ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
2 เมษายน 2552
 
All Blogs
 

~รักป่วน ๆ ของก๊วนเด็กแสบ~ ภาค 2 ตอนที่ 23 >>The end<<

มาละตอนจบ... จบแบบนี้แหละอะนะ... จะมีใครรวมพลประท้วงอะเป่าน้ออออออ...

ถ้าประท้วงจริง ซาน้อยกะพร้อมแถลงการอะน้า...ท่าจะสนุก...

เอาละ... ไม่โม้ละ ไปอ่านตอนจบกันเถอะ!!

ซาน้อยกะนั่งเรียบร้อย รอดูว่าจะมีม็อบประท้วงเป่า อิอิ!! จะได้เตรียมตัวปิดบอร์ดแถลงการณ์



รักป่วน ๆ ของก๊วนเด็กแสบ ภาคที่2 ตอนที่23

This love…ending.
………………………………………………………………………

ถ้าวันนั้นได้รู้ ถนอมเธอมากกว่าใคร

ถ้าฉันไม่จากไป ตัวเขาคงไม่เข้ามา
ถ้ารู้อย่างนี้ จะไม่มีวัน ปล่อยให้เธอไปโดยไม่ไขว่คว้า
รู้ก็สาย เมื่อไม่เหลือเธอนั้น.. อีกแล้ว

* จากนี้…ทุกครั้งฉันเห็นตัวเอง เงาในกระจกสะท้อนมา
ฉันก็เห็นเพียงคนโง่คนหนึ่ง ที่ควรต้องเจ็บอย่างนี้
ในแววตาคนในกระจก คอยซ้ำเติมใจทุกที
เจ็บสักทีก็ดี ก็สมที่ไม่เหลือใคร...
(คนโง่ในกระจก...เพลงประกอบละครแกะรอยรัก..)

ริงโทนเศร้า ๆ มันทำให้น้ำตาหยดโต ๆ ของเธอไหลไม่หยุด... สองขาอ่อนแรงประคองตัวเองแทบไปไม่ถึงรถยนต์ส่วนตัว มันดังซ้ำเรื่อย ๆเนื้อหาเพลงนั้นตอกลงไปในหัวใจเจ็บ ๆ นั้นราวจะให้มันพังให้ยับเยิน ไม่ให้เหลือชิ้นดี...

มือเล็ก ๆ กดรับสายพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ส่งเสียงสะอื้น ไม่อยากให้คนปลายสายทวงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากคิดถึงเรื่องที่ตนเองเพิ่งพบเห็นที่ได้ยิน

(พู่คะ? อยู่ที่ไหน?) เสียงของเขาเจือไปด้วยความรู้สึกผิด แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อตัวเองรู้สึกตัวตื่นและได้คุยอะไรกับสาวสวยในอ้อมกอดสักพักก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองผิดนัดใครไป สามชั่วโมงที่เขาปล่อยให้เธอรอ...

“พู่กลับมาถึงบ้านได้สักพักแล้วค่ะ” เธอโกหกเขา... เธอไม่สนหรอกว่าเขาจะจับได้มั้ย ตอนนี้อะไรก็ได้ที่ทำให้เขาวางสายให้เร็วที่สุด

(พริกขอโทษนะคะ...คือพริก...ติดธุระ) ทำไมเขาไม่บอกเธอตรง ๆ ว่าทำอะไรกับใครอยู่ ทำไมไม่บอกความจริงกับเธอ...ว่าเขาเลือกใคร ทำไม? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

“ไม่เป็นไรค่ะ...”

(พู่มีอะไรสำคัญมากมั้ย พริกไปหามั้ย) อยู่กับเธอคนนั้นอยู่ไม่ใช่หรือ จะมาหาเธอได้ยังไงกัน แล้วเรื่องของเธอมันยังสำคัญกับเขาอยู่อีกหรืออย่างไร...

“มันไม่... ไม่สำคัญอะไรหรอกค่ะพริก เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะคะพริก คือพู่ซื้อของมาเยอะมาก ต้องขนเข้าบ้านก่อน บายนะคะ” เธอพูดจบก็กดวางสายไป.. ปล่อยให้คนปลายสายยืนมองมือถืองง ๆ

เธอคงโกรธเขาที่ไม่ไปตามนัด ถามยังไม่โทรไปบอกเธอด้วย เธอคงรอเขาอยู่นาน พริกถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าคนตาดุก้มลงมามองที่ถนนหน้าหอพัก เขาคงเห็นรถยนต์ส่วนตัวสีคุ้นตาของชมพู่ค่อย ๆ แล่นออกไป... โดยที่คนขับหัวใจแหลกยับไม่เหลือดี

...........................................................................................................................

ก่อนหน้านี้...

ตอนที่เธอนอกใจเขา... เวลาที่เธอบอกยกเลิกนัดแล้วไปอยู่กับคนอื่น พริกคงตั้งหน้าตั้งตารอเธออย่างที่เธอรอเขาวันนี้ แล้วตอนที่เขารู้ว่าเธอนอกใจเขา ก็คงเหมือนเธอตอนนี้ที่รู้ว่าเขาเลือกรักผู้หญิงคนอื่นแล้ว

เจ็บ...

คำนี้สินะที่พริกต้องทนอยู่กับมันเพียงคนเดียว

เหงา...

มันคงทำให้เขาเจ็บปวดมากมายจนทนรับไม่ได้

ทรมาน...

เวลาที่เห็นคนที่ตัวเองรักอยู่กับใครคนใหม่... มันคงบรรยายออกมาไม่ได้สินะว่าปวดร้าวมากแค่ไหน

ทุกอย่างที่พริกเคยเป็น ทุก ๆ อย่างที่พริกเคยได้สัมผัส ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันเป็นยังไง แม้ปากจะเคยบอกว่ารู้ จะบอกว่าเข้าใจ แต่ไม่มีใครรู้สึกได้อย่างแท้จริงหรอก หากเรื่องนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง...ตอนนี้เธอรู้และเข้าใจแล้ว...

เธอโทษใครไม่ได้... เธอไม่สามารถโทษน้อยหน่าที่เข้ามาแย่งความรักของเขาไป เธอโทษพริกไม่ได้ที่เลือกรักน้อยหน่า... เธอโทษได้แต่ตัวเอง ที่ทอดทิ้งทรยศความรักของเขา

เจ็บเข้าไปสิ... เหงาเข้าไป... ทรมานเข้าไป... เธอจะได้รู้ว่าเขาต้องจอมจมอยู่กับความเสียใจมากมายขนาดไหน ตอนที่เธอทำร้ายเขา

“พู่ขอโทษ... ฮือ...”

ร่างบางของเธอทรุดลงร้องไห้อย่างหมดอาย ฟักบัวที่เปิดให้น้ำไหลมากระทบร่างกายความเย็นชุมชื่นไม่ได้ช่วยให้เธอดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น เธอไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองมานั่งเปิดน้ำราดตัวแบบนี้ ใบหน้าที่เปียกปอนเพราะหยดน้ำมันถูกปะปนด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

เสียงสะอื้นร่ำไห้ปานจะขาดใจถูกกลบด้วยเสียงสายน้ำนั้น มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยินเสียงสะอื้นตัวเองอย่างชัดเจน... มันจบแล้ว...ความรักของเธอมันจบลงแล้ว....

ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว....

............................................................................................................................................

(...ท่านผู้โดยสารที่จะบินไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วยสายการบิน....บลา ๆ ๆ ) เสียงประกาศจากประชาสัมพันธ์ของทางสนามบินทำเอาร่างบางของน้อยหน่าสะดุ้ง เธอลุกขึ้นยืนช้า ๆ ข้างกายมีร่างสูงของพริกยืนไม่ห่าง สองมือเกาะเกี่ยวกันไว้ราวกับไม่อยากให้มันแยกออกจากกัน

“หน่าต้องไปแล้ว” พริกพยักหน้าช้า ๆ สายตาเหลือบมองจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่แสดงเที่ยวบินของสายการบินต่าง ๆ ที่กำลังจะทำการบิน

เที่ยวบินไปสวิตฯ ออกพร้อมกับเที่ยวบินไปเยอรมัน ทำไมเขาติดใจกับมันนักนะ...

“ขอบคุณนะพริกสำหรับทุกอย่างที่มีให้” เธอพูดแข่งกับเสียงจอแจในสนามบินและเสียงประกาศ เขายิ้มรับยกมือขึ้นยีหัวเธอก่อนจูบจุมพิตเบา ๆ ที่หน้าผากมน

“ไม่เห็นต้องขอบคุณ เราเป็นอะไรกันล่ะ ฮึ..เด็กโง่...” เธอยิ้มกับคำพูดของเขา ใช่แล้ว ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าสำหรับเขาเธอเป็นอะไร...เธอมีความสำคัญกับเขาเช่นไร...มากเพียงไหน เธอไม่จำเป็นต้องคิดมากอะไรไรอีกแล้ว ในเมื่อคนตรงหน้าได้เลือกอย่างชัดเจนแล้ว...

“แล้วจะติดต่อมานะคะ แต่ขอเวลาหน่อยละกันสำหรับการทำใจ”

“แค่ไปถึงแล้วโทรมาบอกสักนิดก็พอ...จะได้ไม่ได้ห่วงมาก...”

“ค่ะ...” เธอตอบมองสบตากับเขา...แววตาแสดงความรักไคร่ของเธอปิดบังไม่มิดอย่างที่เจ้าตัวต้องการแสดง แต่ขอเวลาเธอหน่อย อีกไม่นานหรอก เธอจะมองเขาด้วยแวตาแห่งคำว่าเพื่อนอย่างสนิทใจ

“ดูแลตัวเองนะคะพริก แล้วก็โชคดีเรื่องของชมพู่ด้วย”

“ไม่ต้องห่วงพริกหรอก... หน่านั่นแหละดูแลตัวเองให้ดี”

“ค่ะ..” ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างจริงใจ ก่อนที่พริกจะคว้าร่างของเธอมากอดไว้

“ดูแลรักษาตัวเองด้วยนะคะ... ส่งข่าวมาบ้าง ... ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่หน่ามีให้พริกนะคะ”

เธอเพียงแค่พยักหน้า ห้ามไม่ไหวแล้วกับหยดน้ำตา...เธอปล่อยให้มันไหลออกมา ให้สมกับที่อดกลั้นมาหลายวัน...

จบลงอีกครั้งกับความรัก... แต่ที่เหลือ และจะคงอยู่เสมอไปนั่นคือคำว่า “เพื่อน” ที่ทั้งเขาและเธอพร้อมที่จะมีให้กันเสมอ ตลอดไป

..............................................................

“พริก...”

“ขา...” เขาขานตอบเธออย่างอ่อนหวาน... จมูกโด่งกดลงที่แก้มนวลของเธอ... เขากำลังรอที่จะฟังคำถามของเธอ ซึ่งน้อยหน่าแทบจะกลั้นใจถามออกไป

“จะรั้งหน่าไว้มั้ย? อยากให้หน่าอยู่ด้วยมั้ย?” คำตอบของเขาจะเป็นยังไง เธอแทบจะไม่อยากรอแม้วินาทีเดียว เพราะมันคือสิ่งที่จะช่วยให้เธอตัดสินใจได้ว่า... เธอกับเขาจะอยู่ในฐานะอะไร

“อยากสิ..อยากให้หน่าอยู่ใกล้ ๆ ไม่อยากให้ไปไหน...” เขาพูด พร้อมกับสวมกอดเธอไว้แน่น

เธอกอดตอบเขา เขาจะรู้หรือเปล่า... ว่าตอนที่เขาพูดมันออกมา เธอดีใจแค่ไหน แต่ความดีใจนั้นมันมีไม่มากพอที่จะกลบความโหวงเหวงในใจ ดวงตาของเขา บอกว่าไม่อยากให้เธอไปไหน แต่มันไม่มั่นคงพอ ตอนที่บอกว่าอยากให้เธออยู่ใกล้ ๆ

และอ้อมกอดนี้... มันเหมือน... กำลังบอกกับเธอว่า... จดจำเขาไว้นะ จดจำอ้อมกอดนี้ น้ำเสียงนี้ กลิ่นอายนี้... จดจำเขาไว้ แต่...มันไม่ได้หมายความว่า... เขารักเธอ

“แต่...พริกไม่ได้รักหน่าใช่มั้ย?” เธอถามกลับเขาแผ่วเบา คำตอบของเขาเธอรับรู้ได้จากความนิ่งเงียบนั้น... ไม่ต้องรอให้เขาพูดอะไรเธอก็รับรู้ได้ทุกอย่าง

เขารู้สึกดีกับเธอ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า.... เขารักเธอ...

“พริกขอโทษนะคะ... ขอโทษ” เสียงของเขาแสดงความรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด อ้อมกอดที่กระชับแน่นตอกย้ำความหมายของคำพูดได้อย่างดี

เธอส่ายหน้า “ไม่ต้องขอโทษค่ะ ไม่ต้อง หน่าเข้าใจ เราบังคับมันไม่ได้ ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น”

“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ... เรายังเป็นเพื่อนกันได้นี่คะพริก ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้น” เธอขยับกายออก นั่งมองเขาด้วยสายตาจริงใจ ไม่มีร่องรอยความเสียใจ เหมือนกับเธอเตรียมใจมาแล้วอย่างดี... แต่ถึงกระนั้นในใจก็เจ็บแปลบ ๆ

“เรารู้สึกดีต่อกัน ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เมื่อพริกไม่ได้รักหน่าแบบนั้น เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ห่วงใย รู้สึกดีกันได้เหมือนเดิมนี่คะ... พริกไม่คิดแบบนี้เหรอ...” เขายิ้มกับคำพุดของเธอ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยทำให้เขารู้สึกกดดันเลยจริง ๆ

“แต่บอกหน่ามาหน่อยเถอะค่ะ ว่าคนที่พริกรักคือใคร... ถ้าดีน้อยกว่าหน่าละก็ หน่าไม่ยอมนะ” เธอทำหน้าโหด และทำเสียงดุ แต่เขาขำ...

“ว่าไงคะ...พริกรักใคร”

“ชมพู่ค่ะ” คำตอบของเขาเรียกร้อยยิ้มสวยจากเธอได้ แม้ในหัวใจจะเจ็บปวดแต่เธอก็ไม่ทรมาน เมื่อรู้ว่าคนที่เขารักคือใคร เธอไม่สมหวังในรักกับเขา แต่เธอก็สมหวังในสิ่งที่เธอปรารถนา...

พริกรักชมพู่ และชมพู่ก็รักพริก...ทั้งสองรักกัน..นั่นแหละคือสิ่งที่เธอปรารถนา...

“ดีที่สุดเลย...” เธอสวมกอดเขาแน่น ครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้กอดเขาแบบนี้...

“ให้หน่ากอดอย่างนี้อีกสักพักนะคะ...”

“ค่ะ” เขาตอบและไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้เธอกอดเขาอยู่อย่างนั้น...

ครั้งสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้แสดงอะไรในฐานะผู้หญิงที่รักเขา ถ้าเธอกลับมาที่เมืองไทยอีกครั้ง... เธอจะกอดเขาด้วยความรู้สึก แห่งความเป็น “เพื่อน” อย่างสนิทใจ

...หน่ารักพริกนะคะ...

.........................................................................................................................................

เสียงเรียกจากประชาสัมพันธ์ทำเอาร่างบางอีกร่างสะดุ้ง

ถึงเวลาแล้วสินะ...เธอต้องจากที่นี่ไปแล้ว... สายตาหวานหันกลับไปมองสองร่างที่ยีงคงกอดกันแน่นอีกครั้ง หยดน้ำตาที่เคยคิดว่าเหือดแห้งหายไปแล้วกลับไหลย้อนออกมาอีกครั้ง เดือดร้อนผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่ต้องทำงานอีก...

น้าสาวส่ายหน้าช้า ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิน่า...

“เจ็บขนาดนี้ยังจะไปทนมองทำไมกันฮึ... เด็กโง่...” เจ๊เจี๊ยบในชุดคลุมท้องสีเบจพูดเหน็บเบา ๆ สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือรอยยิ้มเศร้า ๆ จากหลานสาว...

“ครั้งสุดท้ายแล้วค่ะเจ้... พู่ไปก่อนนะคะ.. เจ้ดูแลตัวเองด้วย แล้วก็อย่าลืมส่งรูปเจ้าตัวน้อยไปให้ดูนะคะ...” ชมพู่พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตเบา ๆ ที่ท้องนูนใหญ่ของว่าที่คุณแม่ขาโหด

ไม่ต้องถามว่าใครคือชายหนุ่มที่เป็นพ่อของหนูน้อยคนนี้ ผู้ชายคนเดียวที่เอาเจ้าแม่เลือดเดือดคนนี้ได้ ก็มีแค่สารวัตรภีมะ แต่กว่าจะลงเอยกันได้...ก็ต้องเล่นวิธีเสกลูกเข้าท้องกันซะเลย ไม่งั้นคงมีเหตุการณ์ล้างบางโรงพักแน่...

ชมพู่ยิ้ม ยิ่งนึกว่าเย็นนี้เจ้สุดสวยของเธอต้องไปวีนกับสามีที่รักเพราะว่า น้องสาวของคุณสามีทำเธอน้ำตาตกอีก เธอก็ยิ่งขำ เพราะเหตุผลที่เจ้ของเธอมักจะอ้างโดยไม่ให้เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่แท้จริงก็คือ จะเอาอะไรกับคนท้อง ฮอร์โมนมันไม่นิ่ง ทั้งที่ความจริงคงอยากจะฉีกอกสามีแทบแย่ แต่ทำไม่ได้ เพราะดันเป็นพ่อของลูก

อีกเดือนกว่า ๆ เธอก็คงจะได้ยิ้มอย่างมีความสุขเพราะได้เห็นรูปหลานตัวน้อย ๆ สักที

คงได้รู้ว่าเธอจะได้หลานชายหลานสาว เพราะคุณแม่ไม่ยอมอัลตราซาวด์ บอกว่ารอลุ้นกันเอง แต่ตัวคุณพ่อพูดเลยว่า...

...ขอให้ได้ลูกชายก่อนเถอะ เพราะถ้าเป็นลูกสาวเขาคงได้กราบทั้งตัวแม่ตัวลูก แค่คุณภรรยาคนเดียวก็ร้ายเหลือ เขาขอลูกชายมาเป็นกองหนุนก่อน... จำได้ว่าประโยคนี้แอบกระซิบพูดกับคนตาดุ และเธอก็ได้รู้ในเวลาต่อมา แล้วมีหรือคุณภรรยาของสารวัตรจะไม่รู้ เล่นเอาต้องนอนหน้าห้องไปหลายคืน.. โทษฐานคิดก่อกบฏ

“ดูแลตัวเองด้วยนะพู่... แล้วติดต่อมาบ้าง แต่ไม่ต้องให้ไอ้มารเหมี่ยวติดต่อมานะ... เดี๋ยวเชื้อบ้าของมันจะมาติดลูกเจ้..” คราวนี้คนที่เพิ่งน้ำตาไหลรินหัวเราะคิก... และก้มลงหยิบกระเป๋ามาถือ สวมกอดน้าสาวอีกครั้ง

“จะคิดถึงนะคะ”

“โชคดีนะ อย่าคิดมาก” เธอยิ้มกับคำพูดสุดท้าย ก่อนจะหันหลังเดินจากมา หางตาเห็นร่างสูงของพริกที่อยู่ไม่ไกล ยืนมองน้อยหน่า เธอเจ็บปวดจนพูดไม่ออก

เธอไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาสินะ... ทั้งที่อยู่ห่างเขาไม่ถึงยี่สิบเมตร เขายังไม่แลเห็นเธอเลย...

เธอไม่ได้สำคัญแล้วจริง ๆ

“ขอตรวจเอกสารด้วยครับ” เสียงพนักงานเอ่ย ชมพู่ยื่นสิ่งที่เขาถามหาให้ พนักงานตรวจและมองหน้าเธอ....

“เรียบร้อยครับ” เธอพยักหน้า...พนักงานอยากถามเหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นหนอทำไมถึงได้เสียใจถึงขนาดนั้น สีหน้าที่แสดงออกมาของเธอเหมือนกับโลกทั้งใบไม่มีสิ่งที่จะทำให้เธอมีความสุขอีกแล้ว แต่กระนั้นมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของพนักงานอย่างเขา เธอคงแค่เสียใจที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไป...

จะมีใครรู้ล่ะนอกจากตัวเธอเอง...ว่าความสุขของเธอไม่มีอีกต่อไปแล้ว...เมื่อไม่มีเขา...


...................................................................................................................................

พริกขับรถกลับมาที่คอนโด แต่วนเข้าไปไม่ได้ เพราะการทำทางเข้าหอใหม่นี่แหละ เลยต้องมาจอดรถที่หอพัก A and B house เขาลงจากรถตั้งใจว่าไหน ๆ ก็มาที่นี่ ต้องแจ้งเรื่องย้ายออกให้เรียบร้อยเพราะเรียนจบแล้ว เขาเจอพี่เอที่หน้าหอ พุดคุยกันเรื่องนี้ ตกลงว่าจะย้ายออกได้ตอนสิ้นเดือน แต่เรื่องที่ทำเอาพริกเหวอไปคือ...

“วันก่อนชมพู่มาที่นี่ด้วยนะพริก ไม่ได้เจอตั้งนานน่ารักขึ้นเชียว ตอนแรกพี่นึกว่าเราน่ะเลิกกัน เพราะไม่เห็นเลย ดีใจนะที่ยังคบกันอยู่” คำพูดของพี่เอทำเอาพริกมึน พู่มาที่นี่แสดงว่า...

“วันนั้นพู่บอกลืมกุญแจ พี่เลยเอาตัวสำรองให้ แต่พู่ยังไม่ได้เอามาคืน พริกเอามาให้พี่ด้วยนะ” แว้กกก!! ถ้าอีหรอบนี้แสดงว่าคุณเธอรู้เรื่องฐานลับของเขาแน่...

เวรแล้ว... เธอต้องรู้แน่ ๆ ว่าเขาคิดยังไง

แต่...เอ๊ะ ก็ดีนะสิ...จะได้คุยกันง่าย ๆ

“งั้นพริกขอตัวก่อนนะพี่.. ไปง้อพู่ก่อน ทำเขางอนอยู่” พริกพูด ก่อนจะเดินลิ่วกลับมาที่รถ พยายามโทรหาหลายวันแล้ว ก็ตั้งแต่วันที่เขาผิดนัดเธอนั่นแหละ ไม่เคยติดเลย ไม่รับสายเขา หนักเข้าก็ปิดเครื่องหนี... ให้มันได้อย่างนี้ อย่าให้เจอนะ จะเอาให้เข็ดเลย (เมิงคงเจอหรอก)

พริกขับรถด้วยความเร็วสูง ในเวลาไม่นานก็มาถึงบ้านของชมพู่ บริเวณบ้านเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่ เขากดกริ่งเรียกอยู่สักพักก็มีหยิงวัยกลางคนที่พริกดี

“สวัสดีค่ะป้าแย้ม พู่อยู่มั้ยคะ” พริกยกมือไหว้ป้าแย้มไม่ได้รู้สึกดูถูกว่าเธอเป็นแค่แม่บ้านที่เจ้าของบ้านจ้างมาทำงานบ้านที่นี่ ยิ่งป้าแย้มเป็นคนอัธยาศัยดี และดูใจดีพูดจาดีด้วย เขายิ่งเคารพ... ป้าแย้มรับไหว้คนตาดุ คุ้นเคยกับพริกเป็นอย่างดีจึงเปิดประตูให้เขา

“ว่าไงคะคุรพริก ลืมอะไรไว้เหรอ”

“เปล่าค่ะ..พริกมาหาพู่” คำตอบของเขาทำเอาป้าแย้มงงงวย ก็เห็นว่าคุณพริกสนิทสนมกับคุณหนูชมพู่อย่างกับอะไรดี ทำเหมือนไม่รู้ว่าเธอไปเรียนต่อต่างประเทศอย่างนั้น

“อ่าว!! คุณพริกไม่รู้เหรอคะ คุณพู่ไปเยอรมันแล้วค่ะ ไปเรียนต่อ...”

คำตอบของป้าแย้มทำเอาพริกเกิดอาการสมองหยุดการทำงานชั่วขณะ ป้าแย้มพูดอะไร หูเขาไม่ได้ยิน ปากจะถามก็เหมือนจะเป็นใบ้ ทุกส่วนของร่างกายหยุดการทำงาน

พู่ไปเยอรมัน... เธอไปเยอรมันแล้ว...........


..........................................................................................................................................

เครื่องบินที่ค่อย ๆ เหินฟ้าออกไปเครื่องแล้วเครื่องเล่า แต่พริกก็ยังคงจ้องมองมันอยู่อย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันช่วยอะไรเขาไม่ได้... จ้องมองเครื่องบินเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก... เหม่อลอยไปกับท้องฟ้าสีหม่นกว้างไกล

....คุณหนูทำเรื่องเรียนต่อมาเป็นปีแล้วค่ะ คุณผู้ชายเขาจัดการให้... เห็นตอนแรกคุณหนูทำท่าไม่อยากไป คงไม่อยากห่างคุณพริกนั่นแหละค่ะ แต่ไม่รู้อิท่าไหนถึงได้มาเปลี่ยนใจเอาตอนสุดท้าย...เนี่ยก็เพิ่งไปเมื่อตอนสาย ๆ เพราะเครื่องออกตอนเที่ยงวันค่ะ...........

เครื่องออกตอนเที่ยงวันวันนี้...

ไฟท์การบินที่เขามองอยู่ เที่ยวบินไปสวิต ฯ กับเยอรมันที่ออกพร้อมกัน... ตอนนั้นเธอคงอยู่ที่นั่นด้วย...

แต่เขามันโง่...

(ไอ้ผัก แกอยากตายใช่มั้ย? ถึงโทรมาตอนคนกำลังนอน)

“พู่ไปเยอรมัน!!” เขาใส่อารมณ์กับเพื่อนรักทันที เมื่อออกจากบ้านของชมพู่ และโทรข้ามโลกไปหามะเหมี่ยว

(เออ... แล้วไงวะ ทำอย่างกับแกไม่รู้!!) ปลายสายแหกปากกลับมาเหมือนกัน หงุดหงิดนะโว้ย ยิ่งไม่ค่อยได้นอนอยู่ เรียนหนักนะเฟ้ย!!

“...” พริกเงียบ ไม่ตอบไปว่าอะไร เขาเจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้จนน้ำตามันหยดลงมา... ความเงียบของเขาทำเอาปลายสายเอะใจ

(อย่าบอกนะว่า... แกไม่รู้) มะเหมี่ยวถามกลับมา พริกเงียบอีก... ปลายสายได้ยินเสียงเหมือนคนสะอื้นเบา ๆ ให้มันได้อย่างเน้... ว่าที่คุณหมอปวดหัว...เว้ยยย!!

(เฮ้ย!! ฟังอยู่หรือเปล่าไอ้พริก... เฮ้ย!!) มะเหมี่ยวเรียกหาเพื่อนที่เงียบเสียง หรือมันโมโหจนจุกอกตายไปแล้ว...

“ทำไม...พู่ไม่บอกฉันสักคำวะ”

(ฉันไม่ใช่พู่ จะไปรู้ด้วยหรือไง) มะเหมี่ยวจงใจกวนประสาท เผื่อจะช่วยให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ดูท่าจะไร้ประโยชน์

“ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น ทำไมต้องห่างฉันไปขนาดนั้น” ยิ่งพูดก็เหมือนกับพริกบ่นกับตัวเอง ตอนนี้เพื่อนรักอีกคน นอนหายใจปลง ๆ จะให้บอกยังไงดีละ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของเขาซะด้วย...

(เพราะพู่ไม่รู้ว่าแกเลือกให้พู่อยู่ตรงไหนไงพริก... พู่เลยตัดสินใจมา)

“ทำไมไม่ถามฉันละวะ”

(แกเคยคิดจะให้คำตอบพู่มั้ยล่ะ กี่ครั้งแล้วที่พู่พยายามจะถาม กี่ครั้งแล้วที่พู่ให้แกเลือก แต่แกเลือกหรือเปล่า) ไม่เคยเลย... เขาไม่เคยเลือกสักครั้ง เขาบ่ายเบี่ยงกอบโกยความสุขไว้กับตัวเอง... เขามันเห็นแก่ตัว

“ฉันรักพู่...”

(บอกฉันก็เท่านั้น พู่ไม่ได้รับรู้กับแกหรอก ฉันเสียใจนะพริก แต่ฉันช่วยอะไรแกไม่ได้)

“ฉันจะไปเยอรมัน” พริกตัดสินใจ ใช่!! เธอหนีเขาไปได้ เขาก็ตามหาเธอได้เหมือนกัน...

(มาทำไม? มาเพื่ออะไร? มีประโยชน์อะไร?) คำถามที่ชวนให้พริกซัดปากคนถามอย่างมากลอยมากระทบโสตประสาตการรับฟัง ทำเอาพริกของขึ้น

“ไปตามชมพู่ พายัยนั่นกลับมา”

(แล้วตอนที่เขาอยู่ทำไมแกไม่รั้งเขาไว้ล่ะ มัวไปทำอะไรอยู่ ทำไมเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้วะพริก...น้องฉันไม่ใช้สินค้าในซุเปอร์ฯนะ นึกอยากจะใช้ก็เลือกขึ้นมา แต่พอเห็นอย่างอื่นก็เปลี่ยนใจวางทิ้งลง แต่สักพักก็คิดจะมาหยิบอีก... เลิกทำตัวเป็นเด็กเล่นขายของ... ถามจริงเถอะ แกรักน้องฉันจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพราะ แม่นั่นไม่อยู่กับแกแล้วแกเลยโผมาหาพู่)

“ไอ้เหมี่ยว!!” พริกมั่นใจถ้าไอ้เพื่อนตัวแสบยืนอยู่ตรงหน้า เขาต้องซัดมันร่วงลงกับพื้นแน่ ๆ โทษฐานที่พูดแทงใจดำ

(ฉันพูดผิดตรงไหน แกมีเวลาตั้งมากมายแต่แกก็ปล่อยมันเลยตามเลย ไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนที่รออย่างน้องฉัน หรือแม่นั่น จนสุดท้ายเป็นไง... ถามหน่อย สุดท้ายใครเจ็บวะ ถ้าไม่ใช่แก...)

สมน้ำหน้า!! คำ ๆ นี้มันโผล่ขึ้นมาในหัวของพริก...มันตอกเข้าไปในความรู้สึกจนแยกออกมาไม่ได้..สมควรแล้ว สมควรกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป

(อย่าได้คิดว่าจะมาหาน้องฉันที่นี่เลยนะพริก... แกอยู่ที่เมืองไทยน่ะดีที่สุดแล้ว ใช้เวลาที่ห่างกันทั้งหมดคิดเอาเองว่าแกรักน้องฉัน หรือเพราะไม่อยากอยู่คนเดียว ถ้าน้องฉันกลับไป แล้วแกยังยืนยันความรู้สึกว่าเหมือนเดิมกับที่บอกฉันเมื่อกี้ ฉันเชื่อว่า...พระเจ้าไม่ใจร้ายกับแกหรอก)

พริกไม่ตอบสิ่งที่มะเหมี่ยวบอก เขานิ่งคิด... ทุกคำที่เพื่อนพูดมันโดนจัง ๆ จนเขาจุก มันซัดจนเขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายร่วง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจว่า.. ใช่ !! ที่สุดใครใจของเขาก็คือ

“ฉันจะรอ... จะรอพู่อยู่ที่นี่...”



...........................................................................................................................................

ร่างสูงของไอย์มาหยุดยืนข้างหลังพริกที่นั่งเหม่อมองเครื่องบินที่ขึ้นลงบนรันเวย์ ใบหน้าขาว ๆ ของเขามีสีแดงระเรื่อ เพราะความร้อน

ไอ้เพื่อนคนนี้มันบ้านหรือมันเพี้ยนกันแน่ถึงได้มานั่งตากแดดมองเครื่องบิน หรือว่าตั้งแต่เกิดไม่เคยเห็นเครื่องบิน

“ไอ้ผัก...” ไอย์เรียก

“หืม”

“ยังตอบได้ ดีที่ยังไม่ตาย ร้อนตับจะแตก แกมานั่งตากแดดอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นผักเฉาหรอก”

“เดี๋ยวก้กลับ แกรู้ได้ไงว่าฉันมานี่” เขาถามเสียงเรียบ ไม่มีวี่แววของคนเหม่อลอยอย่างที่ดวงตาฉายแววเศร้าออกมา

“ท่านหัวหน้าใหญ่เขาสายตรงจากนอกประเทศมาหาฉันบอกว่าแกจะกระโดดจับล้อเครื่องบินเลยให้ฉันมาดู” คำตอบของไอย์ทำเอาพริกขำเบา ๆ ใช่สินะ ก่อนจะวางสายของมะเหมี่ยวเขาบอกมะเหมี่ยวว่าจะมาที่นี่... ทำเป็นบ่นว่าเขาสารพัดที่แท้ก็แอบเนียนส่งสายมาดู เป็นห่วงก็ไม่บอก

“เหรอ...”

“นี่ ร้อนนะ กลับเถอะ หิวด้วย ไอ้มึนมันรออยู่ น้ำกับยุยด้วย เย็นนี้ทำสารพัดจุ่มกัน...”

“สารพัดจุ่ม?”

“อย่าถามมากน่า อะไรที่กินได้ก็เอาลงกระทะให้หมดนั่นแหละ ลุกดิ ฉันร้อนนะ...” พูดไปก็เอาเท้า...เน้น!! ว่าเท้าสะกิดเพื่อนรักที่ค่อย ๆ กระดิกตัว...

“ไอย์” พริกเรียกเพื่อน สายตาเหม่อมองไปไกลจนเพื่อนรักหน้าสวยสงสัย มันมองอะไรนอกจากเครื่องบิน หรือว่ามันอยากเกาะล้อเครื่องบินไปเยอรมันจริง ๆ

“อะไรวะ..ทำใจบ้างสิวะ รอแป๊บ ๆ เดี๋ยวเขาก็กลับมา...” ไอย์อยากจะปลอบอยู่หรอก แต่ทำใจพูดหวาน ๆ ไม่ลง ก็แดดมันร้อน กว่าจะหามันเจอก็เหนื่อยใจจะขาด

“ไม่ใช่...”

“อะไรของแก”

พริกค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงที่ยืนค้ำหัวของเพื่อนอยู่ ก่อนจะยิ้มแหย ๆ

“เหน็บกิน...ช่วยพยุงหน่อย” คนสวยถอนหายใจเฮือก... คุณคิดออกมั้ยว่าไอ้สวยจะทำอะไร ถ้าคิดไม่ออกก็ดูเอาเอง

พลั่ก!!

“โอ้ย!! ไอ้เปรตถีบทำไมวะ เจ็บ... โอ้ย!!~” พริกครวญทันที เพราะอยู่ ๆ เพื่อนของเขาก็กระแทกเท้ามาที่กลางหลังจัง ๆ สะเทือนไปทั้งตัว มันไม่ช่วยไม่ว่า แต่มาทำร้ายร่างกายกันอย่างนี้ จี๊ดนะโว้ย!!

“กวนซ้น(ตู๊ดดด)ดีนัก ลุกมาเลย รถจอดอยู่ที่ไหน ฉันนั่งแท็กซี่มา ให้ว่องสิวะ สำออยอยู่ได้ ข้าร้อนนะโว้ย เดี๋ยวพ่อซัดอีกผลัวะหรอก” ดูมันทำกับเขา...

“รอด้วยสิวะ” อยากจะสำออย อ้อนเพื่อนอยู่หรอก แต่ดูท่าไม้นี้จะไม่ได้ผลเพราะดุท่ามันเดือดจริง ๆ พริกรีบลุก แต่ทั้งเจ็บหลังแถมเหน็บชาอีก เลยได้แต่ค่อย ๆ กระแผกตามเพื่อนไปต้อย ๆ

“เจ็บนะไอ้สวยรอด้วยสิ”

“วู้!! ไอ้ผักปลอดสารเรื่องมาก ให้เร็ว... ข้าร้อน” ถึงจะโวยวายอย่างนั้นแต่คนร่างสูงหน้าสวยก็หยุดยืนรอเพื่อนรักที่เหมือนร่างกายไม่สมประกอบ และยอมให้เพื่อนจับไหล่เป็นหลักให้เดิน...


“ทำไมแกโหดอย่างนี้วะ...ระวังยัยยุยจะชิ่ง”

“ปาก...สงสัยที่หลังคงไม่สะใจ เอาที่ปากอีกทีมะ” โหดจริงวุ้ย!! คนหน้าสวยนี่

“อย่ามาโหด... ยัยยุยรักแกลงได้ไง” ไอ้นี่ก็ยังไม่เลิก...

“เพราะข้าดีที่สุดไง...”

“แหวะ!! ฉันจะอ้วก”

“ว่าแต่แกจะเกาะล้อเครื่องบินจริง ๆ เหรอวะ”

“แกเอาอะไรคิดว่ะไอ้สวย...”

“ไอ้เหมี่ยวบอกฉันมาอย่างนั้น”

“เวร...ไอ้เพื่อนเวรแต่ละคน”

เสียงการสนทนาของสองสหายค่อย ๆ แผ่วเบาลงไปเรื่อย ๆ ตามระยะทางที่ห่างออกไปจารั่วเหล็กกั้นรันเวย์ มันค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อม ๆ กับร่างทั้งสอง เหลือทิ้งไว้เพียงแต่พื้นคอนกรีตร้อน ๆ สายลมผัดเอื่อยแผ่ว แต่ไม่ได้ช่วยให้เย็นขึ้น เพราะไอแดดที่ร้อนระอุ

มันถูกปล่อยทิ้งให้ว่างเปล่าลง ไม่มีใครสนใจอีก...

แต่หัวใจสองดวงที่ต้องห่างไกลกัน เจ้าของหัวใจจะปล่อยให้ความรักทิ้งร้างเหมือนกับพื้นที่ตรงนี้หรือไม่...


มันขึ้นอยู่กับกาลเวลา และความมั่นคงในความรักของทั้งสองหัวใจ...

ว่าจะเฝ้ารอให้ถึงวันที่จะล่อหลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง...ได้หรือไม่...


ที่สำคัญ... ขึ้นอยู่กับ....


ไอ้คนเขียนที่สุดแสนจะใสซื่อ (แต่บ้าบวกเพี้ยน) ที่ทำตัวเป็นพระเจ้ากำหนดชะตากรรมของตัวละครให้ได้อย่างใจ...

>>>>>>>>>>>>>>> The end <<<<<<<<<<<<<<<

มีอะไรมาฝาก.....

“มากับใครคะคุณพู่...” เสียงของชุติเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสาวหน้าหวานที่เธอมีใจไม่ได้มาที่งานเพียงคนเดียว

“เอ่อ...นี่พริกค่ะ เป็น...”

“คนสำคัญของพู่ค่ะ” ไม่ต้องรอให้เธอมาแนะนำ คนตาดุชิงบอกฐานะตัวเองเกทับคนที่ทำท่าจะมาเป็นคู่แข่งความรัก

เฮ๊อะ!! คิดว่าเขารอแม่ผลไม้รสหวานนี่มากี่ปี คิดจะมาแย่งไปง่าย ๆ งั้นเหรอ...ฝันไปเถอะ!! ของของข้าใครอย่ามาแตะ... ถ้าคิดจะแตะ ได้หลอนกันทั้งชาติแน่...

>>> And...

“โอยยยย... นี่แม่คุณ!! ระวังเถอะฉันจะสนใจเธอน่ะ... ฝันไปสิว่าชาตินี้จะได้เห็นขาอ่อนของฉัน สายการบินที่เธอทำงานอยู่ ฉันไม่ขึ้นด้วยหรอก... สาบานเลย!! ไม่อยากเสียพรหมจรรย์”

“กรี๊ดดด!!... ไอ้หมอบ้า!! นายแน่ใจนะว่านายเป็นหมอ ไม่ใช่หมา ทุเรศที่สุด... โรงพยาบาลที่นายประจำฉันจะไม่เข้าเด็ดขาด เอาปากผ่าตัดคนไข้หรือไงยะ”

“ใช่!! ฉันนี่แหละหมอ!! ตัวจริงเสียงจริง แต่ผ่าตัดนะใช้มีด ส่วนเรื่องปาก ฉันใช้ทำอย่างอื่น...ลองมั้ยล่ะยัยแอร์กี่...”


>>>>>>>>>>>>>> น้ำจิ้มภาคสาม อิอิ...

Happy in my story and See U next times.

Coming soon.





คนโง่ในกระจกเงา - มาลีน่า




 

Create Date : 02 เมษายน 2552
4 comments
Last Update : 2 เมษายน 2552 19:57:40 น.
Counter : 1903 Pageviews.

 


เจ็บปวดตั้งแต่อักษรตัวแรกจนตัวสุดท้าย

แถมเพลงยังกระหม่ำความรู้สึกขนาดนี้...

ฆ่าพี่ให้ตายเลยเถอะค่ะ

 

โดย: หยดน้ำกลางดาว (samurai_KYO ) 2 เมษายน 2552 19:56:35 น.  

 

ชองอ่ะที่จบแบบนี้ ทรมานดีซาน้อย


 

โดย: Garfiled IP: 58.9.67.249 3 เมษายน 2552 10:35:47 น.  

 

เจ็บปวด
สงสารพู่
คนแต่งใจร้าย
;)
รอ ร๊อ รอ

 

โดย: ปูเป้** IP: 118.174.207.181 3 เมษายน 2552 12:27:34 น.  

 

อยากอ่านภาค 3 ต่อ เลย

แต่ไม่ไหวแล้ว แอบดูนาฬิกา

แม่เจ้า

นู๋เปลี่ยนจาก หมู กลายเป็นหมี(แพนด้า)ไปแล้วอะ


 

โดย: หมูน้อยกลอยใจ IP: 222.123.136.60 28 มิถุนายน 2552 5:14:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.