...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
5 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 

ขับรถเที่ยวก่อนเหี่ยวตาย ๙

เจอศิษย์กตัญญู ๒
(ขอจบการท่องเที่ยวเสียที ต่อไปจะวกไปเขียนบทกลอน หรืออะไรอีกต่อ)

เราพักผ่อนอยู่ที่บ้านอาจารย์ประสิทธิ์หลายชั่วโมง ก่อนผมจะเอ่ยปากลา เพื่อลงไปยังเกาะคอเขา เกาะในอดีตที่ผมเคยอยู่ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๐๙-๒๕๑๒

ผมขับรถเข้ามาถึงท่าเรือบ้านน้ำเค็ม เมื่อเวลา ๑๖.๓๐ น. ของวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ ทางเข้าเป็นถนนคอนกรีต อยู่เลยตลาดย่านยาว ย้อนกลับไปทางภูเก็ตอีกครั้ง มีตลาดเล็ก ๆ ชื่อตลาดบางม่วง ขับเลยตลาดบางม่วงไปประมาณ ๒๐๐ เมตรก็มีทางแยกเลี้ยวขวา แต่ถ้ามาจากภูเก็ตเลี้ยวซ้าย บอกไว้เผื่อใครมาอ่านแล้วอยากไปเที่ยวนะครับ


ที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม มีแพขนานยนต์อยู่ ๒ เจ้าคือ เจิน เจิน รีสอร์ท และ เกาะคอเขารีสอร์ท ผมขับรถลงแพของเกาะคอเขารีสอร์ท ซึ่งมีรถบรรทุก ๖ ล้อและรถกระบะลงไปอยู่แล้ว ๒ คัน ผมเป็นคันที่ ๓ เสียเวลาอยู่บนแพขนานยนต์ราว ๑๕ นาทีก็ถึงฝั่งเกาะคอเขา ค่านำรถข้ามแพไปกลับ ๓๐๐ บาท แต่ผมไม่ต้องจ่าย เพราะกำนันสุดเจ้าของแพ คงจะสั่งพนักงานไว้ในทำนองว่า
“เวลา ๕ โมงจะมีคนแก่ ๆ ขับรถเก๋งมาลงแพ คนนั้นเป็นอาจารย์ของผม(เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน) ให้ต้อนรับท่านด้วย”

หลังขึ้นจากแพ ผมขับรถไปตามถนนอันปูลาดด้วยคอนกรีต และเมื่อขับไปอีกราว ๕๐๐ เมตรเป็นถนนใหญ่ลาดยางระดับมาตรฐาน เมื่อขับช้า ๆ ไปอีกราวสิบ ๕ กิโลเมตรด้านซ้ายมีป้ายบอก เกาะคอเขารีสอร์ท และมีภาษาอังกฤษกำกับว่า Koh kho khao resort ถนนเป็นทรายตัดผ่านป่า หลังจากเลี้ยวซ้ายแล้วขับเลาะรั้วลวดหนามไปเรื่อย ๆ ก็มาเจอประตูรั้วเหล็กโปร่ง มียามหรือพนักงานคอยเลื่อนประตูเปิดให้ ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่า ถ้าไม่ใช่แขกของโรงแรมจะไม่มีสิทธิผ่านเข้าไป

(บ้านพักสร้างใหม่หลังคลื่นสึนามิ)

ผมจอดรถบนลานทรายใกล้ ๆ อาคารรับแขกหรือเคาเตอร์เช็กอินของรีสอร์ต ซึ่งสร้างด้วยอิฐปนไม้ ผ่านการออกแบบและตกแต่งโดยสถาปนิกอย่างหรูหรา ทั่วบริเวณร่มรื่นไปด้วยต้นมะพร้าวและพืชพรรณไม้ที่ปลูกประดับในกระถางก่อนแล้วจึงฝังลงดิน เพราะดินเป็นทรายร่วนแบบทรายชายหาด ด้านหน้าเมื่อมองออกไปเห็นทะเลกว้างโล่งลิ่ว และเมื่อดึงสายตากลับมามองกวาดไปรอบ ๆ ก็เห็นเรือนพักที่ปลูกไว้หลายลักษณะและหลายขนาด


(นกตัวนี้เหมือนสัญลักษณ์ของเกาะคอเขารีสอร์ท และมันปลอดภัยจากคลื่นสึนามิ)

ที่อาคารของแผนกต้อนรับ กำนันสุข หรือกำนันสุดจิตร ลิ่มพานิช เจ้าของรีสอร์ตรีบลุกยืนทักทายและเชื้อเชิญเราทั้ง ๓ เข้าไป ผมรู้สึกเหมือนกับหลุดเข้ามายังโลกอีกโลก เป็นโลกใบใหม่ที่ซ้อนทับโลกใบเก่า หลับตาเห็นภาพตอนที่ผม นำรถจักรยานถีบและจักรยานยนต์มาใช้บนเกาะนี้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ - ๒๕๑๒ ตอนนั้นผมเป็นครูใหญ่(เพราะสอนอยู่คนเดียว มีนักเรียน ๖๒ คน ชั้น ป.๑ ถึง ป. ๔) แต่ผมไม่อยากให้ตนเองถูกกักขังอยู่บนเกาะ เพราะเดือนหนึ่ง ๆ ผมมีสิทธิ์ที่จะขึ้นฝั่งได้เพียง ๑ ครั้ง คือทุก ๆ วันสิ้นเดือน เพื่อไปประชุมและรับเงินเดือนที่กิ่งอำเภอคุระบุรี โดยไปกับเรือกำนันบนเกาะ กำนันขับเรือยนต์แล่นผ่านทางด้านหัวเกาะที่เป็นกิ่งอำเภอเก่า ไปเข้าคลองตะกั่วป่าในเขตตำบลบางนายสี มาขึ้นฝั่งที่ตลาดย่านยาว แล้วนั่งรถสองแถวต่อเข้าไปที่คุระบุรีระยะทางอีก ๕๕ กิโลเมตร (ตอนนั้นเกาะคอเขาไปขึ้นกับกิ่งอำเภอคุระบุรี ไม่ใช่อำเภอตะกั่วป่าอย่างปัจจุบัน)


(ลานจอดรถในรีสอร์ท ตอนผมมาก่อนสึนามิยังไม่หรูหราขนาดนี้)

แต่ผมอยากที่จะขึ้นจากเกาะให้ได้ในทุก ๆ วันหยุด ครั้งแรกสุดผมจึงซื้อจักรยานถีบคันหนึ่งนำลงมาใช้บนเกาะ วันเวลาใดที่ด้านตะวันตกของเกาะมีน้ำลงจัด หาดจะกลายเป็นดินแข็ง ผมถีบรถจักรยานอาศัยลมทะเลส่งท้ายทำให้จักรยานแล่นฉิว เพื่อมาลงเรือข้ามฟากที่บ้านปากเกาะ (ฝั่งเกาะคอเขาตรงข้ามกับฝั่งบ้านน้ำเค็มเรียกบ้านปากเกาะ) ในทุกครั้งที่จะขึ้นจากเกาะหรือกลับลงไปสู่เกาะ

ระยะทางบนเกาะเมื่อดูจากแผนที่ทางอากาศ จากหัวเกาะบ้านนอกนา ถึงท้ายเกาะบ้านปากเกาะ ระยะทาง ๑๗ กิโลเมตร แต่เวลาถีบจักรยานผมต้องอ้อมหัวแหลม ชื่อแหลมทับแขก จึงต้องเพิ่มระยะทางอีก ๑ กิโลเมตร พอขึ้นฝั่งบ้านน้ำเค็มต้องถีบจักรยานไปอีกประมาณ ๓ กิโลฯ จึงจะถึงตลาดบ้านบางม่วง จากตลาดบ้านบางม่วง ถีบไปตลาดย่านยาวอีก ๙ กิโล จากตลาดย่านยาวถีบต่อไปอีก ๗ กิโลฯ จึงจะถึงตลาดตะกั่วป่า ผมไม่เหนื่อยเลยสักนิดเดียว (เพราะมีคนรักอยู่ที่ตลาดตะกั่วป่า) แต่พอขากลับลงเกาะผมแทบจะตาย…

(บ้านพักแบบราคาถูก แต่น่าพักมาก)

เพราะขากลับต้องถีบจักรยานต้านลม ยิ่งถ้าไปเจอตอนที่น้ำทะเลขึ้นสูง ผมจะต้องถีบจักรยานไปบนทรายหล่ม บางที่ต้องแบกจักรยานข้ามลำบาง โดนคลื่นซัดล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะไปถึงโรงเรียนบางวันเที่ยงหรือบ่าย ถึงโรงเรียนแต่ละครั้งผมกะปลกกะเปลี้ย หมดแรง ร่างกาย หน้าตา เสื้อผ้า มอมแมมเหมือนโดนสุนัขไล่ฟัด ช่วงต่อมาผมจึงหันมาใช้รถจักรยานยนต์

ที่บ้านปากเกาะและบ้านน้ำเค็ม เมื่อผมจะข้ามฟากแต่ละครั้งจะมีชาวบ้านช่วยยกจักรยานถีบหรือหามรถจักรยานยนต์ลงเรือหางยาว พาข้ามฟากให้ทุกครั้งโดยไม่คิดเงิน ชาวบ้านสมัยนั้นนับถือครูเหมือนพระ แม้ว่าผมจะไม่เคยสอนลูกเขาก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมมานึก ๆ แล้วน่าภูมิใจยิ่งนัก

วันหนึ่งน้ำลงจัดตอนเช้ามืด แต่ผมขับรถจักรยานยนต์จากตะกั่วป่ามาถึงบ้านน้ำเค็มเมื่อเวลา ๑๐ นาฬิกา พอขึ้นจากเรือสู่บนเกาะ ปรากฏว่าน้ำทะเลขึ้นสูงท่วมหาด ผมต้องขับจักรยานยนต์บุกไปบนกอผักบุ้งทะเลและทรายหล่ม บางที่ขับบนชายหาดไม่ได้ต้องขับบุกขึ้นไปบนป่าสน เครื่องยนต์ทำงานหนักรถจักรยานยนต์เก่า เกิดอาการเครื่องรวนทันที พอหันกลับลงสู่ชายหาดก็ต้องคอยเล่นหยอกล้อกับคลื่น คือ พอคลื่นหดตัวลงสู่ทะเลผมก็ขับรถไป พอคลื่นซัดขึ้นมาผมก็ขับหนีคลื่นขึ้นหาขอบหาด ทำอยู่อย่างนี้จนไปถึงปากบาง ซึ่งอยู่ครึ่งทางที่จะไปโรงเรียน อันอยู่ใกล้ กับบ้านโกเจียว ลิ่มพานิช (หรือเกาะคอเขารีสอร์ทของกำนันสุขในปัจจุบัน)

เวลานั้นบ่ายสามโมงโรงเรียนเลิก น้ำในลำบางลึกครึ่งแข้ง แต่ผมเคยพบวิธีเมื่อต้องผ่านร่องน้ำสั้น ๆ คือรีบขับลุยไปให้เร็วที่สุด อย่าให้น้ำทันเข้าหัวเทียนหรือเข้าท่อไอเสีย ผมเคยทำแบบนั้นมาได้ผล แต่วันนั้นรถกลับติดหล่มทรายในลำบาง และล้มลงทันทีทั้งรถและคน

เมื่อผมพยายามยกรถ หล่มทรายกลับดูดล้อหลังของรถของผมไว้ และจมลงไปเรื่อย ๆ ผสมกับคลื่นที่ซัดสาด ผมพยายามฉุดรถขึ้นแต่ฉุดขึ้นได้เพียงล้อหน้า ล้อหลังจมลงไปเกือบครึ่งคัน ผมกำลังจะหมดหนทางและหมดหวัง ที่จะเอารถจักรยานยนต์ขึ้นจากหล่ม ก็พอดีพี่ ๆ ๓ คนของเด็กชายสุดจิตรและเด็กชายสุดจิตร กลับมาจากโรงเรียนเดินมาตามชายหาดมาทันผมในเวลาที่คับขันนั้นพอดี

ทั้งสี่ช่วยกันดึงรถของผมขึ้นจากหล่ม แต่เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด เด็กทั้งสี่ต้องช่วยเข็นรถผมขึ้นไปเนินเหนือหาดและผมต้องนอนพักที่บ้านโกเจียว พ่อของเด็กชายสุดจิตร ๑ คืน และโกเจียวใช้ความรู้ที่เคยแก้เครื่องยนต์เรือ ช่วยแก้ไขจนทำให้รถจักรยานยนต์ของผมสตาร์ทเครื่องติด และผมสามารถใช้ขับพาเด็กทั้งสี่นั่งซ้อนท้ายไปโรงเรียนในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ระหว่างทางเครื่องยนต์ติด ๆ ดับ ๆ ผมได้อาศัยเด็กทั้งสี่ ช่วยกันเข็นรถขึ้นจากหาดสู่เนินทรายอันสูงชัน ซึ่งผมหมดความสามารถที่จะพารถขึ้นไป ถ้าหากขับมาคนเดียว และผมเข็ดหลาบไม่นำรถจักรยานยนต์มาใช้อีกเลย นับตั้งแต่บัดนั้น

แต่วันนี้กำนันสุข หรือนายสุดจิตร ลิ่มพานิช ได้ต้อนรับผมในฐานะครูเก่าของเขา เชิญเราเข้าไปนั่งในอาคารของแผนกต้อนรับ สั่งพนักงานนำกาแฟ โอวัลตินและขนมมาเสิร์ฟ และกำนันนั่งเล่าความหลังให้ผมฟังว่า ผมมีบุญคุณกับเขาอย่างไร เขาว่าตอนเป็นเด็กเขาตัวเล็กมาก เดินจากโรงเรียนกลับบ้านไม่ไหว ผมก็เอาจักรยานยนต์ขับรับส่งเขา…ทำให้ผมนึกต่อไปว่า นี่ถ้าผมเป็นครูเลว ๆ เช่น สอนเอาแต่เงินเดือน โหดร้ายต่อเด็ก ไม่มีอุดมการณ์ เวลาผ่านมา ๔๐ กว่าปี วันนี้ เดี๋ยวนี้ ศิษย์คนนี้จะยังต้อนรับผมอีกไหม…


(อาคารเช็กอิน)

กำนันสุขสั่งพนักงานจัดที่พัก เป็นเรือนหลังเดี่ยวชื่อ Orchid Deluxe มีห้องติดกัน ๒ ห้อง หน้าห้องมีรั้วไม้โปร่งๆ กั้นส่วนแบ่งเป็นสองฟาก มีเก้าอี้ไม้ครึ่งนั่งครึ่งนอน ๒ ตัว วางไว้ระหว่างโต๊ะกลมมีขาขาเดียว ตัวเรือนเป็นอิฐครึ่งไม้ ประตูหน้าเป็นบานกระจกสองบานปิดเข้าชนกัน เสาระเบียงเป็นไม้จริงต้นใหญ่คด ๆ งอ ๆ และยังมีเปลือกหุ้มเน้นความเป็นธรรมชาติ ตัวเรือนยกพื้นสูงขึ้นจากดินประมาณ ๑ ศอกเศษ มีบันไดปูน ๓ ขั้น บนบันไดขั้นแรกมีโอ่งดินเผาใบเล็ก ๆ ใส่น้ำ และมีกระบวยทำด้วยกะลามะพร้าวขัดมันวางไว้บนปากโอ่ง สำหรับตักน้ำล้างฝุ่นทรายออกจากเท้า เหมาะสำหรับคนชราหรือพ่อแม่พาลูกเล็ก ๆ ครอบครัวมาพัก

(หน้าบ้านหลังที่เรามาพัก ก่อนคลื่นสึนามิ)

เรามากัน ๓ คนจึงต้องแยกเป็น ๒ ห้อง อุเทน พรมแดง พักกับแสงศรัทธาในห้องด้านซ้าย ผมพักคนเดียวในห้องด้านขวา พื้นห้องด้านนอกเป็นหินขัดสีน้ำตาล ด้านในสีน้ำเงินเข้ม มีเตียงใหญ่นอนได้ ๒ คน ปลายเตียงมีทีวีและตู้เย็นแช่เครื่องดื่มไว้เต็มตู้ ติดกันเป็นประตูเปิดไปสู่ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าอยู่ใกล้หัวเตียงด้านซ้าย ห้องน้ำกว้างและยาว เครื่องสุขภัณฑ์แต่ละชิ้นสะอาดและทันสมัย จนกะเหรี่ยงดอยอย่างผมไม่รู้ว่า อันไหนใช้สำหรับทำอะไร และในชีวิตผมไม่เคยได้พักในห้องของโรงแรมที่หรูหราขนาดนี้

ผมรู้สึกดีใจทั้งไม่สบายใจปนกันเมื่อทราบว่า ปรกติรีสอร์ทแห่งนี้ไม่ต้อนรับคนไทย บ้านทุกหลังทุกห้องจึงไม่มีแขกที่เป็นคนไทยแม้แต่คนเดียว และห้องที่เราพักค่าที่พักคืนละ ๒,๕๐๐ บาท

(บ้านพักที่สร้างใหม่เป็นตึก หลังคลื่นสึนามิ)

หลังจากเข้าที่พักอาบน้ำอาบท่า และแต่งตัวใหม่ ผมปิดไฟในห้องล็อกประตูห้องแล้วเดินอ้อมมานั่งยังซีกเรือนที่อุเทน พรมแดง กับแสงศรัทธาพัก ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบทุ่ม ผมรู้สึกหิวแต่ยังไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปในห้องอาหารของรีสอร์ท เพราะเรามาพักฟรีเรื่องอาหารจึงลังเล ว่าจะเข้าไปสั่งอาหารกินกันแบบไหนดี กระทั่งอีกครู่หนึ่งต่อมา มีพนักงานของรีสอร์ท ๒ คนเดินมาบอกผมว่า

“กำนันให้มาบอกว่า ให้อาจารย์ไปกินอาหารที่โรงครัว อยากจะกินอะไรให้สั่งได้ตามใจชอบ ตอนนี้กำนันไปธุระที่ท่าเรือ” ผมตอบว่า “ครับ เดี๋ยวลุงจะไปแต่ตอนนี้ยังไม่หิว” ซึ่งเป็นคำพูดที่โกหกและผมยังนั่งอยู่ตรงนั้นต่อไป เพื่อรอปรึกษาอุเทน พรมแดงที่ยังเดินอยู่ข้าง ๆ บ้าน

เวลาประมาณ ๑ ทุ่มครึ่ง กำนันสุขกลับจากท่าเรือเดินมาหาเราและถามว่า “อาจารย์ยังไม่ไปกินข้าวอีกหรือ ประเดี๋ยวโรงครัวจะปิดนะ” ผมมองไปที่โรงอาหารที่อยู่ห่างไปราว ๖๐ เมตร เห็นพนักงานเดินกันวุ่น และเห็นแขกที่เป็นชาวต่างประเทศคลาคล่ำทั้งในโรงอาหาร และบนลานปูอิฐกว้างที่อยู่รอบ ๆ โรงอาหาร ผมจึงแสร้งพูดว่า “โรงครัวปิดเวลาเท่าไหร่ลูก รอให้ฝรั่งบางตาลงหน่อยได้ไหม”

“สี่ทุ่มครับอาจารย์” กำนันสุขตอบ

ผมพูดต่อไปว่า “งั้นสองทุ่มค่อยไปกินก็แล้วกัน”

กำนันสุขจึงวิทยุไปที่โรงครัวถามคนครัวว่า “ป้า ประเดี๋ยวอาจารย์ของผมจะไปกินข้าว เตรียมอะไรไว้ให้อาจารย์กินหรือยัง” ตอนแรกไม่มีเสียงตอบรับ กำนันสุขหันมาพูดกับผมว่า

“ในครัวกำลังยุ่งจริง ๆ“

และครู่ใหญ่ต่อมาจึงมีเสียงตอบมาว่า “เตรียมไว้พร้อมแล้วค่ะ บอกให้อาจารย์มากินได้แล้วค่ะ”
ตั้งแต่หัวหน้าผู้จัดการถึงพนักงานของรีสอร์ททุกคน ใช้วิทยุมือถือแทนโทรศัพท์มือถือ เป็นวิทยุสีแดงแบบพกพาขนาดกระทัดรัด

(ความร่มรื่นในรีสอร์ท)

กำนันสุดพาผมกับเด็ก ๆ ๓ คน ไปนั่งโต๊ะอาหารที่อยู่ชิดติดชายหาด เด็กคนหนึ่งของผม(ขอไม่เอ่ยชื่อ)จึงสั่งเต็มที่ เรื่องอาหารผมไม่ว่า แต่เรื่องเบียร์เด็กคนที่ว่าสั่งมา ๔ หรือ ๕ ขวด (ไม่นับในตู้เย็นของห้องพัก ทั้งในห้องของผมและห้องพักของเขา ที่ถูกนำออกมากินก่อนเวลาอาหารจนหมดเกลี้ยงตู้) เรื่องนี้ผมอึดอัดมากมาจนถึงทุกวันนี้ จนทำให้คิดว่า ผมไม่กล้าไปพักที่รีสอร์ทของลูกศิษย์อีก และผมต้องจดจำไว้เป็นบทเรียน ในการพาใครไปเที่ยว เพราะในคืนนั้นผมไม่ดื่ม ผมต้องการวางตนให้สมกับคำว่า ผมยังเป็นปูชนียบุคคล ที่ลูกศิษย์ยังสามารถให้ความเคารพนับถือได้

ระหว่างที่กำนันสุขมานั่งคุยด้วยและดูเรารับประทานอาหาร ผมได้โอกาสถามว่า
“ข่าวว่าที่นี่ไม่ต้อนรับคนไทยจริงหรือ เป็นเพราะอะไรลูก?” คำตอบที่ผมได้รับ พอจะประมวลได้มีดังต่อไปนี้

“ฝรั่งมาพักเพื่ออยู่กับธรรมชาติ ฟังเสียงคลื่นลม ฝรั่งไม่ต้องการเสียงเพลง แต่แขกที่เป็นคนไทยมาแล้วชอบส่งเสียงเอะอะ ร้องรำทำเพลง เคาะถ้วยเคาะจาน แขกฝรั่งของผมรังเกียจพากันหนีหมด ทีหลังไม่มาอีก...

(ทิวทัศน์ในรีสอร์ท)

“คนไทยนั่งดื่มนั่งกินตรงไหนทำสกปรกเลอะเทอะตรงนั้น แถมขว้างทิ้งไม่เลือกที่ ทำให้พนักงานต้องไปตามเก็บลำบาก ชอบเอาเสื่อไปปูนั่งกินที่ชายหาดและร้องรำทำเพลงไปด้วย ทิ้งกระดาษทิชชู่ ก้างปลา ก้นบุหรี่…ไว้เกลื่อน ผมให้พนักงานเอาถุงดำไปวางให้และบอกให้ทิ้งลงถุง กลับด่าพนักงานว่า พวก...ไม่มีหน้าที่มาเก็บขยะ…

(โต๊ะอาหารที่เรานั่งด้านนอกสุด)

“บางคนเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ปวดฉี่ไม่ยอมไปห้องน้ำ เที่ยวฉี่รดไว้ตามโคนต้นไม้ จนต้นไม้บางต้นตาย และทำให้รีสอร์ทเหม็นหึ่งไปทั่ว ขณะที่ฝรั่งไม่เคยทำ…

“คนไทยชอบสั่งอาหารไปนั่งกินหน้าห้องหรือในห้องพัก กินแล้วทำหกเลอะเทอะไว้บนพื้น ทำให้ต้องเสียเวลาทำความสะอาด แต่ฝรั่งไม่ทำ…



(ครอบครัวฝรั่ง ที่ไปพักในรีสอร์ท)
“คนไทยไม่มีระเบียบ ๕ ทุ่ม เที่ยงคืนครัวปิดยังไปร้องสั่งอาหาร พอไม่ขายก็แสดงความไม่พอใจ ส่งเสียงเอะอะทุบแก้ว ทุบขวด ต้องไปเรียกตำรวจมาจัดการ บางคนนอนตื่นสาย กินไม่เป็นเวลา จัดอาหารเช้าให้ลำบาก แต่ฝรั่งนอนหัวค่ำ ตื่นเช้าและกินอาหารตรงเวลา…


(ร้านอาหารในรีสอร์ท)

“ตอนที่ยังรับคนไทย ผมพาทั้งคนไทยและฝรั่งไปเที่ยวบนเกาะผ้า (เกาะซึ่งอยู่ใกล้ ๆ รีสอร์ท) ฝรั่งเก็บเปลือกหอยมาดู ๆ เล่นแล้วพอกลับ ก็พาไปโรยคืนไว้ที่ชายหาด แต่คนไทยไปเก็บเปลือกหอยสวย ๆ พากลับบ้าน…


(เกาะผ้า เป็นเกาะเล็กที่สุด อยู่หน้าเกาะคอเขา)

“เคยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งมาพัก ไปใช้เครื่องโทรศัพท์ที่อาคารเช็กอิน โทร.นานมากแบบไม่เกรงใจ ต้องให้พนักงานคอยเดินติดตามดู พบว่าเขาโทร.ติดต่อถึงลูกน้องบนฝั่ง ให้หาผู้หญิงบริการจากบนฝั่งมาให้ ลูกน้องจ้างเรือหางยาวพาหญิงมาส่งขึ้นฝั่งที่ชายหาดรีสอร์ท แต่ผมบอกให้พาผู้หญิงกลับไป ผมไม่ยอมให้ขึ้นมาในเขตรีสอร์ท…

ฟังมาถึงตรงนี้ ผมนึกถึงคนไทยของผมบ้าง(เพิ่งนำมาเขียนวันนี้) ที่ขนเอาเบียร์ในตู้เย็น ทั้งจากห้องของผมและห้องของเขา(ขณะที่ผมเข้าห้องน้ำ)ไปนั่งกินกันที่หน้าห้อง ทั้งเบียร์และความเย็นของเบียร์ที่ถูกแช่ เป็นน้ำหกเรี่ยราดอยู่ที่หน้าห้อง ผมแอบสังเกตเห็นว่ากำนันมีสีหน้าเปลื่ยนไป แต่ก็ไม่พูดอะไรคงเพื่อเห็นแก่ผม...

แต่เรื่องที่เล่ามา ทำให้ผมได้เห็นความตั้งใจของศิษย์กตัญญูคนนี้ว่า เขาต้องการจะทำรีสอร์ทเพื่อให้แขกผู้ไปพักได้ชื่นชมกับธรรมชาติ เขาจึงไม่ยอมเอาคลับบาร์ อาบอบนวด หรือคาราโอเกะไปไว้บนเกาะ ซึ่งผิดกับคนไทย...

(บ้านพักริมสระน้ำ)

อย่างการพานักท่องเที่ยวล่องแพ ในแม่น้ำแควน้อยที่กาญจนบุรี ผมเคยติดไปกับคณะทัวร์ครั้งหนึ่งแล้วเข็ดหลาบไม่ไปอีก.. ใจผมหวังว่าจะได้นั่งดื่มเบียร์ ชมสายน้ำท่ามกลางแสงจันทร์เงียบ ๆ บนแพ กลับกลายเป็นว่า เขาเอาดนตรีเธคลงไปให้เต้นให้รำกันจนหูแทบแตก...

ก่อนลาจากเกาะคอเขาและเกาะคอเขารีสอร์ท ผมได้ขับรถสำรวจไปทั่วเกาะ ผมพบว่าทุก ๆ ที่ของชายทะเลด้านตะวันตก เต็มไปด้วยรีสอร์ทใหม่ ๆ ที่ยังไม่ทันได้เปิด ผมมองว่าถ้าผู้ประกอบการทุกคนมีจิตสำนึก รักถิ่น รักธรรมชาติหรือมีธรรมะอย่างกำนันสุขหรือนายสุดจิตร ลิ่มพานิช สถานที่ท่องเที่ยวทุก ๆ ที่ที่เคยบริสุทธิ์อยู่ก็จะยังบริสุทธิ์อยู่ต่อไป

(ความสวยงามของชายหาดบนเกาะ)

หลังกลับออกมาจากเกาะคอเขาและรีสอร์ทของกำนันสุข ผมคิดว่าต่อไปนี้ผมคงจะไม่กล้าไปพักอีก จากเหตุการณ์ที่เด็กไปแล้วทำให้ผมรู้สึกเสียหน้า แต่เมื่อมีข่าวเรื่องสึนามิผมจึงต้องลงไปเยี่ยม ซึ่งครั้งนี้ผมมีโอกาสได้แก้ตัว โดยได้กระทำบางสิ่งที่ควรทำ และครั้งนี้มีโดม วุฒิชัย ลงไปกับผมด้วย แต่โดม วุฒิชัย ไม่กินข้าวมื้อเย็น ก็ยิ่งสบายไปหญ่...

(ลูกเต่าทะเล ที่ขึ้นมาวางไข่ชายหาดของรีสอร์ท กำลังกลับลงทะเล)
เหตุการณ์ในรีสอร์ทหลังคลื่นสึนามิ ปรากฏว่าในรีสอร์ทมีฝรั่งตายไปแค่ ๒ คน เพราะไปเล่นอยู่ชายหาดเรียกให้ขึ้นแล้วไม่ขึ้น ตอนคลื่นขึ้นมาบนรีสอร์ทกำนันสุขเที่ยวแหวกว่ายคลื่นตามหาลูกสาว เพราะคิดว่าลูกสาวยังไม่ได้หนีไปกับรถยนต์บรรทุก ที่เขาให้ลำเลียงผู้คนในรีสอร์ทหนีขึ้นไปอยู่บนเนินเขา ห่างไปเป็นสิบกิโล...

สระว่ายน้ำที่กลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง)

ตัวกำนันไม่เป็นอะไรและรีสอร์ทก็เสียหายไม่มาก บ้านพักพังไปไม่กี่หลัง ในสายตาที่ผมมองผมว่ากำนันเสียหายไม่ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ขณะที่คนอื่น ๆ หมดตัว โดยเฉพาะแถวเขาหลักที่ราบเรียบเหมือนโดนมือยักษ์มากวาดทิ้ง นี่เป็นเพราะอะไร...

(สระน้ำในรีสอร์ท ปัจจุบัน)

กำนันสุขใช้ที่ดินของตนเองที่จับจองไว้ตั้งแต่ครั้งเกาะคอเขายังเป็นถิ่นกันดาร สี่สิบกว่าปีมาทำเป็นรีสอร์ท ไม่ได้ไปบุกรุกทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่นที่เขาหลัก และพอทำแล้วก็พยายามที่จะรักษาความเป็นธรรมชาติเดิม ๆ ไว้

(ตะวันตกน้ำที่เกาะคอเขา)

ปัจจุบัน “เกาะคอเขารีสอร์ท” ยิ่งโดดเด่นและสง่ากว่าเดิมกว่าตอนที่ผมไปหลายเท่า ท่านผู้ใดที่อยากจะไปเที่ยวเพื่อกินลมชมธรรมะ(ชาติ) หรือไปพักแบบได้สัมผัสธรรมชาติอันแท้จริงละ
ก็ ติดต่อได้ที่ หมู่ที่ 4 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 82190 โทร. 0-7641-7168, 0-1229-6608, 0-
1229-2303 Fax.(66) 0-7641-7006 หรือ //www.kkkresort.com/




 

Create Date : 05 ตุลาคม 2550
28 comments
Last Update : 5 ตุลาคม 2550 12:05:00 น.
Counter : 4718 Pageviews.

 

ตามมาเที่ยว

 

โดย: i_nookae 5 ตุลาคม 2550 11:32:02 น.  

 

ขอบคุณครับที่มาบอก คือถ้ามีคนสนใจผมอาจอัพบล็อกบ่อย แต่ถ้าไม่ ผมขอหยุดชั่วคราวนะครับ เพราะตอนนี้มีงานทำเงินยุ่งมาก

 

โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 5 ตุลาคม 2550 12:07:44 น.  

 

ไม่เคยได้ไปอย่างนี้ อ่านแล้วจะลองบ้าง

 

โดย: แ ม ง ป อ 5 ตุลาคม 2550 12:11:42 น.  

 

หนูเป็นคนไทย สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย จะมีวาสนาได้พักที่รีสอร์ทของท่านกำนันสุขผู้รักธรรมชาติหรือไม่คะ เพราะบิดามารดาก็เป็นคนไทยสัญชาติไทย เชื้อชาติไทย และไม่เคยประพฤติตนเสื่อมศักดิ์ศรีของความเป็นคนไทย เสียอย่างเดียวไม่ได้เป็นฝรั่ง

 

โดย: หนู IP: 125.25.215.103 5 ตุลาคม 2550 12:13:36 น.  

 

ดีจังเลยครับ เยียมเลยคุณลุง ขอให้มีความสุขกับชีวิตการเดินทางต่อไปนะครับ

 

โดย: พ่อข้าวปั้น (takechio ) 5 ตุลาคม 2550 12:45:24 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
สงสัยหนูคงจะไม่ได้เที่ยวก่อนเหี่ยวตาย
อิจฉาคนได้เที่ยวจังค่ะ

 

โดย: ดอกหญ้าสีน้ำเงิน 5 ตุลาคม 2550 13:07:32 น.  

 

emoemoemo บรรยากาส โรงแรมสวยจัง เห็นแล้วอยากไปนะค่ะ แต่หนูเป็นคนไทย คงไม่มีโอกาสไปพัก แย่จัง emoemoemoemo ขอบคุณเรื่องราว ดี...ดี. รูปสวยๆๆๆๆๆ บรรยากาสดี...ดี.. emoemoemoemo

 

โดย: iamorange 5 ตุลาคม 2550 13:44:59 น.  

 

emoemoemo เพลง เพาะมากค่ะ ฟังแล้ว คิดถึงอดีต emoemoemo

 

โดย: iamorange 5 ตุลาคม 2550 13:49:01 น.  

 

สายัณห์สวัสดีค่ะลุงบูลย์
-------------------------------------------------
สบายดีนะคะ
แวะมากินลม ชมวิว
หาดทรายขาว ฟ้าคราม น้ำทะเล
ความสุขของชีวิตคือ ได้ใช้อยู่กับธรรมชาติ (ดีจัง)

 

โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น 5 ตุลาคม 2550 16:15:53 น.  

 



สวัสดีค่ะ ลุงบูลย์

..โอ้โฮ คนเยอะจังบ้านนี้..

มาชมบรรยากาศดีดีค่ะ

 

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 5 ตุลาคม 2550 20:54:35 น.  

 

ภาพสวยมากครับ น่าไปเที่ยวมากๆเลย ชอบภาพที่มีเต่าทะเลตัวเล็กๆหนะครับ เคยดูสารคดีเขาว่ากำลังจะสูญพันธุ์ เห็นภาพแบบนี้แล้วประทับใจนะครับ อยากไปเที่ยวบ้างจังเลยครับ สวยจริงๆ

 

โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 5 ตุลาคม 2550 22:02:31 น.  

 

ลุงบูลย์ไม่ค่อยว่าง แต่คนมาเยี่ยมบ้านอุ่นหนาฝาคั่งยังงี้
บัดเดี๋ยวก็ใจอ่อนมาตอบ เชื่อดิ๊ ฟันธง!

 

โดย: ธารดาว IP: 203.146.63.183 6 ตุลาคม 2550 3:01:35 น.  

 

สวัสดีค่ะลุงบูลย์

หนูก็ยุ่งเหมือนกัน..หัวเดียว..ตัวอวบๆ
จนแทบไม่มีเวลาอ้วน

อ่านแล้วก็เข้าใจความรู้สึกของกำนันค่ะ
แล้วเข้าใจสิ่งที่ลุงเล่ามา

ลุงคะ..แล้วอย่างหนู..ครึ่งบกครึ่งน้ำเนี่ย
เขาให้พักหรือปล่าว..หรือต้องอาศัยบารมีลุง
ขอร้องกำนันให้หนูได้เช่าพัก

 

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.141.141 7 ตุลาคม 2550 0:44:42 น.  

 

ก๊อกๆๆๆ ลุงบูลย์ พักผ่อนบ้างนะคะ
อย่ามัวหามรุ่งหามค่ำหาเงิน
พักผ่อนทักทายน้องนุ่งลูกหลานบ้างจ้า

 

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.141.64 8 ตุลาคม 2550 1:55:11 น.  

 

สวัสดีแทนลุงบูลย์ครับแม่น้องนิก
ลุงบูลย์คงยุ่งจริงๆ

 

โดย: ธารดาว IP: 203.146.63.184 8 ตุลาคม 2550 4:12:15 น.  

 

ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านครับที่เข้ามาตอบ
ความจริงผมตอบไว้ยาวทีเดียวโดยเฉพาะเรื่องที่บางคนน้อยใจว่า "ไม่ได้เกิดเป็นฝรั่ง" ลุงเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร" ความจริงพูดแล้ว อแจงยาวเป็นหน้ากระดาษ เอ ๔ แต่พลาดอีท่าไหนไม่รู้ข้อความหายเกลี้ยง เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาว่างจะมาตอบทุก ๆ ท่านเป็นรายตัว

ส่วนท่านที่จะไปท่องเที่ยวขอให้ใช้หลัก "เที่ยวเมืองไทยไปได้ทุกเดือน" และอยากจะให้ไปในช่วง ที่ไม่มีฝรั่ง คือโลว์ซีซัน เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม

ลองติดต่อไปทางเวบไซต์(ที่ลุงแจ้งไว้) ลุงคิดว่า กำนันแกคงจะรับ ส่วนที่บอกมามันจำเป็นจริง ๆ ครับ เพราะขบวนของลุงเอง(แม้ในรอบที่สอง) ก็มีคน ๆ หนึ่งไปทำงามหน้าไว้อีก เสียหายมากกว่าพวกแรก

แต่ไม่ใช่คุณโดมนะ เพราะคุณโดมแกเป็นผู้ดี จนไม่มีข้อตำหนิเลย แต่อีกคนซีครับ ทำเอาลุงหน้าแตกอย่างมหันต์ จนตอนนี้เข็ดหลาบแล้ว ถ้าไม่ใช่เป็นคนในครอบครัว หรือคนที่รู้เขารู้เรากันมาก่อน

ลุงเองก็อาจจะไปเยี่ยมอีกครั้งในเดือนตุลาคมปีหน้า หรือถ้าก่อนโลว์ก็จะลองติดต่อดูว่าช่วงไหนเต็มไม่เต็ม
ขอบคุณพ่อข้าวปั้น ดอกหญ้าสีน้ำเงิน คุณIAMORANGE (น้อยใจว่าเป็นคนไทยแต่ใช้ชื่อฝรั่ง) สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น หลานหทัยชนก คุณซอร์บอนน์(ชื่อฝรั่งไปได้นี่ครับ แฮ่ ๆ ล้อเล่นน่า) ธารดาว และแม่น้องนิก(นึกว่าหายไปจากสารบเสียแล้ว) ถ้าแม่น้องนิกจะไปจริง ๆ ติดต่อผ่านลุงได้ครับ

ลุงจะช่วยรับประกันให้

 

โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.235.108 8 ตุลาคม 2550 9:08:16 น.  

 



มาสวัสดีลุงบูลย์ในเช้าวันจันทร์ค่ะ

 

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 8 ตุลาคม 2550 9:37:04 น.  

 

เฮ้อ....ลุงบูลย์นะลุงบูลย์
ยุ่งอีรุงตุงนังซะจนได้.....ยุ่งแต๊ๆน้อ

สงสัยมาก็ไม่ได้คุย....มาย่องๆดูก็พอนิงานเยอะซะเหลือเกินลุงเรา

อย่าลืมถอยรถถังเลยนะลุงรอบนี้

 

โดย: ปลายแปรง 8 ตุลาคม 2550 11:33:49 น.  

 

แวะเข้ามาฟังเพลงกับชมภาพสวย ๆ
แต่ยังไม่ได้อ่านอีกตามเคย
รุ่ง



 

โดย: รุ่ง IP: 58.8.172.63 9 ตุลาคม 2550 19:46:20 น.  

 

ยัยแปรง
นี่ยังไม่กลับมาจากพะเยาว์หรือ นี่กธว่าขากลับถ้าเธอแวะจะให้สอนโฟโต้ช็อป เตรียมเงินไว้หนึ่งหมื่น เฮ้อแต่เศรษฐกิจทรุดอีกแล้ว ลูกสาวที่ทำกิจการร้านรั้วรถกระบะและหลังคาเหล็ก เหล็กขึ้นราคา ลูกค้าหาย แต่ค่าบ้านต้องจ่าย ค่าผ่อนรถต้องจ่าย ลุงเลยต้องช่วยลูกสาวไปหมื่นหนึ่ง ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาหาใหม่

เรื่องสั้นที่ส่งมายังไม่ได้อ่าน งานของครูตอนนี้มี ๑๐ คน ติดต่อมาจากสุราษฎร์อีก ๒ เพราะภาพฝีมือลุงกำลังฮือฮา ผลงานของครูคนหนึ่ง ๆ ลุงต้องใช้เวลาทำราว ๑ เดือนหรือกว่า คนละ ๔ เล่ม ค่าเขียนเฉพาะภาพเล่มละ ๔๐๐๐ บาท ได้ถอยรถใหม่แน่นอนถ้าจะถอย

แต่เศรษฐกิจตอนนี้ใครล่ะที่ทำพัง แล้วใครล่ะที่จะมากู้คืน (สมน้ำมะหน้าพวกนักวิชาการการเมือง และคนไทยที่เป็นพรรคฝ่ายตรงข้าม) ไม่พูดดีกว่า...

ตะกี๊มีคนในกรุงเทพฯ เห็นภาพประกอบเรื่องที่ลุงพาไปลงไว้ในเวบ ติดต่อมาว่าให้เขียนนิยายการ์ตูนเป็นภาพสี โดยเขียนเป็นเรื่องสั้นหรือนิยายการ์ตูน แต่เป็นภาพสี ติดต่อมา ลุงรับทันที เขาเป็นนายทุนและเขียนเรื่อง(ปรกติเขาเป็นนักแต่งเพลง ทำงานที่ บ.รัษัทการบินไทย ฝ่ายช่างซ่อมเครื่องบิน)

ลุงเพิ่งตอบเขาไปมางโทรศัพท์ สนุกแน่ ๆ หนนี้ เพราะลุงจะหันกลับไปเขียนการ์ตูนอีก แฮ่ ๆ เป็นนักเขียนแนวสร้างสรรค์มันจนนัก

เลยตัดสินใจหันกลับทางเก่า ฮ่า ๆ (ก่อนตาย)

 

โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.233.1 10 ตุลาคม 2550 9:13:27 น.  

 

ยุ่งขอรับ......

พ่อแม่พี่น้อง.....ประชาชนคนเดินทาง
ทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจผ่านบ้านกวีสีชมพู

ขณะนี้เจ้าบ้านปั๊มเงินอยู่ขอรับ.....
มีเหตุด่วนเหตุร้ายอะไร
เขียนติดประตูบ้านไว้เลย
เดี๋ยวเจ้าบ้ามาทาสีทับเองนะขอรับ

ดูท่าว่า....เจ้าของบ้านอาจเหี่ยวคาเครื่อง
ไปแล้วเห็นจะได้.....
ไอ้ที่เอามาลงเที่ยวก่อนเหี่ยวน่ะ
ปลอบใจตัวเองตอนนี้หรอกน่าว่าไปไหนไม่ได้...

เฮ้อ......

 

โดย: ปลายแปรง ณ ปลายวา IP: 117.47.40.97 10 ตุลาคม 2550 9:14:00 น.  

 

สวัสดีหทัยชนก

ยังขยันมาเยี่ยมแบบนี้ก็ต้องตอบว่า ขอบคุณ ๆ อีกวัน ๒ วัน จะเอาผลงานการเขียนภาพประกอบเรื่องแนวปัจจุบันของลุงมาลงเป็นรายวัน

สวัสดีรุ่ง
ตะกี๊คนในกรุงเทพฯโทร.มา เขาจะออกทุนทำหนังสือการ์ตูนขาย เขาเขียนเรื่องแล้วให้ครูทำภาพประกอบ เขาชอบฝีมือครูที่นำมาลงในเวบ เขาว่าเป็นแนวที่หายาก แฮ่ ๆ เลยกลายเป็นแนวที่เขาอยากอนุรักษ์ สนุกแน่

เมืองเทวดาอาจจะเป็นหมัน เศรษฐกิจตกอีกแล้วรุ่ง จะเป็นเหมือนก่อน พ.ศ.๒๕๔๐ อีก สมน้ำมะหน้าใคร ๆ หาย ๆ คน

 

โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.233.1 10 ตุลาคม 2550 9:21:07 น.  

 

สวัสดีครับพี่บูลย์

หยุดเล่นอะไรกันบ้างเถอะครับ



หลังจากที่ผมได้รับtagคำถามนี้ จากปะการัง ผมขอส่งมอบต่อให้พี่บูลย์นะครับ ทั้งหมด 31 คำถาม ตอบตามสบายครับ



1. ชื่อเล่นชื่อไรเอ่ย?

2. ลืมตามาดูโลกเมื่อไหร่กัน?

3. มีพี่น้องมั้ย?

4. สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษคืออะไร?

5. แล้วสิ่งที่เกลียดล่ะ?

6. มีสัตว์เลี้ยงมั้ย เป็นตัวอะไร ชื่ออะไรบ้าง ?

7. คุณชอบเครื่องดื่มอะไร ?

8. แล้วชอบกินอาหารอะไรบ้าง ?

9. ชอบสีอะไร ?

10. งานอดิเรกของคุณคืออะไร ?

11. คุณมีปมด้อยมั้ยแล้วปมด้อยของคุณคืออะไร ?

12. ชอบแต่งตัวแนวไหน โชว์เสื้อผ้าของคุณหน่อยสิ ?

13. คุณใส่นาฬิกาอะไรอยู่ ขอดูได้มั้ย ?

14. เพลงไหนที่สามารถสื่อความเป็นคุณออกมาได้ ?

15. กิจวัตรประจำวันของคุณเป็นยังไง ไหนบอกมาซิ ?

16. มีแฟนรึยัง ถ้ายังคุณอยากมีมั้ย ?

17. แล้วถ้าเลือกได้ อยากมีแฟนหน้าตาเหมือนใคร ?

18. แล้วถ้าให้พาบุคคลในข้อ. 17 ไปเดท 1 วันจะพาไปไหน แล้วไปทำไรบ้าง ?

19. คุณว่าคุณหน้าเหมือนใคร ?

20. ไหนขอดูรูปคุณตอนยิ้มหน่อยซิ?

21. ถ้าตกหลุมรักใครคนนึงอยู่ คุณจะบอกรักเค้าว่ายังไง ?

22. ห้องที่คุณชอบไปบ่อยๆในพันทิปคือห้องไหน ?

23. คนที่มาเยี่ยม Blog คุณบ่อยๆมีใครบ้าง ขอสัก 10 ชื่อแล้วกัน ?

24. แล้วเค้าแต่ละคนเป็นคนแบบไหนตามความรู้สึกของคุณ ?

25. มีอะไรอยากบอกพวกเค้ามั้ย ?

26. แล้วกับคนที่ส่ง Tag มานี่ล่ะ คุณคิดยังไงกะเค้า ?

27. แล้วจะบอกอะไรถึงคนที่ส่ง Tag มาให้คุณมั้ย ?

28. ตอนนี้คุณนึกถึงรายนามของคนที่คุณจะส่ง Tag ไปให้ 4 คนนั้นออกรึยัง
แล้วใน 4 คนนั้นมีใครบ้างล่ะ ?

29. คุณคิดว่า 4 คนนี้คิดยังไงกะคุณบ้าง หลังจากที่คุณส่ง Tag ไปให้ ?

30. ขอเหตุผลหน่อยสิว่าทำไมต้องส่งไปหา 4 คนนี้ด้วย ?

31. ข้อสุดท้าย มีอะไรจะฝากถึงคนที่คุณกำลังจะส่ง Tag ไปหาเค้าบ้าง ?


หนุกๆน่าตามประสคนหนุ่มแบบเรา


ดีใจด้วยที่มีคนเห็นผลงานแล้วอยากอนุรักษ์ด้วยการให้ทำงานเขียนภาพการตูนแนวถนัด - ขอให้สนุกมากๆครับ

แต่ตอบแถ็กที่ผมส่งมานี่จะสนักไหมนะ ?

 

โดย: พ่อพเยีย 11 ตุลาคม 2550 8:44:40 น.  

 

ขอโทษด้วยโดม
ผมยังไม่ว่างตอบ ต้องไปรีบทำงาน ขืนช้าพวกครู ๆ จะมาหักคอผมเข้า เพราะงานเขามีกำหนดส่งให้ทันเวลา ตอนนี้ก็เร่งจนข้าวปลาจะไม่ได้กินอยู่แล้ว
กลางคืนสองทุ่ - สี่ทุ่มยังนั่งวาด เฮ้อ...

 

โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 11 ตุลาคม 2550 12:39:03 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยคน
อ่านเนื้อหาบางตอนแล้วสะท้อนใจ

 

โดย: พิกกี้เม้าส์ 12 ตุลาคม 2550 10:39:46 น.  

 

1. ชื่อเล่นชื่อไรเอ่ย? เป็นคนไม่มีชื่อเล่น มีปัญหาปะ?

2. ลืมตามาดูโลกเมื่อไหร่กัน? เกิดเมื่อราวๆ 271,560 ชั่วโมงที่แล้ว
3. มีพี่น้องมั้ย? มีพี่มีน้อง

4. สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษคืออะไร? ความเบิกบาน

5. แล้วสิ่งที่เกลียดล่ะ? ความไม่เบิกบาน

6. มีสัตว์เลี้ยงมั้ย เป็นตัวอะไร ชื่ออะไรบ้าง ? มี...ไส้เดือน...ยังไม่ได้ตั้งชื่อ วันก่อนเทน้ำซักผ้าจากกะละมัง มันชูหัวขึ้นจากดินสลอน หาว่าเราไปรบกวนมัน

7. คุณชอบเครื่องดื่มอะไร ? น้ำแดง เป๊บซี่ โคล่า แต่ไม่มีตังค์ซื้อ เลยดื่มน้ำฝนจากตุ่มบริสุทธิ์แทน

8. แล้วชอบกินอาหารอะไรบ้าง ? ข้าวสิพี่

9. ชอบสีอะไร ? ทุกสี

10. งานอดิเรกของคุณคืออะไร ? หายใจ

11. คุณมีปมด้อยมั้ยแล้วปมด้อยของคุณคืออะไร ? ไม่เคยมีปมด้อย

12. ชอบแต่งตัวแนวไหน โชว์เสื้อผ้าของคุณหน่อยสิ ? แนวบ้านๆ และมีสติ

13. คุณใส่นาฬิกาอะไรอยู่ ขอดูได้มั้ย ? ไม่เคยใส่นาฬิกา

14. เพลงไหนที่สามารถสื่อความเป็นคุณออกมาได้ ? ตาอินกะตานา หาปลาเอามากินกัน...

15. กิจวัตรประจำวันของคุณเป็นยังไง ไหนบอกมาซิ ? บอกได้ไงเล่า บางอย่างมันน่าอายง่ะ

16. มีแฟนรึยัง ถ้ายังคุณอยากมีมั้ย ? เคยไม่คิดอยากมีแฟน แต่ก็เคยมีจนกระทั่งพัฒนาเหนือกว่าความเป็นแฟน เคยคิดไม่อยากมี แต่เสียใจ...สายน้ำไม่อาจหวนกลับฉันใด ก็ฉันนั้นแล ??

17. แล้วถ้าเลือกได้ อยากมีแฟนหน้าตาเหมือนใคร ? มานี?

18. แล้วถ้าให้พาบุคคลในข้อ. 17 ไปเดท 1 วันจะพาไปไหน แล้วไปทำไรบ้าง ? ยังนึกไม่ออก

19. คุณว่าคุณหน้าเหมือนใคร ? ข้างบ้านทักว่าเหมือนโดม ปกรณ์ลัม

20. ไหนขอดูรูปคุณตอนยิ้มหน่อยซิ? คุณว่าโดมเท่มั้ยล่ะ?

21. ถ้าตกหลุมรักใครคนนึงอยู่ คุณจะบอกรักเค้าว่ายังไง ? ข่อยมักเจ้าล้ายหลาย!

22. ห้องที่คุณชอบไปบ่อยๆในพันทิปคือห้องไหน ? ไม่เคยไป๊!

23. คนที่มาเยี่ยม Blog คุณบ่อยๆมีใครบ้าง ขอสัก 10 ชื่อแล้วกัน ? ไม่มีบล็อค

24. แล้วเค้าแต่ละคนเป็นคนแบบไหนตามความรู้สึกของคุณ ? นิสัยดี มีตังค์

25. มีอะไรอยากบอกพวกเค้ามั้ย ? ไม่มี

26. แล้วกับคนที่ส่ง Tag มานี่ล่ะ คุณคิดยังไงกะเค้า ? จะบอกว่ารู้สึกดีๆก็โกหกไปหน่อย จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็กระไรอยู่

27. แล้วจะบอกอะไรถึงคนที่ส่ง Tag มาให้คุณมั้ย ? อย่าส่งมาอีก ตูไม่ว่าง!

28. ตอนนี้คุณนึกถึงรายนามของคนที่คุณจะส่ง Tag ไปให้ 4 คนนั้นออกรึยัง
แล้วใน 4 คนนั้นมีใครบ้างล่ะ ? ไม่ว่างนึก

29. คุณคิดว่า 4 คนนี้คิดยังไงกะคุณบ้าง หลังจากที่คุณส่ง Tag ไปให้ ? เราคิดยังไง เขาคงคิดอย่างนั้นแหละโยม

30. ขอเหตุผลหน่อยสิว่าทำไมต้องส่งไปหา 4 คนนี้ด้วย ? ไม่ตอบ

31. ข้อสุดท้าย มีอะไรจะฝากถึงคนที่คุณกำลังจะส่ง Tag ไปหาเค้าบ้าง ? ข้าน้อยสำนึกผิด ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว

เฮ้อ...ถึงข้อสุดท้ายจนได้นะ
ฮะฮะ...
ล้อเล่นนะครับ
ตอบแทนลุงบูลย์

 

โดย: ธารดาว IP: 203.146.63.189 12 ตุลาคม 2550 19:40:13 น.  

 

อ่านแล้วดีจังครับ.....
ชอบมากครับ
อย่างนี้ซิ....แขกไปพัก ถึงได้พักผ่อนจริงๆ

 

โดย: ศุภฤกษ์ IP: 125.27.70.208 11 พฤศจิกายน 2550 20:08:47 น.  

 

ที่นี่เขารับหมดแหละครับ ไทย เทศนะ เอาเงินมาให้ใครบ้างไม่อยากได้ คุณเป็นคนไทย สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย มีวาสนาได้พักที่รีสอร์ทของท่านกำนัน ผู้รักธรรมชาติแน่นอนครับ และบิดามารดา เป็นคนไทยสัญชาติไทย เชื้อชาติไทย และไม่เคยประพฤติ ก็พามาได้นะครับยินดีต้อนรับครับ คุณอ่านบทความทั้งหมดแล้วเข้าใจและจับประเด็นได้แค่นี้ก็สุดแต่สติปัญญาของคุณ อ้อลืมบอกนะครับคนไทยที่มานะอย่าแบ่ง ให้มันมาก อย่ามองคนเกาะเหมือนพวกเถื่อน อย่าลืมว่าเราอาจจะมีดีมากกว่าพวกคุณก็ได้นะใครจะไปรู้ละ ขอให้ไปเถอะจะต้อนรับอย่างดี

 

โดย: จา พนัม IP: 118.175.207.120 11 เมษายน 2552 19:02:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.