเอ้ย! มีสติบ้างหรือเปล่า? กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ...ก่อนที่ฉันจะไปลากคอเธอกลับมาเอง...ยัยคนประสาทเสีย” นั่นไม่ใช่คำพูดต้อนรับแขกอย่างแน่นอน และทุกคนที่ได้ยินก็เดาได้ทันทีว่าใครโทรมา

(นาย...ปลอดภัยนะ) น้อยหน่าเสียงสั่น ไม่ใช่เพราะกลัวเขาจะมาลากคอหรอก แต่เพราะได้ยินเสียงของเขาแล้ว มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้หายใจอีกครั้งหนึ่ง... เขาปลอดภัยจริงๆ ด้วย

“รับรองได้เลยว่า ถ้าเธอไม่มาถึงบ้านภายใน ยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้...เธอจะได้เห็นฉันไปยืนตรงหน้าทันทีเพื่อยืนยันว่าปลอดภัย”

(ฉัน...อยู่ที่สนามบินแล้ว ที่ปากีฯ เครื่องจะออกอีกสองชั่วโมงข้างหน้า...เห็นในข่าว...)

“ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนะหน่า... แต่เธอต้องกลับมาให้เร็วที่สุด ให้ตายเถอะ...เธอจะทำให้ฉันปวดหัวให้น้อยกว่านี้ได้มั้ย?” มะเหมี่ยวบ่น แต่น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาหลับตานิ่ง กำลังนึกถึงใบหน้าของคนรักที่ตอนนี้คงน้ำตาคลออยู่ที่ตู่โทรศัพท์ แถวๆ สนามบินอย่างแน่นอน...

(ฉันอยู่ไม่ได้...ฉันเป็นห่วง ฉันรักนาย) ปลายสายสะอื้น... มันทำเอาหัวใจที่แห้งเหี่ยวของมะเหมี่ยวเต้น...มีชีวิตอีกครั้งกับคำพูดนั้น

“ถ้าคิดว่าฉันอยู่ได้โดยไม่มีเธอละก็เธอคิดผิดนะหน่า... รีบกลับมาก่อนที่ฉันจะเป็นบ้าเพราะรักเธออย่างนี้นะ...ได้โปรด...”

(อื้อ...ถ้าฉันไปถึง...นายมารับฉันนะ... แล้วพูดแบบเมื่อกี้ให้ฉันฟังอีกครั้ง บอกรักฉันด้วยนะ...เหมือนที่วันนั้นที่นายบอก) มะเหมี่ยวยิ้มกับคำขอร้องเล็กๆ เหมือนเด็กน้อยของเธอ

“มากกว่านี้ฉันก็ให้ได้... ดูแลตัวเองนะหน่า... ฉันเป็นห่วง” พูดไปหัวใจของเขามันก็หวิววูบขึ้นมาทันที มะเหมี่ยวไม่ชอบความรู้สึกนี้ เขาเกลียดมันเลยล่ะ... ทำไมต้องมารู้สึกอะไรตอนนี้ด้วย...ให้ตาย

(อืม...ไม่ต้องห่วงนะ อีกไม่นานเราก็เจอกันแล้ว...ฉันไปเช็คอินก่อนนะ)

“หน่า...ดูแลตัวเองดีๆ นะ”

(จ๊ะ...ไปก่อนนะ...ฉันรักนาย) เธอวางสายลงหลังจากที่บอกรักเขาแล้ว แต่มะเหมี่ยวกลับไม่ยิ้มไม่ออก... เขาไม่สบายใจเลย ไอ้ความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นนี่มันอะไรกัน ทำไมมันไม่หายไปสักทีนะ...

“หน่าเหรอคะ... ปลอดภัยดีใช่มั้ย?” ชมพู่ถลาเข้ามาถาม... มะเหมี่ยวเพียงแค่พยักหน้า ก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับบิดาที่กลังทรุดตัวลงนั่งพอดี...

“กำลังจะบินกลับมา... พริก เปิดช่องข่าวให้หน่อยได้มั้ย? ขอบใจ” ว่าแล้วก็เอนกายลงนอนหนุนตักบิดา เหมือนเด็กเล็กๆ จนทุกคนงง แต่ไม่มีใครพูดอะไร พริกเลยขอตัวออกไปที่ระเบียง ปล่อยให้คนในครอบครัวนั่งอยู่ด้วยกัน...

“เป็นอะไรลูก?”

“ตอนอยู่ที่โน้น...นึกว่าจะไม่รอดแล้ว...”

“โถ...เหมี่ยวคะ” ชมพู่คราง ก่อนจะขยับไปนั่งกับพื้น ใกล้ๆ โซฟา และกอดพี่สาวของตัวเองไว้

“เมื่อก่อน เหมี่ยวอยากตายมาก...มากจริงๆ” เขาพึมพำ นึกถึงช่วงเวลาที่แสนเลวร้ายของตัวเองที่ผ่านมา... “มันทรมานจนไม่อยากอยู่...แต่พอเอาเข้าจริงๆ ตอนที่ระเบิดลง...เหมี่ยวกลับ...อยากกลับบ้าน อยากอยู่กับพ่อกับพู่ กับหน่า กับทุกๆ คน เหมี่ยวไม่อยากตาย...มันน่ากลัวมาก”

“มันผ่านมาแล้วลูก... ตอนนี้ลูกปลอดภัยอยู่กับพ่อกับน้องแล้ว” บิดาของเขาพูดด้วยเสียงอ่อนโยน...

“หน่าจะกลับมาอีกไม่นานนี้ใช่มั้ยคะพ่อ?” เขาถามขึ้นอีก น้ำเสียงแผ่วเบา ความเหนื่อยอ่อนกำลังเข้ามาเยือนเขา แม้เขาจะไม่ต้องการสักนิด...

“ใช่...ลูก หน่าจะกลับมาอีกไม่นานนี้แหละ นอนหลับสักงีบนะ เดี๋ยวพ่อจะปลุก” เสียงอ่อนโยนของพ่อทำเอามะเหมี่ยวลืมตาไม่ขึ้น ยิ่งมีอ้อมกอดของน้องสาวที่รักแล้วก็ยิ่งชวนให้หลับใหล แต่ก็ยังไม่วายจะพึมพำออกมาอีก

“หน่าจะปลอดภัย...ใช่มั้ยคะพ่อ...” นายจุลจักรยิ้ม นึกถึงภาพลูกสาวอายุเกือบสามสิบเป็นเด็กน้อยวัยห้าขวบที่เล่นจนเหนื่อยอ่อน... ก่อนจะเอ่ยปลอบไปเพื่อให้ลูกสาวฝันดี

“ไม่ต้องกังวลลูก..หนูหน่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย และมาอยู่กับลูก...” เสียงนั้นอบอุ่น อ่อนโยน แว่วเข้าหูของเขา มะเหมี่ยวไม่เข้าใจความหมาย เพราะสมองของเขามันอ่อนล้าจนไม่สามารถจะรับรู้อะไรได้อีก... และไม่นานเขาก็หลับไปจริงๆ และหลับลึกด้วย..






ร่างของมะเหมี่ยวขยับส่ายไปมา...เหงื่อกาฬโทรมกายทั้งที่อาการช่วงฤดูใบไม้ร่วงกำลังย่างฤดูหนาวอย่างนี้น่าจะทำให้เขาร้อนได้ขนาดนั้น...

แต่อาการทะลึ่งพรวดลุกขึ้นมานั่งบนเตียงนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เขาเป็นอย่างนี้บ่อย...ฝันร้าย! แต่เขาไม่เคยฝันร้ายเลย ตั้งแต่มีเธออยู่ข้างๆ...แล้วทำไม...

ภาพของจอยตอนที่เลือดโทรมกายปรากฏอยู่ในมโนภาพของเขา... ร่างบอบบางของเธอยู่ในอ้อมกอด แม้กระนั้นเขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ แต่ภาพนั้นมันมาจบตรงที่น้อยหน่ายืนร้องไห้ แล้วหายไปจากความมืด โดยที่เขาวิ่งตามไปรั้งไว้ไม่ทัน เธอไปไหน? อยู่ที่ไหน? เป็นอะไร? ปลอดภัยหรือเปล่า? โธ่โว้ย!

ร่างสูงของมะเหมี่ยวหายเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะออกมาในเวลาไม่นาน เขาดูนาฬิกา เจ็ดโมงเช้าแล้ว... นี่เขาหลับยาวเลยหรือ จำได้แค่ว่าพ่อของเขาปลุกให้ไปทานข้าว แต่เขาทนไม่ไหว เลยเดินขึ้นมานอนต่อ...

ถ้าเจ็ดโมงเช้า... น้อยหน่าก็น่าจะมาถึงแล้วสิ... แล้วทำไมไม่โทรให้เขาไปรับ... อย่าบอกนะว่าจะเซอร์ไฟส์น่ะ งานนี้มีจับปล้ำจริงๆ ด้วย...

ขายาวเพรียวของมะเหมี่ยวก้าวลงมาชั้นล่าง ตรงไปที่ห้องครัว ไม่ได้สังเกตว่าในห้องรับแขกทีใครอยู่หรือเปล่า เขาเปิดตู้เย็น หาเครื่องดื่มมาดื่มแก้กระหาย ก่อนจะกลับมาที่ห้องรับแขก กะว่าจะมารอโทรศัพท์ของคนรัก แต่คนที่เขาพบกลับเป็น

“พ่อ...” มะเหมี่ยวเรียกบิดา แต่ก่อนจะถามว่าอะไร เขาก็ได้ยินเสียงของบิดากล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนที่เขาจะรีบปล่อยขวดเครื่องดื่มและถลาไปหาร่างบิดาที่ทำท่าว่าจะล้มลง...

“พ่อ!” มะเหมี่ยวอุทานเสียงดังจนพริกที่อยู่กำลังเดินเข้ามาหลังจากไปเดินเล่นข้างนอกตกใจ และถลาเข้ามาช่วยอีกคน

“เป็นอะไรคะ... เกิดอะไรขึ้น” มะเหมี่ยวถาม ก่อนจะจัดท่าทางให้บิดานั่งสบาย และวิ่งไปหายาสารพัดอย่างที่แก้วิงเวียน

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ” พริกถามพรางหาอะไรมาพัด

“พระเจ้าคุ้มครองเถอะ...หนูหน่า!” มะเหมี่ยวชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงแผ่วของบิดา...

“คุณพ่อ... เหมี่ยว...พริก... เปิดช่องข่าวเร็ว” เสียงชมพู่ที่วิ่งพรวดเข้ามาในบ้าน เธอแทบจะโยนถุงขนมปังที่ออกไปซื้อลงพื้น ดีว่ามันลอยมาหล่นปุที่โซฟา

“อะไรกัน...พ่อ แล้วโทรศัพท์เมื่อกี้มันอะไร? แล้วหน่า อะไร?” มะเหมี่ยวถามเสียงเข้ม หัวใจของเขากระตุกวูบ นี่มันเลยเวลาที่เครื่องควรจะลงมานานมากแล้ว

แล้วข่าวอะไร...

...เหตุการณ์เครื่องบินจากปากีสถาน – เยอรมันตกที่อ่าวของประเทศอินเดีย เมื่อเวลาสี่ทุ่มของเยอรมันคืนที่ผ่านมา ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่อินเดียกำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต... ซึ่งคาดว่าน่าจะยังติดอยู่ในซากของเครื่องบิน ในตอนนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว แปดสิบเก้าคน จากจำนวนผู้โดยสาร หนึ่งร้อยห้าคน... ถึงตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังคงพยายามต่อไป เพื่อค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้รอดชีวิต แม้จะยังไม่พบ และไม่ทราบชะตากรรมถึงสิบหกคน...”

“อะ...ไร...” เสียงของมะเหมี่ยวเบาหวิว ขาของเขาสั่นจนยืนไม่ไหวทรุดลงกับพื้น...

ใบหน้าที่เคยหวานสวยตอนนี้ซีดราวกระดาษส่ายไปมา... ในหัวมีภาพตอนที่จอยถูกกระหน่ำแทง และเขายืนมองเธอจากไปโดยที่ช่วยไม่ได้ สลับกับใบหน้าสวยของน้อยหน่า...

“มะ..ไม่จริงนะ...ไม่...” เสียงของเขาเบาหวิว...

“หนูหน่าอยู่บนเครื่องลำนั้น...” เสียงของบิดาแหบเครือ พริกตาเบิ่งโพรง มือที่คอยบีบนวดให้บิดาของคนรักแข็งค้าง ชมพู่ทำรีโมทย์ร่วงลงกระแทกพื้น

ส่วนมะเหมี่ยวนั้น...ทำได้เพียงแค่กรีดร้องปฏิเสธสิ่งที่ได้รับรู้เท่านั้น


“ไม่จริง...ไม่...ม่ายยยยยยยย!”



>>>>

ค้างกันเห็นๆ

สะใจเว้ย...

โฮ๊ะๆ ๆ







< ตอนที่ 23







 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2552
4 comments
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2552 1:37:29 น.
Counter : 779 Pageviews.

 

ใกล้จบรึยังค่ะ อยากอ่านเร็ว ๆ คะ กำลังตื่นเต้น รีบลงเร็ว ๆ นะคะ

 

โดย: ตัวหนอน IP: 125.26.222.27 18 พฤศจิกายน 2552 11:45:03 น.  

 

อ๊ากกกกกกกกกกกกก
........
ค้างอ่ะ!!!

 

โดย: nunkung IP: 58.8.140.210 18 พฤศจิกายน 2552 12:42:49 น.  

 

ค้งได้ใจมากที่รัก

มะเหมี่ยวของเค้า เจ็บปวดอีกแล้ว

มาๆ เค้าจะปลอบใจให้

 

โดย: ไอ้ตัวแสบ IP: 119.46.57.229 18 พฤศจิกายน 2552 16:10:25 น.  

 

ไจร้ายตลอดเลยยยย

T.T

 

โดย: ai IP: 124.122.128.3 27 พฤศจิกายน 2552 14:10:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.