ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
13 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
-Love is...- Vol.3 (8)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."




“จะให้ฉันปลุกเหมือนเมื่อวานอีกมั้ย? ยัยแปร๋น!” เสียงมะเหมี่ยวดังมาก่อนตัวซะอีก พอเขาโผล่หน้าเข้ามาในห้องนอนเท่านั้นแหละ หมอนใบโตก็ปลิวมากระแทกเข้าจังๆ กับใบหน้าหวานของเขา

เขาปล่อยให้อาวุธสังหารนั้นหล่นลงพื้น มะเหมี่ยวมองน้อยหน่านิ่งครางต่ำๆ ในลำคอ ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่

“ยัยตัวแสบ!” มะเหมี่ยวก้าวสองก้าวก่อนจะกระโจนไปบนเตียงนอนนุ่มที่มีร่างสวยของน้อยหน่ายืนจังก้ารออยู่

แขนเล็กๆ ของน้อยหน่าเหวี่ยงหมอนข้างฟาดใส่มะเหมี่ยว เขายกมือขึ้นกันพยายามเอื้อมมือจับร่างที่หลบซ้ายหลบขวาอยู่

“นี่แนะ ๆ นึกว่าฉันกลัวนายหรือไงยะ! ไม่มีท้าง!” คนสวยตะโกนเสียงแหลมฟาดไม่ยั้ง แต่ก็พลาดท่าถูกชิงหมอนข้างไปจนได้... มะเหมี่ยวแยกเขี้ยวโยนหมอนข้างทิ้งไม่ใยดี

“ว่าไงคนเก่ง... จะเอาอะไรมาสู้อีก” น้อยหน่าถอยจนเกือบตกเตียงเมื่อต้องยืนประชันกับร่างสูงของมะเหมี่ยว ดูจากสายตาของเขาเธอไม่รอดแน่

เธอไม่ผิดสักหน่อยที่ป้องกันตัวเองก่อน ถ้าเธอไม่ทำอย่างนี้ หมอนี่ได้อุ้มเธอโยนอ่างอาบน้ำอีกแน่... ดูอย่างเมื่อวานสิเธอเป็นลมแท้ ๆ แล้วก็แกล้งหลับต่ออีกนิดหน่อย(ใครจะกล้าตื่นมาสบตากับคนที่มาปล้นจูบล่ะ) อีตานี่ก็เอาน้ำราดเธอเฉยเลย... ป่าเถื่อน!

น้อยหน่าประเมินสถานการณ์อย่างเร่งด่วน เขายืนอยู่ตรงหน้าของเธอห่างแค่ระยะความกว้างของเตียงห้าฟุต หันข้างให้ประตูทั้งคู่... ถ้าเธอคิดจะวิ่งหนีระยะแค่นี้เขาคว้าตัวเธอแล้วจับโยนออกหน้าต่างชั้นสองทันทีแน่นอน

“ไอ้เหมี่ยว! แกก่อเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ” เสียงตะโกนของพริกจากชั้นล่างดังขึ้นมา มะเหมี่ยวเอียงหน้าไปทางประตู้ห้องที่ยังเปิดค้างอยู่ แต่สายตาไม่ละจากหน้าสวยๆ ของน้อยหน่า... ละสายตาได้ที่ไหน ลองกระพริบตาสิแม่นี่ได้พ่นพิษใส่เขาแน่...

“ไม่!” มะเหมี่ยวตะโกนตอบไปเท่านั้น แต่สายตายังจ้องตากับเธอไม่กระพริบ

“แน่นะ!” เสียงพริกถามซ้ำ คนตาดุนั้นตอนนี้ก้าวขึ้นมาที่บันได้ขั้นที่สาม ไม่ใช่อะไรหรอก เขากลัวบ้านพัง ที่สำคัญ ยังไม่อยากให้เกิดคดีฆาตกรรมในบ้านตัวเอง

มะเหมี่ยวและน้อยหน่ายังไม่ละสายตาจากกัน เขาเห็นเธอกรอกตาไปทางประตูแต่แค่แวบเดียวก็กลับมาสบตากับเขาอีก...

“เออ...” มะเหมี่ยวตอบ... ความเงียบกลับเข้ามาครอบคลุมอีกครั้ง เหมือนแต่ละคนกำลังรอท่าทีและสัญญาณอะไรสักอย่าง...

“พริกช่วยพู่ล้างผักหน่อยค่ะ” เสียงชมพู่ตะโกนเรียกพริกดังแว่ว ๆ จากห้องครัว แต่มะเหมี่ยวและน้อยหน่าก็ยังคงนิ่งราวกับไม่หายใจ... ทั้งคู่แค่รอ... เสียงของพริก

“ค่ะ...”

สัญญาณเริ่ม น้อยหน่ากระโจนหนี เธอเกือบกระโดดลงจากเตียงได้แล้ว แต่เอวบางของเธอกลับถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งตวัดรัด ก่อนร่างของเธอจะลอยละลิ่วหงายกระแทกกับเตียง

เธอหมุนตัวหลบเมื่อเห็นว่ามะเหมี่ยวผวาเข้ามาหาเธอ แต่เธอก็หนีไม่พ้นเขาจับแขนเธอได้ก่อนจะกระชากร่างของเธอให้เข้าไปหา กอดรัดเธอไว้

“จะหนีไปไหนยัยตัวแสบ” เธอได้ยินเสียงลอดไรฟันของเขาข้างๆ หู จึงรีบเบี่ยงตัวหนีแต่ไม่สำเร็จ

“ปล่อยฉัน!” เธอโวยวาย หมุนตัวมาประจันหน้า ผลักอกเขาแรงๆ จนร่างของเขาล้มหงายลงกับเตียง

“เฮ้ย!” เธอยกตัวขึ้นนั่งคร่อมตัวเขาอย่างรวดเร็ว คว้าหมอนอีกใบขึ้นมากระหน่ำฟาดใส่

มะเหมี่ยวยกแขนขึ้นกันไม่ให้หมอนโดนหน้า และคว้าหมับที่ข้อมือสวย ๆ นั้นไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างดึงหมอนเหวี่ยงทิ้งไปอีกทาง...

น้อยหน่าเห็นว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบเลยถอย เธอจะหมุนตัวหนีแต่มะเหมี่ยวไหวตัวทันดึงแขนเธอไว้ก่อนจะพลิกให้ตัวเองมาอยู่ด้านบนบ้าง

“เธอเสร็จฉันแน่! ยัยแปร๊ด!”

“กรี๊ดดด!” น้อยหน่าร้องลั่น จนมะเหมี่ยวแสบหูเผลอผ่อนแรงที่กดแขนของเธอ น้อยหน่าได้ทีเลยผลักออก จะลุกหนีแต่มะเหมี่ยวยังไวกว่าอยู่ดี เขากระชากแขนของเธอให้กลับมาอีก

น้อยหน่าหันมาประจันหน้ากับมะเหมี่ยวอีกครั้ง แต่คราวนี้มันใกล้ชิดกันซะจน...แค่ลมหายใจกั้น ร่างบางของเธอตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาชนิดที่ว่าแนบแน่น เพราะมะเหมี่ยวไม่ต้องการไล่จับเธอให้เหนื่อยอีก เขาจึงกอดเธอไว้แนบตัวเลยล่ะ...

แขนทั้งสองข้างพยายามดันให้ตัวเองออกห่างเขา เบี่ยงใบหน้าให้ห่างจากริมฝีปากบางสวยนั้นให้มากที่สุด แค่เขาจูบเบาๆ เมื่อวานก็เกือบแย่ อยู่ใกล้ชิดแบบนี้แล้วไม่ปลอดภัยกับหัวใจของเธอ

กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนผมหนานุ่มเป็นลอนนั้นมันยั่วยวนจนห้ามใจให้ก้มลงไปสูดดมไม่ได้ พอปลายจมูกมันไปแตะที่ผมสวยนั้น ก็ได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนกว่าที่โชยมาจากลำคอระหง

เขาชอบนักล่ะผู้หญิงที่ต้นคอสวย ๆ เนี่ย มองแล้วได้อารมณ์เป็นบ้า ยิ่งยัยคนสวยในอ้อมกอดนี้ด้วยแล้ว มันยิ่งน่าทำมากกว่ามองซะอีก

ลมหายใจร้อนของเขาเป่ารดที่ลำคอขาวทำเอาน้อยหน่าสะดุ้ง พยายามดันตัวออกห่าง แต่ไม่สำเร็จ อ้อมกอดของเขาราวกับโซ่เหล็กที่รัดเธอไว้จนไม่สามารถหลุดไปได้... เธอเบี่ยงใบหน้าหนีแต่ก็เหมือนว่าไปเปิดทางสะดวกให้กับจมูกซุกซนนั้น

“ปะ..ปล่อย!” เธอสั่งเขา...แต่เสียงมันกลับไม่มีน้ำหนักเลย มันสั่นและเริ่มพร่าหวานจนยิ่งทำให้คนที่กอดอยู่เริ่มรุกหนักขึ้น

จากต้นคอ เขาก็ไล่ขึ้นไปตามใบหน้า ที่หู มือที่เคยกอดแน่นๆ ตอนนี้มันเริ่มขยับไปมา ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังที่มีเสื้อนอนลายน่ารักของเธอกั้นอยู่ มืออีกข้างลูบไปตามแนวสะโพกและกำลังจะเลื่อนไปตามต้นขา

จากที่เคยใช้แขนดันร่างของเขาไว้แต่ตอนนี้แขนไม่รักดีทั้งสองข้างมันเริ่มเปลี่ยนหน้าที่ไปโอบรอบต้นคอของเขาแทนแถมยังรั้งให้เขาก้มต่ำลงมาเมื่อเขาเลื่อนใบหน้ามาจุมพิตปิดปากของเธอ

แค่เพียงจูบเบาๆ เมื่อวานยังทำเอาเธอสั่นจนควบคุมตัวไม่ได้ แล้วตอนนี้...จูบนี้ที่กำลังเกิดขึ้นมันยิ่งกว่าเมื่อวานซะอีก ทั้งน้ำหนัก ความรู้สึก ปลายลิ้น ทุกอย่างมันคนละเรื่องกันเลย...

ไม่แปลกถ้าเธอจะเบียดกายเข้าหาเขาอีก เมื่อรสจูบมันทวีความเร่าร้อนและปลุกเร้ามากขึ้น... ถึงเธอจะเคยจูบมาบ้าง แต่ไม่มีทางจะไล่ทันเล่ห์เหลี่ยมความชำนาญของมะเหมี่ยวได้เลย เธอกลายเป็นผู้ตอบรับ และต้องสนองตอบความหวานที่เขานำเสนอมาให้เท่านั้น...

ฝ่ามือของเขาลูบไล้ไปตามต้นขาเรียวสวยก่อนจะสอดเข้าใต้เสื้อนอนแบบกระโปรงของเธอ... เขาลูบไล้สะโพกผายนั้นและรั้งให้ให้เข้ามาแนบกับร่างของเขาอีก ก่อนจะค่อยแทรกฝ่ามือเข้าไปในอันเดอร์แวร์ตัวจิ๋วที่เขาไม่รู้ว่าตัวไหน แม้จะเคยเห็นมาหมดแล้วก็เถอะ ค่อย ๆ รั้งมันลงมา

น้อยหน่าถอนจูบเธอพยายามหายใจเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังขาดอากาศ... มะเหมี่ยวจึงถือโอกาสนั้นลดตัวลงซุกไซร้ที่ซอกคออีกครั้ง และเลื่อนต่ำลงมาพร้อมๆ กับรั้งชั้นในของเธอลงมาด้วย...

เธอดันร่างของตัวเองออก และถอยมาเล็กน้อย ยกขาขึ้นช่วยให้เขาถอดอุปสรรคตัวจิ๋วออกโดยสะดวก ก่อนที่เขาจะโยนมันไปข้าง ๆ เตียงและขยับกายแทรกเข้ามาระหว่างขาเพรียวสวยทั้งสองข้าง จูบริมฝีปากเธออย่างดูดดื่ม

ใบหน้าของเขาเลื่อนมาหยุดที่อกสวย ริมฝีปากเผยอครอบครองยอดถันผ่านเสื้อนอนที่ยังไม่ได้ถอด มือหนึ่งก็เคล้นคลึงอกอีกข้าง ใช้นิ้วขยี้ให้เธอซ่านไปทั้งตัว เธอครวญครางอย่างพึงใจยิ่งเขารุกเร้ามากแค่ไหนเธอก็รับมาทั้งหมด

เขาดึงร่างของเธอให้ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง และรั้งให้นั่งคุกเข่าเช่นเดียวกัน เขาย่อตัวซุกหน้ากับอกสวย พูดกับเธอเสียงอู้อี้ แต่เธอก็ฟังรู้ว่าเขาบอกให้เธอทำอะไร

“ปลดกระดุมเสื้อ” เธอทำตามอย่างว่าง่าย แกะกระดุมเสื้อออกอย่างเร่งรีบด้วยมือที่สั่นเทา เพราะสัมผัสของเขาที่กำลังกลั่นแกล้งเธออยู่

ทันทีที่กระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออก มะเหมี่ยวไม่รอช้า ถอดเสื้อนอนตัวนั้นออกอย่างรวดเร็ว...ร่างงดงามของเธอปรากฏอยู่ในสายตา เธอสวยจนเขาครางออกมา...

“ขยับเข้ามา” เขาบอก พร้อมกับรั้งร่างของเธอให้มานั่งคร่อมบนหน้าขาของเขา...

ปลายลิ้นอุ่นสัมผัสยอดถันโดยไม่มีอาภรณ์ใดปิดกั้นความวาบหวามก็ทวีขึ้นอีกเท่าตัว เธอบิดร่างไปมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อเขาวนเวียนอยู่บนยอดอกของเธอไม่รู้เบื่อสลับกับเคล้นคลึงด้วยฝ่ามือจนเธอแทบทนไม่ไหว...

“เหมี่ยว...” เธอครางเรียกเขาเสียงแผ่วหวานด้วยอารมณ์วาบหวาม

“อือ...มีอะไร?” เขาตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ปรกติ...มาก... มากจริงๆ นะ... เหมือนกับว่าไม่ได้อยู่อารมณ์วูบวาบอย่างที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้

“เฮ้ย! เรียกแล้วอย่าเงียบสิวะ เรียกทำไม?” คราวนี้ชัดมาก... เสียงแบบนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์รักแน่นอน...

“เหมี่ยว!?” เธอลองเรียกชื่อเขาอีกครั้ง

“ก็อือแล้วไง...ก็บอกมาสิว่าเรียกทำไมยัยแปร๊ด”

พรึบ!

เธอรู้สึกแสบตาทันทีที่เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวเอ็นกระตุก น้อยหน่าหลับตาปี๋ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นและกรอกตาไปมา เธอควานหาหมอนข้างพบว่ามันอยู่ในอ้อมกอดของเธอเอง แถมเธอยังกอดไว้ซะแน่น มองหมอนใบโตมันยังอยู่ที่เดิม อีกใบเธอหนุนอยู่แน่นอน เธอลุกพรวดขึ้นมองเสื้อนอนของตัวเองมันยังอยู่ดีไม่มีกระดุมหลุดสักเม็ด ลูบไปตามสีข้างไปถึงสะโพก โอเค! กางเกงในยังอยู่!

และแน่นอน ที่ยังอยู่อีกหนึ่งก็คือ...

“ว่ายังไงนอนแหกปากเรียกหาฉันมีอะไรไม่ทราบยัยโทรโข่งอิมพอร์ต” น้อยหน่าหันไปมองร่างที่ยืนอยู่ข้างเตียงช้าๆ ไล่ตั้งแต่กางเกงผ้าสีขาวขายาว เสื้อยืดสีน้ำเงินชุ่มเหงื่อ ผ้าเช็ดหน้าขนหนูสีขาวสะอาดพาดไหล่ ใบหน้าสวยหวานมองเธออย่างสงสัย และจับผิด!

ให้ตายนี่มันชุดเดียวกับในฝันเลยไม่ใช่เร๊อะ!

ไม่น่ะ...ม่ายยยยย

“กรี๊ดดดดด!”

น้อยหน่าร้องลั่น มะเหมี่ยวเอาหูฟัง ipot ยัดหูทันที พอจะรู้แกวอยู่เลยเตรียมการไว้ ดีว่าเปิดเพลงรอท่าไว้นะไม่อย่างนั้นคงกันเสียงกรี๊ดไม่ได้มากนี่ขนาดเปิดไว้เกือบ Max เสียงกรี๊ดๆ นั่นยังพุ่งทะลุเข้ามาได้

“เอาเข้าไป...ใครไปข่มขืนเธอไม่ทราบแหกปากอยู่ได้” มะเหมี่ยวว่า...และนั่นยิ่งทำให้น้อยหน่าของขึ้น เธอยังคงร้องกรี๊ดๆ อีก

“ตอนเธอคลอดแม่เอานกหวีดกินแทนนมรึเปล่าเนี่ย” เขารวน...

“นายนะสิตอนเกิดแม่เอาหมามุ้ยให้กินเลยปากแบบนี้” เธอแห้วใส่ กรี๊ดส่งอีกที

“วะ...กรี๊ดอยู่ได้...มันมีใครมาปล้ำเธอหรือไง เลิกกรี๊ดสักที!” มะเหมี่ยวรำคาญเลยตวาดกลับ หารู้ไม่ว่าคำนั่นมันสะกิดหูเธอจังๆ

“กรี๊ดดด!”

“ไอ้เหมี่ยว! เลิกแหย่หน่าเขาสักที! กูรำคาญ!” เสียงพริกตะโกนออกมาจากอีกห้องที่อยู่ตรงข้าม มะเหมี่ยวกรอกตาไปมา

“ไม่ได้ทำอะไรโว้ย” เขาตะโกนกลับ...

“มะ..ไม่นะ...” น้อยหน่าตัวสั่นระริก ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องของความฝันประหลาดนั่น มะเหมี่ยวยืนมองท่าทางของเธออย่างสงสัย... บ้ารึเปล่าวะ..

“นาย...ทำอะไรฉัน..” เธอคราง มะเหมี่ยวเลิกคิ้ว

“ทำอะไร? ฉันทำอะไรเธอ? เธอนั่นแหละร้องอย่างกับถูกจับขึงเตียง...ยัยบ้า!” มะเหมี่ยวทำท่าจะเดินหนี แต่น้อยหน่าจี๊ดที่เขาว่าเธอบ้า เธอเป็นอย่างนี้ก็เพราะใครล่ะ!

ปึก!

หมอนใบโตโดนเข้าแบบจังเบอร์ที่หน้าหวานๆ ของมะเหมี่ยว เขาปล่อยให้หมอนนั้นหล่นลงพื้นสายตาค่อยๆ หันมาจับโฟกัสหน้าสวยที่เริ่มจะซีดเผือด เธอไม่น่าเลย ถ้าอย่างนี้มันก็เหมือนกับในฝันน่ะสิ

“ยัยตัวแสบ!” นั่นไงเขาครางฮึ่มๆ แล้ว ไม่น่ะ...แยกเขี้ยวอีก แล้วเดี๋ยว ๆ ๆ อย่าขึ้นมา...

“ไม่น่ะนายจะทำอะไรฉัน...ไปให้ห่างเลยนะ กรี๊ดดดด ฉันไม่กลัวนายหรอก...ไม่มีท้าง” น้อยหน่าหลับหูหลับตาคว้าหมอนมาอีกใบมาฟาดมะเหมี่ยวและร้องกรี๊ด ๆ แต่เธอก็ถูกปลดอาวุธอย่างรวดเร็ว...หมอนใบโตถูกโยนลงไปกองข้างเตียง

“ว่าไงคนเก่ง...จะเอาอะไรมาสู้อีก” มะเหมี่ยวแสยะยิ้มเป็นต่อ น้อยหน่าแทบสิ้นสติเหตุการณ์ต่อไปมันจะต้องมีเสียงของพริกใช่มั้ย...ใช่รึเปล่า...

“ไอ้เหมี่ยว! แกก่อเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ”

“ไม่!” อย่างนี้เลย...เป๊ะๆ

“แน่นะ”

“เออ!” ไม่เอานะ! ฉันไม่ยอมเสียพรหมจรรย์ให้ไอ้หมอบ้านี่หรอกนะ

“แกจะทำอะไรฉัน! ไอ้หมอหื่น! ไอ้หมอลามก! ไอ้..ไอ้!” น้อยหน่าพยายามนึกหาคำด่า... ไม่เด็ดขาดเธอไม่ยอมให้เป็นเหมือนในความฝันแน่ ไม่! ไม่! ไม่ ๆ ๆ ไม่ย๊อมมมมมม!

“ใครมันจะไปทำอะไรเธอวะ!”

“ไอ้ลามก! แล้วเข้ามาในห้องฉันทำไมยะ! ถ้าไม่คิดทุเรศเหมือนใน...” น้อยหน่าแทบจะตบปากตัวเอง เหมือนเห็นมะเหมี่ยวสนใจสิ่งที่เธอพูด เขามองเธอนิ่ง

“...ฉันไม่ยอมให้นายทำอะไรฉันหรอก...” ขณะนี้นางเอกของเราสติแตกไปแล้ว...

“โอยยยย... นี่แม่คุณ!! ระวังเถอะฉันจะสนใจเธอน่ะ... ฝันไปสิว่าชาตินี้จะได้เห็นขาอ่อนของฉัน สายการบินที่เธอทำงานอยู่ ฉันไม่ขึ้นด้วยหรอก... สาบานเลย!! ไม่อยากเสียพรหมจรรย์”

“กรี๊ดดด!!... ไอ้หมอบ้า!! นายแน่ใจนะว่านายเป็นหมอ ไม่ใช่หมา ทุเรศที่สุด... โรงพยาบาลที่นายประจำฉันจะไม่เข้าเด็ดขาด เอาปากผ่าตัดคนไข้หรือไงยะ” น้อยหน่าวีนขึ้นอีก...

“ใช่!! ฉันนี่แหละหมอ!! ตัวจริงเสียงจริง แต่ผ่าตัดนะใช้มีด ส่วนเรื่องปาก ฉันใช้ทำอย่างอื่น...ลองมั้ยล่ะยัยแอร์กี่...” มะเหมี่ยวทำท่าจะเดินเข้ามาหาน้อยหน่า ยื่นหน้ายื่นตาเข้าหาแต่เธอกรี๊ดใส่หน้าซะก่อนและที่สำคัญ มวยยกนี้มีกรรมการมาห้าม

“พอที” พริกเอ่ยแทรกด้วยเสียงราบเรียบ ทั้งคู่ที่ยืนอยู่บนเตียงหันมามองเขา “ข้างบ้านเขามากดออดหน้าบ้านแล้ว ...ฉันจะขอบอกอะไรสักอย่างหนึ่งนะ...” พริกถอนหายใจมองเพื่อนทั้งสองคนนิ่ง

“ฉันอยู่บ้านหลังนี้มาเป็นปีๆ แต่ยังไม่เคยมีใครมากดออดแล้วบอกว่าบ้านฉันเสียงดังรบกวนเขาเลยสักครั้ง... ฉันขอร้อง...” พริกพูดพร้อมกับถอนหายใจ...

“หน่าไปอาบน้ำไป จะได้ลงไปทานข้าว” พริกบอก... น้อยหน่าที่เริ่มสลบสติได้ก็จ๋อยสนิทรีบลงจากเตียงแล้วเดินลิ่วไปเข้าห้องน้ำด้านนอก...

“ฉันรู้ว่าฉันทำอะไรอยู่” มะเหมี่ยวพูดขึ้นก่อนที่พริกจะพูดอะไร และโดดลงจากเตียง

ใช่...เขารู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แถมยังอุตส่าห์รู้อีกด้วยว่ายัยหน้าสวยนั่นเป็นอะไรถึงละเมอเรียกชื่อเขาออกมา...

“แกสนใจน้อยหน่ารึไงวะ ถึงได้แกล้งเขาแบบนี้” พริกถามอย่างรู้ทันมะเหมี่ยว คนหน้าหวานไม่ตอบแค่ยิ้มเฉย ๆ เดินผ่านเพื่อนออกจากห้อง ไม่ลืมคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่แขวนไว้ติดมือมาด้วย แล้วเอามาวางที่ตะกร้าหน้าห้องน้ำ... ผิวปากเข้าห้องตัวเอง พริกจึงก้าวเท้าว่าจะเดินลงบันได

นึกสงสัยอยู่หรอกว่าเพื่อนเขาเอาผ้าเช็ดตัวมาวางไว้ที่ตระกล้าใส่เสื้อผ้าหน้าห้องน้ำทำไม แต่วินาทีต่อมาเขาก็พอจะรู้ เมื่อน้อยหน่าโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ ยิ้มแหย่ ๆ ให้เขา ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูดอะไรแล้วหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้น

“กำลังจะบอกให้พริกช่วยหยิบให้อยู่พอดีเลย ขอบใจนะ” ว่าแล้วเธอหายหน้าเข้าไปหลังประตูโดยที่พริกไม่ทันพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ เขาจึงได้ขำกับตัวเอง...

“ไม่ใช่สนใจสินะ... แต่ถูกใจต่างหาก”






มะเหมี่ยวอมยิ้มจนแก้มจะแตก ยิ่งมองหน้าสวยๆ ของน้อยหน่าที่งอเป็นจวักเขาก็ยิ่งอารมณ์ดี เขากำลังยืนทำน้ำมะนาวปั่นอยู่ ดวงตาหวานของเขามันพราวระยิบระยับทุกครั้งที่มองใบหน้าบึ้งตึง สลับแดงของน้อยหน่าจนสาวสวยทนไม่ไหวลุกหนีเดินปึง ๆ ไปทางระเบียงหลังบ้าน

เมื่อเช้าเขาก็แค่ออกไปวิ่ง พอว่าจะเดินขึ้นมาอาบน้ำ ก็นึกอยากจะแกล้งยัยคนสวยนี่สักหน่อย เลยแกล้งตะโกนถามไปว่าอยากให้เขาปลุกแบบเมื่อวานอีกหรือเปล่า...

แต่ร่างที่นอนกอดหมอนข้างหลับสนิท? ของน้อยหน่านั้นทำเขาสนใจ เลยเดินเข้าไปในห้องนอนไปหยุดยืนมองคนสวยที่หลับใหลและดูท่าจะฝันซะด้วย ก็ว่าจะไม่สนนะ.. แต่ท่าทางของเธอนี่มันชวนให้เขาคิดจริงๆ ว่าฝันอะไรอยู่? พอยืนตั้งใจดู ตั้งใจฟังก็ได้ยินเสียงครางแผ่วๆ เหมือนคนละเมอแถมบิดไปบิดมา ก็นึกว่าไม่สบาย ที่ไหนได้...

เสียงแผ่วหวานที่เรียกชื่อเขานั้นเบามาก แต่ขอบอกว่าเขาน่ะหูผี เบากว่านี้ก็ได้ยิน ไม่อยากจะคิดว่ายัยนี่ฝันเห็นตัวเขาหรอกนะ แต่ทุกอย่างมันชี้ไปในทิศทางเดียวกันหมด...จนเขาชักอยากจะรู้ว่าเธอฝันอะไรเลย... ยืนมองท่าทางนั้นเพลิน ๆ และลองตอบเสียงเรียกของเธอ...

จากนั้นทุกอย่างมันก็นะ... ระเบิดระเบ้อออกมา

ท่าทางตอนเธอเห็นเขาในห้อง คำพูดทุกอย่างมันชวนให้เขาปวดท้องเพราะพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ ยิ่งเขาได้แกล้งเธอมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสนุกมากเท่านั้น ท่าทางราวกลับกลัวว่าจะถูกเขาปล้ำน่ะ มันดู... น่าแกล้งให้ฝันเป็นจริงชะมัด...

“เหมี่ยว! ถ้าแกจะหัวเราะแกก็หัวเราะออกมาเถอะ...ฉันทรมานแทนแกว่ะ” พริกพูดแทรกขึ้น เขาสังเกตท่าทางกลั้นหัวเราะของเพื่อนรักมาสักพักแล้ว...

“อือ ๆ” มะเหมี่ยวพยักหน้ารับคำ แต่ก็ยังกลั้นยิ้มอยู่ เขาเทน้ำมะนาวแก้วที่สามใส่แก้วพลาสติก และยกมาสองแก้วเอาไปส่งให้ชมพู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ กับพริก ในมือของสาวหวานมีขนมที่ซื้อจากตลาดมาเมื่อเช้า...

“แกลุกไปหยิบเองนะไอ้พริก...ล้างเครื่องปั่นด้วย” มะเหมี่ยวพูดแล้วก็เดินถือน้ำปั่นอีกแก้วหนึ่งตามน้อยหน่าไป พริกและชมพู่มองตาม

“พู่ว่าบ้านพริกจะพังหรือเปล่าคะ” คำตอบของชมพู่คือส่ายหน้าช้าๆ

มะเหมี่ยวจงใจย่องมาทางด้านหลังของน้อยหน่า และยื่นแก้วน้ำมะนาวมาทางด้านหน้า ก้มลงมากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูคนสวยที่นั่งทำหน้าไม่ค่อยสวยอยู่

“ยัยทะลึ่ง” ว่าแล้วก็เบาลมใส่หู ทำเอา ...ยัยทะลึ่ง!...ขนลุกซู่ หน้าแดงแจ๋หันขวับมาทางต้นเหตุจนจมูกเกือบจะชนกับแก้มขาวๆ ของเขาเข้า เธอถอยกรูดมองเขาอย่างจับผิด

“ใครทะลึ่งอะไรมิทราบยะ...” น้อยหน่าแห้วใส่ หลบสายตาวิบวับของเขาที่จ้องเธอแบบไม่เกรงใจไอ้เรียวปากบางสวยนั้นมันกระตุกยิ้มกวนได้น่ามองน่าหมั่นไส้ที่สุด

“น้ำ” เขาว่า น้อยหน่ารับแก้วน้ำมะนาวปั่นมาถือไว้

“ขอบใจ”

“เปลี่ยนเป็นบอกว่าเมื่อเช้าเธอเรียกหาฉันทำไมดีกว่า” น้อยหน้าหน้าแดงกว่าเดิม ยิ่งเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าก็ยิ่งอาย จะบอกได้ไงล่ะว่าเธอฝันว่ากำลัง... ABC แต่ยังไม่ถึง Z กับเขา...

“ยุ่ง! เรื่องของคนอื่น” น้อยหน้าเชิดหน้าตอบกลับ มะเหมี่ยวเลิกคิ้วฉีกยิ้มกว้าง ขยับตัวเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ น้อยหน่าเลยยิ่งถอดไปจนติดระแนงระเบียง

“บังเอิญเรื่องของคนอื่นมันมีชื่อของฉันอยู่ด้วยนะสิ”

“ถอยไปห่างๆ เลยนะ” น้อยหน่าพยายามผลักอกเขาให้ห่าง แต่เขาเฉย

“เธอคิดว่าไม่บอกแล้วฉันจะไม่รู้หรือไงว่าเธอเป็นอะไร?...” มะเหมี่ยวยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก “ฝันอะไร?”

น้อยหน้าหน้าแดงซ่าน เธอรู้สึกเหมือนที่ทำความร้อนกำลังมาทำงานอยู่บนใบหน้าสวยของเธอ...มือบางดันตัวเขาให้ออกห่าง แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย

แล้วนี้เขาว่าอะไรนะ... รู้งั้นเหรอว่าเธอฝันอะไร?... พระเจ้าใจร้ายกับลูกมากเกินไปแล้ว....

“บ้า! อย่ามาทำเป็นสู่รู้ว่าฉันฝันอะไร...อย่ามาโมเมนะ” เธอแว้ดใส่เขาไม่เต็มเสียงนัก เพราะใบหน้าของเขาอยู่ใกล้เหลือเกิน ไอ้หัวใจไม่รักดีนี่ก็เต้นอะไรนักก็ไม่รู้ เหมือนจะทะลุออกจากอกซะให้ได้...

“ลองดูมั้ยละว่าฉันรู้จริงหรือเปล่าว่าเธอฝันอะไร?” มะเหมี่ยวยั่วไม่เลิก อีตอนแรกกะแกล้งให้ยัยแปร๊ดนี่อายเฉย ๆ หรอก แต่ตอนนี้ใจมันชักจะแกว่ง ๆ ยังไงพิกลแล้วสิ... กลิ่นหอมๆ ของเธอนี่มันทำลายสมาธิได้ดีจริงเชียว

“ไม่! บ้า!” ถึงจะเป็นการปฏิเสธ แต่คงเป็นการพูดที่ไม่หนักแน่นเอาซะเลย เพราะมันฟังเหมือนเสียงงึมงำพูดซะมากกว่า...

“ทำไมละ? เธออยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันรู้จริงหรือเปล่า”

“ฉัน...ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย...” น้อยหน่าดันร่างของมะเหมี่ยวไว้สุดแรงเพราะยิ่งพูดเขาก็ยิ่งขยับมาใกล้

“แต่ฉันอยากบอก...” มะเหมี่ยวรวนเธอหน้าตาเฉย ยิ่งเห็นเธอทำหน้าตาลำบากใจ อายหน้าแดงอย่างนี้ยิ่งชอบใจ...

คนสวยเม้มปากแน่น ทำไมนะ? ทำไมต้องเป็นเธอทุกทีที่ต้องเป็นฝ่ายแพ้ทางผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติเธอก็ไม่เคยได้เป็นฝ่ายคุมเกมส์เลย มีแต่เขาที่คอยจะทำให้เธอกลายเป็นลูกไล่... แต่เธอไม่ยอมหรอก!

“เธอฝันเห็นฉัน! แต่ฝันว่าทำอะไรกันนี่... อันนี้ต้องคุยกันยาวแล้วละ” ไม่พูดเปล่าเขาขยับเข้าใกล้เธออีก

น้อยหน่ากัดริมฝีปากแน่น ใช่! เธอไม่เถียงว่าเธอฝันเห็นเขา แถมยังเป็นฝันที่ไม่น่าจะฝันอีกต่างหาก... ถ้าใครรู้ว่าเธอฝันว่าอะไรจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน โดยเฉพาะ...มะเหมี่ยว

คนสวยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวมรมแรงทั้งหมดแล้วผลักมะเหมี่ยวหงายหลังไปก่อนจะลุกพรวดขึ้น มะเหมี่ยวไม่ได้ว่าอะไร เขาก็พอจะเดาออกอยู่แล้วว่าคนฤทธิ์มากอย่างเธอไม่ยอมให้เขาไล่เบี้ยง่ายๆ นักหรอก เขากระตุกยิ้มอย่างนึกขัน เอาล่ะดูสิว่าแม่นางจะแว้ดอะไรมาอีก

“อย่ามาหลงตัวเองไปหน่อยเลยมะเหมี่ยว! ฉันฝันถึงพริกต่างหาก แต่นายดันเข้ามาจุ้นแม้แต่ในฝัน ไม่อย่างนั้นนะ...มีลุ้นย่ะ” คนสวยพูดแล้วสะบัดหน้าเชิดขึ้นตั้งใจจะเดินหนีแต่ข้อมือบอบบางของเธอก็ถูกคว้าไว้ในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที

น้อยหน่าตั้งใจจะหันมาแว้ดใส่เขาแต่พอได้สบสายตาก็ต้องกลืนก้อนคำพูดทั้งหมดลงท้องไป ไม่มีแม้แต่เสียงคราง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของมะเหมี่ยวจ้องตาเธอไม่กระพริบ ดวงตาที่เคยมีแววหวานพราววิบวับ บัดนี้มันไม่สื่ออารมณ์ใดๆ ออกมาเลย มันนิ่งสนิท เฉยเมยและเย็นชาจนเธอตัวแข็ง

“ฉันจะไม่ถือว่านี่เป็นคำขู่...แต่เป็นคำเตือนสำหรับคนรู้จักกัน” มะเหมี่ยวพูดด้วยโทนเสียงเรียบเรื่อย ฟังดูไร้ความรู้สึกยิ่งรวมกับสายตาไร้อารมณ์นั่นแล้วมันทำให้น้อยหน่าแทบจะหายใจไม่ออก

“...ถ้าน้องสาวฉันร้องไห้ด้วยสาเหตุใดก็ตามที่มีเธอเข้ามาเกี่ยวข้องละก็...เธอจะไม่รู้จักว่าคำความสุขไปจนตายนั่นแหละ” จบคำพูดประโยคนั้นแล้ว ข้อมือของเธอก็เป็นอิสระพร้อมกับมะเหมี่ยวที่เดินผ่านร่างของเธอไปและไม่สนใจใยดีเธออีก แม้เธอจะหมดแรงจนทรุดลงนั่งกับพื้น มือไม้สั้นราวกับจับไข้ก็เถอะ...

น่ากลัว... มะเหมี่ยวน่ากลัวที่สุด




นับตั้งแต่วินาทีที่มะเหมี่ยวแผลงฤทธิ์ใส่น้อยหน่า ทั้งคู่ก็ไม่พูดจากันอีกเลย น้อยหน่ารู้สึกหวั่นใจกับสายตาไร้ความรู้สึกของเขาจนไม่กล้าสู่หน้าเลยพยายามหลบหน้าจนถึงเวลาเย็นซึ่งเป็นกำหนดกลับของเธอ และชมพู่เองก็ถือโอกาสบินกลับกรุงเทพพร้อมกับเธอด้วย...

ทั้งสองสาวเดินทางพร้อมกันโดยมีพริกมาส่งสนามบิน ส่วนมะเหมี่ยวนะหรือ เขาก็ทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้านให้พริกไง...

เขาไม่ชอบบรรยากาศอึมครึมที่ตัวเองสร้างขึ้นมาจนพาลทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัด เลยแอบหนีไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหลังบ้านของพริกจนชมพู่มาบอกลานั่นแหละถึงโผล่หน้าเข้ามาในบ้าน สาเหตุก็เพราะยัยหน้าสวยเสียงแปร๋นนั่นแหละ แหย่อะไรไม่แหย่ดันมาแหย่เรื่องพริกกับชมพู่... ไม่รู้หรือไงว่าชมพู่สำคัญกับเขา...

“หาเรื่อง!” มะเหมี่ยวปาลูกดอกปักตรงกลางเป้าได้อย่างน่าทึ่ง ก่อนที่เขาจะเลิกสนใจมัน น่าเบื่อที่สุด! การอยู่คนเดียวนี่มันทำให้เขาฟุ้งซ่านจริงๆ จะอ่านหนังสือก็ไม่มีสมาธิแถมหนังสือที่เตรียมก็อ่านจนเกลี้ยง ไม่อยากจะพูดว่าอ่านซ้ำไปเล่มละสองรอบแล้วด้วย...ทั้งหมดนี่ก็เพราะยัยแปร๊ดเน่านั่นคนเดียว!

กะอีแค่เรื่องฝัน...ใครมันก็ฝันกันได้ ปล่อยให้เขาแหย่ไปสักพักเรื่องก็จบอย่างมีความสุข แต่นี่ดันชักใบให้เรื่อล่มไม่เป็นท่าอีก...

เสียงกรีดร้องของโทรศัพท์บ้านของพริกดังขึ้นขัดสมาธิที่มีอยู่น้อยนิดของมะเหมี่ยว เขาหรี่ตาใส่มันอย่างอาฆาตมาดร้าย เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า...คนอยู่กันเต็มบ้านไม่เคยร้องแต่พอเขาอยู่บ้านคนเดียวที่ไรมันเสือ.กอ. ดังทุกที จะไม่รับก็ไม่ได้เพราะชมพู่บอกว่าถ้ามีอะไรเธอจะโทรหา...

ไอ้โทรศัพท์บ้านเครื่องนี้ก็ไม่โชว์เบอร์โทรเข้าอีก...ชิส์! อย่างนี้ก็ไม่รู้สิว่าใครโทรเข้ามา กะจะรับแค่เบอร์ของชมพู่นี่เบอร์อื่นไม่คุ้นก็ไม่รับ!

“สวัสดีค่ะ” สุดท้ายก็รับจนได้

(เหมี่ยว)

“เออ” เสียงจากปลายสายไม่ต้องรอให้ใครมาบอกมะเหมี่ยวก็รู้ว่าเป็นใคร เขากระแทกเสียงใส่แอบเคืองเรื่องเมื่อตอนสายๆ ไม่หาย... อีกฝ่ายก็เงียบไป

“อ่าว! มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาพูดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรเอาแต่เงียบ “ถ้าเธอไม่พูดอะไรฉันจะวางสายแล้วนะ...ฉันไม่ชอบคุยโทรศัพท์!” ก็จริง เขาไม่ชอบคุยโทรศัพท์โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ชอบทำให้เขาหงุดหงิดอย่างเธอ

(เดี๋ยวสิ!) มะเหมี่ยวถอนหายใจออกมา กว่าจะพูดได้ต้องให้ขู่

“อือ..ว่ามา...”

(เรื่องเมื่อตอนสายน่ะ...) น้อยหน่าอ้อมแอ้มเท้าความ

“อือ..ทำไม?”

(ฉัน...ฉัน...)

“เธออยากให้ฉันเอามีดล้วงคอเธอหรือเปล่า? เผื่อจะได้พูดได้สะดวก” มะเหมี่ยวกวนประสาท จะพูดอะไรก็ไม่พูด เรื่องเมื่อตอนสายมันทำไมล่ะ...

(นายอย่าขู่ฉันนักสิยะ...ทำอย่างกับฉันกลัวนายนักนี่) เออนะ...เธอว่าเธอตั้งใจจะโทรมาเคลียร์กับเขานะ แต่ทำไมกลายเป็นว่าโทรมาทะเลาะกันซะละ

“ปากดีมากยัยแปร๊ด! กลับมาที่บ้านสิวะ พ่อจะเลาะฟันออกให้หมดปากเลย” แต่พอเอาเข้าจริงเขาคิดว่ากับยัยนี่ทำอย่างอื่นน่าจะเวิร์คกว่านะ

(แล้วนายไม่มาหาฉันเองล่ะ แน่จริงก็มาสิไอ้หมาบ้า!)

“หึ... ฉันจะไปถึงที่นั่นภายในสามสิบนาที อยู่กับที่เลยนะยัยตัวแสบ งานนี้ร้อยไอ้พริกก็ช่วยเธอไม่ได้...” พูดเสร็จมะเหมี่ยวก็วางสาย หมุนตัวตั้งใจจะวิ่งขึ้นไปเอากระเป๋าเงิน จากที่บ้านของพริกไปสนามบินใช้เวลาประมาณยี่สินาที รถของพริกยังจอดอยู่อีกคัน งานนี้ไม่เธอไม่รอดแน่ยัยแปร๊ดเน่า!

แต่ทุกอย่างก็ชะงักลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง มะเหมี่ยวหลับตาถอนหายใจ เขาพอจะเดาได้ว่าใครโทรมา ตอนแรกว่าจะไม่รับ แต่คิดไปคิดมา รับก็ไม่เสียหลาย

“สวัสดี!”

(เหมี่ยว...นายฟังฉันก่อนนะ หุบปากเงียบๆ ด้วยอย่ามาพูดแทรก นายชอบชักใบให้เรือเสียอยู่เรื่อยเลย ฉันแค่อยากจะอธิบายเรื่องเมื่อตอนสายๆ เท่านั้น... ฟังฉันนะ) สาดมาขนาดนี้...ใครมันจะพูดแทรกทันวะ

(ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพริกแบบนั้นแล้วนะ เรื่องของฉันกับเขามันจบไปนานแล้ว... ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งฉันก็ดีใจและมีความสุขที่เห็นพริกกับชมพู่กลับมารักกันอีกครั้ง)

“แล้วในฐานะผู้หญิงอีกคนหนึ่งละ?” มะเหมี่ยวถามแทรก เห็นมั้ยล่ะเขานี่มันตัวชักใบให้เรือเสียจริงๆ

น้อยหน่านิ่งเงียบไป เธอไม่ได้พูดอะไร เสียงรอบๆ ข้างตัวของเธอทำให้มะเหมี่ยวรู้ว่าสายยังไม่ตัดไป เขาถอนหายใจไม่ได้ยิ้มแย้ม เรื่องที่ได้ยินมันน่ายิ้มไหมละ

“ถ้าเธอไม่พร้อมจะตอบก็ไม่ควรจะมาอธิบายอะไรให้ฉันฟังหรอกนะ มันไม่จำเป็นสักนิด” มะเหมี่ยวพูดอย่างไร้เยื้อใยไร้ความรู้สึก เขาไม่รู้ว่าจะต้องถนอมน้ำใจไปทำไมในเมื่อทุกอย่างมันคือความจริง...

(...) ไม่มีเสียงตอบจากปลายสาย มะเหมี่ยวเองก็เงียบไม่รู้จะพูดอะไร

ก็พอจะเข้าใจหรอกนะที่เธอโทรมาอธิบายให้เขาฟัง เขาก็พอจะรู้เรื่องของคนทั้งสามคนนี้มาบ้าง ถ้าไม่มีน้อยหน่า ชมพู่อาจจะไม่มีโอกาสกลับไปคบกับพริกก็ได้ตรงนี้เขารู้ดี และเขาก็มองออกว่าคนสามคนนี้ตัดกันไม่ขาดหรอก

ถึงจะไม่ก่อปัญหาใหญ่ แต่มะเหมี่ยวก็มั่นใจว่าอีกหน่อยเรื่องของน้อยหน่ามันต้องกินแหนงแคลงใจระหว่างชมพู่กับพริกเป็นแน่... เขาเลยพยายามจะให้ชมพู่และพริกจัดการเรื่องนี้ให้มันเสร็จ ๆ ไป แต่ดูแล้วท่าจะยาก ชมพู่ก็เหมือนจะไม่อยากจะเอ่ยมันขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่สบายใจ ส่วนพริกก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคุณลุงความรู้สึกช้าเกินไป... ถ้าเข้าไปยุ่งมากๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเขาสาระแน

(...ฉัน...)

“เอาเถอะๆ จะยังไงก็ช่างเถอะ เธอจะคิดยังไงไม่เกี่ยวกับฉัน มีเรื่องคุยแค่นี้แล้วใช่มั้ย” ปลายสายเงียบอีก...

มะเหมี่ยวเกลียดไอ้อาการหูผีของตัวเองจริงๆ นี่ขนาดอีกฝ่ายมีเสียงดังจอแจเขายังอุตส่าห์ได้ยินเสียงหายใจแรงๆ แต่สั่นไหวนั้นเดาได้ไม่ยากเลยว่ามันเป็นอาการของคนที่กำลังร้องไห้...กูละเซ็ง!

(ฉัน..ไม่รบกวนนายแล้ว...แค่นี้แหละ) นี่เป็นครั้งแรกที่มะเหมี่ยวอ้าปากค้าง ถ้าเป็นปรกติเขาต้องเป็นฝ่ายตัดบทและชิงวางสายก่อน แต่นี่อะไร? เขาถูกวางสายใส่งั้นเหรอ...

ดวงตาหวานๆ ของเขามองโทรศัพท์บ้านนิ่ง...นึกถึงบทสนทนากับน้อยหน่าก่อนหน้านี้... เขารู้ว่าเมื่อตอนสายน่ะเธอโกหกเรื่องความฝันบ้าบออะไรนั่น เขาแค่ไม่ชอบที่เอะอะอะไรแม่คนสวยนั่นก็เรียกร้องหาแต่พริกๆ ๆ ไม่ได้อิจฉาหรือมีความรู้สึกหวั่นไหวอะไรหรอก

เขาแค่ไม่อยากให้ชมพู่คิดมาก กว่าคนคู่นี้จะได้กลับมารักกันอย่างนี้ต้องเจออุปสรรคที่เรียกว่าความห่างไกลทำร้ายมานาน มันไม่คุ้มเลยถ้าจะถูกพังเพราะผู้หญิงอีกคน...และเขายอมไม่ได้ถ้าจะเห็นน้องสาวเจ็บปวด

เขาเข้าใจว่าน้อยหน่าหมายความตามที่พูดทั้งหมด แต่บางครั้งคนเรามักมองข้ามบางจุดเล็กๆ ไป อย่างที่เขาพูด ในฐานะเพื่อนเธอดีใจกับคนทั้งสอง แล้วในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยรักพริกล่ะ เธอคิดยังไง? ในเมื่อตอบไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องมาพูดอะไรกับเขาไม่ใช่เหรอ...จะมาอธิบายเพื่ออะไรกัน...

หรือว่าเธอกลัวว่าเขาจะไปพังบ้านถ้าเกิดพริกกับชมพู่เลิกกัน ไม่ใช่เรื่องเลยนะนั่น! ไม่น่าจะใช่...หรือว่ากลัวเขาเข้าใจผิด... ก็ไม่น่า...จะ...ใช่!

พระเจ้า!

มะเหมี่ยวตาโต เขามองข้ามอะไรตรงจุดนี้ไปได้ยังไง? การที่ใครคนหนึ่งพยายามอธิบายเรื่องสักเรื่องหนึ่งให้อีกคนเข้าใจ ไม่ใช่เพราะเขาอยากให้เข้าใจตรงกันหรอกหรือ? ไม่ใช่เพราะ...แคร์ความรู้สึกของอีกฝ่ายหรือไง...

“เวรล่ะ! ทำอะไรลงไปวะเนี่ย? ไอ้ควายเหมี่ยวเอ้ย!” คุณหมอผู้แสนฉลาดฟาดหมัดกลางอากาศอย่างหงุดหงิดเมื่อเข้าใจอะไรได้ลางๆ รีบกดโทรศัพท์บ้านโทรหาน้องสาวเพราะไม่รู้เบอร์ของน้อยหน่า แต่ชมพู่ก็ปิดเครื่อง พอโทรหาพริกเสียงริงโทนก็ดังอยู่ใกล้ ๆ

มันไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วยอีกแล้ว...

“โว้ย!” มะเหมี่ยวสบถตามออกมาอีกหลายคำ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าโครมๆ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน...หาอะไรทำก่อนที่จะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ก็ไม่เข้าใจว่าหงุดหงิดอะไรหรอกนะ แค่คิดว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้างก็อยากจะเป็นฝ่ายเลาะฟันตัวเองออกมาแทน...

ปากดีได้โล่จริง ๆ






ผ่านไปหนึ่งวันกับความสงบสุข ไม่มีคำไหนจะแทนความรู้สึกนี้ได้ดีเท่ากับคำนี้อีกแล้ว...

เมื่อไม่ต้องทนระแวงว่าบ้านตัวเองจะพังเพราะฝีมือของเพื่อนรักสุดแสบกับเพื่อนแสนดีสุดแรงแถมยังมีข่าวดีให้พริกอีกระลอกใหญ่ นั่นก็คือเขาถูกส่งตัวให้ไปสัมมนาโครงการเกี่ยวกับการศึกษาระบบใหม่ที่กรุงเทพเป็นเวลาสิบวัน ไม่ต้องถามก็รู้ได้ทันทีว่าพริกกระดี้กระด้าแค่ไหน

สิบวันเชียบนะ ที่เขาจะได้อยู่กรุงเทพ และแน่นอนว่าเขาจะไปพักกับชมพู่ของเขาล้านเปอร์เซ็นต์ โอกาสดีๆ อย่างนี้หาได้ที่ไหน... แต่เขาก็มั่นใจซะยิ่งกว่าอะไรว่ามะเหมี่ยวก็ต้องเดินทางกลับพร้อมกับเขาเป็นแน่... เพราะดูแล้วมะเหมี่ยวตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์เซ็งจริตสุดขีด

ไม่รู้เพราะอะไรแต่ที่แน่ๆ เขาเห็นอาการเหมือนคนเมายาของเพื่อนรักบ่อยๆ เช่นทำท่าทางเหมือนอยากจะตบปากตัวเอง...มันไปกินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่านะ...

และก็เป็นอย่างที่พริกคิด มะเหมี่ยวเดินทางกลับกรุงเทพพร้อมกับเขาด้วยอาการที่นิ่งกว่าเดิมแม้จะไม่มากก็เถอะ แต่ก็แปลกกว่าทุกครั้งจริงๆ เขาก็พยายามถามอยู่หรอกนะ แต่คำตอบที่ได้ก็คือ

...กำลังคิดหาวิธีเอาหมาออกจากปากอยู่...

“อยากแกคงทำได้อยู่หรอกนะ ฝังเข้าไปในสายเลือดขนาดนั้น” นี่คือคำพูดประชดของเขา... ตอนแรกก็คิดว่าคงโดนมันกัดจนจมเขี้ยวแน่ๆ แต่ผิดคาด เพื่อนรักกลับพยักหน้าเห็นด้วยและนั่งเงียบจนเครื่องลงจอดที่สนามบินดอนเมือง...

มันต้องกินอะไรผิดสำแดงจริงๆ นั่นแหละ

“รถใครวะ” มะเหมี่ยวพึมพำเมื่อลงจากแท็กซี่แล้วมองเข้าไปในตัวบ้าน

ตอนนี้เป็นเวลาดึกแล้ว เพราะทั้งมะเหมี่ยวและพริกนั่งเครื่องเที่ยวสุดท้ายมากรุงเทพเพื่อมาเจอการจราจรติดขัดอีกเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน แฝดคนพี่เห็นรถของน้องสาวจอดอยู่ในโรงรถเรียบร้อยดี แต่ยังมีรถญี่ปุ่นยี่ห้อที่คนนิยมใช้คันสีฟ้าอ่อนจอดอยู่ด้วย

เขาเก็บความสงสัยไว้เดินเข้าบ้านพร้อมกับพริก แต่สายตายังคงจ้องมองรถคันสวยไม่วางตา ในใจก็รู้สึกหวั่นใจแปลกๆ เหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดี แถมตาขวายังกระตุกอีกต่างหาก ไม่ได้เชื่อโชคลางอะไรมากมายนะ แต่เรื่องแบบนี้ก็ลบลู่ไม่ได้เหมือนกัน

“มาถึงกันแล้วเหรอคะ...ทำไมไม่โทรบอกให้ไปรับล่ะคะ” ชมพู่โผล่หน้าออกมาทักทายทั้งสองคนก่อนจะเปิดประตูให้ทั้งคู่เข้ามาในตัวบ้าน

มะเหมี่ยวเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองไปวางไว้ข้างกับโซฟาแล้วก็ทรุดตัวลงนั่ง ไม่สนใจพริกที่ยังคงยืนตอบคำถามของชมพู่อยู่แถมด้วยการโอบเอวบางไว้ในอ้อมแขนก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาอย่างรักใคร่...

“มีอะไรทานบ้างคะพู่”

“มีแกงส้มชะอมทอด น้ำพริกกะปิผักต้ม ปลาทูทอด ผัดผักบุ้งด้วยค่ะ เหมี่ยวอยากทานอะไรเพิ่มอีกมั้ยละคะ พู่ทำให้” เขาส่ายหน้าทันทียังไม่ลืมตาขึ้น เขาเกลียดไอ้รถติดในกรุงเทพที่สุด ไม่ได้อยู่เป็นสิบปีไม่มีการพัฒนาขึ้นเลยมีแต่เลวลง

“จริงสิ พู่มีอะไรจะบอก” ชมพู่กล่าวขึ้นเมื่อพริกผละไปนั่งที่โซฟา

“รถข้างนอกของใครคะ” มะเหมี่ยวถามแทรกขึ้นเหมือนกัน...เพราะกลัวว่าตัวเองจะลืมถาม จะบอกว่าบ้านมีแขกก็ไม่น่าใช่ เพราะในห้องรับแขกแห่งนี้ก็ไม่มีใครนอกจากพวกเขาเอง...ชมพู่ยิ้ม

“ก็เรื่องนี้แหละค่ะที่จะบอก” สาวหวานยิ้มสวย มะเหมี่ยวเขม่นสายตามอง เขารู้พอๆ กับที่พริกรู้นั่นแหละว่าชมพู่จะยิ้มอ้อนย่างนี้เวลาจะขออะไรสักอย่างที่...ใหญ่มาก ๆ

“มากันแล้วเหรอ?...ให้หน่าตั้งโต๊ะเลยมั้ยพู่” มะเหมี่ยวหันขวับไปตามเสียงที่ลอยมานั้นทันที ขอบอกว่าเสียงของยัยคนนี้เขาจำได้ดีซะยิ่งกว่าตำราแพทย์ทั้งหมดที่เคยท่องซะอีก..มันฝังเข้าไปในหัวชนิดที่เรียกได้ว่าอยากสลัดทิ้งก็ยังทำไม่ได้...

“ยั่ยแปร๊ดเน่า!”

“เรียกทำไมไอ้หมามุ้ย” พริกและชมพู่หันมาสบตากันส่ายหน้าเอือมๆ ก่อนที่แฝดน้องจะเอ่ยห้ามสงครามน้ำลายเสียก่อน

“คือเหมี่ยวคะ...พู่มีเรื่องจะบอกค่ะ”

“ไว้ทีหลังพู่ แต่ขอจับยัยแปร๋นนี่โยนออกไปนอกบ้านก่อน” มะเหมี่ยวพูดลุกพรวดขึ้นตั้งใจจะทำอย่างปากว่าจริงๆ มีอย่างที่ไหนวางสายใส่เขาแล้วทำเขาต้องปวดสมองคิดมากอีกอย่างนี้มันต้องสั่งสอน

“ไม่ได้นะคะเหมี่ยว...พู่ให้หน่ามาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย!” ชมพู่พูดสวนขึ้นทำเอามะเหมี่ยวค้างกลางอากาศ

“อะไรนะ?” มะเหมี่ยวถามอย่างไม่เชื่อหูกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของน้องสาว หันไปมองน้อยหน่าสลับกับชมพู่แล้วหันมามองพริกที่นั่งนิ่งส่ายหน้าไม่รู้เรื่องด้วย

“พู่ชวนให้หน่ามาอยู่ที่บ้านนี้ด้วยน่ะค่ะเหมี่ยว”

“อยู่ที่บ้านเราเนี่ยนะ!” มะเหมี่ยวทวนด้วยเสียงสูงมองน้องสาวอย่างไม่เชื่อสายตาและสิ่งที่ได้ยิน

“ช่าย... นับตั้งแต่วินาทีนี้...ฉัน! จะมาอยู่ที่นี่” น้อยหน่าลอยหน้าลอยตาพูด...ส่วนมะเหมี่ยวก็แยกเขี้ยวแทบจะคำรามออกมาเลยทีเดียว

“ไม่มีทาง!”....






< ตอนที่ 7< ตอนที่ 9



Create Date : 13 มิถุนายน 2552
Last Update : 18 มิถุนายน 2552 13:41:17 น. 3 comments
Counter : 918 Pageviews.

 
เกิดอาการ เอ๊ะๆ มันสะดุด

คนแต่งช่างชวนให้เกิดอารมณ์ค้างซะจริง

มีอย่างที่ไหน เหมี่ยวกะน้อยหน่ากำลังไปได้ดี

ดันเป็นแค่ฝันซะงั้น

แต่เอ.... น้อยหน่าไปค้างกะชมพูไหมหว่า

หรือนี่จะเป็นนิมิตหมายที่ดี

ที่

มะเหมี่ยว

จะ

ฟัน

น้อยหน่า

55555555++

รถส้มมาคว่ำในบ้านมะเหมี่ยว


โดย: โต๋....ตามอ่าน IP: 10.74.29.193, 202.57.146.188 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:15:50:42 น.  

 
ปกติอ่านก้อจะลื่นไหลตามเรื่อง
แต่ดันมาติดตรงที่หน่าโทรหาเหมี่ยวอธิบาย
อ่านไปก้อยังไม่เข้ากันอยู่ดี
พยายามเข้าใจแล้วนะจริงๆ

มาต่อไวๆนะ รออยู่ๆ


โดย: ติดตามๆ IP: 125.25.8.237 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:23:25:06 น.  

 
55555555555555

ฉันรักแกว่ะซาจัง

เรื่องนี้สุดยอดเหมือนเดิม

เอาเวลางานมาอ่านเลยนะเนี่ย

มะเหมี่ยวสุดที่รัก เท่ห์ที่สุด จบ 8 ตอนละ เอาต่อๆๆๆ

ตอนนี้ใช้ PC แอบอ่านได้สะดวก ก๊ากๆๆๆๆ

จุ๊บๆนะท่านอาจารย์ รักเหมี่ยวมากมายก่ายกอง



โดย: ไอ้ตัวแสบ IP: 119.46.57.229 วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:11:56:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.