|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ECLECTIC METHOD & PHILIP JECK
สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน ผมหายไปนานจนมีคนปล่อยข่าวว่าถูกพ่อแม่จับส่งรพ.บ้าเหมือนนพ.ประกิตเผ่าเสียแล้ว ขอยืนยันว่ายังอยู่ที่บ้านตัวเองตามปกตินะครับ ส่วนจะบ้า/ไม่บ้าก็อีกเรื่องนึง
อีกประเด็นที่ต้องแถลง จากสโลแกนอาทิตย์ก่อนที่บอกว่าไปเขียนให้เวบไทยอินดี้ บางคนเลยเข้าใจผิดว่าย้ายไปอยู่กับไทยอินดี้แล้ว (ผู้อ่านท่านนึงถามได้หวาดผวามากว่า เดี๋ยวนี้กลายเป็นเด็กปุ่นไปแล้วเหรอ ฮ่าๆๆๆ) ไม่ได้สังกัดพรรคใดทั้งนั้นแหละจ้ะ เค้าก็แค่ชวนไปเขียนนิดหน่อยแค่นั้นเอง
หายไปตั้งนาน ทำอะไรมาบ้าง จะเล่าให้ฟัง
Eclectic Method Live in Bangkok (16 Mar 2007)
Eclectic Method ไม่ใช่ดีเจมิกซ์เพลง แต่พวกเขา มิกซ์มิวสิกวิดีโอ และด้วยความแม่นยำในการจับจังหวะแห่งการผสมผสานมิวสิกวิดีโอ, ภาพยนตร์, เสียงเพลงเข้าด้วยกัน ทำให้การแสดงสดของพวกเขาถูกพูดถึงไปทั่วอังกฤษ จนได้ฉายาว่า "the future of nightclub entertainment"
งานคราวนี้เค้าจัดที่ Club Culture คลับเปิดใหม่อยู่ตรงสถานีรถไฟฟ้าพญาไท เข้าใจว่ามันเจ้าของเดียวกับ Astra RCA นะ เพราะว่าแนวทางการจัดร้านเหมือนกันเป๊ะๆ แต่ที่ฮาคือ ตึกมันเหมือนเรือนไทยเลยสิเนี่ย (ตอนแรกเดินเลยไป นึกว่าเป็นภัตตคารหรูๆ) แถมวอลเปเปอร์รอบๆ ก็ยังเป็นลายไทยซะด้วย เก๋จริงๆ
วันนี้ก็ลุยเดี่ยวตามเคย (ทำมาทุกอย่างแล้ว กินข้าวคนเดียว, ลงเรียนคนเดียว, ดูหนังคนเดียว, ไปคอนเสิร์ตคนเดียว, เข้าผับคนเดียว ขาดแต่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเข้าอาบอบนวดคนเดียวเนี่ยแหละ) ไปถึงประมาณห้าทุ่ม คนไม่เยอะมาก แรกๆเป็นใครไม่รู้มาเปิดแผ่น แต่ตื๊ดส์มาก (หากไม่เข้าใจว่า ตื๊ดส์ แปลว่าอะไร โปรดติดต่อหลังไมค์) อยากเต้นแล้ว แต่มันยังไม่มีใครลงไปที่ฟลอร์เลย ก็เลยไปแลกเบียร์มาดื่มเล่นๆก่อน
ประมาณห้าทุ่มครึ่งสามหนุ่มจากอังกฤษก็ขึ้นแท่นดีเจ ครึ่งชั่วโมงแรกปรากฏว่าน้องเมอร์นิ่งสนิทครับ เพราะมันเปิดฮิปฮ็อปอ่ะดิ!! คือแนวนี้เค้าออกสเต็ปไม่เป็นอ่ะ ก็ได้แต่ยืนมองตาปริบๆ อยู่ข้างหลัง แถมไอ้เอ็มวีที่เค้าเอามามิกซ์ ก็ไม่รู้จักกับเค้าเล้ยยย (พวกแร็ปเปอร์ดำๆ ตูว่ามันก็เหมือนๆกันไปหมดอ่ะ แยกไม่ออก ฮ่าๆๆ) แต่ราวๆ เที่ยงคืนวิญญาณนักเศรษฐศาสตร์ก็เข้าสิง เสียตังค์ไปตั้ง 400 บาท จะมายืนทื่อเป็นท่อนไม้ได้ไงวะ ไม่ย๊อมมม!! ว่าแล้วก็เลยกระโดดลงไปที่ฟลอร์ (เอ่อ จริงๆก็แค่เดินลงไปนั่นแหละ) ว่าแล้วก็มั่วๆเนียนๆตามเค้าไป สักพักก็จับจังหวะได้เอง (Learning By Doing ครับพี่น้อง)
ช่วงกลางๆ ก็ดีหน่อย จังหวะเริ่มมันส์ขึ้น มีซาวด์แบบอิเล็กโทร/เทคโน เอ็มวีช่วงนี้ฮามาก มีตั้งแต่ Smell Like Teen Spirit-Nirvana, Sweet Dream (Are Made Of This)-Eurhythmics, Slow-Kylie Minogue ไปจนถึง Like A Prayer-Madonna ไม่รู้เอ็มวีพวกนี้มันมาต่อกันได้ไง ออกจะงงๆ แต่ก็เจ๋งดี พอครึ่งชั่วโมงสุดท้าย มันก็เปลี่ยนไปเล่นแนวอะไรของมันไม่รู้ แต่ออกจะคล้ายๆ Drum n Bass นะ ซึ่งก็เต้นไม่เป็นอีกล่ะ ใช้เวลาประมาณสองเพลงถึงจับจังหวะได้ว่า แนวเพลงนี้เค้าต้องใช้วิธี กระโดด ตามเพลงเอา ในที่สุดน้องเมอร์ก็พัฒนาขึ้นมาอีกขั้น (ตกลงมึงไปผับ หรือไปวัดเส้นหลินกันแน่เนี่ย)
ตีสองปุ๊บ เค้าก็เลิกทันที มีอังกอร์นิดหน่อย จากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับบ้าน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจากพญาไทมาถึงลาดพร้าว ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที (เร็วกว่ารถไฟฟ้าอีก!!) เหม็นบุหรี่มาก ทนไม่ไหว เลยไปอาบน้ำ จากนั้นก็เข้านอน
Philip Jeck Live in Bangkok (19 Mar 2007)
Philip Jeck น่าจะถือเป็น สถาปนิกทางเสียงเพลง มากกว่านักดนตรีทั่วไป เพราะ Jeck สร้างสรรค์เสียงเพลงด้วยแผ่นเสียงเก่าๆ และเครื่องเล่นแผ่นเสียงมือสอง นอกจากนั้นเขายังทำงานด้าน Visual Art และ Installation Art ด้วย
งานนี้เป็น closing event ของเทศกาล Bangkok International Festival (มันมีตั้งแต่เมื่อไร ตูไม่เห็นรู้เรื่อง??) จัดที่โรงหนังพารากอน พอเดินเข้าไปก็จะพบกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงเก่าๆโทรมๆวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะข้างหน้า (รู้สึกจะมี 13 ตัว) คนดูก็ค่อนๆโรง เป็นฝรั่งซะเยอะ (หลายคนคงไม่รู้ว่ามันมีงานนี้) รอสักพักก็มีพิธีกรมาเปิดงาน แล้ว Philip Jeck (ซึ่งอ้วนกว่าในรูปโปรโมตมากกกกก) ก็ขึ้นไปบนเวที
การแสดงของ Jeck ก็คือการเปิดแผ่นเสียงหลายๆตัวพร้อมกัน เปิดตัวนู้น ปิดตัวนี้ เดินไปเร่งเสียงตัวนั้น เบาเสียงตัวโน้น แล้วก็มีกดคีย์บอร์ด (โทรมๆ) พร้อมกับบิดๆหมุนๆเสียงแนว distort เป็นระยะ โดยรวมก็เป็น Noise Sound เสียส่วนใหญ่ เพราะงั้นก็เลยเห็นคนเดินออกไปบางส่วน (โดยเฉพาะที่มาเป็นคู่) ตอนท้ายก็เหลือกันครึ่งโรง ...สรุปว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่ไม่ควรเสร่อพาแฟนมาดู
ช่วงแรกๆ ซาวด์จะนิ่งๆ จนน้องเมอร์พาลจะหลับ แต่ตอนกลางๆ ไปจนถึงท้ายๆ จะแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้แรงจนต้องอุดหู (ตอนดูอีตาคุณพี่ Kikuchi Naruyoshi ในงาน SOI นี่หูแทบแตก) แต่เราว่าเค้าเจ๋งดีตรงการจับจังหวะเสียง เราคิดว่าตา Jeck แกต้องแยกประสาทหูได้ดีมากๆ แล้วก็เข้าใจว่าบางส่วนของโชว์ แกคงด้นสดๆ ขึ้นมาด้วย
เล่นไปได้ชั่วโมงนึง คุณพี่ก็จบการแสดง (เพราะถ้าเล่นนานกว่านี้คนดูอาจมีอันเป็นไป) พร้อมกับได้รับเสียงปรบมือจากคนดู (ที่ยังเหลืออยู่) อย่างท่วมท้น ...จริงๆ แกจะมีเล่นอีกรอบนึงตอนสามทุ่มด้วย เราก็เลยโทรไปชวนเพื่อนคนนึง กะว่าถ้าเค้ามา เราก็จะดูด้วยอีกรอบ แต่ปรากฏเค้าติดงาน ต้องไปเล่นดนตรีกับวง (เพื่อนคนนี้เล่น sex เอ๊ย! sax) สรุปก็ดูแค่รอบเดียว
เรื่องเซอร์ไพรส์คือ เจอป้าแต๋ว วาสนา วีรชาติพลี หน้าห้องน้ำซะด้วย ป้าแต่งตัวเปรี้ยวมาก ออกแนว gothic ทำใจอยู่สามวินาทีก็เลยเข้าไปไหว้แก แกถามว่า เมื่อกี้หนูหลับมั้ย ผมก็ตอบ เอ่อ ก็ไม่นะฮะ ผมฟังพวกนอยซ์ซาวด์ได้อยู่แล้วอ่ะครับ ป้าตอบว่า โห ป้าน่ะหลับสนิทเลย แหม ป้าก็นึกว่าจะแรงกว่านี้ นึกว่าจะมาแบบอาร์เคดไฟร์ซะอีก ...ดูสิคุณป้าแกรัก Arcade Fire ทุกลมหายใจจริงๆ นะ
นิทรรศการ International Print Exhibition, Japan and Thailand, Kyoto Hanga 2007
งานนี้จัดขึ้นที่หอศิลป์สิริกิติ์ ถ.ราชดำเนินกลาง พอดีวันนั้นไปประชุมรับน้อง (ผมแก่ป่านนี้ยังต้องไป คิดดูสิว่ากลุ่มกอไผ่ของผมรักกันขนาดไหน) แล้วเดาว่ามันมากันเลทแน่ๆ (ซึ่งก็เดาไม่มีผิด) ก็เลยแวะเข้าไปเดินในหอศิลป์นี้ก่อน
นิทรรศการนี้รวมภาพพิมพ์ของศิลปินชาวญี่ปุ่นและไทยไว้กว่า 100 ภาพ ดูแล้วก็สวยดี แม้จะไม่สามารถแยกได้ว่าภาพพิมพ์แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร (ที่จริงผมยังแยกภาพพิมพ์กับภาพเขียนไม่ออกด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เขียนบอกไว้)
ภาพที่ใช้โปรโมตในเวบ เป็นภาพของคนไทย ชื่อว่า 8AM ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการเสียดสีการ เคารพธงชาติเวลา 8 โมงเช้า ของเด็กนักเรียนไทย
นิทรรศการ HELL RISING
ถ้าใครไปดูหนังที่ลิโด้บ่อยๆ คงเคยเห็น WHITESPACE GALLERY บ้าง ตอนแรกเดินผ่านๆ เราก็ไม่กล้าเข้า (เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร) พอมารู้ว่ามันเป็น gallery ก็เลยลองดุ่มๆ เข้าไปดู ก็พบกับพี่สาวคนหนึ่งต้อนรับเราเป็นอย่างดี แถมยังถามเราด้วยว่า น้องทำงานอาร์ตด้วยป่าวคะ (ฮ่าๆๆๆ หน้าอย่างกูเนี่ยนะ ผสมสียังไม่ค่อยเป็นเล้ยยย)
ไอ้เราก็สงสัยเหลือเกินว่า gallery ไม่เก็บตังค์แบบนี้มันจะอยู่ได้ไงวะ สอบถามพี่สาวใจดี จึงได้ความว่าชั้นบนเค้าเป็นออฟฟิศออกแบบงานพวก interior design พอดีเจ้าของเค้าอยากให้มีพื้นที่แสดงศิลปะให้กลุ่มวัยรุ่นดู ก็เลยทำชั้นล่างเป็นที่แสดงงานนั่นเอง
ส่วนตัวงาน HELL RISING เป็นการตีความ นรก ของตัวศิลปิน (อภิชาต เอี่ยมวิจารณ์) ความน่าสนใจอยู่ที่วิธีการสร้างงาน เช่น การใช้วาดภาพบนหนังวัว การเผาหนังวัว หรือการเผากระดาษ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะดีใจมั้ย ถ้าจะบอกว่าชอบก้อน (อะไรก็ไม่รู้) ที่กองๆ อยู่บนพื้นๆ มากว่าภาพผีปีศาจบนฝาผนังเสียอีก
DATE MOVIE
ผมเพิ่งไปเดทมาเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีครับ
ซึ่งความจริงมันอาจจะไม่ใช่การเดทก็ได้ แต่พูดอีกแบบได้ว่า เป็นการดูหนัง ที่ไม่ได้ดูคนเดียวในรอบหนึ่งปี (หรือจริงๆ อาจจะมากกว่าหนึ่งปีก็ได้) เรื่องมันเริ่มจากว่า A (นามสมมติ) บอกกับผมว่าอยากดูหนังเรื่อง The Queen แต่ไม่มีใครไปดูด้วย (พอเข้าใจ ช่วงนี้คนคงแห่ไปดู หอแต๋วแตก ไม่ก็ บอร์ดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม กันหมด)
คืนวันพฤหัส ขณะผมกำลังนั่งคิดสองจิตสองใจว่าจะโทรไปชวน A ดูหนังดีมั้ย (ผมกับ A ยังไม่เคยโทรหากัน มีแค่ส่ง sms) แต่ทันใดนั้นวรมนเพื่อนรักก็โทรมาปรึกษาเรื่องสอบ TOEIC (ไอ้ที่ผมเมาๆไปสอบ แต่ดันได้ซะ 825 นั่นแหละ) แถมอยู่ดีๆ ก็มีสายซ้อนจาก ปุ่น ธัญสก ...ปุ่นก็บอกว่าจะมาบ้านผม !!!!!!!!!! (จขบ.ตกใจมากตามจำนวนเครื่องหมายตกใจที่ท่านเห็น)
โอ้ ทุกท่านอย่าเพิ่งคิดไปไกล (เรารู้นะว่าคุณคิดอะไร) คือคุณปุ่นแกจะมายืมเลคเชอร์ อ.แดง จากผมน่ะครับ (ปุ่นต้องรีบใช้มาก เพราะต้องไปสอนที่มหาลัยแห่งหนึ่ง) ก็เลยโทรกลับไปกลับมาบอกทางจนปุ่นนั่งแท็กซี่มาถึงบ้านผมจนได้ พอปุ่นกลับไป มองนาฬิกาก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน...A คงหลับแล้ว ผมเลยไม่กล้าโทรไป (หมายเหตุ คุณ A ทำงานแล้วจ้ะ ต้องนอนเร็ว ตื่นแต่เช้า ประมาณนั้น)
คืนนั้นผมก็นั่งคิดเรื่องของ A ต่อ จริงๆ ถ้าผมโทรไปพรุ่งนี้ตอนเที่ยงๆบ่ายๆก็ยังทัน แต่ผมรู้สึกไม่มั่นใจอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นเพราะผมอยู่คนเดียวมานานเกินไปก็ได้ ผมไม่รู้ตัวเองควรจะทำตัวอย่างไรหรือพูดอะไรเวลามีคนนั่งอยู่ตรงหน้า นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ผมลังเลไม่โทรไปหา A เสียที
แต่ระหว่างกลิ้งบนเตียงไปมา 36 รอบ ผมก็คิดได้ว่านั่นเป็นการคิดแบบเก่าๆ ถ้าเป็นปีสองปีก่อน เวลาผมจะไปเจอใครสักคนผมคงพยายามทำให้ตัวเองดูน่าประทับใจที่สุด ดูดีที่สุด อะไรเทือกนั้น แต่ด้วยตอนวัยตอนนี้ บวกกับความปลงโลกเล็กๆ ผมรู้สึกว่าการเป็นตัวเองนั่นแหละดีที่สุด คนเราที่อายุล่วงมาถึง 21 ปี คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว (เช่น ผมไม่สามารถเรื่องเล่าโดยปราศจากการวาดมือวาดไม้ประกอบ เป็นต้น)
อีกจุดหนึ่งก็คือ เรื่อง purpose ถ้าเราตั้งแง่ว่า จะไปเจอคนนั้นคนนี้เพื่อจะได้เป็นแฟนกัน เพื่อจะได้คบกัน ผมรู้สึกมันเป็นมุมมองที่บีบรัดตัวเองมากไป คืนนั้นผมเลย refresh ตัวเองใหม่ว่า เราจะไปกับเขา เพื่อให้ได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้น และอย่างน้อยที่สุดเราก็จะได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน ณ วินาทีนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่า subconscious คิดแบบนั้นหรือเปล่า
ในที่สุดเวลาเช้าตรู่ 06.19 ผมตัดสินใจกดโทรหา A (แน่นอนว่าผมยังไม่ได้นอน) ปรากฏว่า A ไม่รับสาย ผมเริ่มทำใจว่าคงอดดูหนังแล้ว ก็เลยละซึ่งทุกสิ่ง หลับตานอน...
แต่เหมือนชะตาลิขิต (ใช้คำลิเก๊ลิเก) ว่าผมต้องได้ดูหนังกับ A จู่ๆ ตอน 9 โมง ผมก็ตื่นขึ้นมาซะงั้น ผมก็เลยลองโทรหา A ดู ปรากฏว่าคราวนี้ A รับสาย (ขอเม้าท์: เสียง A ใหญ่มาก ผมนึกว่าจะถูกกะเทยหลอกไปดูหนังเสียแล้ว) สรุปว่า A ตอบตกลงไปดูหนังด้วย เจอกัน 6 โมงเย็นแถวลิโด้
หกโมงตรงเป๊ะ ผมซื้อตั๋วเสร็จสรรพ นั่งรออยู่บนลิโด้ แต่ทว่าเวลาผ่านไป 18.05 18.10 18.15 เธอก็ยังไม่ปรากฏกาย แต่ผมก็ไม่อยากโทรตาม เพราะมันดูจะเซ้าซี้ไปหน่อย เวลาเดินต่อ 18.20 18.25 และ 18.30 ผมตัดสินใจกดโทรหา A
เธอไม่รับสาย
วินาทีนั้น ภาพเหตุการณ์อันน่าหลอกหลอนเมื่อปีที่แล้วก็ย้อนเข้ามาในหัวสมองของผม หนึ่งปีก่อนผมถูกปล่อยให้รอหน้าโรงหนังเกือบ 3 ชั่วโมง โดยปราศจากเงาของผู้ที่นัดหมายไว้ ต้องยอมรับว่าความรู้สึกที่แวบขึ้นมาคือ กลัว กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง แต่ความกลัวนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ...ถ้ามันเป็นจริงก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรมากมาย ก็แค่กลับไปดูหนังคนเดียว ก็แค่นั้น...ผมพร้อมแล้วซึ่งทุกอย่าง ต่อให้โรงหนังลิโด้จะระเบิดผมก็ไม่หวั่นแล้ว (เอ่อ...พูดเล่นนะ ถ้าระเบิดจริง ชีวิตผมขาดที่พึ่งเลยนะครับ)
ขณะนั่งปลงอยู่ ทำนองเพลง เลิฟ เลิฟ ของโฟร์-มด ก็ดังขึ้น ...A โทรมา!! โอ พระเจ้าไม่เคยนึกเลยว่าเสียงโทรศัพท์จะทำให้คนดีใจได้ขนาดนี้ (คิดในใจพร้อมน้ำตาไหลพราก) A โทรบอกว่าตอนนี้อยู่โรงหนังสยามแล้ว กำลังเดินมา รอแป๊บนึง ...ช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างที่รอ A เดินมา ผมชะเง้อคอมองไม่ต่ำกว่า 60 รอบ (จริงๆ ไม่ได้พูดเล่น) และในที่สุด A ก็ปรากฏตัวตรงหน้าผม ...พร้อมกับการยืนยันว่าเธอเป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่กะเทย
ผมใช้เวลาอยู่กับ A ราวสามชั่วโมงกว่าๆ ถึงแม้มันจะไม่มากมายอะไร แต่ผมก็รู้สึกดี ...ผมคิดในใจว่าถึงมันจะไม่มีครั้งหน้า ถึงผมจะไม่ได้เจอ A อีกแล้ว มันก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยที่สุด A ก็เลี้ยงข้าวผม เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ...เอาใหม่ อย่างน้อยที่สุดผมก็ดีใจที่กล้าตัดสินใจจะก้าวไปข้างหน้า (หมายเหตุ: ผมออกค่าหนัง A ออกค่าข้าว แล้วคราวหน้าค่อยสลับกัน....ถ้ามีนะ)
เวลาประมาณสี่ทุ่ม เราแยกจากกันที่รถไฟฟ้า
A กลับบ้าน ส่วนค่ำคืนของผมยังอีกยาวไกล เพราะต้องไปงานของ Eclectic Method ต่อ ผมพูดส่งท้ายกับ A ว่า ถ้าอยากดูหนังแปลกๆ แล้วไม่มีคนไปดูด้วย ก็โทรหาเราแล้วกันนะ จากนั้นก็มอง A ขึ้นบันไดเลื่อน จนเธอหายไปลับตา พยายามจดจำภาพนั้นไว้ เพราะอาจไม่มี ครั้งหน้า อีกแล้ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา A ส่งเมสเซจมาหาผมว่า Enjoy your night na ka
คราวหน้าผมคงได้เลี้ยงข้าว A คืนบ้างแล้ว
แถม: รวมเรื่องชิทแตก
1. วันพุธก่อนอารมณ์เปลี่ยวไปเดินสวนลุมไนท์บาซาร์คนเดียว กะจะขึ้นชิงช้าสวรรค์เสียหน่อย (อยากรู้ว่าขึ้นชิงช้าสวรรค์คนเดียวมันรู้สึกยังไง) ปรากฏว่าแผนล้ม เพราะค่าตั๋ว 150 บาท แต่ตอนนั้นทั้งตัวมี 210 บาท ...ยังไม่พอ ตอนเดินๆไปก็หิวน้ำ เลยแวะซื้อไอติมจากร้านนึงที่ดูหรูๆหน่อย scoop นึงตั้ง 50 บาท แต่พอเดินมาอีก 10 ก้าว ก็เจอร้านไอติมโบราณราคาแท่งละ 10 บาท...เยี่ยมมากกกก!!!
2. ส่วนเมื่อวันเสาร์ไปดูหนังของไทยอินดี้ที่ Flip Cafe เดินๆ อยู่กลางซอยปรากฏว่ารองเท้าแตะขาด! แต่ด้วยใจรักในภาพยนตร์เลยไปแวะซื้อรองเท้าแตะฟองน้ำใน 7-11 (ทั้งนี้ขอขอบคุณ น้องรี่ + น้องอาร์ทที่เป็นธุระให้) ซึ่งไม่สามารถแม้แต่จะยัดนิ้วเท้าทั้ง 5 ของข้าพเจ้าเข้าไปได้ (แถมยังสีเขียวอื๋อ น่าเกลียดสิ้นดี) แต่ก็ยังฝืนสังขารลากๆ ไปจนถึงที่จนได้ (น่าอนาถจริงๆ บล็อกเกอร์ชื่อดังต้องมาอยู่ในสภาพนี้)....เพราะฉะนั้นกลุ่มไทยอินดี้ (โดยเฉพาะน้องเข้ และน้องเท็น) กรุณามอบรางวัล นักดูหนังดีเด่น ในเราด่วน!! (ปล.ซื้อรองเท้าแตะอันใหม่มาแล้ว ซื้อมาสองคู่เลย ฮึ่มๆๆๆๆ)
Create Date : 20 มีนาคม 2550 |
Last Update : 20 มีนาคม 2550 7:15:50 น. |
|
38 comments
|
Counter : 1485 Pageviews. |
|
|
|
โดย: merveillesxx IP: 161.200.255.162 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:7:50:54 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:7:59:30 น. |
|
|
|
โดย: merveillesxx IP: 161.200.255.162 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:8:20:05 น. |
|
|
|
โดย: สุด IP: 58.8.50.83 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:13:49:23 น. |
|
|
|
โดย: strawberry machine gun IP: 203.131.220.50 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:16:14:52 น. |
|
|
|
โดย: = w = IP: 58.9.173.121 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:17:50:37 น. |
|
|
|
โดย: สาว(สมอง)น้อย IP: 124.120.9.68 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:21:43:48 น. |
|
|
|
โดย: PATSONIC - จิปาถะ บันเทิง บล็อก IP: 125.25.188.60 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:22:10:59 น. |
|
|
|
โดย: DropAtearInMyWineglass IP: 85.230.109.33 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:22:11:01 น. |
|
|
|
โดย: DropAtearInMyWineglass IP: 85.230.109.33 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:22:13:04 น. |
|
|
|
โดย: ตุ้ย<a href="http://www.witcha.exteen.com IP: 58.8.123.69 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:4:18:43 น. |
|
|
|
โดย: ตุ้ย <a href="http://www.witcha.exteen.com> IP: 58.8.123.69 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:4:20:50 น. |
|
|
|
โดย: zoxmok IP: 58.165.141.195 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:6:19:14 น. |
|
|
|
โดย: iwalktheline IP: 61.7.133.83 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:17:35:11 น. |
|
|
|
โดย: ธาม IP: 210.86.142.112 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:17:41:14 น. |
|
|
|
โดย: ธาม IP: 210.86.142.112 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:17:45:30 น. |
|
|
|
โดย: merveillesxx (merveillesxx ) วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:17:51:07 น. |
|
|
|
โดย: โณ IP: 125.25.191.90 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:19:22:36 น. |
|
|
|
โดย: โณ IP: 125.25.191.90 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:19:29:54 น. |
|
|
|
โดย: Fernnie.* IP: 125.25.50.210 วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:0:45:37 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าชายแห่งทะเล IP: 203.113.37.6 วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:1:43:22 น. |
|
|
|
โดย: T-A-O-L IP: 203.113.32.6 วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:9:36:16 น. |
|
|
|
โดย: สุด IP: 202.28.62.245 วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:13:24:48 น. |
|
|
|
โดย: ;y= (วัชเจียเหว่ย ) วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:22:20:25 น. |
|
|
|
โดย: das Kino วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:23:20:30 น. |
|
|
|
โดย: tiktokthailand IP: 58.8.166.43 วันที่: 23 มีนาคม 2550 เวลา:13:47:28 น. |
|
|
|
โดย: grappa (grappa ) วันที่: 23 มีนาคม 2550 เวลา:21:20:00 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 24 มีนาคม 2550 เวลา:3:01:37 น. |
|
|
|
โดย: sweet IP: 202.44.8.100 วันที่: 24 มีนาคม 2550 เวลา:14:25:17 น. |
|
|
|
โดย: merveillesxx (merveillesxx ) วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:10:29:43 น. |
|
|
|
โดย: kwan ? GroovyAirline IP: 58.8.89.234 วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:17:36:57 น. |
|
|
|
โดย: น้ำแข็ง (lover ananda ) วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:22:47:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สิ่งที่ได้ดูระหว่างวันที่ 7-19 มี.ค.
อ่านคอมเมนท์ยาวๆ ได้ที่
//www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=71.0
1. Dreamgirls (2006, Bill Condon, B+)
ฉาก I'm Telling You หูแทบแตก
2. The Departed (2006, Martin Scorsese, B+)
ไร้เสน่ห์โดยสิ้นเชิง
3. Babel (2006, Alejandro Gonzalez Inarritu, A+)
ฉากในผับทำให้กลับบ้านมาร้องไห้อย่างเสียสติ
4. The Lives of Others (2006, Florian Henckel von Donnersmarck, A+)
5. Volver (2006, Pedro Almodovar, A)
อัลโมโดว๊า อัลโมโดวา
6. Venus (2006, Roger Michell, A+)
7. The Queen (2006, Stephen Frears, A)
8. โปรแกรม Cut-Out Animation from Russia & Europe ที่ Flip Cafe
8.1 Fox and Rabbit (1973, Yuri Norstein, B+)
8.2 Story of One Crime (1962, Fyodor Khitruk, A+)
8.3 Le Merle (1958, Norman McLaren, B+)
8.4 Fast Film (2003, Virgil Widrich, A-)
8.5 Princes and Princesses (1999, Michel Ocelot, A+)
9. โปรแกรม BIOSCOPE THEATRE LUIS BUNUEL
9.1 Un chien andalou (1929, Luis Bunuel, A-)
การดูหนังเรื่องนี้เป็นรอบที่สามไม่ได้ช่วยอะไรเลย (ฮา)
9.2 Los Olvidados (1950, Luis Bunuel, A-)
9.3 Viridiana (1961, Luis Bunuel, A+)
9.4 The Discreet Charm of the Bourgeoisie (1972, Luis Bunuel, A+)
9.5 The Castaway on the Street of Providence (1971, Rafael Castanedo + Arturo Ripstein, B-)
9.6 The Alphabet (1968, David Lynch, A+)
9.7 Dumbland (2002, David Lynch, A+++++)
เลวทราม ต่ำช้า เป็นที่สุด
10. โปรแกรม Unseen Thaiindie @ Flip Cafe
10.1 Home Alone (2004, เมธัส ฉายชยานนท์, B+)
10.2 Take a Message (2005, เมธัส ฉายชยานนท์, B+)
10.3 ไหล (I Dream) (2005, เมธัส ฉายชยานนท์, A)
10.4 หัวลำโพง (2004, จุฬญาณนนท์ ศิริผล, A+)
10.5 ฟ้าผ่า (2005, จุฬญาณนนท์ ศิริผล, A-)
10.6 บ้านทรายทอง (2006, จุฬญาณนนท์ ศิริผล, A+)
10.7 วัตถุทรงกลม (2007, จุฬญาณนนท์ ศิริผล, A)
10.8 A-DA-DA (2002, Sung Hwan Kim, A+)
10.9 The Blind Odyssey (Trailer) (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, A+)
10.10 Lost (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, B)
10.11 Cultural Post-It (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, A-)
10.12 Energy (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, B)
10.13 Heart of Human Needs (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, A-)
10.14 Circulo de Vide (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, B+)
10.15 Generation Synthetic Revolution (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล, A-)
11. DVD คอนเสิร์ต Best of Countdown Live 2006-2007 ของ Ayumi Hamasaki (2007, B+)
12. ละครเวที MOUTH (2006-2007, นิกร แซ่ตั้ง, A)
13. Eclectic Method Live in Bangkok @ Club Culture (16.03.2007, A-)
14. Philip Jeck Live in Bangkok @ Paragon Cineplex (19.03.2007, A)
15. นิทรรศการ International Print Exhibition, Japan and Thailand, Kyoto Hanga 2007 @ หอศิลป์สิริกิติ์ (2007, A)
16. นิทรรศการ HELL RISING @ Whitespace Gallery (2007, อภิชาต เอี่ยมวิจารณ์, B+)
17. นิทรรศการ Japan Sensation @ Paragon Cineplex (2007, B)