ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
-Love is...- Vol.3 (22)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."









ร่างเพรียวสวยของน้อยหน่า เดินวุ่นวายไปทั่วห้องรับแขก ก่อนจะมาหยุดนั่งที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้อง เธอมองไปจนทั่วห้องนั้นก่อนจะถอนหายใจ คว้าหมอนอิงใบเขื่องมากอดไว้แนบใบหน้าสวยลงกับผ้ากำมะหยี่ที่ห่อหุ้มเป็นปลอกอีกที

พรุ่งนี้มะเหมี่ยวก็จะเดินทางแล้ว...

แค่คิดน้อยหน่าก็น้ำตาซึม ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่มะเหมี่ยวลาหยุดนั่นมีเพียงวันเดียวที่เธอยอมออกไปข้างนอกคือวันที่ไปเมืองคีล นอกจากนั้นเธอกับเขาก็ขลุกอยู่แต่ในอพาร์ทเม้นต์ แทบจะไม่ออกไปไหนเลย...

แล้ววันนี้เธอก็ได้เห็นกระเป๋าเดินทางของเขาวางเด่นอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า พร้อมกับเสื้อผ้าที่บรรจุอยู่ด้านในกระเป๋านั้น... เขาคงตื่นมาจัดเมื่อคืนตอนที่เธอหลับไปแล้ว...

ทำไมเวลามันสั้นอย่างนี้... เธอรักเขามากี่ปีกันแล้วนะ ตกหลุมรักคนๆ นี้มากี่ครั้งกี่หนกัน แล้วทำไม? พอเธอได้ครอบครอง ได้อยู่เคียงข้างเขาเพียงแค่ไม่นาน ก็ต้องห่างเหินกัน...

แม้จะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสองเดือนก็เถอะ แต่ในสถานการณ์ที่รอบตัวเขาต้องไปอยู่นั้นมัน... เธอไม่อยากคิดเลย หากเขาไม่ติดต่อเธอกลับมาล่ะ หากมีอะไรที่ไม่ควรเกิด เกิดขึ้นล่ะ...

น้อยหน่าจ่อมจมอยู่กับความหวาดผวาของจินตนาการในความคิด จนไม่ได้ยินเสียงออดหน้าห้องพัก เมื่อได้ยินเสียงมะเหมี่ยวที่โผเผออกมาจากห้องนอนนั่นแหละเธอถึงรู้สึกตัว

“ใครมา?” เสียงของเขาแหบพร่า ผมทรงเก๋ที่เพิ่งตัดไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนยุ่งเหยิง ดวงตาแววหวานของเขาดูเรียบเฉยปนหงุดหงิดด้วยซ้ำ เมื่อต้องตื่นมาแบบนอนไม่เต็มอิ่ม

“ขอโทษนะ...มัวแต่เหม่อ” น้อยหน่าพูดก่อนจะลุกไปที่ประตู มองผ่านตาแมวออกไป

ชายร่างสูงเก้งก้าง ผมสีดำตัดสั้นจัดทรงชี้โด่เด่ เขาสวมเสื้อยืดสีน้ำทะเล มีแจ๊คเก็ตตัวโตสีดำทับอีกชั้น กางเกงยีนส์ดูเก่า ที่คอเขามีสายคล้องอยู่ซึ่งมันก็คือสายคล้องกล้องถ่ายรูปแบบที่คนเล่นกล้องใช้กัน

“ฉันไม่รู้จักเขา? เหมือนเป็นนักศึกษา มีกล้องคล้องด้วย” น้อยหน่าหันมาถามมะเหมี่ยว แต่เขาหายไปจากประตูหน้าห้องนอนแล้ว เห็นหลังของเขาหายไปไวๆ ที่ห้องครัว

น้อยหน่าถอนหายใจ ก่อนจะแง้มประตูออกเล็กน้อย ถามเขาด้วยภาษาเยอรมันที่ค่อนข้างชัดเจนทีเดียวจนคนที่ยืนหน้าประตูเลิกคิ้วอย่างสนใจ...

“ผมมาพบคุณแมธครับ” เสียงทุ้มนุ่มของเด็กหนุ่มตอบกลับเธอมาอย่างนุ่มนวล ลักษณะอย่างนี้เธอเคยเห็นที่ไหนนะ...แถมท่าทาง รูปร่างหน้าตาก็เหมือนจะเคยเห็น

“ใครมา?” เสียงของมะเหมี่ยวเอ่ยถามจากด้านหลังของเธอ น้อยหน่าจึ่งเปิดประตูออกมาพอให้มะเหมี่ยวได้เห็นแขกที่มาขอพบ

“อ่าว! อีริคหรอกเหรอ...ได้แล้วล่ะสิ” มะเหมี่ยวเอ่ยถาม พลางเดินมาที่ประตู พร้อมกับที่น้อยหน่าเปิดประตูให้กว้างขึ้น เมื่อเห็นว่าทั้งคู่น่าจะรู้จักกัน

“มันมีปัญหานิดหน่อยครับแมธ...”

“เข้ามาคุยกันข้างในก่อนสิ” มะเหมี่ยวว่า แต่อีริคส่ายหน้า

“ผมมีธุระต่อครับ นี่ครับ” เด็กหนุ่มยื่นซองสีขาวที่บรรจุอะไรสักอย่างไว้ด้านในจนซองที่ควรจะเรียบแบนนั้นพองหนาขึ้น

“ขอบใจมาก แล้วปัญหาที่ว่า” คำถามของมะเหมี่ยวทำเอาอีริคถอนหายใจ

“รูปไม่ครบครับ ขาดอีกกว่าครึ่ง”

“ทำไมล่ะ” ว่าแล้วอีริคก็ถอนหายใจอีก ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีแววหงุดหงิดใจ และไม่พอใจ แกมเสียดายในทีเดียว

“แดล ทำกาแฟหกใส่ Lab top ของผม งานในนั้นเลยเจ๊ง นี่ให้เพื่อนช่วยกู้อยู่ครับ ผมเอารูปออกจากเมมโมรี่หมดแล้วด้วย เลยไม่มีสำรองไว้ คงต้องรอ” มะเหมี่ยวพยักหน้าเข้าใจ

“ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องสุดวิสัย เข้ามารอข้างในก่อน เดี๋ยวพี่ไปหยิบค่าตอบแทนให้” อีริคส่ายหน้า

“ผมไม่รีบเหมือนกันครับ ไว้เดี๋ยวผมจัดการเรื่องรูปเรียบร้อยก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมต้องไปนะครับ อ่อ...ตอนคุณไม่อยู่ผมต้องเอารูปฝากไว้ที่ใครหรือเปล่า?”

“เอามาที่นี่แหละ แฟน...อ่อ นี่ นานา คนรักของพี่” มะเหมี่ยวเพิ่งนึกได้ ถึงบุคคลที่สามที่อยู่ฟังการสนทนาอยู่

น้อยหน่าหน้าร้อนวูบเมื่อได้ยินสถานะที่เขาแนะนำเธอกับอีริค น้อยครั้งที่เขาจะบอกว่าเธอเป็นอะไรกับเขา ส่วนมาก เขาก็มักจะแนะนำว่าเธอชื่ออะไรเท่านั้น

“สวัสดีครับ...ผมอีริค” เด็กหนุ่มยื่นมือมาด้านหน้า เธอจึงยกมือขึ้นสัมผัส แรงเขย่าเบาๆ นั่นแสดงให้เห็นถึงความยินดีที่ได้รู้จักของเด็กหนุ่ม

“สวัสดีค่ะ”

“เขาเป็นน้องชายของแดล” คำแนะนำของมะเหมี่ยวทำเอาน้อยหน่าร้อง อ่อ...ในใจ มิน่าล่ะเธอถึงว่าเด็กหนุ่มดูคล้ายใคร คิดได้รอยยิ้มของเธอก็กว้างขึ้น และเปล่งประกายมากขึ้นอีก

“คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมากครับ”

“ขอบคุณค่ะ” เสียงกระแอมดังมาจากร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเธอ เจ้าของใบหน้าหวานๆ ที่ผมเผ้าออกจะยุ่งอยู่สักนิดแสร้งทำหน้าไม่สนใจ

“แหม...ผมรู้หรอกครับแมธ”

“ก็อย่ามาทำสายตาแบบหนุ่มเยอรมันมองสาวไทยสิ นายน่ะหนุ่มอังกฤษนะ”

“แต่ก็มาอยู่นี่นานจนเกือบจะกลายเป็นชาวเยอรมันเหมือนกัน” คำหยอกเย้าของอีริคทำเอามะเหมี่ยวแอบแผ่รังสีพิฆาต แต่เด็กหนุ่มกลับหัวเราะร่า

“ผมล้อเล่นครับ ต้องไปแล้วล่ะ...ยังไงผมจะเอารูปที่เหลือมาไว้ที่นี่นะครับ ส่วนไฟล์ผมจะส่งให้ทางอีเมลล์อีกที”

“ขอบใจมาก” มะเหมี่ยวว่า แล้วยกมือขึ้นตบไหล่ของเด็กหนุ่มที่สูงพอกันกับเขาเบาๆ สองสามที ก่อนจะถอยมาแล้วปิดประตูลง เมื่ออีริคเดินจากไปแล้ว

“อะไรเหรอ?” น้อยหน่าถามเมื่อต้องนั่งลงบนตักของคุณหมอที่ดึงให้เธอนั่งลง โซฟาก็ตั้งยาว กว้างขวางแท้ๆ (อิจฉาอะดิ)

“...” มะเหมี่ยวไม่ตอบ แต่เปิดดูในซองสีขาวนั้น

รูปถ่ายราว ๆ สิบใบปรากฎให้เห็นในสายตา น้อยหน่าอ้าปากค้าง... นี่มันรูปในวันที่เธอกับมะเหมี่ยวไปเดทกันนี่...

“อะไรเนี่ย?” เธออุทานออกมาอย่างประหลาดใจ หัวใจมันเต้นแรงตุ้บๆ จังหวะรัวเร็วมากกว่าปรกติ เขาเรียกดีใจหรือเปล่านะ อาการแบบนี้

“รูปถ่าย” ตอบอย่างนี้อย่าตอบเลยดีกว่า เธอแอบเหวี่ยงค้อนใส่เขาในใจ ก่อนจะสนใจรูปถ่ายในมือของมะเหมี่ยว

“ได้ไงเนี่ย?”

“ก็ได้แล้วไง ได้ตั้งหลายครั้ง เมื่อคืนก็ได้” น้อยหน่าขมวดคิ้วยุ่ง เริ่มชักไม่ค่อยแน่ใจว่าเธอกับอีตาคุณหมอคุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่า

“คุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่า”

“คิดว่าไงล่ะ” เออนะ...กวนประสาท การได้อยู่กับเขามาในช่วงเกือบปีสอนให้เธอรู้ว่าเขามาอารมณ์นี้ เงียบดีที่สุด

น้อยหน่าหันไปสนใจรูปถ่ายในมือต่อ ภาพที่เธอกับเขานั่งอยู่ที่ Park (ตอนถูกลวนลาม) เห็นแล้วก็แก้มแดงระเรื่อ ตอนที่เธอกับเขาเดินเล่น ตอนที่เธอพยายามถ่ายรูปคู่กับเขา ตอนที่เขายืนหันหลังให้กล้องบ้าง บรรยากาศในสวน น่าเสียดายที่มีอยู่ไม่กี่รูป

“อยากเห็นที่เหลือ”

“เดี๋ยวริคก็เอามาให้ดู” มะเหมี่ยวเรียกชื่อเล่นที่มักจะเรียกกันของอีริค เอนหลังมองใบหน้าด้านข้างของเธอที่ก้มมองรูปอยู่

มือเรียวสวยของเขายกขึ้นเกี่ยวผมพันกับนิ้ว ทั้งที่เขาก็บอกแล้วว่าผมหยักศกดูเหมาะกับเธออยู่แล้ว แต่ยังไปทำให้ตรง เอาเถอะก็ดูน่ารักไปอีกแบบ แต่เขาชอบเธอตอนผมยาวหยักศกมากกว่านี่นา

“กลับมาแล้วไปทำผมทรงเดิมนะ” เขาพูดเรียบๆ ซึ่งเธอก็เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น

“รีบกลับมานะ...มันอันตราย” เขาไม่ได้ตอบเธอ มีเพียงความรู้สึกแผ่วเบาที่ลูบไล้ศีรษะของเธอเมื่อตอนซบที่ไหล่ของเขาเท่านั้น

“ป้ามาลีจะมาอยู่ด้วย หรือไม่ก็ไปอยู่กับพ่อนะ”

“รอได้รูปก่อนแล้วจะไปอยู่กับพ่อ” เขาพยักหน้า กอดร่างของเธอไว้ในอ้อมกอด รัดแน่นขึ้น

“ง่วง”

“ไปนอนต่อสิ” น้อยหน่าว่าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของมะเหมี่ยว สายตาของเขาเหม่อมองไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับมามองเธอประกายตาวิบวับนั้นทำเอาเธอต้องรีบหลบ ไม่เคยชินสักทีสิน่ากับสายตาหวานๆ ของเขาเวลาสบตากัน

“...ด้วยกันสิ”

“หือ??” น้อยหน่าครางอย่างสงสัย

“...” แต่เขาไม่ตอบ ส่งผ่านคำตอบจากแววตามาให้เธอ...

“บ้า...” มะเหมี่ยวหัวเราะ ดันให้เธอลุกขึ้นยืนและตัวเองก็รีบยืนแนบชิดทันที

“ได้อีกละ” เธอตาโตกับคำพูดแฝงนัยของเขา อีตาคนนี้นี่...

“ฝันไปเถอะย่ะ” น้อยหน่าแว้ดทันที แต่ไม่ทันเสียแล้ว มะเหมี่ยวย่อตัวลงรวบขาทั้งสองข้างของเธอ ยกตัวของเธอขึ้นพาดไหล่ ปล่อยให้เธอร้องโวยวายจนสาแก่ใจนั่นแหละ ตัวเขามีแค่เสียงหัวเราะเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน ไม่สนใจจะปิดประตูห้อง ปล่อยให้เสียงหัวเราะและเสียงโวยวายของเธอดังแว่วออกมา ก่อนจะค่อยๆ เงียบหายไป และไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงอย่างอื่น...

สรุปก็...ได้อีกละ







มะเหมี่ยวเดินวนทั่วบ้าน หลังจากที่เห็นว่ามันเย็นมากแล้วตอนที่ตรวจเช็คกระเป๋าเดินทาง และเอกสารต่างๆ ว่าพร้อมสำหรับเดินทาง แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของน้อยหน่าที่บอกว่าจะออกมาเตรียมของว่าง

จนเขาออกมาเดินเรียกหาก็ไร้เสียงตอบรับ มาดูในห้องครัวก็มีของว่างวางอยู่บนโต๊ะทานข้าว... แต่ก็ไร้ร่างของเธอ... เขาค่อนข้างหงุดหงิดทีเดียวที่หาเธอไม่เจอในเมื่ออพาทเม้นต์ห้องนี้ก็มีอยู่ไม่กี่ห้อง และยังออกแนวโมโหหนัก เมื่อคิดว่าเธอออกไปไหนมาไหนโดยไม่บอกเขา

น้อยหน่าก็รู้อยู่เต็มอกว่ามะเหมี่ยวไม่ชอบที่จะไม่ได้รับรู้ความเป็นไปเป็นมาของเธอในแต่ละวัน ในแต่ละครั้งที่อยู่ห่างสายตา

“กลับมาเมื่อไหร่นะ” มะเหมี่ยวทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ซึ่งนั่นก็แปลได้ลงตัวว่า เขาโมโหมากเท่านั้น

แต่จนแล้วจนรอด เมื่อสายตาของเขามองที่นาฬิกาข้อมือก็พบว่ามันเป็นเวลาที่ล่วงเลยหกโมงเย็นมาเกือบชั่วโมงแล้ว...เขานั่งไม่ติด ลุกหมุนตัวเข้าไปในห้องนอนหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ไม่ต้องคิดว่าจะโทรหาเธอเพราะมือถือของเธอมันวางอยู่เคียงข้างกับของเขานั่นแหละ ไม่กี่วินาทีที่ขายาวๆ ของเขาก้าวออกมาจากห้องนอน เพื่อไปที่ประตูหน้าหางตาของเขาก็จับได้กับสิ่งผิดสังเกตที่เกิดขึ้น

ใบหน้าราบเรียบแต่แฝงไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวหันไปทางขวามือของตัวเองช้าๆ ก่อนที่คิ้วสวยทั้งสองข้างจะเริ่มขมวดเข้ากัน แววตาฉายแวววูบวาบ บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกยังไง เมื่อมองเห็นประตูห้องนอนเล็กแง้มไว้ ทั้งๆ ที่ห้องนี้ เขาปิดตายไว้ตั้งแต่แรก ไม่ต้องการใช้สอย แต่จะพูดให้ถูกแล้ว...เขาไม่ต้องการให้ใครเข้าไปในนั้นนอกจากเขาต่างหาก...

ในนั้นมีสิ่งที่เขาไม่อยากให้ใครได้เห็นนอกจากเขา...สิ่งของล้ำค่าต่อจิตใจ และความทรงจำในอดีต...ที่ไม่เคยลบเลือน...







เธอก็แค่หิว แต่อยากจะดินเนอร์กับเขาท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกในห้องอาหารที่โทรไปจองไว้ เธอเลยคิดว่าจะออกมาทำของว่าง

แซนวิชด์ง่ายๆถูกจัดขึ้นโต๊ะ ผลไม้และขนมหวานจัดเรียงอย่างประณีต บรรจง เธอมองผลงานอย่างชื่นชมผลงานของตนเอง ก่อนจะเดินออกจากห้องครัว ตั้งใจว่าจะไปเรียกมะเหมี่ยวที่วุ่นวายอยู่กับเอกสารการเดินทาง

ระหว่างที่ขาเรียวสวยของเธอเดินผ่านโซฟารับแขก รูปถ่ายที่เธอกับเขาดูกันเมื่อตอนสายมันตกอยู่บนพรม เธอจึงก้มเก็บ และมีอีกใบที่วางอยู่ใกล้กับประตูห้องนอนเล็ก

ห้องนอนเล็กอย่างนั้นหรือ?...

จะว่าไปแล้วตั้งแต่เธอมาอยู่กับเขา ประตูบานนี้ไม่เคยเปิดต้อนรับใครเลย แต่เธอก็ไม่ได้สนใจจะถาม เพราะเขาไม่ต้องการให้เธอแยกห้องนอน เธอไม่เคยมองเห็นภายในห้องนี้เลย

มันเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นของเธอเอง เธอเดินกลับไปในห้องครัว ค้นหากุญแจอีกชุดหนึ่งของอพาทเม้นต์นี้ในลิ้นชักเก็บของ ซึ่งมันก็มาอยู่ในมือของเธอในไม่กี่นาทีหลังจากนั้น

เธอเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนเล็กอีกครั้งหนึ่งก่อนจะไล่ดูกุญแจบ้านทั้งหมดที่อยู่ในพวง และลูกกุญแจดอกที่เธอไม่คุ้นตาก็ถูกเสียบเข้าไปในลูกบิด มันดังกริ๊กเบาๆ ตอนที่เธอบิดลูกกุญแจ และไม่ยากเลยสักนิดที่จะเปิดประตูและเดินเข้ามาในห้องนั้น แต่เรื่องที่ยากสำหรับเธอก็คือ...

ทำใจยอมรับกับสิ่งที่ได้เห็นได้อย่างไร?






มะเหมี่ยวยืนนิ่งราวกับถูกสต๊าฟอยู่ที่หน้าประตูห้องเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาแล้วพบว่า หญิงที่เขาตามหามาตลอดเย็นนี้อยู่ในห้องที่เขาไม่อยากให้ใครเข้ามา โดยเฉพาะเธอ...

เธอ...ที่เขาไม่อยากสูญเสียไม่ว่ากรณีใดๆ

“หน่า...” มะเหมี่ยวคราง แต่มันแทบไม่มีเสียงออกมาจำริมฝีปากของเขา...

น้อยหน่านั่งนิ่งกับพื้นราวกับคนหมดแรง ในมือของเธอที่ทิ้งอยู่ข้างตัวนั้นมีรูปถ่ายของเธออยู่ เป็นรูปที่เธอกำลังยิ้มหวานให้เขา... ยิ้มที่สวยจนตรึงสายตาของมะเหมี่ยวเอาไว้

และสวยเหมือนกับภาพที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของเธอ

แม้รูปหน้าจะแตกต่างกัน คนในรูปผืนผ้าใบขนาดใหญ่นั้นดูอ่อนเยาว์ ดวงหน้าของเด็กสาวในรูปภาพดูสวย สวยอย่างหาที่ติไม่ได้ ดวงตาของเธอหวานซึ้ง แพขนตายาวยิ่งทำให้ดวงตาของเด็กสาวดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจ ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นคลี่ยิ้มหวาน ฟันเรียงตัวสวย... ไม่ต่างกันกับเวลาที่น้อยหน่ายิ้มเลย

น้อยหน่ารู้จักเจ้าของดวงหน้าสวยซึ้งนั้นดี แม้มันจะผ่านไปนานถึงสิบกว่าปีก็เถอะ... เธอจำได้ไม่เคยลืม ใบหน้าของผู้หญิงที่เขา... คนที่เธอรัก เทหัวใจรักจนไม่เหลือให้แก่ใคร แม้ตอนนี้เวลาจะผ่านล่วงเลยมาแล้วนับสิบปี เขาก็คงไม่ลืมเลือน...

จอย...

“เพราะอย่างนี้หรือเปล่า? เพราะอย่างนี้ใช่มั้ยที่นายอยากให้ฉันยิ้มตลอด และไม่อยากให้ฉันทำผมให้ตรง” เธอเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาที่แดงก่ำของเธอไม่มีน้ำตาไหลออกมาแล้ว เพราะเวลาเกือบสามชั่วโมงที่เธอร้องไห้ ต่อมน้ำตาคงไม่สามารถผลิตน้ำตาออกมาหลั่งได้อีกแล้ว

มะเหมี่ยวส่ายหน้า แต่เธอไม่มีทางเห็นเพราะไม่ได้หันมาแม้หางตามาทางเขาเลย... มะเหมี่ยวก้าวขาช้าๆ เพื่อจะเดินเข้าไปหาเธอ... แต่ก็สะดุดกึกกับภาพถ่ายที่อยู่บนพื้น...

สีของมันซีดจาง ลางเลือน แต่คนในรูปนั้นไม่เคยลางเลือนไปจากใจของเขาเลย...ภาพมะเหมี่ยวที่แนบแก้มอยู่ชิดกัน จอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเธอเขาจำได้ติดตา

เขายอมรับว่าแทบช็อค ครั้งแรกที่ได้เห็นรูปของน้อยหน่าในมือถือของน้องสาวตอนที่ชมพู่มาอยู่ที่เยอรมัน รอยยิ้มของน้อยหน่ามันทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว เหมือนเมื่อครั้งที่เขาได้มองรอยยิ้มของจอย จนแม้กระทั่งเขากลับมาเมืองไทย แม้เหตุผลจะเป็นเพราะเขานึกถึงเมืองไทย คิดถึงเพื่อน คิดถึงน้องสาว อยากกลับมาเยี่ยมเยียน แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครรู้นอกจากเขา...ว่าเขากลับเมืองไทยไปเพื่ออะไร...

เขาอยากเห็นน้อยหน่า...อยากเจอกับเธอ...ผู้หญิงที่ยิ้มได้เหมือนกับที่หญิงสาวที่เขารักยิ้ม

เขาอยากให้หัวใจของเขาเต้นในจังหวะที่มีชีวิตอีกครั้ง เพียงเท่านั้นเอง เขาถึงกลับไปที่นั่น ที่ที่เขาไม่คิดอยากจะกลับ...

เขารู้ว่ามันผิด...เขารู้ดีกว่าใคร กับการที่ดึงน้อยหน่าให้มาอยู่ข้างๆ ตัว เพียงเพื่อให้ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ เขาเห็นแก่ตัว ข้อนี้ไม่ต้องให้ใครบอก... แต่เขาทนไม่ได้ หากจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น

แต่มันเปลี่ยนไปแล้ว..ความรู้สึกนั้น มันเปลี่ยนไปแล้ว

“ทำไมทำกันแบบนี้...ทำไมนายทำกับฉันแบบนี้! ตัวตนของฉันมันไม่มีค่ากับนายเลยใช่มั้ย?” น้อยหน่าแผดเสียง น้ำตาที่คิดว่าไม่มีแล้วมันไหลหล่นมาทันทีที่คิดได้ว่าตัวเองคืออะไรสำหรับคนที่รักสุดหัวใจ...

“ไม่นะหน่า...ฟังฉันก่อน” มะเหมี่ยวผวาเข้าไปหาร่างที่สะอื้นตัวโยน เขาไม่เคยแพ้น้ำตา ไม่เคยใจอ่อนกับน้ำตาด้วย แต่คราวนี้ไม่ใช่ มันบีบรัดหัวใจเขาจนหายใจแทบไม่ออก

“ออกไป๊” อ้อมกอดของเขาไม่ได้แม้แต่สัมผัสปลายผมของเธอ ร่างก็เซล้มหงายไปด้านหลังเพราะแรงผลักของน้อยหน่า ตามด้วยภาพถ่ายจำนวนหนึ่งที่ปลิวมาโดนใบหน้า...เธอปารูปใส่หน้าเขา

น้อยหน่ามองเขาด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจและเสียใจ ความเจ็บปวดที่อกซ้ายถูกถ่ายทอดออกมาจากแววตาที่คลอด้วยหยดน้ำตานั้น นั่นยิ่งทำให้มะเหมี่ยวหายใจติดขัด

ใบหน้าที่สวยงามของเธอนี้เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเธอเอง หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนที่เธอจะเข้าเรียนมหา’ลัย เธอไม่เคยแยแสต่อคำวิจารณ์ว่าเธอสวยศัลยกรรม ในเมื่อมันออกมาดี และไม่ได้ไปปล้นเงินใครมา เธอก็ควรภูมิใจกับมัน... เธอกลับไปตกแต่งริมฝีปากอีกครั้งหลังจากเรียนไปได้หนึ่งเทอม และมันก็สวยจนเธอพึงพอใจ เวลาที่ยิ้ม ทุกคนต่างตกตะลึงในมนต์เสน่ห์...

แต่เธอลืมไปเสียสนิท...ว่าตอนที่ตัวเองยิ้มนั้น รอยยิ้มเหมือนใคร จนวินาทีนี้เธอรู้แล้ว...รู้ซึ้งทุกอย่างแล้ว

“ฟังฉันหน่า...” เธอส่ายหน้า เมื่อมะเหมี่ยวขยับเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง เธอก็ลุกพรวดขึ้นเบี่ยงหนีสัมผัสที่รุกไล่เข้ามา

“ฟังฉัน!” มะเหมี่ยวเกือบตะโกน และก็ได้รับคำตอบด้วยน้ำเสียงแผดดังของเธอว่า

“ไม่...” มะเหมี่ยวพุ่งเข้าไปหาร่างของน้อยหน่า แต่กลับถูกเธอผลักจนเซไปอีกด้าน สะดุดกับกล่องอะไรสักอย่างที่พื้นและล้มลง

“ที่ผ่านมา... ฉันรอมาเสมอ...รอว่านายจะหันมามองฉัน มองผู้หญิงคนนี้ที่รักนาย...กี่วัน กี่เดือน กี่ปี...ฉันก็รอ...ทั้งๆ ที่คิดว่าฉันก็มีดี มีคนรักมากมาย แม้จะคบกับใคร...ฉันมันก็มีเงาของนายตามติดหัวใจมาตลอด...ฉันไม่เคยลืมนายได้เลยสักครั้ง...เหมือนกับนาย...” เธอสะอื้น พยายามพูด “เหมือนกับนายที่ไม่เคยลืมเธอเลย”

“นายคงไม่รู้ใช่มั้ย...ว่าฉันดีใจขนาดไหนตอนที่ได้เจอนายอีกครั้ง ฉันใจเต้นขนาดไหนตอนที่ได้ยินเสียงนายพูดกับฉัน... ตอนที่นายกอด ตอนที่นายจูบ นายคงไม่รู้ใช่มั้ย? ว่าฉันน่ะมีความสุขมากเท่าไหร่...”

“หน่า...ให้ฉันได้พูด...” เธอไม่รับฟัง ดวงหน้างดงามของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา ท่อนแขนทั้งสองข้างกอดรัดร่างกายของตัวเอง แทบจะไม่มีแรงยืนประคองตัวเองจนต้องพึ่งพิงผนังห้อง

“มันไม่มีอะไรเลย...ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันเป็นได้แค่ตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น...คนที่นายรัก...ทั้งๆ ที่ฉันรักนายมากมายขนาดนี้...”

“หน่า!” มะเหมี่ยวเรียกเธอด้วยเสียงอันดังเพื่อให้เธอได้สติรับฟังเขา

มะเหมี่ยวลุกขึ้นตั้งหลักสาวเท้าเข้าไปหาร่างที่สั่นเทาของเธอ แต่ก็ต้องหยุดชะงักกับที่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมามองสบตาของเขา

ดวงตาที่ว่างเปล่า ไร้ความรู้สึกที่มีน้ำตาเอ่อคลออยู่เต็มหน่วย เธอหลุดไปอีกโลกหนึ่งแล้ว เหมือนกับที่เขาเคยเป็น...

และคำพูดแผ่วเบาของเธอ...เพียงแค่ประโยคเดียว...มะเหมี่ยวก็หมดแรง ทรุดลงกับพื้นราวกับใบเมเปิ้ลที่ปลิวออกจากต้น ร่วงหล่นลงกับพื้นดิน

“ได้โปรด...ฆ่าฉันให้ตายที”





เอิ่ม...

ร้อนดีเนอะ...กร้ากกกก

ตอน22 แล้วน้า... นับดูใกล้จบละน้า...

โว้ว...








< ตอนที่ 21







Create Date : 30 ตุลาคม 2552
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 3:41:59 น. 3 comments
Counter : 908 Pageviews.

 
เออออ,,,

ค้าง มากกเลย 555
T.T


โดย: ai IP: 124.122.175.139 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:21:43:15 น.  

 
ตอนที่บอกว่า
ได้โปรด...ฆ่าฉันให้ตายที
นี่เกือบช็อคเหมือนกัน
sadฮะ


โดย: nunkung IP: 58.8.140.186 วันที่: 31 ตุลาคม 2552 เวลา:18:15:45 น.  

 
เฮ้ออ เศร้า

ได้อีกนะค่ะ


โดย: B-R IP: 115.67.135.91 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:51:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.