ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
25 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
-Love is...- Vol.3 (17)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."



“ชมพู่! เสร็จยังคะ” เสียงมะเหมี่ยวตะโกนขึ้นบนชั้นสองของบ้านระหว่างที่ตัวเองสวมรองเท้าอยู่ ไม่นานร่างบางของชมพู่ก็ก้าวเร็วๆ ลงมาที่ชั้นล่าง

เธออยู่ในชุดเดรสผ้าซีฟองสีเหลืองนวลยาวเหนือเข่า สองมือกำลังวุ่นอยู่กับการติดต่างหูด้านซ้ายที่ดูเหมือนจะหลุด

น้อยหน่าเดินตามลงมา เธอไม่ได้ไปงานแต่งงานของพัฒ เพราะเหตุผลที่ว่าเธอไม่รู้จักเขา แต่เธอก็แต่งตัวเตรียมพร้อมที่จะออกไปข้างนอกเหมือนกัน เพราะวันนี้นัดเฮฮากับเพื่อนๆ ที่ทำงานโดยมีน่านรับอาสาว่าจะมารับ

“รถเรียบร้อยค่ะ พร้อมยังคะ” พริกเดินเข้ามาสมทบในบ้านหลังจากที่ไปตรวจเช็คสภาพรถของน้อยหน่า ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนรถของชมพู่ที่พอจะออกไปข้างนอกก็เกิดยางรั่วซะก่อน

“ว่าแต่หน่าเถอะ จะไปยังไง ออกไปพร้อมกันมั้ย?” พริกหันมาถามเพื่อนสาวที่เดินเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นเอาขวดน้ำออกมาเทใส่แก้วใส

“ไม่หรอก เดี๋ยวเพื่อนที่ทำงานมารับน่ะ” เธอบอก ก่อนจะเอาขวดน้ำเข้าไปเก็บไว้ที่เดิม

“งั้นพวกเราออกไปก่อนนะคะ ฝากปิดบ้านด้วยค่ะ” ชมพู่บอกพร้อมกับเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับพริก

แต่มะเหมี่ยวเดินสวนกับพริกและชมพู่เข้ามาในบ้านโดยไม่คิดจะถอดรองเท้า พริกเพียงแค่ชำเลืองตามเท่านั้น เฝ้ามองว่าเพื่อนรักจะทำอะไรต่อไป...แม้ในใจจะห่วงอยู่ไม่น้อย ทั้งน้อยหน่าและมะเหมี่ยว

ก็ไอ้เรื่องที่เกิดที่สิงคโปร์น่ะมันชวนให้คิดน้อยเสียเมื่อไหร่ ตอนที่ได้ยินคนรักเล่าให้ฟัง แถมทั้งคู่พอกลับมาเมืองไทยก็มีท่าทีประหลาด ระคายลูกตาพิกล

“เราไปรอที่รถนะคะ” ชมพู่เอ่ยตามหลัง คุณหมอเพียงแค่พยักหน้าแต่สายตาจดจ้องอยู่กับใบหน้าสวยของน้อยหน่าที่ทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้

เขารอให้เพื่อนรักและน้องสาวเดินออกไปด้านนอก และให้น้อยหน่าวางแก้วน้ำในมือลงกับแพนทรีก่อน คนสวยคลึงแก้วน้ำในมือที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วเล่น พอโดนสายตาของมะเหมี่ยวจ้องอย่างนี้ก็เล่นเอาทำตัวไม่ถูกอยู่เหมือนกัน เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกมือไม้มันเกะกะจนไม่รู้จะเอาไปวางไว้ที่ไหน

“ไปเที่ยวที่ไหน?” เขาถาม น้อยหน่าส่ายหน้า

ไม่ใช่เธอไม่บอกนะ แต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเพื่อนจะพากันไปเฮที่ร้านไหน นี่เธอก็รอให้เพื่อนร่วมงานมารับอยู่

“อย่ากลับดึกนะ”

“อื้อ...ไม่ดึกมากหรอกมั้ง? เดี๋ยวให้เพื่อนมาส่งได้” น้อยหน่าตอบ
แม้หลังจากเหตุการณ์อึ้งกินที่สิงคโปร์มันจะทำให้เธอน้อยใจ และหวาดหวั่นจนไม่อยากเผลอใจกับมะเหมี่ยวอีก...แต่เธอก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงดีเหมือนกัน

ถ้าทำโกรธไม่คุยกับคุณหมออีก งานนี้มีหวังเธอถูกเขาจับเชือดแน่นอน เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาจะบ้าทำอะไรอย่างตามเธอไปสิงคโปร์อีกหรือเปล่า? เธอเลยตัดสินใจพูดคุยกับเขาตามปรกติ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะอิลักอิเหลื่อเหลือเกิน

“ใครมารับ?”

“น่าน...พอดีที่พักของน่านอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่” แค่เพียงได้ยินชื่อคนมารับมะเหมี่ยวก็แทบจะขมวดคิ้ว...น่าน? น่านงั้นเหรอทำไมมันคุ้นจังเลยฟระ...แต่นึกไม่ออก

“คนที่เจอที่ลานจอดรถวันที่...” นายจูบฉันไง เธอละคำพูดนี้ไว้ และพูดต่อว่า “วันที่ฉันลืมกระเป๋าแล้วนายเอาไปให้ไง” คนสวยอ้อมแอ้มตอบ ดวงตาสวยหลุบมองมือที่ถือแก้วน้ำอยู่เพราะไม่อยากสบตากับเขา...กลัวว่าสายตาตัวเองจะฟ้องให้เขาเห็นความรู้สึกของตัวเองมากไปกว่านี้... แค่ที่ผ่านมาเธอก็เปิดเผยไปมากพอแล้ว... มากจน... หมดเปลือก!

มะเหมี่ยวหรี่ตามองคนสวยตรงหน้า ภาพ(ไอ้)เจ้าของรถสปอร์ตสีขาวลอยเข้ามาในหัว เห๊อะ! แต่งตัว รูปร่างหน้าตาก็เป็นผู้หญิงอยู่หรอก... แต่ของอย่างนี้มันดูกันออก ยัยนักบินนั่นก็คือๆ กับเขานั่นแหละ

“ฉันจะไปรับ ไปถึงร้านแล้วโทรมาบอกด้วยว่าอยู่ร้านอะไร? ที่ไหน?” คำพูดของมะเหมี่ยวทำเอาคนสวยส่ายหน้าหวือ

“ทำไม?” อึ๋ยส์! แค่นี้ทำไมต้องเสียงเขียวด้วย

“ก็ไม่รู้ว่าจะกลับตอนไหน?”

“ก็จะรอไง”

“แต่ฉัน...”

“ทำไม?” อย่าดุซี่!

“เกรงใจเพื่อนๆ ไม่ได้สังสรรค์อย่างนี้มานานแล้ว...แล้ว...ฉัน...” น้อยหน่าอึกอัก จนมะเหมี่ยวรำคาญ

“ทำไม?” ครั้งที่สามที่คุณหมอถาม คาดว่าถ้ามีครั้งที่สี่รับรองว่าคนสวยไม่ได้กระดิกออกจากบ้านไปไหนแน่

“ฉัน...” จะให้เธอตอบยังไงล่ะก็เธอ... แบบว่า...

“ตอบมาเดี๋ยวนี้! ก่อนที่ฉันจะจับเธอไปงานแต่งไอ้พัฒ ไม่ก็จับเธอขังอยู่แต่ในบ้าน!” น้อยหน่านึกฉุน

อะไรกัน เป็นอะไรกับเธอมิทราบถึงได้มาสั่งนั่นสั่งนี่ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยก็แค่คนอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน แต่เธอก็ทำได้แค่บ่นในใจเท่านั้น

ไม่อยากโดนเขาฉีกเป็นชิ้นๆนี่นา ดูสิตอนนี้ทำหน้ายังกับกินยักษ์เข้าไปทั้งตัวเท่านั้นแหละ

“ถ้าเพื่อนถามว่านายเป็นใคร? ฉันไม่รู้จะตอบว่ายังไงนะสิ” ใช่! เธอไม่รู้จริงๆ ว่าจะตอบว่าเขาเป็นอะไรกับเธอ เพราะถ้าเขาโผล่ไปรับเธอล่ะก็เพื่อนๆ ต้องซักฟอกเธอแน่ รู้ๆ กันอยู่ว่าแก๊งส์นางฟ้าเหล่านี้น่ะ เรื่องชาวบ้านไม่เคยพลาด

“คนที่เธอมาอาศัยอยู่ด้วยไง”

“มันจำเป็นด้วยเหรอไงที่เจ้าของบ้านต้องออกไปตามคนอาศัยให้กลับบ้าน” เธอย้อนทันที เชิดหน้าขึ้นรู้สึกอยากจะฉีกปากอิคุณหมอคนนี้ออกจริงๆ

“ก็...ช่วยไม่ได้นี่...โอเค เพื่อนก็ได้”

“ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับนาย” ประโยคนี้ไม่ต้องคิดนานแค่เสี้ยวหนึ่งของวินาทีเธอก็ตอบฉับได้ทันควันมันทำให้คุณหมออึ้งไปเลยทีเดียว

มะเหมี่ยวถอนหายใจพรืด มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าสะเอว อีกมือหนึ่งเท้าแพนทรีไว้ ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้ม สายตาตวัดมองไปรอบๆ ตัวเหมือนไม่รู้จะมองอะไรก่อนจะกลับมาหยุดที่ใบหน้าสวยของน้อยหน้า และเลื่อนลงไปที่ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปติคสีหวานทับด้วยกลอสแวววาว...น่าจูบ

“เชื่อเธอเลยจริงๆ” คุณหมอพึมพำ ก่อนจะขยับกายเข้ามาใกล้กับร่างเพรียวอีกจนได้กลิ่นหอมของน้ำหอมยี่ห้อหรูของเธอผสมกับกลิ่น Davidoff ของเขา มันเข้ากันได้อย่างประหลาด

มือข้างที่เคยเท้าสะเอวตอนนี้เปลี่ยนเป็นโอบรอบเอวขอดของคนสวยและรั้งร่างของเธอให้เข้ามาอยู่แนบชิด มืออีกข้างก็ยกขึ้นลูบไล้เบาๆ ที่แก้มเนียนที่ตอนนี้เป็นสีชมพูเข้ม ไม่รู้ว่าเพราะเครื่องสำอาง หรือว่าเพราะเลือดที่สูบฉีดอยู่ที่ใบหน้า

มะเหมี่ยวก้มลงจนริมฝีปากของตัวเองแตะกับความนุ่มนิ่มของกลีบปากสีสวยของเธอ อดไม่ได้ที่จะเม้มมันเล่นเบาๆ ก่อนจะกดน้ำหนักลงเมื่อเธอเผยอปากรับ

เขาบดเบียดเลียดชิมความหวานจากเธอโดยที่มีเธอคอยให้ความร่วมมือไม่อิดเอือนจนยั้งใจไม่ได้ที่จะแทรกปลายลิ้มเข้าไปลิ้มลองรสหวานให้มากขึ้น สองแขนก็โอบร่างของเธอให้เข้ามาชิดอีกจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน และมั่นใจได้เลยว่าตอนนี้ถ้าเขากลืนเธอเข้าไปได้ทั้งตัว มะเหมี่ยวก็จะทำ เพราะยิ่งเธอยกสองแขนขึ้นตวัดไปรอบคอของเขา และเบียดร่างกายเข้าหา มันก็เหมือนกับสัมผัสเหล่านั้นคือเชื้อที่ช่วยกระพือเพลิงให้ลุกโชนขึ้นอีก

มะเหมี่ยวถอนริมฝีปากออก หน้าผากชนกันต่างฝ่ายต่างหอบหายใจราวกับวิ่งร้อยเมตรมาอย่างนั้น และเขาก็รู้ตัวในวินาทีนั้นเองว่า...ถ้าให้ห่างกับเธอตอนนี้เขาสะกดคำว่า...เสียดาย...ได้แม่นกว่าชื่อของตัวเองด้วยซ้ำ

“อีกนิดดีกว่ามั้ย?” คุณหมอถามยิ้มๆ เฝ้ารอคำตอบจากเธออย่างใจจดใจจ่อ

แต่กลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ เข้ามาในหูมีเพียงกิริยาที่ขยับเอียงใบหน้าเข้ามาใกล้และแนบริมฝีปากอิ่มของเธอกับเขาเท่านั้น...นี่แหละคำตอบที่ชัวร์ซะยิ่งกว่าคำพูดล่ะ!






พริก ชมพู่ มะเหมี่ยว ยืนอยู่มุมหนึ่งของงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ของเพื่อนสนิท! ความจริงแล้วพริกไม่พิศวาสงานที่จัดแบบคอกเทลเท่าไหร่เพราะมันดูวุ่นวาย แต่ก็ยังดีกว่าที่จะนั่งโต๊ะแบบโต๊ะจีนล่ะ..นั่นยิ่งน่าเบื่อใหญ่ สายตาของทั้งสามคนมองไปยังคู่บ่าวสาวที่กำลังเดินทักทายแขกในงานจนเหนื่อย

“คนเยอะเป็นบ้า!” เสียงบ่นจากด้านซ้ายมือทำเอาพริกให้ไปมอง และเขาก็ได้เห็นว่าที่เจ้าบ่าวอีกคนที่วันนี้มาในชุดสูทเต็มยศพร้อมด้วยว่าที่เจ้าสาวร่างเล็กที่ยืนเกาะแขนแจ

“ไงไอ้สวย! ไปยืนอยู่ตรงไหนมาวะ”

“แถวนี้แหละ เห็นแกเลยเดินมาหา” ไอย์ตอบพริก ยุยยกมือขึ้นไหว้เพื่อนรักของว่าที่สามี ก่อนจะหันไปไหว้ชมพู่ และพยายามแสดงความจำนงว่าอยากทำความเคารพกับฝาแฝดของชมพู่อีกคน ที่ตอนนี้เหมือนจะยุ่งอยู่กับการใช้โทรศัพท์ของน้องสาวตัวเองกดโทรหาใครสักคนจนชมพู่ต้องสะกิด

“เหมี่ยวคะ ไอย์กับน้องยุยมาค่ะ” นั่นแหละคุณหมอหน้าหวาน(ปากน้องหมา)จึงได้สติโงหัวขึ้นมาดูโลกปัจจุบัน

“สวัสดีค่ะพี่เหมี่ยว” มะเหมี่ยวรับไหว้น้องยุย ก่อนจะหันไปพยักหน้าทักทายเพื่อนหน้าสวย จากนั้นก็ก้มจิ้มปุ่มโทรศัพท์เพื่อจะส่งข้อความแทนการโทร

เออ! มันสนใจคนรอบข้างดีจริงๆ

“อะไรของมันวะนั่น” ไอย์บ่นทันทีที่เห็นท่าทางของเพื่อนรัก พริกส่ายหน้า

“เจ้าของไม่อยู่มั้ง เชื้อ(พิษสนุข)บ้าเลยกำเริบ” พริกแขวะ ทุกคนที่ได้ยินเดาว่าคุณหมอคนสวย แต่คำพูดไม่ค่อยสวยคงได้สวนมาชนิดที่ว่าหงายหลังแน่นอน

แต่...

ไม่มีอะไรเลย!

มะเหมี่ยวยังคงจิ้มปุ่มตัวอักษรบนเครื่องโทรศัพท์อย่างมีสมาธิจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง พริกจึงหันมายักไหล่กับเพื่อน

“อาการหนักว่ะ”

“คงงั้น” คนตาดุสำทับ ชมพู่เองก็ได้แต่ยิ้ม และเริ่มหันมาคุยกับน้องยุยที่วันนี้มาด้วยเดรสเกาะอกสีชมพูหวานน่ารัก

“ว่าแต่ได้คุยกับไอ้พัฒหรือยังวะ?”


“ยังเลยว่ะ ยืนจนขาแข็งแล้วเนี่ย” พริกตอบ ก่อนจะมองไปยังคู่บ่าวสาวที่คงอยู่กลางฝูงคนที่มาแสดงความยินดี

“อย่างนี้แหละงานใหญ่ จะว่าไปมีพวกเราๆ มาไม่กี่คนนะนอกนั้นดูเหมือนจะเป็นเพื่อนพ่อเพื่อนแม่ของทั้งสองฝ่ายว่ะ”

“ก็แหง ไอ้พัฒมันขี้ๆ ที่ไหนล่ะ พ่อเป็นถึงเจ้าของบริษัทดัง ไหนจะเพื่อนพี่ชายพี่สาวในวงการธุรกิจอีก ทางแนนก็พอกัน...” พริกว่า...

“นั่นๆ เดินมาทางเราแล้ว” เสียงของไอย์ทำเอาสองสาวที่ยืนคุยกันหันมาสนใจบ้าง เมื่อเห็นเพื่อนสนิทในวันวานเดินมาทางกลุ่มของตน

“เหมี่ยวคะ พัฒกับแนนมากันโน้นแล้ว” มะเหมี่ยวหันมาสนใจกับโลกปัจจุบันอีกครั้ง ทั้งหมดยิ้มให้กับคู่บ่าวสาวที่เดินเข้ามาหา

“ไงวะ? โทษทีนะแขกเยอะมากว่ะ...เลยไม่ได้มาดูแลพวกแก” พัฒทักทายเพื่อนเก่าพร้อมกับเข้ามาตบไหล่ทักทายว่าที่เจ้าบ่าวคนต่อไป

“ไม่เป็นไรน่า...” ไอย์ตอบ

“ไงวะท่านอาจารย์พริก”

“ดีใจด้วย” พริกแสดงความยินดีกับเพื่อน ก่อนจะหันมายิ้มให้กับเจ้าสาวที่ยืนอยู่ข้างกายเพื่อนรัก

“ขอบใจมากว่ะ...แล้วนี่...โว้ว! ชมพู่!”

“มีความสุขนะพัฒ...ดีใจด้วยนะคะแนน” สาวหวานฉีกยิ้มหวานให้กับทั้งคู่

“ขอบใจนะชมพู่” แนนเอ่ยแผ่วเบา รู้สึกละอายใจกับเรื่องในอดีต แต่เพราะรอยยิ้มของชมพู่เลยทำให้เธอสามารถที่จะยิ้มตอบกลับมาได้อย่างสบายใจ...รู้สึกโล่งใจที่สาวสวยตรงหน้าไม่มีท่าทีเกลียดเธอเลยสักนิด

“ฉันเก็บแกไว้ทักตอนสุดท้ายอย่างนี้...คงไม่ว่ากันนะ” พัฒกระเซ้า มองเพื่อนรักที่ยืนยิ้มให้ด้วยสายตาที่แสดงถึงความผูกพันกันมาเนิ่นนาน แม้เวลาจะผ่านไปนับสิบปีที่ไม่ได้เจอเพื่อนรักคนนี้ก็เถอะ

“เพราะฉันหน้าตา(โคตร)ดีหรอกถึงไม่โกรธแกน่ะ...ดีใจด้วย” เหมี่ยวพูดพร้อมกับขยับกายไปโอบทักทายเพื่อนเก่าอย่าสนิทสนม สิบปีที่เขาหายไปจากกลุ่มเพื่อน แต่ความผูกพันไม่ได้หายไปเลย

“แกสบายดีใช่มั้ยเหมี่ยว”

“ยิ่งกว่าอะไรเลยเพื่อน” พัฒยังคงเป็นพัฒ สุภาพบุรุษเสมอและเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนอย่างสุดซึ้งเช่นเดิม


“ดีใจด้วยนะแนน” เหมี่ยวหันมาพูดกับเจ้าสาวที่ยืนค่อนข้างเงียบอยู่ ยอมรับว่าเธอค่อนข้างหนักใจที่ต้องมาเจอเพื่อนเก่าของสามี เธอเคยทำร้ายกาจไว้มากมายและได้ผลตอบแทนอย่างสาสม เธอไม่รู้ว่าเรื่องราวในวันนั้นมีผลอย่างไรกับเพื่อนเก่าของพัฒ แต่สำหรับเธอ ถ้าลืมได้ก็จะลืม...และเก็บบางส่วนเสี้ยวไว้กับตัวเอง

อย่างน้อยๆ เรื่องในวันนั้นมันทำให้เธอได้รู้จักผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่ง และได้มีโอกาสยืนข้างเขาในฐานะภรรยาในวันนี้

“ขอบใจนะ” เธอกล่าวตอบกับเขาเสียงแผ่ว มะเหมี่ยวยิ้ม

“แนน..” มะเหมี่ยวเรียก “ฉันขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา อโหสิให้ฉันกับเพื่อนๆ ด้วยนะ” คำขอโทษของมะเหมี่ยวที่เอ่ยออกมานั้นทำเอาน้ำตาหยดโตๆ ของเจ้าสาวหยดแหมะทันที เดือดร้อนเจ้าบ่าวต้องหาผ้าเช็ดหน้ามาคอยซับให้

“แนนต่างหากที่ต้องขอโทษ โดยเฉพาะชมพู่” เจ้าสาวคนสวยสะอื้นว่า

“ไม่เป็นไรค่ะแนน...พู่เข้าใจ อะไรที่ผ่านไปแล้วให้มันผ่านไปนะคะ...เริ่มกันใหม่ไม่สายหรอก” ชมพู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม นำพามาซึ่งความดีใจแก่เจ้าสาวนัก ไม่ต้องมีของขวัญล้ำค่า แต่แค่คำว่าอภัยก็เพียงพอสำหรับทุกอย่างแล้ว

“ยังไม่ได้บอกยกโทษให้ฉันเลยนะ” มะเหมี่ยวท้วงด้วยรอยยิ้ม จนเจ้าสาวต้องรีบพยักหน้า

“แนนอภัยให้ค่ะ ทุกสิ่งทุกคน...แนนไม่ถือโทษอะไรเลย” เธอตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ทำเอาทุกคนยิ้มแย้มกันทั่วหน้า

“เอาล่ะ...ผ่านไปหนึ่งแล้ว...นี่ยังไม่ได้แนะนำเลย ยุยนี่พัฒสุภาพบุรุษแห่งปีในรุ่นพี่ นี่พี่แนน” ไอย์แนะนำเพื่อนรักให้กับว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง “แล้วนี่ก็ยุย เจ้าสาวของฉันวันมะรืน”

“สวัสดีค่ะ” ยุยยกมือไหว้บ่าวสาวอย่างเคารพ ชิงความเอ็นดูไปได้ในพริบตาโดยเฉพาะกับเจ้าสาว

“น่ารักอย่างนี้ใครๆ ก็อยากได้เป็นเจ้าสาวนะ”

“โว้ว...เอาปลาไหลของรุ่นอยู่หมัดอย่างนี้แสดงว่าไม่ธรรมดา” ไอย์ยักคิ้วหลิ่วตาให้กับเพื่อนรักอย่างรู้กัน

“ว่าแต่งานใหญ่มากเลยนะ” พริกเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปรอบๆ งาน พัฒและแนนพยักหน้า

“แขกของพ่อแม่ทั้งนั้นแหละ พวกๆ เราน่ะไม่ค่อยมีใครมาหรอก ไอ้ต้นก็ติดงานอยู่ต่างจังหวัดมาไม่ทัน ที่เหลือก็ขาดการติดต่อไป” พริกพยักหน้า

“แล้วอย่างนี้จะฮันนีมูนที่ไหนกัน”

“ตอนนี้ยังไม่ไปไหนว่ะ แนนแพ้ท้องหนักมาก นี่ดีหน่อยวันนี้ไม่ค่อยแสดงอาการอะไรมาก” พัฒตอบพริก

“แนนว่ารอคลอดก่อนค่อยไปก็ได้...ความจริงเราก็เที่ยวกันมาเยอะแล้วตอนอยู่ที่ ดี.ซี.”

“แต่ดูท้องยังไม่ใหญ่เท่าไหร่นะคะ” ชมพู่เอ่ยบ้างพร้อมกับขอจับท้องของแนน

“ท้องแรกก็อย่างนี้แหละค่ะ”

“อยากมีบ้างมั้ยยุย พี่ทำให้ได้นะ” ไอย์ก้มลงมาแหย่คู่หมั้น เลยได้เพี๊ยะเบาๆ เข้าที่แขนเป็นคำตอบ แต่นั่นทำเอาทุกคนเฮฮากันใหญ่

“พี่ไอย์ทะลึ่ง”

“นี่ยังน้อยไปครับน้องยุย...พี่จะเล่าให้ฟังเอามั้ย? เมื่อก่อนนะไอ้นี่น่ะ...”พัฒตั้งท่าจะเผาเพื่อนโดยยอมละทิ้งภาพสุภาพบุรุษไว้ชั่วคราวแต่ก็โดนสายตาคาดโทษของหนุ่มสวยดักทางไว้ก่อน เลยแก้เก้อกลับไปว่า

“เอาอย่างนี้ดีกว่า ไว้วันมะรืนพี่จะจัดแฉทั้งวันเป็นของขวัญวันแต่งงาน ข่าวว่าวันนั้นมากันครบทีม มึงได้ตายแน่ไอ้สวย” ไอย์ถึงกับส่ายหน้าระอายกแขนขึ้นโอบร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนกระซิบเบาว่า...อย่าไปสนใจไอ้บ้าพวกนี้... ทั้งที่ความจริงแอบหวั่นใจว่าเพื่อนจะแฉวีรกรรมจนเละเทะ

“ว่าแต่พี่แนนใช้เวดดิ้งของที่ไหนคะชุดสวยมาก”

“อ๋อ...ร้านของเพื่อนคุณแม่น่ะค่ะ น่าเสียดายนะคะ ถ้าได้เจอกันก่อนหน้านี้พี่จะพาไปด้วย”

“ค่ะ...สวยมากจริงๆ งานก็จัดสวย” แนนยิ้มขอบคุณกับยุย

“ค่ะสวย แต่ความจริงพี่อยากจัดแบบส่วนตัวกว่านี้นะคะ...งานเล็กๆ ริมทะเลอะไรอย่างนี้ แต่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ยอม”

“ก็อยู่แล้วล่ะทั้งแนนกับไอ้พัฒเป็นลูกคนดังนี่ งุบงิบแต่งกันได้ไง ผู้ใหญ่ไม่ยอมหรอก” พริกสรุปให้

“ใช่...ฉันก็เลยว่า รอคลอดเจ้าตัวเล็กนี่ก่อน แล้วอะไรเข้าที่เข้าทางแล้วจะจัดแต่งรอบสองให้ฮูหยินแนนอีกครั้ง คราวนี้เอาตามใจแม่คุณเลย” พัฒพูดอย่างขึงขังจนเจ้าสาวอดหยิกแขนไม่ได้

“บ้า...ใครเขาแต่งงานกับเจ้าบ่าวคนเดิมถึงสองครั้งกันล่ะ”

“เอ้า...ถ้าไม่มีก็คู่ของเราไงครับคุณภรรยา” พัฒกระเซ้าพร้อมกับหอมแก้มหนักๆ อีกทีทำเอาทุกคนยิ้มกริ่ม แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันไปมากกว่านั้นแล้ว เพราะทั้งคู่ต้องไปทักทายแขกในงานอีก จนกลายเป็นว่าได้มาคุยกันอีกครั้งตอนถ่ายรูปหมู่ เลยได้โอกาสนัดแนะเรื่องงานแต่งของไอย์ที่จะจัดในอีกสองวันข้างหน้า ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ เหลือไว้แต่ความชื่นมื่นไว้ในหัวใจของเจ้าของงานและแขก




ปลายนิ้วยาวสวยเคาะลงบนแพนทรีห้องครัวด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอ ใบหน้าสวยหวานถูกพยุงไว้ด้วยฝ่ามือที่ข้อศอกเท้าไว้อย่างมั่นคง สายตาที่เคยส่งประกายหวานวิบวับแพรวพราวแต่บัดนี้มันกลับนิ่งไร้ซึ่งความหวานดังเช่นที่เจ้าตัวชอบทำเสมอ...

สายตานั้นจ้องมองผ่านประตูห้องครัวออกไปที่กระจกหน้าต่างในห้องรับแขก ทะลุออกไปที่ประตูรั้วหน้าบ้านสลับกับนาฬิกาติดผนังที่เข็มสั้นชี้ระหว่างเลขสองกับเลขสาม และเข็มยาวอยู่ที่เลขเจ็ด

เด็กอนุบาลก็ดูออกว่านี่มันตีสองสามสิบห้านาที...แต่ยัยผู้ใหญ่บางคนกลับไม่รู้เลยใช่มั้ยว่านี่มันดึกดื่นแค่ไหนแล้วถึงไม่กลับบ้าน...

คุณหมอหน้าสวยที่ดูเหมือนจะมีดีกรีความเดือดสวนทางกับหน้าตากำลังพยายามนับเลขในใจอยู่ ซึ่งก็ดูเหมือนตัวเองจะขาดสมาธิซะจนนับกลับไปกลับมาจนไม่ถึงล้านสักทีทั้งที่ความจริงมันควรทะลุล้านแปดไปแล้วด้วยซ้ำ

มะเหมี่ยวและทุกคนกลับมาถึงบ้านตอนราวๆ ห้าทุ่มครึ่ง ชมพู่ขอตัวขึ้นไปนอนหลังจากนั้นพริกก็ขึ้นตามไปอีกคนทั้งที่ทำหน้าเหมือนอยากจะคุยอะไรสักอย่างกับมะเหมี่ยวเต็มแก่ แต่ก็กั๊กไว้ก่อน

เรื่องอะไรคุณหมอไม่สนหรอก เพราะเขาสนแค่ว่า ยัยหน้าสวยตัวแสบบอกว่าจะกลับมาตอนราวๆตีหนึ่ง...แต่ขอโทษ! นี่มันเลยมาชั่วโมงกว่าแล้ว และมะเหมี่ยวก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของน้อยหน่ามาถึงบ้าน

มันน่าจับยัดขังไว้ในห้องไม่ให้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันจริงๆ

เขาคิดอย่างดุเดือดก่อนจะจะยืนนับเลขต่ออีกรอบ และคราวนี้นับเพิ่มไปอีกสองพันกว่าๆ เสียงรถก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน มะเหมี่ยวจ้องมองออกไป ดีว่าที่รั้วหน้าบ้านเปิดไฟทิ้งไว้เขาเลยเห็นได้ลางๆ ว่ารถที่แล่นมาจอดนั้นสีขาว

โอ้...ไม่ต้องเดาหรอก...คุณหมอสามารถระบุได้ทันทีเลยว่า(ไอ้)เจ้าของรถนั้นเป็นใคร เพราะรู้สึกเหมือนตอนนี้เขาจะสามารถนึกหน้าเจ้าของชื่อน่านได้แล้ว และจำได้ชนิดที่เรียกว่าขึ้นใจ ทั้งหน้าทั้งชื่อนั่นแหละ!

น้อยหน่าขยับตัวลงจากรถคันสวยของน่านหลังจากที่เธอไปนั่งเบียดอยู่ด้านหลังเบาะ ก็รถมันนั่งได้สองคนนี่นะ ในเมื่อน่านพาแฟนสาวมาด้วยเธอก็ต้องระเห็จไปนั่งแซ่วอยู่ข้างหลังล่ะ ยังดีกว่าที่จะโบกแท็กซี่กลับเองให้เสียตังค์ละน่า

“จะเป็นอะไรหรือเปล่ามาส่งซะช้าอย่างนี้” น่านเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อลงมายืนส่งเพื่อนร่วมงานที่หน้าบ้าน

“ไม่เป็นไรหรอก...ป่านนี้คงนอนกันไปหมดแล้ว” แต่คาดว่าคงมีหนึ่งตัว เอ้ย! หนึ่งคนที่ไม่นอนดูจากไฟที่เปิดไว้ในบ้านก็รู้...อีตานั่นต้องรออยู่แน่

“ให้หมอกเข้าไปเป็นเพื่อนมั้ยคะ” แฟนสาวของน่านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงล่ะ ฟังจากจำนวนสายที่โทรเข้ามือถือของเพื่อนร่วมงานคนสวยของน่านแล้วดูท่าคนโทรมาจะอยู่ในอารมณ์เดือดไม่ใช่เล่น

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้” น้อยหน่ากล่าวขอบคุณ

“ไม่เป็นไรกลับทางเดียวกันอยู่แล้ว” น่านตอบ

“ยังไงก็ต้องขอบใจอยู่ดีนั่นแหละ แล้วก็วันนี้สนุกมากจริงๆ” น้อยหน่าพูด แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้นเพราะอยู่ๆ ประตูหน้าบ้านก็เปิดออกโดยที่เธอไม่ได้ไขกุญแจและไม่ได้กดออดเรียกให้ใครมาเปิด และเป็นที่แน่ชัดเลยว่ามียักษ์ อุ้ย! ไม่ใช่สิ! คนมาเปิดให้...ซึ่งก็คือ...

“มะเหมี่ยว”

“...” เงียบ...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

มันเงียบจริงๆ นะ ทั้งน้อยหน่าที่อุทานชื่อของเขาไป และเพื่อนอีกสองคน ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอก ก็ไอ้คนที่มาเปิดประตูและยิ้มหวานอ่อยเหยื่ออยู่เนี่ยมันเผื่อแผ่รังสีเยือกแข็งไปซะทั่ว(แน่ใจนะว่ามันยิ้ม)

“เข้าบ้านไปดื่มกาแฟกันก่อนมั้ยคะ” รับรองได้ว่าไม่มีใครรับคำเชิญดื่มกาแฟตอนตีสามแน่ๆ ลองมีดูสิ...คุณหมอที่ขึ้นชื่อ(อีกแล้ว) เรื่องการใช้มีดได้คล่องและสร้างแผลเย็บแผลได้เนี้ยบที่สุดในยูคนนี้จะเชือดล้างบางให้

“เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะ มันดึกมากแล้ว” หมอกเป็นคนที่เอ่ยขึ้นก่อน มะเหมี่ยวจึงหันมายิ้มหวาน(นรก)ให้อีก

“เหรอคะ..น่าเสียดาย” พูดไปอย่างนั้นแหละ ลองบอกว่ารบกวนด้วยนะคะสิ...หึ

“ขอโทษนะคะที่มาส่งหน่าช้า พอดีรถยางมันรั่วน่ะค่ะ...” น่านบอกเหตุผลที่มาส่งเพื่อนร่วมงานที่ดูเหมือนชะตาจะขาดช้าให้กับเจ้าบ้านที่ยื่นแจกยิ้มอยู่เนื่องๆ แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะตัวเองดื่มมากไปหรือเปล่าถึงได้รู้สึกว่า ไอ้รอยยิ้มนั้นมัน...น่ากลัวพิลึก!

“โอ...เหรอคะ แย่จัง” สมน้ำหน้า! (เง้อ)

“งั้นเราขอตัวก่อนนะคะ” หมอกเอ่ยลา มะเหมี่ยวยิ้มและพยักหน้ารับ

“ค่ะ...ขอบคุณที่มาส่งน้อยหน่านะคะ โชคดีค่ะ” หวังอย่างยิ่งว่าจะไม่ได้เจอกันอีก... มั่นใจได้เลยว่าใครก็ตามที่ได้ยินเสียงความคิดของมะเหมี่ยวคงได้เลิกคบเป็นแน่...แต่ละอย่าง

ทั้งมะเหมี่ยวและน้อยหน่ามองตามรถคันสวยของน่านที่แล่นออกไปจนความมืดบดบังไปอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วินาที ความเงียบและความยะเยือกที่เคยมีมากอยู่แล้วมันก็ทวีเพิ่มขึ้นอีก

คนสวยค่อยๆ หันไปมองใบหน้าหวานที่ยิ้มสวยให้กับเธออยู่ด้านหลัง ก่อนที่เธอจะได้ยิ้มตอบกลับเพื่อกระชับความสัมพันธไมตรีกลายเป็นว่ารอยยิ้มของมะเหมี่ยวก็หุบฉับหายวับไปกับตา แถมถ้าเธอตาไม่ฝาดเธอว่าเธอเห็นเขาแยกเขี้ยวใส่เธอด้วยซ้ำ

“ว่าไง...ที่รัก!” โนว! ตอนนี้เธอไม่อยากเป็นที่รักของเขาอย่างแน่นอนเธอมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ “อยากให้เหมี่ยวเชือดที่รักยังไงดีล่ะ...ออร์เดอร์มาได้เลยนะคะ...จัดให้ได้ทุกอย่าง”

โอ้ว! ไม่น้า...ม่ายยยยยยยย

.......


หมา เอ้ย! หมอเหมี่ยวคิกจะทำไรว้า




< ตอนที่ 16


< ตอนที่ 18




Create Date : 25 กันยายน 2552
Last Update : 25 กันยายน 2552 10:33:26 น. 0 comments
Counter : 803 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.