ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
25 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
-Love is...- Vol.3 (19)

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."





น้อยหน่าและชมพู่ดูจะสนุกสนานในวันแต่งงานของยุยและไอย์เป็นพิเศษเพราะได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว ทั้งสองสาวอยู่ในชุดผ้าซาตินเนื้อดีสีขาวสะอาดรูปแบบและลวดลายเหมือนกันแป๊ะ จนหนุ่มๆ ในงานที่มาเป็นแขกมองกันตาปรอย เพราะคนหนึ่งก็สวยหวานจนห้ามใจไม่ค่อยอยู่ ส่วนอีกคนก็สวยบาดใจจนทำแผลห้ามเลือดกันไม่ทัน…

พริกกับมะเหมี่ยวนั้นอยู่ในชุดไปรเวทธรรมดาเพราะมาในนามของแขก เพื่อนเจ้าบ่าวคือหนุ่มต้น และเจ้าบ่าวหมาดๆ อย่างพัฒ เก้าโมงตรงแป๊ะขบวนขันหมากของไอย์ก็เคลื่อนเข้าในบริเวณทางเข้าบ้านของเจ้าสาว ซึ่งก็อยู่ข้างบ้านของเจ้าบ่าวเองนั่นแหละ เสียงเฮฮานั่นเรียกร้องความสนใจของคนในละแวกนั้นได้ดีพอสมควร บางคนถึงขนาดมาขอร่วมขบวนด้วย

ด้านแรกที่เจอในการต้อนรับเจ้าบ่าวก็คือซุ้มประตูดอกไม้สดจากร้านที่น้องสาวของเจ้าบ่าวไว้วางใจสั่งให้มาจัดทั่วทั้งบริเวณงานโดยไม่เกี่ยงงบ พอผ่านเข้าไปเท่านั้นแหละ สาวร่างอวบคนรักและผู้จัดการส่วนตัวของมาจีก็เดินมากระซิบบอกว่าที่เจ้าบ่าวว่านี่คือประตูเงิน เตรียมเสียเงินได้แล้ว ไอย์ในชุดสูทสากลสีขาวสะอาดยิ้มสวย ก่อนจะหันมาทางเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างต้นและพัฒที่ถือซองบรรจุเงินไว้จำนวนหนึ่งออกมาแจกจ่ายให้กับบรรดาหลานๆตัวเล็กของเจ้าสาว

“มะพอค่าขนมหรอกคับอาไอย์คนจ๋วย” เด็กชายตัวอ้วนป้อมว่า ก่อนจะยืนหน้าไปมองซองในมือของเพื่อนเจ้าบ่าวด้านหลัง ทำเอาทั้งพ่อแม่ทางเจ้าบ่าวและเพื่อนพ้องเฮครืนกันเลย

“ใช่ค่ะ...มีไม่กี่ใบเองเสี่ยไอย์ห้ามงกน้า...มาเอาคุณน้าของหนูเข้าบ้านน่ะแค่นี้น้อยไป” นั่นไง เจอเด็กย้อนเข้าให้ สุดท้ายเจ้าบ่าวหน้าสวยเลยต้องหันไปรับซองที่พัฒส่งมาให้อีกเพื่อแจกเด็กน้อย

“หลานยัยเด็กยุยนี่เขี้ยวใช่ย่อยเลยว่ะ” มะเหมี่ยวหันมากระซิบกับพริกที่ยืนพยักหน้าหงึกหงักเห็นขำกับคำพูดของเพื่อน

“พอหรือเปล่า?” ไอย์ถามยิ้มๆ แต่เด็กน้อยกลับเบ้หน้า

“อีกสักซองจะรับพิจารณาคับ”

“ใช่ค่ะ” สองแรงแข็งขัน ทำเอาเจ้าบ่าวอยากจะจับโยนออกนอกงาน ติดที่ว่าวันนี้เขาอารมณ์ดีเกินกว่าจะเชือดเด็ก

“มา...เอาเงินนี่ใส่ซองเพิ่มอีกลูก ดูท่ากว่าพ่อจะได้สะใภ้คงหมดตัวพอดี” นายวัยย์พูดแล้วหัวเราะโดยมีนาริสาจับแขนอยู่ข้างๆ มาจีรับเงินและจัดแบ่งใส่ซองอย่างรวดเร็วโดยมีใบแต้วคอยช่วย

“เรามีซองอีกหรือเปล่ายัยตา เดี๋ยวเจอประตูทองอีกนะ” คุณไหวภรรยาเลี้ยงของไอย์และอดีตภรรยาของคุณวัยย์เอ่ยถามลูกสาวของตนซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นซองสีชมพูที่ยื่นให้กับใบแต้วอีก

“เอาสักกี่ซองดีล่ะประตูเงินทั้งสอง ผ่านยากจังเลยด่านนี้...” ต้นเป็นคนเอ่ยแซวขึ้น พร้อมๆ กับหันไปรับซองเงินจากน้องสาวของเพื่อนรักมาถือไว้ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ลอยไปอยู่ในมือของเจ้าบ่าว และคาดว่ามันคงตกเป็นของหลานๆ ตัวจ๋อยแน่นอน

“เอางี้ เดี๋ยวอาไอย์ให้อีกคนละซอง จากนั้นวันหยุดหน้าจะพาไปเลี้ยงไอติมนะครับ โอเคมั้ย?” ไอย์ทรุดกายลงให้ให้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กน้อย ถ้อยคำต่อรองของเจ้าบ่าวทำเอาทุกคนยิ้ม

“ไอ้สวยมันช่างพูดอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” มะเหมี่ยวกระซิบถามพริก

“ตั้งแต่ได้ยุยเอ๋อทำแฟนนั่นแหละ บ่นเช้าบ่นเย็นเลยล่ะ” แล้วมะเหมี่ยวก็หัวเราะพรืด...

ไอย์สามารถผ่านประตูเงินไปได้ด้วยการติดสินบนหลานๆ ตัวแสบของยุย และเจ้าบ่าวก็หันมาทางพริกและมะเหมี่ยวที่ยืนนินทาอยู่ไม่ห่างจากบิดาของเขา

“ท่านอาจารย์ผัก กับคุณหมอหมา อันเชิญตรงนี้หน่อย ประตูนี้ฉันต้องใช้แกสองคนต่อรอง” ไอย์ว่า ซึ่งสองสหายก็ไม่ขัด เพราะมองเห็นว่าใครที่ถือโซ่ทองขวางทางเข้าบ้านอยู่...ชมพู่กับน้อยหน่า!

“คุณเจ้าบ่าว แค่สามซองน่ะผ่านไม่ได้นา...งานนี้ต้องทุมกันหน่อย” ชมพู่เอ่ยทักขึ้นมาก่อน แต่ก็เป็นธรรมเนียมที่เจ้าบ่าวต้องยื่นซองให้กับประตูทอง ซึ่งชมพู่ก็รับไปแต่ไม่ยอมปล่อยโซ่

“ฝั่งนี้ยังไม่ได้เลยนะ...รู้สึกมือมันติดกาวยังไม่รู้” คนสวยเปรยขึ้นบ้าง ไอย์เลยต้องส่งซองให้อีก ซึ่งก็ยังไม่มีสาวคนไหนยอมปล่อยโซ่

“หมดตัวแล้วนะคุณเธอ” ไอย์ว่าหลังจากที่ให้ซองสองสาวไปจนหมด ซึ่งนั่นก็เยอะเลยทีเดียว

“แหม...เจ้าสาวบ้านนี้เขาสวยนะ...แค่นี้จะพอได้ไงกันล่ะ” น้อยหน่าว่าพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ทำเอาทุกคนหัวเราะ...

“ใช่ๆ นี่ก็ประตูทองนะคะไอย์ ต้องให้คุ้มกับทองหน่อยสิ” ชมพู่ว่า ทำเอาเจ้าบ่าวเริ่มหนักใจหันไปทางเพื่อนรักสองคนที่เดินมาขนาบข้าง

“เอางี้...” ไอย์เริ่มเจรจาต่อรอง “ขอเก็บทองไปขอสาวในบ้านนะ ส่วนนี่...” ไอย์หันไปพยักเพยิดกับมะเหมี่ยวและพริก

“เอาสองคนนี้แลกกับการเปิดประตูแล้วกัน” พูดจบทุกคนก็เฮกันลั่น เพราะทั้งชมพู่และน้อยหน่าต่างก็หน้าแดงแจ๋

พริกเดินไปหยุดข้างกายของชมพู่ ต่อรองให้คนรักยอมเปิดประตู แต่สาวหวานกับโบ้ยไปให้น้อยหน่าที่ต้องเผชิญหน้ากับคุณหมอที่ส่งตาหวานฉ่ำให้เธอจนแทบละลาย

“ฝั่งนี้บอกให้ฝั่งนั้นปล่อยโซ่ล่ะ” พริกหันมาบอกกับมะเหมี่ยว ซึ่งคุณหมอก็เลิกคิ้วเป็นเชิงถามมาทางน้อยหน่าที่หลบสายตาขยับปากแทบไม่มีเสียงว่า ไม่เปิดให้ง่ายๆ หรอก

“ไม่ปล่อยเหรอ?” คุณหมอถามย้ำ ทำเอาคนฟังทั้งงานหูผึ่ง แนนที่รับหน้าที่ขอเก็บภาพบรรยากาศในงานด้วยกล้องวิดีโอเครื่องเล็กทันสมัยโฟกัสภาพที่คุณหมอกับแอร์ฯสาวไว้ไม่พลาดสักช๊อต

ดังนั้นกล้องจึงสามารถจับภาพตอนที่น้อยหน่าส่ายหน้า ทำใจแข็งไม่ปล่อยโซ่ จนโดยคุณหมอตัวดีใช้มาตรการบังคับแบบหวานฉ่ำด้วยรอยจูบที่ริมฝีปากสีหวานนั้นจนเจ้าตัวตกใจปล่อยโซ่ออก

เสียงเฮดังสนั่นชนิดที่ว่ายิ่งกว่าตอนโห่แห่ขันหมากซะอีก น้อยหน่าก้มหน้างุดทันทีที่มะเหมี่ยวถอนจูบออก อายแทบแทรกแผ่นดินหนีแต่คุณหมอกลับทำไม่รู้ไม่ชี้จับมือคนสวยไว้แน่นก่อนจะหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้กับพรรคพวกให้เจ้าบ่าวพาขบวนขึ้นบ้านเจ้าสาว...

ชมพู่หัวเราะชอบใจจนเผลอเลยโดนคนตาดุขโมยหอมฟอดใหญ่ซึ่งภาพนี้ก็ถูกว่าที่คุณแม่แนนจับไว้ได้ไม่พลาดเหมือนกัน แถมยังมีเสียงแซวกันไม่ขาดสาย

“หวานตั้งแต่ประตูเงินประตูทองอย่างนี้ ดูท่าคุณวัยย์จะได้เป็นคุณปู่เร็วๆ นี่แน่เลย”

“ผมละอยากอุ้มวันนี้พรุ่งนี้เลยครับ” ตามด้วยเสียงเฮฮาจากทุกคน

“บ้า...ทำอะไรไม่รู้” น้อยหน่าบ่นอุบหลังจากที่เดินตามขบวนเข้ามาในบ้าน มะเหมี่ยวยิ้มหวาน สายตาพราวระยับจับจ้องคนสวยไว้ตลอด...

“รู้นะว่าชอบน่ะ” คุณหมอกระซิบก่อนจะผละหนีไปนั่งอีกทาง เพราะน้อยหน่ากับชมพู่ต้องไปยืนรอว่าที่เจ้าสาวที่หน้าห้องเพื่อพามาในห้องโถงรับแขก สถานที่จัดงานหมั้นหมายและรดน้ำสังข์

“คนบ้า” น้อยหน่าพึมพำ เดินมาสมทบกับชมพู่ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว แถมยังมองเธอด้วยสายตากึ่งล้อกึ่งดีใจจนน้อยหน่าเขินเพิ่มขึ้นอีก

ผู้หลักผู้ใหญ่ในงานต่างพากันนั่งตามตำแหน่ง และช่วยกันจัดการสินสอดทองหมั้น
คุณมธุรสมารดาของยุยชี้ให้ญาดาพี่สาวของยุยส่งพานทองให้ทางนาริสาและใบแต้วที่นั่งจัดการกับสินสอดอยู่ ข้างกายนางมีคุณปู่มิ่ง มาเป็นตัวแทนของบิดาที่เสียชีวิตไปนานแล้วนั่งคุยกับคุณวัยย์อย่างถูกคอ

ข้างนายวัยย์คือคุณไหวที่ได้รับเกียรติจากไอย์ให้มาเป็นตัวแทนของมารดา ตอนที่ไอย์มาบอกกล่าวเรื่องนี้กับเธอนั้น เธอถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความดีใจ เพราะบุตรชายของพี่สาวคนนี้ปั้นปึงกับเธอเสมอตั้งแต่รู้เรื่องราวความเป็นมาของครอบครัวแถมเธอยังหย่าขาดกับบิดาของเขามาหลายปีแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่คิดว่าไอย์จะให้ความสำคัญกับเธอ

ดุสิตานั่งอยู่กับพื้นข้างพนักวางแขนของโซฟา ข้างกายของเธอมีมาริยาน้องสาวต่างมารดาของเธออยู่ แม้ทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างติดลบ แต่ก็ต่างคนต่างอยู่และมีสติมากพอที่จะไม่แสดงอาการอะไรที่จะทำให้บรรยากาศดีๆ พังไป

มะเหมี่ยวผละจากกลุ่มเพื่อนมาเป็นตากล้อง แม้ในงานจะมีการจ้างตากล้องมืออาชีพมาจับภาพบรรยากาศในงานแล้วก็ตาม แต่มะเหมี่ยวอยากได้ภาพหลุดๆ มากกว่า และเขาต้องลงมือทำเอง ส่วนพริกก็ลุกขึ้นมาขอเป็นคนถือกล้องวิดีโอแทนแนนเพื่อให้เธอได้นั่งพัก

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็ได้เวลาเริ่มงานหมั้น น้อยหน่าและชมพู่เดินนำว่าที่เจ้าสาวเข้ามาในโถงรับแขก เกิดความเงียบขึ้นทันที เพราะทุกคนมัวแต่ตะลึงกับภาพของอัญญาภาที่ก้าวเข้ามา มีเพียงมาจีและใบแต้วเท่านั้นที่ยิ้มพอใจ คุ้มค่ากับการที่จ้างสไตร์ลิสมือหนึ่งมาจริงๆ

ไอย์ที่นั่งอยู่กับพื้นด้านหน้าของบิดาและมารดาเลี้ยงมองคนรักจนวิธีลืมหายใจ อัญญาภาสวย สวยจนเขาลืมหายใจ

ยุยก้าวเข้ามาในงาน เมื่อเจอเข้ากับสายตาของพี่ไอย์ของเธอก็แทบก้าวขาไม่ออก ชุดไทยที่สวมใส่ก็เดินลำบากมากพอแล้ว มาเจอสายตาหวานของคนรักอีก ทำเอาขาแทบขวิด

เธอถูกรวบผมไว้ด้านหลัง ประดับด้วยดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆไว้ไม่มากจนหนักศีรษะ ลูกผมที่ถูกปล่อยให้ล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่ช่วยขับให้เธอดูหวาน ใบหน้าแต่งแต้มไว้ด้วยเครื่องสำอางเพียงแค่พองาน ไม่หนาเตอะจนไม่เห็นเค้าเดิม ดูเป็นธรรมชาติน่ามอง

ไล่ลงมาตามลำคอระหงที่สร้อยเพชรเส้นเล็กที่เป็นของขวัญจากหนุ่มหน้าสวยสวมประดับอยู่ เธอสวมชุดไทยผ้าแถบสีไข่มุก ห่มสไบลูกไม้สีขาวยาวเลื้อยด้านหลัง ผ้าซิ่นสีเดียวกับผ้าแถบปักลายสีเงิน มีข้อมือมีเครื่องประดับสวยงามราวกับนางในวรรณคดี

“กรุณาอย่าทำหน้าเหมือนอยากจะเข้าหอก่อนเข้าพิธีแต่งค่ะพี่ชาย” น้องสาวตัวร้ายของไอย์กระแอมขัดจังหวะซึ่งนั่นทำเอาแขกเรื่อหัวเราะกันคิกคัก ไอย์หันมาคาดโทษกับมาจี ก่อนจะหันกลับมองว่าที่เจ้าสาวอีกครั้งพร้อมยิ้มหวาน

“เอาล่ะพร้อมกันแล้วเริ่มพิธีหมั้นกันก่อนเลยนะ” คุณปู่มิ่งของยุยเอ่ยขึ้นหลังจากที่หลานรักนั่งลงเรียบร้อยแล้ว

พิธีสวมแหวนค่อยๆ ดำเนินผ่านไปอย่างเรียบง่ายและเรียบร้อย ทุกคนต่างเสพรสแห่งความหอมหวานในงานอย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าใครๆ ต่างก็มีใบหน้าที่อิ่มเอม โดยเฉพาะว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาว

หลังจากเสร็จพิธีหมั้นหมาย พิธีรดน้ำสังข์ก็เริ่มขึ้นตามมา ทุกคนต่างพากันกล่าวอวยพรให้คู่บ่าวสาวอย่างเต็มอกเต็มใจ คุณมธุรสตื้นตันจนห้ามหยดน้ำตาตัวเองไม่ได้เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนเล็กออกเรือนไปกับผู้ชายที่เพียบพร้อมและรักลูกสาวของเธอ

“แม่ดีใจจริงๆ นะยุยที่ลูกมีวันนี้...แม่ขอให้ลูกผูกพันกันตลอดไปนะ” จากนั้นก็คือคุณไหวที่หลั่งน้ำตาอีกคนหนึ่ง

“แม่...น้า” คุณไหวรีบเปลี่ยนสถานะตัวเองเพราะยังคงเกรงใจลูกเลี้ยง “น้าขอให้ทั้งสองรัก...ดูแลกันไปจนแก่จนเฒ่านะ” ไอย์ก้มลงกราบและเอ่ยคำพูดที่ทำให้คุณไหวยิ้มทั้งน้ำตา

“ขอบคุณครับแม่...”

“จ่ะ...” คุณวัยย์ไม่ได้เอ่ยอะไรมากในการรดน้ำสังข์ แต่ลูกชายก็รู้ดีถึงความหวังดีของบิดา...

ตามด้วยผู้หลักผู้ใหญ่อีกหลายคน และเพื่อนฝูงที่มาร่วมงาน

“ฉันหวังว่าสักวันจะได้สอนลูกของนายนะไอย์” พริกเอ่ย และที่เด็ดสุดคงเป็นคุณหมอหน้าหวานแต่ปากไม่หวานที่ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับหัวเราะกันคิกคัก

“หวังว่าพี่คงไม่ได้เย็บแผลหัวแตกของเจ้าไอย์เพราะโดนน้องยุยจับได้ว่าเจ้าชู้นะคะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พี่จะเตรียมฟอมารีนไว้รอเลยค่ะ ส่วนแกก็อย่าทำให้ฉันต้องลำบากใจตอนที่เห็นแกเป็นคนไข้นะ” ไม่แน่ใจว่าเป็นคำอวยพรที่มงคลหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คนที่ฟังภาษาอังกฤษออกก็หัวเราะกันคิกคักเลยล่ะ

พิธีรดน้ำสังข์ผ่านไปอย่างราบรื่น จะไม่รื่นก็เพราะคำอวยพรกวนประสาทของมะเหมี่ยวนั้นแหละ มันแย่งซีนเด่นได้ตลอดเวลา ช่วงบ่ายเป็นช่วงที่ฟรีสไตร์ ทั้งเจ้าบ่าวและเพื่อนต่างก็มานั่งกันที่บริเวณงานที่จัดซุ้มไว้อย่างสวยงานและร่มรื่น งานแต่งงานนี้ไม่มีจัดเลี้ยงช่วงเย็นในโรงแรมดัง มีเพียงการเลี้ยงอาหารว่าง และลากยาวไปถึงอาหารเย็นเท่านั้น เหมือนปาร์ตี้สังสรรค์ ซึ่งได้ใจแขกทุกคน

“แนนชอบงานแบบนี้นะ เล็ก แต่เป็นส่วนตัว”

“พี่ไอย์ชอบแบบนี้น่ะค่ะ” เจ้าสาวที่เปลี่ยนชุดเป็นชุดเดรสสีขาวปักเลื่อมลูกไม้ทั้งตัวเอ่ยขึ้นในวงสนทนาของบรรดาสาวๆ ซึ่งก็มี เจ้าสาว แนน น้อยหน่า ชมพู่ ใบแต้ว มาจี นั่งอยู่ล้อมวง

“ไอย์เขาเป็นคนโลกส่วนตัวสูง” ชมพู่เอ่ยขึ้น ซึ่งก็ได้รับการพยักหน้าจากทุกคนเป็นการยืนยัน

“ค่ะ...แต่ยุยก็ชอบนะคะแบบนี้ รู้สึกอบอุ่น”

“ใชค่ะ พี่เห็นด้วย” แนนสำทับ ตามประสาเจ้าสาวหมาดๆ เช่นกัน

“ว่าแต่น้องยุยจะไปฮันนีมูนกันหรือเปล่าคะ” ใบแต้วเอ่ยขึ้น หลังจากที่ตักของหวานให้กับมาจีที่นั่งคุยอยู่กับน้อยหน่า

“จะไปตอนสิ้นเดือนค่ะ ยุยลาพักร้อนได้ช่วงนั้น พี่ไอย์ก็ต้องเคลียร์งานก่อน

“เอ่อใช่! ไม่เห็นรามินเลย” ชมพู่เอ่ยขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนในกลุ่มขาดใครไป

“พี่มินจะมาช่วงเย็นค่ะ พอดีว่าพี่ไอย์ส่งไปดูงานที่สิงคโปร์เหมือนอาทิตย์ก่อนแต่เกิดติดขัดเลยมาถึงเย็นวันนี้ค่ะ”

“เอ...ว่าแต่ยังคบอยู่กับน้ำหรือเปล่านะ หน่าไม่แน่ใจ” น้อยหน่าหันมาร่วมวงสนทนาบ้าง

“คบอยู่สิคะ รักกันจะตาย พอดีเลยค่ะ เย็นนี้น้ำก็จะมาด้วย เพราะวันนี้เห็นว่าติดงานที่ศูนย์ศิลปะฯ เป็นงานใหญ่ซะด้วยเลยมาร่วมไม่ได้”
“อืม...น้ำเป็นตัวแทนของประเทศไทยที่ไปโชว์ศิลปวัฒนธรรมที่เยอรมันนี่คะ” ชมพู่เอ่ย น้องยุยพยักหน้า...

“พี่น้ำทำงานเป็นอาจารย์สอนนาฏศิลป์ค่ะ เลยได้รับเลือก พี่มินก็ทำอยู่กับพี่ไอย์” ทุกคนพยักหน้า

“ว่าแต่ไม่คิดเลยนะว่าจะมาร่วมตัวกันที่งานนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น ต้น พัฒ ไอย์ พริก พวกเราแล้วก็มะเหมี่ยว” แนนเอ่ยขึ้นและได้รับรอยยิ้มจากทุกคน

“ยุยดีใจนะคะที่งานนี้เหมือนงานที่ได้รวมความทรงจำเก่าๆ ของพี่ไอย์อีกครั้ง... ยุยไม่ค่อยได้เห็นพี่ไอย์ร่าเริงอย่างนี้เท่าไหร่หรอกค่ะ...” ยุยพูด พร้อมกับเบนสายตาไปมองสามีของตนที่นั่งอีกโต๊ะกับเพื่อน ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้มสวยเมื่อได้พูดคุยกับเพื่อนเก่าที่ห่างหายกันไป
“ใช่...ไม่ค่อยได้เห็นพี่ชายยิ้ม หัวเราะแบบนั้นสักเท่าไหร่ ส่วนมากก็ชอบตีหน้าเฉย เชิดๆ หยิ่งๆ เฉยชาน่ากลัว” มาจีบ่น พร้อมกับรีบคลำแขนตัวเองเพราะโดนคนรักตีเพี๊ยะเข้าให้

“ไปว่าไอย์ได้ไงคะมา”

“ก็มันจริงนี่” มาจีเถียง เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน

“แต่ไม่น่าเชื่อนะคะว่าไอย์กับมาจีจะเป็นพี่น้องกัน พอตั้งใจมองแล้วถึงรู้ว่าหน้าคล้ายกันจริงๆ” ชมพู่พูด

“ใช่ค่ะ น่าเสียดายไม่รู้ว่ามาจีมางานนี้ด้วยพี่จะได้ขนแผ่นที่พี่ซื้อเก็บไว้มาให้เซ็นต์ พี่น่ะแฟนตัวยงของมาจีเลยนะ” แนนเอ่ยอย่างภูมิใจ

“ขอบคุณค่ะ” มาจียิ้มนางฟ้า และได้รับความชื่นชอบจากสาวๆ ไปได้เต็มกระบุงโกย

“ใช่ค่ะบังเอิญจริงๆ ดูสิคะ ก่อนหน้านี้หน่าไปอิตาลีซื้อผ้าลูกไม้ ไม่คิดว่าผ้าที่คู่กันคนที่ซื้อจะเป็นมาจี” น้อยหน่าเอ่ย หลังจากที่เห็นผ้าลูกไม้ที่ใบแต้วใช้คลุมไหล่ เธอจำได้ดีว่านั่นคือลายที่คู่กับลายผีเสื้อของเธอจึงรีบสอบถาม ได้ความว่าใบแต้วได้รับเป็นของขวัญจากมาจีนั่นเอง

“ไหนคะ...” แนนถาม น้อยหน่าและใบแต้วเลยเอาผ้าคลุมไหล่ออกมาโชว์ให้สาวๆ ดู แล้วก็ได้รับเสียงชมไม่ขาดปากถึงความสวยและความประณีต จนแนนอดไม่ได้ที่จะเปรยว่าต้องไปหามาทำเป็นเสื้อคลุมท้องให้ได้

“เฮ้ย! ดูสาวๆ สิเฮฮากันใหญ่” ต้นเอ่ยขึ้น มุ้ยหน้าไปทางกลุ่มสาวๆ ที่กำลังสนใจกับผ้าลูกไม้สองชิ้น

“เรื่องของสวยๆ งามๆ ล่ะยกให้คุณเธอเถอะ เชื่อมั้ยเย็นนี้แนนต้องขอให้ฉันพาไปซื้อไอ้ผ้าขาวๆ นั่นแน่” พัฒเอ่ยอย่างปลงๆ เพราะรู้จักนิสัยของภรรยาของตัวเองดี

“เอาน่าตามใจเขาหน่อย แม่ของลูกเชียวนะเว้ย” พริกพูด ก่อนจะรินเติมเครื่องดื่มลงในแก้วของตัวเอง

“ว่าแต่แกเถอะไอ้ต้น เมื่อไหร่จะพาแฟนมาให้เจอวะ” ไอย์พูดหลังจากที่จิบเหล้าชั้นดีที่ผสมอยู่ในแก้วของตน

“ฉันต้องหาก่อนว่ะ ก่อนจะเอามาให้พวกแกเจอได้น่ะ” ต้นตอบและยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ

“แกเลิกกับหนิงตอนไหนว่ะ ฉันเพิ่งมารู้ไม่นานนี้เอง หน้าแตกชนิดไอ้เหมี่ยวไม่รับเย็บเลย”

“ตั้งแต่ยัยนั้นเรียนหมอปีสองแล้ว ทำไมวะ? เจอเหรอ” ต้นหันกลับมาถาม ซึ่งพัฒก็พยักหน้า

“ตอนพาแนนไปฝากท้องที่โรงพยาบาล...น่ะ เลยถามถึงแกว่าจะตามตัวมางานที่ไหนได้...” พัฒส่ายหน้าเป็นอันว่ารู้กันว่าหน้าแตกขนาดไหน

“สบายดีหรือเปล่าวะ ฉันไม่ได้ติดต่อเลย” ต้นเอ่ยถามเสียนงแผ่ว จนเพื่อนสนิทสะกิดใจ... เสียงอย่างนี้ มีเยื้อใยหรือเปล่านะ

“สบายดีว่ะ สวยขึ้นเยอะ...แต่...คงแต่งแล้วว่ะ เห็นสวมแหวนที่นิ้วอยู่” แค่นี้ทุกคนก็เป็นอันเข้าใจ พัฒไม่ได้หมายความถึงแหวนธรรมดาแน่นอน

“ดีแล้วว่ะ...คบกับฉันใช่จะสบาย”

“เฮ้อออ...อย่าพูดอย่างนี้สิวะ ผู้หญิงมีเยอะแยะ” พริกเอ่ยขึ้นบ้าง

“ว่าแต่แกไอ้หมอ หมาในปากพิการไงวะถึงนั่งใบ้” ไอย์แดกดันมะเหมี่ยวที่นั่งเงียบเก็บข้อมูลอยู่ เจ้าตัวเลยส่ายหน้า

“เก็บข้อมูลสิวะ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้วก็รู้กันอยู่”

“เออ...ว่าแต่แกตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหนวะเหมียว” ต้นถามพรางส่งแก้วเหล้าไปทางพริกเพื่อให้เพื่อนชงแก้วใหม่ให้

“เพิ่งใช้หนี้ทุนเสร็จว่ะ รอเข้าประจำอยู่”

“รอประจำ?” ต้นกับพัฒทวนพร้อมกันอย่างงงๆ

“อ่อ...แกสองคนไม่รู้นี่...ฉันย้ายไปเยอรมันแล้วก็เลยเรียนหมอไง แต่ต้องเริ่มเรียนไฮสคูลใหม่เลยช้ากว่าพวกแกไปหลายปี”

“หมอ!” สองหนุ่ม คนหนึ่งโสดอีกคนไม่โสดอุทานพร้อมกัน มะเหมี่ยวพยักหน้า

“หมาอย่างมึงเนี่ยนะเป็นหมอ”

“จะกัดคนไข้ตายหรือเปล่าวะ” พัฒเสริมอีกคน

“ว่าแต่หมอคนหรือหมอหมาวะ อย่างแกน่าจะหมานะ” มะเหมี่ยวแยกเขี้ยว หยิบเศษกระดาษห่อขนมไทยที่วางอยู่ปาใส่เพื่อนจนหัวเราะกันเฮฮาราวกับย้อนอดีตไปในวัยเรียน

“หมอคนเว้ย!”

“ดีสิวะ เดี๋ยวจะพาเมียไปทำคลอดด้วย สนใจมั้ยวะไอ้สวย” พัฒว่า

“ไม่ว่ะ กล้วเชื้อบ้าจะมาติดลูกฉัน”

“เอ่อวะ”

“เลวละพวกแกนี่ ฉันไม่ใช่หมอสูติโว้ย!” มะเหมี่ยวแก้เพื่อน

“โชคดีแล้วละงั้น จะได้ไม่ต้องมีลูกชาวบ้านมาเป็นเหยื่อแพร่เชื้อบ้า” พริกเพิ่มเติมทำเอาทุกคนฮากันได้อีก

“ว่าแต่แกจะประจำโรพยาบาลไหนวะ” ต้นเอ่ยถาม มะเหมี่ยวยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ

“โรงพยาบาลกลางที่เบอลินน่ะ ติดต่อไว้เรียบร้อยแล้ว”

“เบอลิน!” ไอย์และพริกพูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะหันไปสบตากัน

“ฉันนึกว่าแกจะเปลี่ยนใจมาประจำที่เมืองไทยแล้วซะอีก” ไอย์เอ่ย พร้อมกับเหลือบไปมองโต๊ะของสาวๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหนุ่มสวยมองน้อยหน่า ซึ่งทุกคนในโต๊ะก็มองตาม

“ฉันก็แอบคิดอย่างนั้น” พริกว่า แต่มะเหมี่ยวไม่ตอบได้แต่ยิ้ม

“ว่าแต่สาวสวยคนนั้นใครวะเหมี่ยว แฟนเหรอ? ฉันเห็นแกจูบเขา” ต้นถาม เป็นอันรู้ดีกันอยู่แล้วว่าเคยเกิดเรื่องอะไรกับมะเหมี่ยว ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะสนใจสาวสวยที่มาทำให้มะเหมี่ยวสนใจ

“เพื่อนของพู่น่ะ” มะเหมี่ยวตอบแบบเลี่ยงๆ พริกเหลือบตามองมะเหมี่ยว หลังจากวันที่เขาคุยเรื่องน้อยหน่ากับเพื่อนรักไปวันก่อน ทั้งมะเหมี่ยวและน้อยหน่ายังคงมีท่าทีเหมือนเดิม จะต่างเล็กน้อยก็ตรงที่สาวสวยเหมือนจะคอยขบคิดเรื่องอะไรอยู่ภายในใจอยู่ตลอดเวลา

“แต่ดูจะไม่ใช่เพื่อนแกนะ” พัฒดักคออย่างรู้ทัน มะเหมี่ยวเลยหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ

“ฉันชวนเขาไปอยู่เยอรมันด้วยน่ะ” เท่านั้นเอง เสียงร้องอย่างประหลาดใจของเพื่อนๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกันจนสาวๆ หันมามอง มีแค่พริกเท่านั้นที่อึ้งกิมกี่

มะเหมี่ยวหันไปสบตากับน้อยหน่าที่มองมาก่อนจะยิ้มหวานให้ ซึ่งเธอก็ได้แต่ยิ้มเขินตอบกลับมาเท่านั้นเอง

“จริงเหรอวะ?”

“แกเอาจริงใช่มั้ยเนี่ย” พริกรีบถามเมื่อตั้งสติได้ แต่ไม่ทันที่มะเหมี่ยวจะตอบอะไรเสียงยุยก็เรียกไอย์ดังขึ้น

“พี่ไอย์คะ...พี่มินกับพี่น้ำมาค่ะ” ได้ยินดังนั้นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็รีบลุกขึ้นไปต้อนรับเพื่อนทันที

“ใครวะ?” มะเหมี่ยวถาม พริกเลยตอบว่า

“รามินน่ะ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย สาวผิวแทนตัวเล็กนั่นก็แฟนเขา น้องน้ำ” มะเหมี่ยวพยักหน้า

“เฮ้ย! เดี๋ยวฉันมานะ พามึนน้อยกับน้ำไปไหว้พ่อกับแม่ก่อน” ไอย์เดินมาบอกเพื่อนๆ ที่โต๊ะและเดินนำพารามินกับน้ำเข้าไปหาบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่งคุยกันอยู่ภายในบ้าน

“งั้นเดี๋ยวฉันมานะเข้าห้องน้ำก่อน” มะเหมี่ยวลุกหนีไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้เพื่อนอีกสามคนจับกลุ่มคุยกัน

ไอ้เหมี่ยวมันพูดจริงใช่มั้ยเรื่องชวนน้อยหน่าไปเยอรมัน?

พริกนั่งคิดในใจ ใช่ว่าเขาจะหึงหวงน้อยหน่าหรอกนะ แต่ที่มีอยู่ในใจตอนนี้มีแต่ความเป็นห่วง เพราะเท่าที่ดูจากสถานการณ์รอบข้าง มะเหมี่ยวดูยังไงก็ยังไม่พร้อมที่จะมีใคร สภาพจิตใจของเพื่อนรักไม่ได้เข้มแข็งอย่างภายนอกที่เห็น

หรือว่าเขาคิดมากไปเอง!

“คิดอะไรอยู่วะพริก” ต้นหันมาถามพริกที่เงียบผิดปรกติ แต่คนตาดุก็ส่ายหน้า

“เรื่อยเปื่อยว่ะ”

“จะว่าไปแกกับชมพู่นี่ก็คบกันนานว่ะ” ต้นเปรย

“กี่ปีแล้วเนี่ยพริก” พัฒถามบ้าง

“สิบปีได้...” ถ้าไม่นับตอนที่เลิกกันนะ

“นานว่ะ” ต้นพูดและไม่นานไอย์ก็กลับมาที่โต๊ะพร้อมกับรามิน และมะเหมี่ยว ส่วนน้ำแยกไปนั่งกับกลุ่มสาวๆ

“รู้จักกันหน่อย มึนน้อย นี่ไอ้พัฒเจ้าพ่อขายตรงวัสดุก่อสร้างที่บริษัทเราติดต่ออยู่”

“เว่อร์ไปไอ้สวย” พัฒดักทางเพื่อนก่อนจะยิ้มทักทายกับรามิน “สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ” รามินยิ้มตอบ

“นี่ต้น วิศวกรของเอสเอ็น กำลังพยายามดึงตัวมาอยู่บริษัทเราอยู่”

“สวัสดีครับ”

“นี่มึนน้อย วิศวกรของบริษัทฉันเอง”

“สวัสดีค่ะ รามินค่ะ เรียกมินก็ได้” รามินแนะนำตัว

“เอ่อลืมไป...ไร้ความสำคัญนะแกน่ะ” ไอย์หันมาแขวะใส่มะเหมี่ยวที่นั่งจิบเครื่องดื่มอยู่

“นี่หมอ(หมา)เหมี่ยว พี่สาวฝาแฝดของชมพู่”

“สวัสดีค่ะ เพื่อนเล่าเรื่องของคุณให้ฟังบ่อยๆค่ะ” รามินทัก มะเหมี่ยวยิ้มตอบ

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“ว่าแต่งานที่สิงคโปร์เป็นไงบ้างเรียบร้อยหรือเปล่า” ไอย์เป็นฝ่ายถามขึ้นเมื่อทุกคนรู้จักกันหมดแล้ว

“เรียบร้อยดีค่ะ มินเลยจับเที่ยวบินที่เร็วที่สุดมาเนี่ย แต่ก็ไม่ทันพิธีช่วงเช้า”

“ไม่เป็นไรๆ แล้วทางนั้นว่าไงบ้าง?” ไอย์ถามเรื่องงาน ซึ่งรามินก็ตอบตามจริง จากนั้นก็เหมือนกับทุกคนเลิกสนทนาเรื่องส่วนตัว กลับมาคุยกันเรื่องเกี่ยวกับวงการงานก่อสร้าง ทั้งอดีต ปัจจุบัน พ่วงไปถึงอนาคตด้วย อย่างว่าคุยกันตามประสาชายหนุ่ม เรื่องไหนก็ได้ทั้งนั้น

การสนทนาเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นไปเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แม่ของยุยออกมาตามตัวลูกสาวให้ไปแต่งตัวอีกครั้ง เพราะยังมีงานเลี้ยงมื้อเย็นอีกรอบ ไอย์เองก็ต้องไปเตรียมตัวเช่นกัน เพราะต้องมีแขกอีกส่วนหนึ่งที่จะมาร่วมงาน ซึ่งก็เป็นพวกเพื่อนๆ ของทางเจ้าสาวส่วนมากและเพื่อนๆ ของบรรดาพ่อแม่อีกกลุ่มหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับแขกของพัฒและแนนนั้นก็น้อยว่าเยอะ

กลุ่มของหนุ่ม ๆ และสาวๆ เข้ามารวมตัวกันโดยอัตโนมัติ เพื่อแบ่งพื้นที่โต๊ะให้กับแขกอื่นๆ ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าชมพู่มานั่งเคียงข้างกับพริก แนนคู่กับพัฒ น้อยหน่านั่งกับมะเหมี่ยว ส่วนต้นนั้นมีเพื่อนทางเจ้าสาวมาชวนคุยเรียบร้อย มาจีและใบแต้วไปช่วยพี่ชายรับแขกที่เริ่มเดินทางมาแสดงความยินดี

มีพนักงานจากโรงแรมดังมาส่งเค้กแต่งงานเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของงานในช่วงค่ำ แขกเรื่อเริ่มหนาตามากขึ้นกว่าช่วงเช้า เพราะทุกคนต่างมีเวลาว่างที่จะมาร่วมงานช่วงนี้

“เหนื่อยเหรอ” มะเหมี่ยวกระซิบถามน้อยหน่าที่นั่งหน้าเซียวอยู่ เธอจึงรีบปรับสีหน้า

“นิดหน่อยน่ะ ง่วงๆ” เขาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปตอบคำถามของพัฒที่ถามมา

น้อยหน่าแทบจะเรียกว่านั่งเกร็งเลยล่ะ เพราะมือของมะเหมี่ยวที่กุมมือของเธอไว้ตลอดตั้งแต่ที่เธอมานั่งข้างๆ กับเขา มันทำให้เธอรู้สึกใจแกว่งจนแทบจะกลายเป็นหลุดออกมานอกอก

“เค้กของโรงแรมทำน่ากินเนอะ” ชมพู่หันมาพูดกับน้อยหน่า ซึ่งพอคนสวยมองไปที่เค้กแต่งงานก็เห็นด้วย

“เมื่อไหร่พู่จะทำเค้กที่หน้าตาน่าทาน รสชาติยอดเยี่ยมให้พริกทานละคะ” ที่ทำมาให้แต่ละครั้งกลืนแทบไม่ลง พริกละประโยคนี้ไว้ในใจเพราะแค่นี้ก็ทำเอาสาวหวานค้อนเขาตาแทบกลับ

“ข่าวว่าเธอทำเค้กอร่อยมาก” มะเหมี่ยวหันมากระซิบถาม คนสวยยืดทันทีด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้

“แน่นอน”

“ฉันกินแค่ช็อคโกแลตเค้กนะ” ไม่รู้ว่าเป็นประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม? หรือประโยคคำสั่งกันแน่ เพราะพูดจบอีตาคุณหมอก็หันไปคุยกับน้ำและรามินอย่างออกรสอีกครั้ง

“ตอนนี้น้ำเป็นอาจารย์สอนนาฏศิลป์ค่ะ อยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ค่ะ”

“เดี๋ยวนะ เมื่อปีที่แล้วน้องน้ำได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแสดงที่กงสุลไทยที่เยอรมันหรือเปล่า พี่ไม่แน่ใจค่ะ แบบว่าหน้าคุ้นๆ”

“ค่ะ...น้ำไปเองค่ะ น้ำรำ แล้วก็เล่นขิมค่ะ พี่เหมี่ยวอยู่งานนั้นด้วยเหรอคะ” น้ำถามอย่างตื่นเต้นเมื่อรู้ว่ามีคนไทยอยู่ในงานนั้นด้วยอีกคนหนึ่ง

“ค่ะ พี่ออกงานกับพ่อน่ะค่ะ”

“น้ำเขาเก่งเรื่องนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ” รามินเสริม

“แหม...ก็มีเรื่องเดียวนี่แหละค่ะ”

“ดีค่ะ เป็นคนไทย ช่วยกันรักษาวัฒนธรรมไทย ตอนนั้นแขกที่ไปชอบการแสดงมากค่ะน้องน้ำ ชมกันไม่ขาดปาก”

“ดีใจจังเลยค่ะ” น้ำยิ้มสดใส มะเหมี่ยวยอมรับว่าน้องคนนี้ยิ้มได้น่ารักได้ใจจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมใจเขาถึงยังไม่เต้นเหมือนกับมองรอยยิ้มของสาวที่เขาจับมือไว้อยู่นี้ หรือเป็นเพราะไม่มีใครมีอิทธิพลกับเขานอกจากเธอ

“ว่าแต่ตอนนี้เหมี่ยวประจำอยู่ที่เบอลินเหรอคะ” รามินเอ่ยถาม หลังจากที่กลืนขนมในจานลงท้องเรียบร้อย

“ติดต่ออยู่ค่ะ แต่คงได้ที่นี่แหละ” รามินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่จะได้พูดคุยกันอีกเสียงพิธีกรบนเวทีเล็กๆ ที่จัดไว้ในมุมหนึ่งก็เรียกร้องความสนใจทุกคน

ใบแต้วและแนนนั่นเองที่เป็นพิธีกรในงานแต่งงานครั้งนี้!

“เอาละค่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วนะคะ ของเชิญคู่บ่าวสาวขึ้นมาบนเวทีสักครู่ก่อนนะคะ” ใบแต้วกล่าว ตามด้วยเสียงปรบมือจากบรรดาแขก

ไอย์ก้าวขึ้นไปยืนบนเวทีด้วยชุดสูทลำลองดูสบายๆ มือของเขาจับมือเล็กๆ ของภรรยาไว้อย่างมั่นคง ยุยเองก็ก้าวเดินตามมาด้วยจังหวะที่สอดคล้องกัน แม้ไม่ได้อยู่ในชุดแต่งงานที่หรูหรา แต่ทั้งคู่กลับทอประกายอย่างที่ทำให้ทุกสายตาเฝ้าจับตามองด้วยความชื่นชม

“ก่อนอื่นใบแต้วของขอบอกก่อนว่ารู้จักไอย์เพราะหนุ่มสวยคนนี้คือพี่ชายของมาจี...คนรักของใบแต้วเอง” มีเสียงปรบมือพร้อมกับเสียงแซวจากกลุ่มด้านล่างเวทีดังขึ้นเมื่อสาวอวบอิ่มใบหน้าใจดีเอ่ยถึงคนรักที่ยืนยิ้มหวานมองอยู่ข้างเวที

“ไอย์ที่ใบแต้วรู้จัก...เป็นพี่ชายที่น่ารักค่ะ เขาไม่ใช่คนปากหวาน แต่เมื่อไหร่ที่น้องสาวของเขาเดือดร้อนเขามักจะเป็นคนแรกและคนที่มักจะยืนเป็นเสาหลักให้กับน้องสาวของตัวเอง...ใบแต้วเชื่อว่าเขาจะเป็นสามีและพ่อที่ดีให้กับครอบครัวได้อย่างไร้ที่ติ...” มีเสียงปรบมือให้กับคำพูดของใบแต้ว

“และใบแต้เชื่อได้หมดหัวใจค่ะว่า ผู้หญิงคนเดียวที่เหมาะสมกับผู้ชายคนนี้คือ...เจ้าสาวของเขาเอง...น้องยุยค่ะ” เสียงปรบมือดังสนั่น พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้ทั้งคู่ ไอย์ปล่อยมือที่เกาะกุมภรรยามาโอบไหล่บางของเธอไว้แนบกาย ก่อนจะจุมพิตเบาๆที่หน้าผากมนของเจ้าสาวที่ยืนทำตาแดงๆ เพราะปลื้มใจกับคำพูดของใบแต้ว

“ส่วนแนนเอง รู้จักไอย์ในสมัยที่เรียน...ก็นับดูแล้ว...นานใช่เล่นค่ะ ถึงแนนกับไอย์จะไม่ได้สนิทกันมากเหมือนเพื่อนๆ กลุ่มโน้น” แนนผายมือมาทางกลุ่มของสามีของตนเองที่ต่างพร้อมใจยกแก้วเครื่องดื่มทักทายกลับ “แต่แนนบอกได้เลยว่า เขาเป็นเพื่อนที่ดี และยอดเยี่ยมมากที่สุดคนหนึ่ง...และแม้เจ้าบ่าวคนนี้จะเจ้าชู้...” มาถึงตรงนี้เพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวต่างพากันส่งเสียงยืนยันคำพูดของพิธีกรจำเป็นอย่างแข็งขัน ทำเอาเจ้าบ่าวแทบอยากกระโดดมาแจกหมัดคนละทีสองที

“แต่แนนมั่นใจว่าการที่เขาได้เอ่ยขอให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งมาเป็นภรรยา มาเป็นคุณแม่ของลูกในอนาคต มาเป็นครอบครัวของเขา...ผู้ชายคนนี้จะซื่อสัตย์กับภรรยาของเขาค่ะ” แสดงปรบมือกันเกรียวกราวดังอย่างชอบใจในคำพูดของพิธีกร

“ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกล่าวอะไรสักนิดดีกว่าค่ะ...อย่างเช่น เจ้าบ่าวรู้สึกยังไงบ้าง? เจ้าสาวเตรียมแผนการมัดใจเจ้าบ่าวยังไง? อะไรอย่างนี้” ใบแต้วเอยอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่แนนจะยืนไมโครโฟนให้ไอย์ ซึ่งพ่อคนสวยก็แสดงสปิริตได้ดีมาก...นั่นคือ...เลดี้เฟิร์ส

“ก่อนอื่นยุยต้องขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกคนนะคะที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเรา ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ยอมรับในตัวยุย ขอบคุณคุณแม่รส ที่คอยให้กำลังใจยุย คุณปู่มิ่งที่คอยแนะนำยุยเสมอ...” ยุยกล่าวขอบคุณทุกคนในงาน ก่อนจะนิ่งคิดว่าตัวเองเอ่ยครบหรือเปล่า? “ขอบคุณพี่ไอย์ที่เลือกยุยนะคะ” ภรรยาตัวเล็กเอ่ยพร้อมกับช้อนสายตามองสามีที่ยืนมองเธอยิ้มๆ และก้มมาจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผาก

“น้องยุยบอกแขกสักหน่อยสิคะว่ารักกับไอย์ได้ยังไง? อันนี้ไม่ใช่ใบแต้วถามนะคะแต่เป็นสคลิปที่เพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวอยากรู้เลยขอให้ถาม” ไม่พูดเปล่าใบแต้วโชว์สคลิปของตัวเองให้แขกดู ซึ่งสร้างความพอใจแกแขกที่มามากโดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนปีศาจที่ไอย์เห็นแต่ละคนมีเขี้ยวงอก มีปีกสีดำมีหางโผล่ มีเขาด้วย...ถือสามง่ามอีกต่างหาก

“เอ่อ...ความจริงแล้ว เราอยู่บ้านใกล้กันน่ะค่ะ เลยได้คุยได้เจอกัน” น้องยุยอ้อมแอ้มตอบ จะบอกแขกได้ยังไงล่ะว่าพี่ไอย์ปีนระเบียงบ้านของเธอ แล้วเธอก็ตู่ว่าเขาเป็นแมวของเธอน่ะ

“ข่าวว่า...ตอนนั้นน้องยุยเด็กมาก” ใบแต้วอ่านสคลิปคำถาม

“เอ่อ...ก็ยังเรียนอยู่ค่ะ” แค่ ม.ต้นเองค่ะ ม.หนึ่งอีกต่างหาก

เจ้าสาวก็อ้อมแอ้มตอบคำถามไป ส่วนเจ้าบ่าวนั้นตอนนี้ต้องพยายามสูดหายใจเข้า หายใจออกให้ถูกจังหวะ เพราะไม่งั้นอาจจะเผลอตัววิ่งไปเตะเพื่อนซี้แบบเรียงตัว

“แล้วนี่ค่ะเด็ดมาก...” แนนขอไมค์ ฯ จากใบแต้วไปพูด “ใครบอกรักก่อนค่ะ”

แป๊ด! ใบหน้าของเจ้าสาวแดงเข้ม ทำเอาผู้หลักผู้ใหญ่นึกเอ็นดู โดยเฉพาะพ่อสามี นึกรักลูกสะใภ้มากนัก ถึงกับเปรยว่า ถ้ามีหลาน หลานต้องน่ารักแน่ๆ อยากได้อะไรก็จะให้หมดทีเดียว

“ยุยบอกค่ะ...” เสียงตอบของยุยแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ เธออายจนไม่กล้าเงยหน้ามองแขกได้แต่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของสามี...

“น่ารักอะน้องยุย?” น้ำพูดพร้อมรอยยิ้มซึ่งไม่ต่างจากผู้คนรอบๆ งาน

“แล้วมีทะเลาะกันบ้างมั้ยคะ อันนี้พี่แนนถามเองค่ะ” แนนว่า น้องยุยพยักหน้า แต่คนพูดกลับเป็นไอย์

“มันก็ต้องมีบ้างแหละที่เราจะทะเลาะกัน แต่ทุกครั้งก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผมต้องขอบใจยุยสำหรับเรื่องนี้...เธออดทนกับความเอาแต่ใจของผม เอาใจใส่ผมในทุกๆ เรื่อง และเธอก็รักผมไม่ต่างกับที่เธอรักคนในครอบครัวของเธอ สิ่งนั้นนั่นแหละที่ทำให้ผมไปไหนไม่รอด” ประโยคเดียวยาวๆ ของไอย์ทำเอาเพื่อนๆ ของเขาต่างปรบมือให้พร้อมกับเห็นด้วยกับคำว่าไปไหนไม่รอดของไอย์

“ต่อไปนี้นะคะน้องยุย เป็นเซอร์ไพร์เล็กๆ ของทางเพื่อนเจ้าบ่าวที่อยากให้เป็นของขวัญกับน้องยุยค่ะ...” คำพูดของแนนทำเอาไอย์หูผึ่ง

เซอร์ไพร์งั้นเหรอ? ไอ้สวยไม่อยากได้ว้อย!

ยิ่งพอมองไปทางเพื่อนๆ ของเขาที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนเขาจะมองเห็นรังสีอัมหิตผุดขึ้นมาจนดำมืดปกคลุมทำเอาเขาอยากจะจบงานแล้วจัดการส่งตัวเองเข้าหอเดี๋ยวนั้นเลย แต่ดูเหมือนจะช่วยไม่ทันแล้ว เพราะยัยน้องสาวปีศาจนั้นเดินถือไมโครโฟนไปส่งให้เพื่อนๆ ของเขาแล้ว

“เริ่มที่พี่ก่อนละกันนะน้องยุย...” ต้นกระแอม...ขอสักดอกเถอะเพื่อนรัก “พี่ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่หนึ่งคำถาม ให้น้องยุยถามเกี่ยวกับเจ้าไอย์มาเลยครับ” ได้ยินเสียงเพื่อนสามีบอกอย่างนั้นน้องยุยก็อยากจะถามทันทีหรอก แต่แอบเกรงใจสามีเล็กน้อยจึงเหลือบสายตาขึ้นไปสบกับสามีก่อนเป็นเชิงขออนุญาต ซึ่งสามีจะว่าอะไรด้ายยยย ก็ต้องพยักหน้าอย่างจำยอมสิพี่น้อง เพราะทุกคนใจจดใจจ่อขนาดนั้น

“เอ่อ...ยุยไม่ค่อยรู้เรื่องตอนที่พี่ไอย์อยู่กับพี่ๆ เท่าไหร่เลยค่ะ...”

“ถามมาเลยครับ หนึ่งคำถาม” ต้นตอบ

“ตอนนั้น...พี่ไอย์...เจ้าชู้มั้ยคะ?” เสียเฮลั่นดังขึ้นจากกลุ่มทันที พร้อมกับเสียงปรบมือจากแขกทุกคนไม่เว้นแม่แต่บิดาของเจ้าบ่าว ส่วนไอย์นะเหรอ เห็นห้องหอเป็นห้องเก็บศพรำไร

“พี่พูดได้คำเดียวครับ...ตัวพ่อเลยล่ะ” คำตอบของต้นทำเอาคุณภรรยาหน้าง้ำไปเล็กน้อย ก็รู้อยู่หรอกว่าพี่ไอย์ของเธอน่ะเจ้าชู้ แต่นึกไม่ถึงว่าตอนที่อยู่กับเพื่อนๆ จะเริ่มเจ้าชู้ร้ายแล้ว ก็นั่นยังเด็กอยู่เลย

“ต่อไปๆ พี่เองครับ...ไม่ต้องห่วงไอย์ ฉันเข้าใจหัวอกแกดี คนมีครอบครัวเหมือนกัน” พัฒพูดอย่างเห็นใจเพื่อนรัก แต่สายตาของเขานี่สิ เจ้าบ่าวไม่ไว้ใจเอาซะเลย

“พี่ไอย์ชอบสาวๆ แบบไหนคะตอนนั้นน่ะ” แหมๆ แต่ละคำถามของคุณภรรยาก็นะ อันไหนที่ถามเขาแล้วไม่ได้คำตอบก็ไปถามเพื่อนเขาซะอย่างนั้น

“ไอ้สวยน่ะเหรอ...หลากหลายมาเลยนะครับ สายก็แบบหนึ่ง เย็นอีกแบบหนึ่ง ส่วนดึกๆ นี่พี่ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะมันอุบเงียบ จะมารู้ก็ตอนเช้าๆ นั่นแหละครับ” นี่นะที่มันบอกว่าเห็นใจ! เลว

เจ้าสาวคนสวยเริ่มทำหน้าไม่สวยซะแล้วหันมาค้อนเจ้าบ่าวตากลับไปหนึ่งตลบก่อนจะเริ่มหันมาทางเพื่อนเจ้าบ่าวที่นั่งเฮฮากันอย่างสนุกสนาน ไม่ได้แกล้งไอ้สวยแสบงานนี้แล้วจะไปแกล้งงานไหน

“พี่มินคะ?...ตอนมหาลัยพี่ไอย์คบกับยุยแล้วแอบมีกิ๊กหรือเปล่า?” โอย...พระเจ้า...ไอ้ไอย์อยากตาย

“พี่ต้องตอบความจริงใช่มั้ยคะ?” รามินย้ำถามกับเจ้าสาว ได้คำว่า”ค่ะ” อย่างหนักแน่นเป็นคำตอบ เพื่อนคนสวยมองเจ้าบ่าวอย่างเห็นใจก่อนจะพูดอย่างเห็นใจว่า

“ขอโทษนะคะไอย์ แต่มินก็โกหกไม่เป็นด้วย...ตอนนั้นพี่ไอย์ของน้องยุยมีกิ๊กอยู่คนสองคนค่ะ” ขอเอาคืนเรื่องที่เรียกเขาว่า มึนมึนหน่อยนะเพื่อน

“พี่ไอย์” น้องยุยครางออกมา ทุบอกเจ้าบ่าวดังอั๊กเบ้อเร่อจนเพื่อนฝูงเฮกันลั่น และดูท่าฝ่ายคุณแม่เจ้าเจ้าสาวและคุณปู่จะไม่ปลื้มเท่าไหร่ เดือดร้อนคุณวัยย์กับคุณไหวช่วยไกล่เกลี่ย

“น้องยุย..ไม่อยากรู้เหรอคะว่าทำไมไอย์ถึงทำอย่างนั้น” พริกทำตัวได้สมกับที่เป็นอาจารย์ ไกล่เกลี่ยได้ดี ยุยหันกลับมาสนใจพริกทันที

ทำไม่เธอจะไม่อยากรู้ล่ะ ตลอดเวลามีแต่เธอเท่านั้นแหละที่เพียรแสดงความรักต่อเขา แต่พี่ไอย์น่ะอุบเงียบ

“ไอ้สวยตอนนั้นนะ อย่างกับผีเข้า ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ซ้ายก็ยุย ขวาก็ยุย สามร้อยหกสิบองศามีแต่ยุยๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ยอมทำอะไรเพราะรักมากจนอยากถนอมไว้อย่างสุดหัวใจไงคะ...เลยไปทำตัวไม่ดีกับสาวคนอื่น” พริกแก้ตัวแทนเพื่อนรัก ถ้ามองในแง่ดีน่ะนะ...สาวยุยถึงกับซึ้งไปเลย แต่พรรคพวกต่างรู้ดีว่าการสารภาพแบบนั้นมันน่าอายแค่ไหน...

“จริงเหรอวะพริก...” ต้นถามก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเมื่อท่านอาจารย์พยักหน้าตอบรับ

คนที่เกลียดการผูกมัดอย่างไอย์ แต่สุดท้ายก็จนแต้มกับเด็กสาวข้างบ้านตัวเล็กๆ นี่นะ...ใครมันจะคาดถึง แถมยังเสียท่าให้แบบหมดรูปด้วย

“น้องยุยขา” แล้วนี่แหละที่ไอย์หวาดผวาสุดๆ มันรอเป็นคนสุดท้ายเพื่อที่จะสมนาคุณเขาให้สมแค้นๆ

ไอ้มารเหมี่ยว!

“น้องยุยไม่อยากรู้เหรอคะว่าพี่ไอย์ของน้องยุยน่ะ...รักน้องยุยขนาดไหน”

“อยากรู้ค่ะพี่เหมี่ยว” ไอย์ถอนหายใจเฮือกกรอกตาขึ้นฟ้า อยากหายตัวออกไปจากโลกนี้ซะเดี๋ยวนี่เลย

“ไอย์มันเสียเงินโทรข้ามทวีปไปหาพี่เกือบทุกอาทิตย์หลังจากที่น้องยุยกลับไปเรียนแล้ว” นี่ไงล่ะความลับสุดยอด

“ทำไมเหรอคะ” มะเหมี่ยวยิ้มหวานจนหลายๆ คนมองตาค้าง มีแต่พวกๆ เท่านั้นแหละที่รู้ว่ามันยิ้มอย่างนี้ ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า

“ก็โทรมาปรึกษาพี่เรื่องน้องยุยนั่นแหละค่ะ...”

“เรื่อง?”

“เช่น...เมื่อไหร่น้องยุยจะโตสักที...อีกกี่วันนั้นที่น้องยุยจะเป็นผู้ใหญ่...ฉันแก่เกินไปสำหรับน้องหรือเปล่า? ไม่ก็...”

“พอๆ” ไอย์แย่งไมค์จากยุยมากรอกเสียงห้ามเพื่อน ก่อนที่จะพูดอะไรให้เขาอายไปมากกว่านี้ “พอเลยนะก่อนที่ฉันจะจับพวกแกโยนออกจากงาน” ไอย์ขู่ฟ่อ แต่ไม่ยักจะมีใครสักคนกลัว ยิ่งแขกคนอื่นๆ กลับยิ่งชอบใจที่เห็นเจ้าบ่าวผู้ประหยัดคำพูดอายจนหน้าขาวๆ แดงเถือก

เจ้าสาวตัวน้อยช้อนตาขึ้นมองใบหน้าของสามีที่แดงซ่าน เขายังคงบ่นใส่เพื่อนๆ ตัวเองอยู่แถมคาดโทษอีกต่างหาก นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตของเธอมั้งที่เห็นเขาหน้าแดง ครั้งแรกก็คือตอนที่เขายอมรับว่ารักเธอ และนี่ก็คืออีกครั้ง

“ห้ามทำไมละคะ ยุยอยากรู้”

“เห็นมั้ยไอย์น้องอยากรู้” เพื่อนๆ ยังคงไม่ยอมรามือ แต่ไอย์ไม่ยอมให้เจ้าสาวของตัวเองเล่นด้วยแล้ว

“น้องยุยอยากรู้มั้ยว่าไอ้สวยน่ะเล่าเรื่องน้องยุยให้พี่ๆ ฟังว่าไงบ้าง?” เสียงพูดขึ้น ทำเอายุยหูผึ่ง อยากรู้สิ

“อยากรู้ค่ะ” ไอย์กระชับร่างของเจ้าสาวไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงซะก่อนไม่อย่างนั้นคงได้กระโจนไปหาพวกปีศาจเพราะความอยากรู้แน่ ดูแต่ละคนเถอะ อยากจะแฉเขาใจขาดแล้วนั่น

“พี่ไอย์ ยุยอยากรู้” เธอพ้อ แต่ไอย์ส่ายหน้า

“ไว้พี่เล่าให้ฟังเอง” เขาบอกเสียงหนัก หันไปปรามเพื่อนด้วยสายตาก็แล้ว คำพูดก็แล้ว แต่ไม่มีลิงตัวไหนเชื่อ สงสัยงานนี้มีเตะเชิญกลับแน่

ยุยส่ายหน้าทันที เพราะรู้ว่าพี่ไอย์น่ะไม่มีทางยอมบอกเธอแน่ เรื่องพวกนี้น่ะ นี่เป็นโอกาสดีแล้วที่เพื่อนๆ ของเขาอยู่ อยากรู้อะไรเธอจะถามให้หมดเลย

“ไม่เอา...”ยุยดื้อขึ้นมา ไอย์ถึงกับถอนหายใจเฮือก ท่ามกลางแขกเรื่อที่กำลังรอลุ้นอยู่ว่าเจ้าบ่าวจะจัดการกับเจ้าสาวจอมดื้อยังไง และก็เป็นที่แน่นอนว่าทุกคนต่างฟันธงได้ทันทีว่า คุณวัยย์ได้เป็นคุณปู่ในเร็ววันนี้แน่

เพราะเจ้าบ่าวตัดสินใจจูบเจ้าสาวโชว์ทันทีไม่มีต่อรอง มันเป็นทางเดียวนั่นแหละที่จะเอาเธอออกให้ห่างกิเลสตรงหน้า

เสียงวี๊ดวิ๊วของคนดูไม่ได้เข้าหูน้องยุยสักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้เธอต้องรับมือกับจูบหวานของสามีจนแทบตั้งสติไม่ได้กว่าจะทำใจ ตั้งรับได้เขาก็ถอนจูบออก กระซิบข้างหูบอกกับเธอว่า...

“พี่จะบอกทุกอย่างนั้นแหละ แต่ต้องตอนอยู่ในห้องหอเท่านั้น” เป็นอันรู้กันว่าเขาจะบอก แต่เธอจะมีสติฟังหรือเปล่านั่นอีกเรื่อง เพราะขนาดพิธีกรที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ประกาศว่ามีเซอร์ไพร์จากน้องสาวเจ้าบ่าวอีกหนึ่งอย่างเธอยังเบลอจนไม่รู้เรื่อง ไม่รู้แม้กระทั้งว่าตัวเองเดินตามเจ้าบ่าวลงมาข่างล่างเวทีตอนไหน

เสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่บนเวทีนั้นทำเอาทุกคนหันไปสนใจ

“แกล้งชาวบ้านได้ไม่เลือกเลยนะ” น้อยหน่าต่อว่ามะเหมี่ยวไม่จริงจัง ก่อนจะหันหน้าไปมองบนเวที

“ใครจะทำไมล่ะ”
“กวนประสาท” น้อยหน่าว่าอีก

“มีวิธีทำฉันหุบปากได้นะ”

“มีด้วยเหรอวิธีแบบนั้นน่ะ” น้อยหน่าเบ้หน้าจนคนมองอย่ามะเหมี่ยวหมั่นไส้

“จูบฉันสิ” เสียงกระซิบของมะเหมี่ยวทำเอาน้อยหน่าหันขวับมาจ้องหน้าคุณหมอ กะจะว่าเขาทะลึ่งสักหน่อย แต่พอเจอสายตาหวานๆ ของเขาแล้วพูดไม่ออก ยังไม่พอเธอยังถูกเขาสะกดนิ่งอยู่กับที่ด้วยรอยยิ้มหวาน มองไม่เห็นอะไรนอกจาสายตาสื่อความหมายของเขาและไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงเพลงที่ขับกล่อมอยู่

ไม่ได้มีแค่คู่ของมะเหมี่ยวเท่านั้นที่ตกอยู่ในมนต์สะกด แนนที่ลงมานั่งข้างๆ สามีตอนนี้ก็เอนตัวซบลงในอ้อมกอดของเขา

รามินที่แขนข้างหนึ่งโอบเอวคนรักไว้ มืออีกข้างลูบไล้ที่แหวนบนนิ้วของน้ำอย่างแสนรักก็เคลิ้มไปกับมนต์ของเสียงเพลง

พริกกระชับอ้อมแขนเข้ามาอีกเพื่อนให้ร่างบางของชมพู่แนบชิดเข้ามา ก่อนจะก้มลงกระซิบบางอย่างที่ทำเอาชมพู่ต้องยกมือขึ้นปิดปากเกรงจะอุทานออกมาและพยักหน้า ก่อนจะซบลงกับอ้อมกอดของเขา

“อย่าคิดมากเรื่องของหน่านะคะ...มันผ่านไปแล้ว...พู่เป็นเจ้าของพริกแค่คนเดียวเท่านั้น”


ฉันก็เหมือนเรือ ลำหนึ่งน้อยที่ลอยมา
คลื่นลมได้พัดพาจนไม่รู้ทิศใด
เหมือนนกที่บินไปกลางฝนอันโปรายปราย
ร่มไม้ให้พักกายฉันไม่มี

แล้วเมื่อพบเธอก็ได้พบกำลังใจ
ส่งเรือให้ลอยไปยังจุดหมายที่ดี
นกที่หลงทาง ที่อ่อนล้ามาแรมปี
ได้พักซักนาทีที่ใจเธอ

* หนึ่งความรักที่ฉันมีหมดใจนี้ฉันให้เธอ
จบแล้วการเดินทางอันโดดเดี่ยว
จากวันนี้ทั้งสองกายเราจะใช้หัวใจเดียว
ต่อเติมความผูกพันที่เรามี
จะใช้ทุกนาทีเพื่อรักเธอ

ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตจะมีวัน
เป็นคนที่สำคัญ เป็นที่รักของใคร
รักที่แท้จริงมีความหมายมากเพียงใด
เพิ่งรู้และเข้าใจเมื่อรักเธอ

หนึ่งความรักที่ฉันมีหมดใจนี้ฉันให้เธอ
จบแล้วการเดินทางอันโดดเดี่ยว
จากวันนี้ทั้งสองกายเราจะใช้หัวใจเดียว
จะเดินเคียงข้างกันตลอดไป

เธอคือฝันที่สวยงามในชีวิตที่ฉันเจอ
ตอบแทนเธอด้วยสัญญาว่ารักนี้จะมีเพียงเธอ



“เหมี่ยว! เรื่องไปเยอรมัน พูดจริงๆ ใช่มั้ย?” น้อยเอ่ยถามเสียงแผ่วจนคุณหมอต้องยิ้มยืนยัน

“จริง...” สาวสวยจดจ้องอยู่ในแววตาหวานของเขา มันเต็มไปด้วยความมั่นคง เธอคิดมาตลอดตั้งแต่วันที่เขาเอ่ยคำถามนี้

เธอพร้อมหรือยังกับการที่จะไล่ตามเขาอย่างจริงจัง พร้อมแล้วหรือยังกับการที่จะเดินเคียงข้างไปกับเขา และพร้อมหรือยังกับการที่ต้องทุ่มเทความรักที่มีทั้งหมดให้กับคนๆ นี้

ไม่มีอะไรที่เธอต้องกลัวไม่ใช่หรือไง!

“หน่าขอเวลาจัดการเรื่องต่างๆ สักพักนะ...แล้วจะตามไป...” เธอบีบมือของเขาที่จับอยู่อย่างเป็นการยืนยันคำพูด มะเหมี่ยวยิ้มหวาน หัวใจที่แห้งแล้วของเขาเหมือนจะมีหยาดฝนชโลมลงมาให้ชุ่มชื่น

“ฉันจะรอ...” เขาบอก เธอถึงกับน้ำตาคลอรื้อไปทั้งดวงตาสวย ยิ้มทั้งที่กำลังจะร้องไห้ ก้มมองมือที่กุมกันแน่น...

จะสมหวังแล้วใช่มั้ยกับความรักครั้งนี้? คนที่เธอตกหลุมรักถึงสองครั้ง...

หนึ่งความรักที่ฉันมีหมดใจนี้ฉันให้เธอ
จบแล้วการเดินทางอันโดดเดี่ยว
จากวันนี้ทั้งสองกายเราจะใช้หัวใจเดียว
ต่อเติมความผูกพันที่เรามี
จะใช้ทุกนาทีเพื่อรักเธอ
(สองกายหัวใจเดียว – ปาน ธนพร แวกประยูร)



เสียงเพลงจบลงแล้วแต่ความรักที่ลอยอบอวนอยู่รอบกายไม่ได้คลายลง ทุกสายตาหันไปมองยังคู่บ่าวสาวที่ซุ้มดอกไม้ใกล้กับเวที มันเป็นภาพที่ไม่มีใครลืมได้ลงแน่นอน เพราะมันสื่อให้ทุกคนที่มองเห็นได้รับรู้แล้วว่าทั้งสองผูกพันกันแค่ไหน

ร่างสูงไอย์ยืนอยู่อย่างมั่นคง ในอ้อมแขนของเขามีร่างเล็กๆ ของภรรยาอยู่ เขาอุ้มเธอขึ้นเหมือนกับอุ้มเด็กเล็กๆ มองเหมือนพี่ชายกำลังดูแลน้องสาว แต่ทุกคนรู้ดีว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น อย่างน้อยๆ ทั้งสองก็รู้ดีว่ามันคือความอบอุ่นที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้

เจ้าสาวขี้แยกำลังร้องไห้ สะอื้นกับซอกคอของสามี เธอไม่ได้เสียใจ แต่กำลังตื้นตันจนทำอะไรไม่ถูกน้ำตามันจึงไหลออกมาแทน เพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของผู้ชายปากหนักคนนี้

“ชีวิตของพี่เป็นของยุย...ตลอดไป”








< ตอนที่ 18



< ตอนที่ 20




Create Date : 25 กันยายน 2552
Last Update : 3 ตุลาคม 2552 15:21:15 น. 3 comments
Counter : 1050 Pageviews.

 

อ่านนิยายพี่ จบแร้ว ว

แต่ยัง อ่านหนังสือ สอบมะ จบเรย ย

T-T



โดย: หมูน้อยกลอยใจ IP: 222.123.177.216 วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:13:17:04 น.  

 
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ไปหาอ่านในบอร์ดไม่เจอ

เลยต้องตะกายมาหาอ่านเอาในนี้อ่ะ

กรี๊ดๆๆๆ หวานได้อีก กวนได้อีก ซึ้งได้อีก

ว่าแต่ ไหนอ่ะ ตอนจบของอีกเรื่อง ที่บอกว่าจะแต่งง่ะ

เค้าอยากอ่าน เพราะคนแต่งตัวจริง สะบัดหน้าหนีไม่แต่งแล้ว -*-


โดย: ลูกกรอก!!! IP: 125.24.144.102 วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:18:45:11 น.  

 
สุดยอดฮะ


โดย: nunkung IP: 58.8.141.241 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:9:19:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.