TRAVIS Live in Bangkok
by merveillesxx
Travis & Simple Plan Live in Bangkok Tue 29 July 2008 Impact Arena Ticket 3000 2500 1500 1000 600
วันนี้ได้กลับสู่การดูคอนเสิร์ตอีกครั้ง หลังจากร้างลาวงการไปหลายเดือนทีเดียว ตามปกติแล้วก็มักจะเดินทางไป/กลับคนเดียวไม่ง้อใคร แต่คราวนี้รู้มาว่าพวกทีมงานฟิ้วไปดูกันทั้งกอง ก็เลยจะขอติดรถวรรณแววไปด้วย แล้วถึงไปสายก็ไม่ซีเรียสเท่าไร เพราะ Simple Plan ก็ไม่ได้อยากดูอะไร
ไปถึงออฟฟิศไบโอก่อน 5 โมงนิดๆ แอ็คบอกเราว่าจะออก 5 โมง แต่ปรากฏว่าเค้ามีประชุมกองกัน (ที่นี่ประชุมกันโดยนั่งคุยกันที่พื้น 555) ไอ้เราก็เสร่อฟังไปด้วย จน 5 โมงครึ่งก็แล้ว, 6 โมงก็แล้ว, 6 โมงครึ่งก็แล้ว ...เฮ้ย ประชุมไม่เสร็จสักที มันนานไปแล้ว! สรุปกว่าจะได้ออกก็เกือบทุ่ม แถมยังต้องไปหา แวววรรณ (น้องสาวแฝดของวรรณแวว...โอ๊ยงง!) ที่เอสพลานาดก่อนอีก ยัง ยังไม่พอ สาวๆ ยังขอกินข้าวก่อนด้วย สรุปว่าไปกินกันที่เย็นตาโฟเครื่องทรง (โอว กินครั้งสุดท้ายตอนปีสองนู่น)
แต่จริงๆ ทุกคน (งานนี้มี 6 คน ได้แก่ เรา, วรรณแวว, แวววรรณ, แต๊ก, แอ็ค, พี่แอน) ก็ไม่รีบอะไรเลย เพราะทุกคนก็อยากดูแต่ Travis ...ยกเว้นน้องแอ็คที่อยากดูทั้งสองวง ณ โมเมนต์นี้น้องแอ็คก็เลยดูท่าทางกระสับกระส่ายเหมือนปวดฉี่ตลอดเวลามากๆ แม้ปากจะบอกว่าปลงแล้ว ไปไม่ทันแน่นอนแล้วก็ตาม
ระหว่างกินกันอยู่พี่เอกเช้า ซึ่งอยู่ที่อิมแพ็คแล้วก็โทรมา เราก็เลยบอกพี่เค้าไปว่าถ้า Simple Plan เริ่มเล่นแล้วช่วย sms มาด้วย (นี่เป็นแผนการกดดันไอ้แอ็คไปในตัว 555) แถมกินข้าวเสร็จแล้ว ก็ยังไม่ได้ไปง่ายๆ เสียที เพราะคนนึงก็ไปเข้าห้องน้ำ อีกคนไปล้างมือ อีกคนไปซื้อไอติม อีกคนไปเอาใบเสร็จมาปั๊มบัตรจอดรถ และบลาๆๆๆๆๆ ตามสูตรคนเยอะเรื่องแยะนั่นแหละ
พอไปถึงรถได้ แอ็คก็ขออาสาเป็นคนขับเอง ก็วางแผนว่าจะไปขึ้นทางด่วนกันที่พระราม 9 แล้วไปลงที่อิมแพ็คโลดเลย แต่เจอแค่ด่านแรกก็อ่วมแล้ว เพราะว่าลานจอดรถที่เอสพลานาดเนี่ย มันจะซอยย่อยมาก ชั้นนึงมันย่อยเป็น 3 ชั้น แล้วพวกเราจอดรถที่ชั้นสาม นั่นก็คือ แล้วต้องวนๆๆๆๆ รถประมาณ 9 รอบ (อีห่า) ขนาดคนไม่เมารถอย่างเราก็เมาได้
จากเอสพลานาดไปทางด่วนก็รถติดนิดหน่อย แต่พอถูไถ พอขึ้นทางด่วนไอ้แอ็คมันก็เหยียบ 100 เลย แต่พอสองทุ่มพี่เอกเช้าก็ sms มาบอกว่า Simple Plan เริ่มเล่นแล้ว แอ็คมันก็เหยียบ 120 ทันที (ฮา) ระหว่างนี้เราก็ไซโคมันไปเรื่อยๆ เช่น "โอ๊ย อย่าคิดมาก แกซื้อบัตร 600 ก็คิดว่าเสียไป 300 เอง" "แหม อย่างน้อยก็ไปทัน 2 เพลงสุดท้ายแหละ" "เอาน่า เดี๋ยวใน pantip ก็มีคนมาเล่าบรรยากาศ" ฯลฯ นอกจากนี้การเดินทางก็ยังช้าไปอีก เนื่องจากสองแฝด วรรณแวว & แวววรรณ ถกเถียงเรื่องเส้นทางกันตลอดเวลา เช่น เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา, กลับรถอันไหน, ลงทางออกไหน และอีกมากมาย
แต่ในที่สุดพวกเรา 6 ชีวิตก็มาถึงอิมแพ็คประมาณ 20.40 เราดูบัตร 3000 ส่วนอีก 5 คนดู 600 ก็เลยต้องแยกกันชั่วคราว เข้าไปถึงที่นั่ง แบบว่าทั้งแถวมีเรานั่งอยู่คนเดียว หลอนมาก (ก็ตามคาดคือ ที่เหลือเค้าเข้ามาตอน Travis เล่น) ตอนนั้น Simple Plan ก็ยังเล่นอยู่ ก็เล่นใช้ได้ทีเดียว ระบบเสียงก็ดี แต่เราไม่รู้จักเพลงวงนี้เลย (นอกจากไอ้เพลง Shut Up ที่มันโฆษณา) ก็เลยส่ง sms หาเพื่อนๆ ที่อยู่ในงาน สนุกดี รู้สึกเราทุกคน connect กันได้ และเพื่อนๆ แต่ละคนก็แสบมาก ส่วนใหญ่ส่งมาบ่น Simple Plan เช่น "Simplan is so loud" "This is so noisy" "I'm fucking boring" (ฮา) สรุปว่าช่วงนี้อ่าน sms มันส์กว่าดูคอนเสิร์ตอีก
จากนั้นก็เลยหันมาสังเกตผู้คน พวกเด็กๆ ที่อยู่ข้างหน้า (บัตรยืน) เค้าก็ดูสนุกกันดีนะ เห็นแล้วจะแอบสะท้อนใจตัวเองว่าสมัยก่อนชั้นก็เคยอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน (ตอน Coldplay มาเล่นนี่ดิฉันอยู่แถวสองจากข้างหน้าเลยนะคะ ได้เห็น คริส มาร์ติน น้ำลายยืดด้วย / ส่วนตอน KoRn นี่อยู่หน้าสุดเลยค่ะ หลังแทบหัก) แต่ ณ ตอนนี้สังขารมิอำนวยแล้ว ขอเฉดหัวตัวเอง (ยืมคำนี้มาจาก แตงโม-ภัทรธิดา 5555) มาอยู่บัตรนั่งอย่างถาวร
ในที่สุด Simple Plan ก็เล่นจบ แล้วเค้าก็มี intermission พี่เอกเช้าก็โทรมาตามตัวเรา เพราะวันนี้นัดว่าจะเอาแผ่นซีรี่ส์เรื่อง Last Friends มาให้ (แลกซีรี่ส์ญี่ปุ่นในคอนเสิร์ตฝรั่ง เก๋โคตร) เจอกันก็เม้าท์กันพอประมาณ แล้วก็กลับเข้าไปในงาน ตอนนี้แถวเราก็มีคนมานั่งเต็มแล้ว แต่ที่งงมากคือ อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนนึงผ่านหน้าเราไป แล้วก็พูดว่า "อ้าว คุณเมอร์" แล้วจากนั้นก็เดินจากไป ปล่อยเราให้เรางุนงงต่อไป (จนจบคอนเสิร์ตก็ยังไม่หายงง 555) ถ้าคุณคนนั้นอ่านอยู่ ก็ช่วยแสดงตัวด้วยนะครับ
รอไม่นานเท่าไร Travis ก็เริ่มเล่น แล้ววงนี้มันก็บ้ามาก ปกติเค้าต้องเริ่มด้วยเพลงคุ้นๆ ก่อน อีนี่ดันเล่นเพลงใหม่ (Chinese Blues) ซะงั้น เล่นเอาคนดูงงแดก ยื่นนิ่ง แถมยังต่อด้วยเพลง Pipe Dreams (ซึ่งไม่ใช่ซิงเกิ้ล) ก็อึ้งอีกรอบ แต่พอเพลงสาม Writing to Reach You คนดูค่อยเฮหน่อย จริงๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่เราชอบที่สุดของ Travis เลย แต่มาเล่นตั้งแต่แรกๆ แบบนี้ก็เลยไม่ค่อยพีคเท่าไร แล้วที่สำคัญ...ซาวด์ช่วงนี้มันนรกมาก!!! ไม่รู้มีแกล้งกันป่าว เพราะซาวด์ตอน Simple Plan ก็ดีเชียว แบบว่ามันห่วยไปประมาณ 5 เพลงเลยมั้ง เราสังเกตเลยว่าพวก Travis เค้าออกอาการหงุดหงิด อีตาฟรานนี่เตะขาไมค์ล้มเลยทีเดียว เฮ้อ...
แต่พอช่วงหลังๆ ซาวด์ก็ดีขึ้นหน่อย (แต่ก็ไม่ได้ดีมาก) เล่นไป 5 เพลง ฟรานก็เพิ่งจะพูดกับคนดู (วงนี้พูดไม่ค่อยเยอะ ไม่เหมือน Simple Plan อ้อนแฟนๆ ทุกเม็ด) แกบอกว่าช่วยเปิดไฟหน่อย อยากเห็นหน้าคนดู แล้วถ้าจำไม่ผิดก็พูดประมาณว่าจริงๆ เราควรจะได้เล่นที่เล็กกว่านี้ แต่มีคนมาดูเยอะขนาดนี้เราก็ดีใจมาก อะไรเทือกนี้แหละ จากนั้นก็เล่นแต่เพลงฮิตๆ Beautiful Occupation, Side, Love Will Come Through ช่วงนี้บรรยากาศก็เลยคึกคักขึ้นมาหน่อย อ้อ แล้วงานนี้เราก็ค่อนข้างโชคดีว่า คนข้างๆ เราเป็นแฟนกัน แต่เค้าก็นั่งดูกันเรียบร้อยดี ไม่เบียดเบียนอะไรเรา อันนี้ดีใจจนแทบร้องไห้เลยทีเดียว (หลังจากซวยเจอเกรียนไฮโซมาบ่อยๆ) อนึ่ง ที่บล็อคข้างๆ เรา มีคุณพี่ผู้ชายคนนึงที่ดูมันส์มาก แกยืนตลอดทั้งงาน แล้วก็โยกตัว โบกไม้ โบกมือ สุดฤทธิ์มาก ยังกะดูอัสนีย์วสันต์ รู้สึกว่าดูแกเต้น อาจจะมันส์กว่า Travis เล่นอีก 555
อีกสิ่งที่สังเกตได้อย่างนึง แล้วสะท้อนใจมากคือ พวก Travis มันแก่ขึ้นจมเลย! พี่ฟรานของเดี๊ยนนี่แทบจะหัวล้านโดยสมบูรณ์แบบแล้ว ทั้งที่แต่ก่อนหน้าเอ๊าะมาก (ยังจำได้ว่าตอนเห็นเอ็มวีเพลง Closer ยังตกใจ นึกว่ามันไปถูกรถชนหน้ายับมา) จะมีก็แต่พ่อมือเบส Douggie นั่นแหละที่ยังดูเท่อยู่ (อันนี้คนโปรดของดิฉันค่ะ หลงรักมาตั้งแต่เห็นแวบแรก 555)
โอเค กลับมาที่คอนเสิร์ต พอถึงเพลง Closer ก็มีโมเมนต์ประทับใจมากๆ ตอนปล่อยให้คนดูร้อง เสียงก็ลั่นฮอลล์เลยทีเดียว (ตรงท่อน Closer, Closer, Lean on me now, lean on me now) ทำให้นึกถึงที่ฟรานให้สัมภาษณ์ว่าเค้าประทับใจมากที่ไปเจอคลิปเด็กไทยเล่นเพลง Closer ใน youtube จากนั้นเค้าก็ต่อด้วยเพลงดังอย่าง Sing ก็เรียกเสียงกรี๊ดได้มากทีเดียว
จากนั้นก็เป็นโซนเพลงจากอัลบั้มใหม่ 4 เพลงรวด (J. Smith, Something Anything, Long Way Down, Song to Self) ซึ่งเราก็ฟังเพลินๆ นะ คือรู้สึกว่าซาวด์มันน่าสนใจดี เหมือนจะกลับไปร็อคเข้มๆ เหมือนชุดแรก (Good Feeling, 1997) พอเล่นเป็นคอนเสิร์ตก็เลยยิ่งมัน (ถึงตอนนี้คุณพี่ที่โยกมันๆ ที่บล็อคข้างๆเราได้หายตัวไปลึกลับเสียแล้ว ไม่รู้ว่าถูกอุ้มไปเหมือน จา พนม หรือเปล่า) หลังจากนั้น Travis ก็ไปย้อนเพลงเก่าสุดๆ อย่าง Driftwood, All I Want To Do is Rock และ Turn แล้วก็หายเข้าเวทีไปแป๊บนึง (อนึ่ง เพลง Re-offender ถูกตัดทิ้งไป แต่อาจจะดีแล้ว เพราะเพลงมันเศร้าหงอยเหลือเกิน เดี๋ยวยิ่งหลับกันอีก)
พอถึงช่วง encore ก็น่ารักมากๆ เพราะพวก Travis เล่นเพลง Flower in the Window เป็นเวอร์ชันกีต้าร์โปร่งตัวเดียว แล้วสมาชิกทั้งหมดก็มายืนประสานเสียงกันตรงกลางเวที โอว แบบว่าร้องเพลง กรี๊ดไป กดถ่ายรูปแบบชนิดไม่ยั้ง (แต่ใช้ไม่ได้สักรูป 5555 ก็อย่างว่ากล้องมือถือง่ะ) มองลงไปข้างล่างนี่ถ่ายรูปกันชนิดไม่มีบันยะบันยัง
มาถึงเพลงสุดท้ายที่เรา (และทุกคนในงาน) รอคอย แน่นอนเพลง Why Does It Always Rain On Me นั่นเอง นี่แหละเป็นเพลงเดียวของ Travis ที่เราร้องได้แบบเต็มเพลง (5555) แล้วก็แบบพีคมาก เพราะฟรานบอกให้คนดูทั้งฮอลล์ลุกขึ้น แล้วก็กระโดดเด้งๆ ไปด้วย (ที่ฮาคือ มีคนบ้าจี้เอาร่มขึ้นมากาง แถมเยอะด้วย ประมาณ 3-4 คนได้) ช่วงนี้แบบว่า power มันล้นงานจริงๆ ระหว่างที่เรากระโดดไป ร้องแหกปากไป มันทำให้เราเหมือนกลับไปอายุ 15 อีกครั้ง ทำให้นึกถึงตอนรู้จักกับ Travis ครั้งแรกด้วยเพลงนี้ ตอนดูเอ็มวีครั้งแรกทางเคเบิ้ลทีวีแล้วกรี๊ดชอบ ตอนที่นิตยสาร POP เชียร์เพลงนี้ ตอนที่สั่งให้เพื่อนไรท์เพลงนี้ให้แล้วดันเขียนชื่อเพลงผิด หรือตอนที่นั่งตีความเพลงนี้กับเพื่อนในห้อง คิดไปคิดมาน้ำตาพาลจะไหล...
และแล้วเพลงก็จบลง Travis ก็ลาเวทีไป ปากก็บอกว่า See You Soon แต่เราก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก 555 ก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นจริง (ครวหน้าขอแบบเดี่ยวๆ เต็มๆ นะพี่)
ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนนี้ภาพคนทั้งฮอลล์กระโดดเด้งไปมาก็ยังติดตาเราอยู่
ป.ล.1 ขากลับ วรรณแววและแวววรรณก็ยังไม่เลิกเถียงเรื่องเส้นทางกัน จนในที่สุดเราก็ขึ้นทางด่วนผิดอัน อย่างไรก็ดี ทุกคนถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
ป.ล.2 ขอบคุณ วรรณแวว/แวววรรณ ที่เอื้อเฟื้อรถโดยสาร + แอ็คที่ขับรถทั้งขาไปและขากลับ
SETLIST
1. Chinese Blue 2. Pipe Dreams 3. Writing to Reach you 4. Selfish Jean 5. Eyes Wide Open 6. Beautiful Occupation 7. Side 8. Love Will Come Through 9. Closer 10. Sing 11. J.Smith 12. Something Anything 13. Longway Down 14. Song to Self 15. Driftwood 16. All I want to do is Rock 17. Turn encore 18. Flowers In The Window 19. Why Does It Always Rain On Me
Create Date : 30 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2551 5:33:53 น. |
|
29 comments
|
Counter : 2464 Pageviews. |
|
|
|
The Happiest Days of Our Lives
2008 / 4.32 mins / Documentary
Director: Kanchat Rangseekansong
สารคดีของกระผม ได้ฉายอีกครั้ง
ในงานหนังสั้นมาราธอน ของมูลนิธิหนังไทย
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2551 เวลา 15.00
ณ ห้อง Asylum อาคารอาณารักษ์ ชั้น 3 สีลมซอย 3 (ข้างธนาคารกรุงเทพ สนง.ใหญ่)
ดูรายละเอียดได้ที่ //www.thaifilm.com