...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
ขับรถเที่ยวก่อนจะเหี่ยวตาย 2

ขับรถเที่ยวก่อนจะเหี่ยวตาย..ไพบูลย์ พันธ์เมือง..



ตอนอายุ ๕๕ ปี ผมเคยบอกเพื่อนร่วมงาน ว่า อยากจะจากลาออกจากราชการ เพื่อนถามว่า “คุณจะลาออกไปทำไม ออกไปอยู่เฉย ๆ เหนื่อยตาย สู้ทำงานอยู่อย่างนี้ไปวัน ๆ ไม่ดีกว่าหรือ?” ผมตอบเขาว่า “เปล่า ไม่ได้คิดจะออกไปอยู่เฉย ๆ แต่จะออกไปขับรถเที่ยว เที่ยวไปตามจังหวัดและอำเภอต่าง ๆ”

เขาแย้งว่า “เป็นครูอยู่ก็ไปเที่ยวได้นี่ คุณจะไปไหนล่ะ วันเสาร์อาทิตย์ ปิดภาค… หรือวันเปิดเรียนก็ลาได้ ลากิจห้าวันไปได้หนึ่งอาทิตย์”

แต่ผมกลับไม่คิดอย่างเขา สิ่งที่ผมคิดอยู่เสมอๆ ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงหลักสูตรและมีคำฮิตว่าปฏิรูปการศึกษา ผมรู้สึกเหนื่อยและแย่เต็มที วันที่ผมขอลาออกหรือเออรี่รีไทร์ออกมา ผมจึงมีความรู้สึกเหมือนพระที่บวชมายี่สิบสามสิบพรรษาแล้วได้สึกออกมา ผมรู้สึกมีความสุขและสดชื่น ราวกับไปยืนอยู่บนยอดเขาไกรลาศ มองลงมาเห็นสรรพชีวิต สรรพสัตว์ สรรพพืชทั้งหลาย ที่ถูกกักขังไว้ในระบบ... มีความทุกข์ปนสุขแบบ รอวันเป็นเหยื่อมะเร็ง

เอาเป็นว่าการทำอะไรที่นาน ๆ และจำเจ นั่นคือต้นเหตุของการเบื่อหน่ายและเซ็ง หรือไม่ก็ประเภท “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” อะไรในทำนองนั้น โลกนี้จึงไม่มีอะไรที่พอเหมาะพอดี…

จึงพอออกจากระบบมาอยู่บ้าน ผมเริ่มลุยงาน(งานเขียน)ที่ผมชอบแบบไม่ลืมหูลืมตา คราวนี้อยากจะกินจะนอน จะเที่ยวตอนไหน หลับ-ตื่นเวลาใดก็ได้ แล้วอันว่าการเป็นนักเขียน(กระจอก ๆ )นี่นะ มันยังทำให้ได้เพื่อนใหม่ ๆ (แต่รสนิยมตรงสเป๊กโดยไม่ต้องคัดเลือก)ได้หลายคนทีเดียว เช่นล่าสุดผมก็ได้เพื่อนชาวเกาะสมุย คนหนึ่ง ชื่อ อาจารย์ถนอม บัวนาค เขารู้จักผมผ่านงานซึ่งผมเขียนลงตีพิมพ์ในนิตยสาร… เขาเพิ่งจะได้ที่อยู่ของผมในตอนที่เขาเอง(เป็นครู)ก็ตัดสินใจ บ๊าย – บาย จากระบบราชการเหมือนกันและพร้อมกัน…

คุณถนอมมีจดหมายเชิญผมไปเที่ยวที่เกาะสมุย ในช่วงเวลาเดียวกับที่ผมก็กำลังวาดแผนการออกท่องเที่ยวหลังจากที่หลุดออกมาจากกรงขัง ผมกะจะไปเที่ยวหลายจังหวัดเหนือ กลาง ใต้ อีสาน แต่จะไปเที่ยวเกาะสมุยบ้านเขาก่อน แต่ผมยังยุ่ง ๆ อยู่กับงานเขียน จึงยังไม่ว่างไปเที่ยว

วันหนึ่งคุณถนอมมีจดหมายมาอีกว่า อยากจะชวนผมไปเที่ยวจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสานด้วยกัน โดยจะไปรถไฟ หรือไม่ก็รถยนต์เป็นบางตอน แต่ผมไม่ชอบไปแบบนั้น ผมกลับคิดว่า ผมซื้อรถยนต์ไว้คันหนึ่ง ไว้เตรียมเที่ยวตอนเกษียณ แต่ละเดือนปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้ขับไปไหนไกล ถ้าจะไปก็ไปโดยขับรถยนต์ไปเองจะอิสระและสะดวกกว่า นึกอยากจะแวะตรงไหน หยุดนอนหรือไม่หยุด ก็ทำได้เต็มที่ และยังไปได้ในทุก ๆ ที่ ที่มีถนนไปถึง

ซึ่งแตกต่างจากทางรถไฟ หรือรถโดยสาร แล้วผมก็จดหมายบอกคุณถนอม บัวนากไปว่า ผมจะไปหาเขาที่เกาะสมุย แล้วจากนั้นเราจะเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกัน (ตกลงกันทั้ง ๆ ที่ยังไม่เห็นหน้าค่าตา หรือรู้จักนิสัยใจคอกันนี่แหละ ต่างคนต่างแก่กันแล้วจะเอาอะไรมาก)

ก่อนไปเกาะสมุย ผมเอ่ยชวนภรรยา เผื่อว่าเธอจะไปเที่ยวกับผมมั่ง แต่เธอสั่นหน้าผมเลยไปชวนอดีตอาจารย์ใหญ่ของผมไปแทน เพราะรู้ว่าท่านชอบเที่ยว และช่วงนั้นโรงเรียนยังปิดภาคกลาง แต่ก็ใกล้จะเปิดในอีกราวสัปดาห์

ส่วนภรรยาผม ผมรู้ว่า… เธอไม่ชอบไปไหนกับผม เธอเคยบ่นว่าผมชอบขับรถเร็ว เธอกลัวตาย! แต่ผม ตั้งใจว่าถ้ามันจะถึงที่ตายก็ให้มันตายไป และคนบ้าที่ไหนที่จะไม่รักชีวิตตนเอง ดังนั้นก่อนออกเดินทาง ผมจึงนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพและเปลี่ยนยางใหม่หมดทั้ง ๔ เส้น

(ในภาพคือลูกสาวที่มาส่งนะครับ)

การเดินทางไกลด้วยรถยนต์ ยางและสภาพเครื่องยนต์นับเป็นสิ่งสำคัญ ประกอบกับรถผมเพิ่งถอยออกวิ่งได้ไม่ถึงห้าหมื่นกิโลฯ ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์จึงไม่มีให้ต้องกังวล

เสียเวลาเปลี่ยนยางและตั้งศูนย์ถ่วงล้อไป ๑ ชั่วโมง ผมจึงเดินทางไปถึงอำเภอดอนสัก เมื่อเวลาประมาณเที่ยงเศษ ๆ แต่ผมไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ที่จะไปเกาะสมุยไม่ถูก ดูมันเป็น... ป้ายแรกบอกระยะทาง ๘ กม. ถึงท่าเรือเฟอรี่ แต่ผมขับไป ๔๐-๕๐ กิโล ฯ ก็ยังไม่ถึงท่าเรือเฟอร์รี่สักที และพอไปถึงแทนที่จะเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสักกลับเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ขนอม ยังดีที่ไม่ไปออกท่าเรือเฟอร์รี่ที่อเมริกาหรือญี่ปุ่น

“เอาวะ... ขนอมก็ขนอม ยังไง ๆ ก็ไปเกาะสมุยได้เหมือนกัน” ผมบอกตนเองอย่างอึดอัดขัดใจ เพราะผมมอบหน้าที่การมองทางให้อาจารย์ใหญ่ช่วยดู แต่เจ้าหน้าที่ที่ท่าเรือเฟอร์รี่ขนอมกลับเปี่ยมไปด้วยน้ำใจ เขาว่าต้องรอถึง ๕ โมงเย็นเรือเฟอรี่ที่ขนอมจึงจะออกจากท่า และเวลาตอนนั้นมันแค่บ่ายโมงกว่า ๆ เขาจึงมอบแผนที่ทางไปท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสักให้ แล้วบอกให้แล่นกลับไปท่าเฟอร์รี่ดอนสัก เพราะจะมีเรือเฟอร์รี่ออกทุก ๆ ชั่วโมง

แต่ก็ไม่วายหลงทางอยู่ในขนอมอีกเป็นชั่วโมง ตอนมา มาได้อย่างไรไม่รู้ แต่พอตอนจะกลับดอนสัก ผมหาทางกลับไม่ถูก แต่ในที่สุดก็ไปถึงท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสักเมื่อเวลาเกือบ ๔ โมงเย็น ทั้ง ๆ ที่นัดไว้กับคุณถนอมว่าผมคงจะไปถึงเกาะสมุยไม่เกินเที่ยง

ขบวนรถเข้าคิวรอลงเฟอร์รี่เป็นแถวยาว ๓๐๐ เมตร แม่ค้าเดินขายไก่ย่างข้างรถบอกผมว่า เมื่อเย็นวันศุกร์เช้าวันเสาร์ และเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขบวนรถรอลงเรือไปเกาะสมุยยาว ๒ กิโลเมตร ท้ายแถวอยู่ถนนใหญ่ทางแยกที่จะเข้ามา หัวแถวอยู่ท่าเฟอร์รี่ ผมนึกขอบใจที่เพิ่งมาในบ่ายวันจันทร์ ทำให้แถวเหลือสั้นขนาดนี้

๔ โมงครึ่ง จึงได้เอารถลงเรือเฟอร์รี่ เพราะต้องให้พนักงานจัดคิวเอาบัตรคิวมาแจกให้ก่อน จึงจะเอาบัตรคิวไปซื้อบัตรลงเรือได้ เพราะเขาจะกะคำนวณจำนวนรถ น้ำหนักบรรทุกให้สมดุลกัน ว่าเที่ยวไหนจะเอา รถบรรทุก รถกระบะ หรือรถเก๋งไปได้กี่คัน

ตอนเป็นครู ผมยังไม่เห็นความจำเป็นของโทรศัพท์มือถือ ผมจึงเดินหาตู้โทรศัพท์เพื่อจะโทร.ไปบอกคุณถนอม ถึงสาเหตุที่มาผิดเวลานัด แต่ตู้โทรศัพท์ทุกตู้หยอดเหรียญไม่ลง บางคนพูดว่าเหรียญเต็ม

ค่าเรือสำหรับรถเก๋งและคนขับ ๒๒๐ บาท คนโดยสารคนละ ๕๐ บาท ผมนับรถในเรือเที่ยวนั้นทั้ง เก๋ง กระบะ และรถบรรทุกได้ ๒๗ คัน นั่งอยู่ในเรือเฟอร์รี่ ๑ ชั่วโมง ๔๕ นาที พอโพล้เพล้เรือเฟอร์รี่ก็จอดเทียบท่าเกาะสมุย ผมขับรถขึ้นจากเรือแล่นไปเรื่อย ๆ บนถนนลาดปูน อย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ ได้แต่เดาเอาว่า บ้านเพื่อนแฟนหนังสือที่นัดหมายจะต้องอยู่ข้างหน้า แต่สายตาคอยมองหาตู้โทรศัพท์ พอพบจึงโทร.ไปหา บอกเขาว่า

“ผมมาถึงเกาะสมุยแล้ว”

คุณถนอมถามว่า ‘นั่นอยู่ที่ไหน?’

ผมบอก ‘ไม่รู้’

‘อ้าว! แล้วจะไปพบกันที่ไหนดี’ คุณถนอมถามอีก

พอดีอาจารย์ใหญ่ นั่งในรถได้ยิน จึงตะโกนบอกแบบเพลงลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ว่า

“นัดพบกันที่หน้าอำเภอซี” ผมจึงบอกเพื่อนชาวเกาะไป

แต่เราไม่รู้ว่าที่ว่าการอำเภอเกาะสมุยอยู่ตรงไหน ผมจึงขับรถสุ่มสี่ สุ่มห้า สุ่มหก…. ไปเรื่อย บนถนนปูนซึ่งด้านขวามือมีบ้านคนและร้านค้า แต่ด้านซ้ายมืดสนิท ผมสวมแว่นสายตาสั้น และสายตาไม่ดีเอามากๆ ตอนกลางคืน จึงไม่รู้ว่าด้านซ้ายมือที่มืด ๆ คืออะไร พอดีกับเป็นคืนข้างแรม พอเห็นทางแยกซ้าย ผมก็หักหัวรถเลี้ยวซ้ายคิดว่าที่ว่าการอำเภอเกาะสมุยจะไปทางนั้น แต่กลายเป็นว่าที่ผมกำลังหักหัวรถลงไปนั่น คือสะพานท่าเทียบเรือแห่งหนึ่ง บนสะพานเทียบเรือมืดเพราะหมดเวลาเรือ ยังดีพอสุดสะพานมีที่พอให้กลับรถได้ ผมรีบหันหัวรถกลับ

เดาใหม่ว่า ด้านที่ขับรถกลับออกมาเป็นทิศตะวันออก และด้านตรงข้ามคือตะวันออก คราวนี้ฟลุ้ก เพราะพอมาถึงสามแยก ฝั่งตรงข้ามของสามแยกมองเห็นป้ายที่ว่าการอำเภอ พอขับเข้าไปจอดที่หน้าอำเภอ ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาที่รถ ผมเปิดประตูลงไปยืนให้ผู้มารับดูหน้าตา และทักไปว่า “คุณถนอม บัวนาค ใช่ไหมครับ?”

เขาตอบ “ใช่” เรื่อง กระทงหลงทางจึงได้จบลง

คุณถนอม พาผมและอาจารย์ใหญ่ไปเลี้ยงอาหารมื้อค่ำ ประเดิมความสิ้นเปลืองมื้อแรก ที่มาคบกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าตาและหัวนอนปลายเท้า แต่เราก็คุยสนิทสนมกันราวกับว่ารู้จักกันมานานปี

เป็นนักเขียนมีดีตรงนี้เอง เพราะกว่า ๑๕ ปีที่เขียนหนังสือมา ผมรู้จักเพื่อนนักเขียนด้วยวิธีการแบบนี้และคบกันจนเป็นเพื่อนรักหลายคน

คุณถนอม ชอบอ่านงานของนักเขียน และคบกับนักเขียนไว้หลายคน มีประวัติเก็บไว้หมดโดยเฉพาะพวกซีไรท์ เขาเป็นยิ่งกว่าห้องสมุด นักเขียนมีชื่อบางคน เช่น นิมิตร ภูมิถาวร ยังเคยไปนอนบ้านเขา แต่สำหรับผมเขารู้จักโดยเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่บุรีรัมย์ ถ่ายภาพผมตอนรับรางวัลช่อการะเกดส่งไปให้

ในบ้านคุณถนอมมีเพียงคุณถนอมกับภรรยาเพียง ๒ คน ลูกสาวคนหนึ่งเปิดมินิมาร์ทขายสินค้าให้ฝรั่งอยู่ที่หาดบ่อผุด อีกคนเพิ่งเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา บ้านของคุณถนอมเป็นบ้านสวน นอกจากมะพร้าวซึ่งมีผลดก เงาะทุกต้นก็กำลังออกผลนอกฤดูดกสะพรั่ง แต่ผลยังเป็นสีเขียว ปรกติเงาะจะออกผลราว ๆ เดือนพฤษภาคม และผลจะสุกราว ๆ เดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม พอกันยายน ก็จะหมด

แต่ตอนนั้นวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๒ ที่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหลาย ๆ อย่างกำลังจะเปลี่ยนไป จนพวกต้นไม้สับสนจำฤดูกาลของตนไม่ถูก

เสร็จจากอาหาร คุณถนอมนำเราออกไปที่หาดหน้าทอน ซึ่งมีงานชักลากพระประจำปี และเป็นที่ชุมนุมของ “เรือพระ” จากวัดต่าง ๆ มาจอดรวมกันอยู่ ที่เรียก ‘เรือพระ’ แท้จริงเป็นรถ คือเขาใช้รถยนต์ตกแต่งเป็นเรือเอาพระพุทธรูปขึ้นไปวางแล้วชักลากไปตามถนน พอมาหยุดจอดรวมกันก็มีงานสมโภช มีการแสดงนาฏลีลา ของบรรดาเด็กนักเรียนชั้นประถมและมัธยม เป็นชุด ๆ ต่อด้วยวงดนตรีลูกทุ่งของมโนราห์คณะหนึ่ง เป็นงานฟรีไม่เสียค่าผ่านประตู มีคนดูพอประมาณ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้าน ชาวเกาะ นั่นเอง

คุณถนอม จัดที่นอนไว้ให้เราที่ชั้นบนของบ้าน เป็นห้องกว้างที่นอนใหญ่ ๒ เตียงมีเบาะนุ่ม นอนได้สี่ห้าคน

๘ นาฬิกา คุณถนอมนั่งหน้านำทางให้ผมขับรถวนรอบเกาะ ไปหยุดกินกาแฟ ไปแวะร้านมินิมาร์ทของลูกสาวคุณถนอมที่หาดบ่อผุด ไปไหว้พระใหญ่ที่หาดวัดพระใหญ่ บ้านปลายแหลม

ถนนในเกาะสมุยเป็นถนนลาดคอนกรีต แต่กว้างขับรถได้สบาย มีแคบและแออัดก็ที่ตลาดเฉวง ซึ่งมีตึกรามบ้านช่องปิดทางลงหาดไว้แทบหมดสิ้น ชื่อร้านรวงและสถานบริการต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษแทบไม่มีชื่อไทย สถานบริการ โรงแรมและบ้านพักดูจะไม่ค่อยเหมาะสมกับเงินในกระเป๋าของผม แต่เหมาะสำหรับฝรั่ง
มังค่า หรือเสี่ยคนไทยนักธุรกิจที่มีเงินหนา ๆ ที่เพิงดอกเห็ดหลังรีสอร์ทจึงมีป้าย “ห้ามบุคคลภายนอก”

ผมไปเดิน ๆ เห็นฝรั่งนอนอาบแดดและเดินโชว์บิกินี่ พอดีเห็นพระรูปหนึ่งมาเที่ยวชายหาด และมานั่งอยู่ใต้เพิงดอกเห็ดมองฝรั่งอยู่ด้วย ผมนึกอายเลยถอยเข้ามายืนหลบแดด ใต้ร่มเงามะพร้าวไม่กล้านั่ง แต่พระท่านไม่อาย พอดีครูใหญ่กับคุณถนอม ไปนั่งอยู่ใต้เพิงดอกเห็ดอีกดอก และถูกพนักงานโรงแรมมาไล่ บอกว่า “ขอโทษนะครับ ที่นั่งนี้สำหรับแขกที่มาพักโรงแรม” ผมยิ่งหน้าบางใหญ่เลยต้องบอก “เราไปเที่ยวที่อื่นต่อกันเถอะ”

คุณถนอมจึงพาไปดูหิน(ของ)ตากับหิน(ของ)ยายที่หาดละไม ดูแล้วผมเกิดอารมณ์คัน คือรู้สึกสงสารตากับยายที่ไม่น่าจะมานอนโชว์... ให้คนรุ่นลูก ๆ หลาน ๆ และชาวต่างประเทศดูอยู่อย่างนั้น หินตาเป็นก้อนหินลักษณะเหมือนองคชาติตั้งขึ้น ดูเหมือนจริงมาก ส่วนหินยายก็คือแผ่นหินที่มีลักษณะเหมือน... เหมือนชนิดที่ทีวีไม่กล้าถ่ายเอาไปออกรายการ...

ท่านเคยเห็นภาพ “หินยาย” ออกทีวีไหม ผมเคยเห็นแต่ “หินตา” ออกทีวี และภาพถ่ายใน ท.ท.ท. ก็ไม่เคยเห็นหินยาย ผมมองแล้วพลางนึก นี่ถ้าใครเกิดบ้าจี้ มีจิตรักษ์วัฒนธรรมจัด หาว่าธรรมชาติลามก เกิดสิ่งที่ไม่ควรเกิด มาทำลายหินตาลงเสีย เอาปูนโบกทับหินยาย อย่าให้ดูเหมือนไอ้นั่น... ผมว่าชาวบ้านที่ทำมาค้าขายอยู่แถบนี้คงจะโกรธแค้นอย่างหนัก

(หินตาภาพนี้ผมถ่ายเอง)
และหินยายครับ ผมถ่ายเองเช่นกัน


เพราะถ้าไม่มีคนมาเที่ยวเขาก็ขายสินค้าไม่ได้ สถานที่ท่องเที่ยวจึงคู่กับสินค้า อย่างบริเวณนี้ที่ออกหน้าออกตาคือ ขนมกะละแม ซึ่งผมก็ซื้อมาถุงใหญ่

(ภาพนี้มาจากในเวบครับ)
สถานที่ท่องเที่ยวจึงเกี่ยวโยงกับการทำมาหากิน จนแยกกันไม่ออก แม้พวกโรงแรมและรีสอร์ทต่าง ๆ นั้นเล่า ผมว่าก็มีไม่น้อย ที่พลอยมีรายได้กับ หินตา และ หินยาย

จากภาพที่ถูกบันทึกนำเผยแพร่เป็นของประหลาดไปทั่วโลก และมีคนถ่ายภาพหินตาและหินยาย ขายกันเหมือนขายรูปโป๊ะ ตามขอบสนามหลวงสมัยก่อน ซึ่งขายได้ขายดีมีมานนานกว่า ๓๐ ปี ก่อนที่ผมจะไปเห็นในวันนั้นเสียอีก

จึงขอภาวนา อย่าให้ใครเกิดบ้าจี้ ลุกขึ้นมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทำให้กลายเป็นอย่างอื่นไปเลย ขอให้ชาวเกาะสมุยจงอนุรักษ์มันไว้เท่าชีวิต จนกว่าน้ำจะท่วมเกาะเพราะน้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลาย…

คุณถนอมพาเราต่อไปที่น้ำตก ชื่อ “น้ำตกหน้าเมือง” แต่น้ำน้อยเพราะฝนไม่ตก จึงไม่สวย ผมขับรถต่อไปที่หาดบางมะขาม มีร้านอาหารชื่อแปลก “สภาก๋วยเตี๋ยว” แต่มี “เนื้อย่างน้ำตก” และมีอาหารอีสาน เหนือ ใต้ กลางและจีนขายครบ เป็นร้านเพิ่งเปิดในตอนนั้น

แต่พอรู้ว่าเป็นกิจการของคุณฝังพล บุญเลี้ยง บิดาของ คุณศุ บุญเลี้ยง ศิลปินนักร้องขวัญใจวัยหวาน และบริหารงานโดยพี่สาวของคุณศุ บุญเลี้ยง ผมก็หายประหลาดใจ เพราะสายศิลปินย่อมคิดอะไร แบบศิลปินไม่เหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไป

มีกระท่อมปลูกด้วยไม้ไผ่ และจากราว ๒๐ หลังให้นั่งกิน แบบของใครของมันไม่ไปก้าวก่ายกัน หนุ่ม ๆ สาว ๆ สามารถพาคู่ไปนั่งจู๋จี๋ นั่งกินกันไป จีบกันไป โดยไม่ต้องกลัว ก ข ค


มีป้ายติดไว้ด้วยว่ากระท่อมหลังไหนควรสั่งอะไร ทุกซุ้มอยู่ใต้ร่มเงามะพร้าวร่มรื่น เหนือหาดสีขาวและทะเลสีคราม กินไปนั่งชมธรรมชาติไปท่ามกลางสายลมโชย ได้ยินและได้เห็นคลื่นซัดหาด ครืนโครม ซาดซ่า… ไม่มีเครื่องปรับอากาศ หรือเสียงเพลงที่หนวกหูมาทำลายบรรยากาศแห่งทะเล
ก่อนผมจะลาจากเกาะสมุย คุณถนอมมีเหตุติดขัด คือมีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อบุญชัย ตันสกุล นักกวีหรือนักกลอนแห่งบ้านนาสาร ลงไปเยี่ยมคุณถนอมพอดี เลยทำให้ไม่ได้ไปเที่ยวกับผม คุณถนอมบอกค่อยนัดกันใหม่ แต่ผมลงตั้งใจว่า จะทำอะไรแล้วต้องทำ มันเป็นนิสัยที่ว่า “คิดแล้วต้องทำให้ได้” เพราะหากพ้นจากนั้นแล้ว ผมอาจจะไม่ได้ทำ

ผมจะเดินทางไปอีสาน ไปแบบ “ข้าไปคนเดียว” เพราะอาจารย์ใหญ่เกิดเปลี่ยนใจ บอก

“อีกไม่กี่วันโรงเรียนจะเปิด ผมจึงไปกับคุณไม่ได้”

โห... ผมช็อกเลย... เสียแผนและเสียความตั้งใจหมด
ลองทายซิว่าผมจะขับรถไปอีสาน คนเดียวได้ไหม...






Create Date : 29 สิงหาคม 2550
Last Update : 29 สิงหาคม 2550 14:53:40 น. 14 comments
Counter : 1512 Pageviews.

 
"สวัสดีหนอนเป็นคนสุดท้าย หมั่นตรวจอีเมล์ด้วยนะ หมู่นี้มีเรื่องท็อปซีเคร็ท ต้องปรึกษาบ่อย"

อาบูลย์ทักที่หน้าโน้น
หนอนฯ ขอตอบ

เดี๋ยวจะไปตรวจอีเมล์ วันนี้ยุ่งเหยิงซะจน ป่านฉะนี้ยังไม่ได้กลับบ้านค่ะ เกือบสองทุ่มแล้ว

ท็อปซีเคร็ทเยอะนะ ระวังหนอนฯ จะเอาไปขาย แบบที่พวกจารชนเขามาด็อดเอาความลับไปขายอีกฝ่ายน่ะ สงสัยหนอนฯ จะรวยก็คราวนี้แหละ

นี่กับแม่น้องนิก

ดีใจจังที่สูตรแก้เคล็ดนั้นใช้ได้
เราประคบเองอาจจะหายช้า
แต่ก็ดีกว่าไม่บรรเทาลงเลยล่ะนะ
จะได้ทำงานให้อาบูลย์ได้เต็มที่น่ะจ้ะ

เอ...นี่พี่หนอนฯ ห่วงแม่น้องนิก หรือห่วงอาบูลย์กันแน่นะนี่

อิ อิ ไปดีกว่า จะไปส่งงานอีกตึกนึง
ข้างนอกตึกทำงานมืดมิดซะจริง ๆ
ไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่
น่ากลัว...กลัว....ผีดิบ (ของอาบูลย์)


โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 202.28.180.201 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:19:45:31 น.  

 
เดา..ว่าไปลุง..อิๆ เดาเอาตามนิสัยหนูนะ
ถ้าหนูตั้งใจล่ะ..ไป

ขำลุงน่ะที่ เมียบอกว่ากลัวตาย..เวลาลุงขับรถเร็ว
ไอ้คำว่า..ถ้าถึงที่ตายอยู่ไหนมันก็ตายน่ะจริงอยู่
แต่หนูก็กลัวเวลาแฟนหนูขับรถเร็วนะ..นั่งไปด้วยกัน
หนูบอกลดดีกรีความเร็วหน่อยก็ได้ ฉันยังไม่อยากเดี้ยง
เพราะลูกยังเล็กอยู่ ห่วงลูกน่ะลุง

เงินนี่ก็มีส่วนสำคัญกับชีวิตประจำวันเนาะลุงบูลย์
แต่จะมีซักกี่คนที่ละทิ้งงานประจำ เพื่อเดินตามความฝัน
ของตัวเองอย่างลุงน่ะ อ่านๆแล้วเหมือนเพื่อนลุงหายใจ
ทิ้งไปวันๆกับระบบราชการเลยนิ

แต่วันที่หนูลาออกจากราชการไปอยู่กับสามีน่ะ หนูก็เหมือนขึ้นสวรรค์นะ เพราะเป็นพวกอ่อนน้อมไม่เก่ง
พี่บางคนเขาก็หวังดี..ดีมากเลยมั๊ง..บอกว่า ทำเรื่องลาเรียน
ต่อไม่ดีรึ เผื่อผัวทิ้ง..ดูสิ..น่าร๊ากกก หนูน่ะคิดในใจเลย
ว่า..ถ้าตูไปแล้วตูคงไม่มีหน้ากลับมาให้คนเยาะเย้ยหรอก

ความมุ่งมั่นมันมีอยู่ในใจ เลยเดาไว้ ว่าลุงไป


โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.135.138 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:19:56:05 น.  

 
แวะมาเยี่ยมพี่บูลย์ครับ

คนอาไรไฟแรงเอาการ...

ครูคม


โดย: ครูคม IP: 203.146.63.184 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:5:00:48 น.  

 
แม่น้องนิก ไหนว่ามีงานรีไรเตอร์ เมืองเทวดา ไหงมาแอบอ่านสารคดีท่องเที่ยว ที่ลุงเอามัดตาทัพเสียล่ะ แต่รู้สึกเธอหรือใครจะชอบเข้าไปอยู่ที่เมืองเทวดานะ เพราะลุงเปิดเวบทีไหนหน้าเมืองเทวดาโชว์ทุกที ทั้ง ๆ ที่ลุงตั้งสารคดีเป็นหน้าหลัก

สวัสดีพ่อหวด

คุยมาก ๆ กว่านี้ก็ได้ ค่าเน็ตไม่แพงเกินเหตุหรอกน่ะ หรือว่า เก็บเวลาไว้ไปคุยกับสาว ๆ เหอ ๆ ๆ


โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.234.61 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:10:29:55 น.  

 

..แวะมา Print เอาไปอ่าน..

ชะแว๊บบบบบบบบบ



โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:10:37:52 น.  

 
เพิ่งได้แวะมาเที่ยวกะลุงบูลย์....

ท่าเต๊ะจุ๊ยถ่ายรูปนี่ไม่เบาเลยนะลุงเรา..
ห่างจากเครื่องไปร่วมครึ่งเดือนจริงๆนะเนี่ย...ตั้งแต่รอศพน้องวุฒิเมื่อวันที่ 18
น้องเขาไม่ยอมไปค่ะลุง....หมอถอดสายระโยงระยางไปเกือบหมดเหลือแต่เครื่องช่วยหายใจก็ยังสู้จะอยู่ต่อ ตั้งแต่คืนวันที่ 18 นถึง คืนวันที่ 21 เราอยู่กันทางบ้านก็นั่งรอ เตรียมบ้านเตรียมที่ แต่วันนี้ก็ยังไม่สิ้น...รออีกวัน...ก็ยังไม่แผ่ว
จนคืนวันที่ 21 พ้น...ตรงตามที่พระท่านดูให้ ท่นว่าไม่วันพระนี้ก็วันเกิดเขา วันพุธ พอหลังเที่ยงคืนวันอังคารน้องเขาก็เริมแผ่วจนเกือบตีสามถึงไป....

ลุงบูลย์จะแปะบุ่นได้ไหม..แฟนป้าเปียพี่ชายป้าพิศ แกเสียเมื่อสามปีก่อน วันที่ 22 สิงหาคม วันพุธเหมือนกันเลย...
แล้ววันปลงก็เป็นวันที่ 27 เหมือนกัน....พระท่านว่าถ้าน้องวุฒิไม่สิ้นก็ป้าเปียนั่นแหละหนักเพราะดวงแม่ลูกเขาผูกกันอยู่...
แต่ป้าเปียแกเป็นคนเข็มแข็งค่ะ...แกก็โอเคแล้ว.

ลุงบูลย์ล่ะเป็นอย่างไรบ้างฝนตกน้ำท่วมไหมที่ปะทิว...
แถวบ้านในตลาดเก่าท่วมไปยกหนึ่งแล้ว แถวตำตัวที่หน้าวัด หน้าโรงเรียนก็น้ำวิ่งข้ามถนนจนวิ่งรถลำบาก บ้านพักครูชายทุ่งของลุงบูลย์กปริ่มน้ำขาวว่อก ขึ้นไปดูบนควนปักนะ...ตำตัว ตลาดเก่าขาวโพลนไปหมดเลย นี่ก็เริ่มตกอีกยกแล้ว..ท่าจะอีกรอบแล้วล่ะ

ทิ้งบล๊อคไปนาน...เป็นบ้านร้างเลยล่ะ.
สงสัยจะประกาศให้เช่าบ้านเหมือนลุงบูลย์เสียแล้ว...รู้สึกเรทติ้งจะแผ่วๆ....สู้นักเขียนหญ่ายๆเขาไม่ได้หรอก

เฮ้อ....ไปออกรอบท่องเที่ยว พเนจรเรื่อยเปื่อยท่าจะดี
เห็นมาดแอ๊คชั่นกับรถแล้วชักมือไม้อยู่ไม่สุข

เสร็จงานศพแล้วมันก็เหนื่อยใจ ปลง เปลี้ยกับชีวิตหลายเรื่อง...
คนเราเกิดมาก็ต้องตาย..มีชีวิตอยู่ก็เป็นทุกข์....ดำรงอยู่ก็เป็นทุกข์....ตายไปคนข้างหลังก็ทุกข์....

จะเข้าวัดหรือก็ทุกข์กับวัตรปฏิบัติของพระ...ทุกข์จริงๆ
เที่ยวดีก่า.....


โดย: ปลายแปรง วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:10:49:01 น.  

 
สวัสดีค่ะลุงบูลย์
-----------------------------------
...ลองทายซิว่าผมจะขับรถไปอีสาน คนเดียวได้ไหม...

ประโยคทิ้งท้าย ท้าทายชีวิตลูงบูลย์......คนเดียวซะที่ไหน
ถ้าสาวฯ มีรถยนต์เป็นของตัวเองละก้อ อย่าท้า!
แบบว่า...ข้าคนเดียว เที่ยวไปตามใจชอบ
จะไปมันทุกจังหวัด แต่..ขอยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนใต้นะคะ
อะคึ่ ๆ

ลุงบูลย์คะ อย่ากระนั้นกระนี้เลย ถ้าแวะขอนแก่น
โทร. 089-7116679 ด้วยนะค๊า
สาวฯ จะชวนไปเดินเล่น กินลมชมวิวใน "บึงแก่นนคร"
นั่งจิบกาแฟหอมกรุ่นนุ่มลิ้น "กีวีคาเฟ่" เด้อค๊า

สาวฯ เพิ่งกลับจากเดินป่าเจ็ดคด (สระบุรี) ได้แผลถลอกนิดหน่อยค่ะ
แบบว่า...ไม่สวยแล้วยังซุ่มซ่าม คิคิ



โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:11:45:41 น.  

 
หนูแก้ไขในกระดาษไปเจ็ดตอนแล้วน่ะลุง ตั้งคำถามไปเรียบร้อยลุงอ่านเมลหนูแล้ว ว่างจากงานทำเงิน ลุงค่อยตอบก็ได้นะคะ

อ่านไป แก้ไขไป แก้ไขเสร็จก็อ่านอีก หนูจะหลับฝันเป็น
เมืองเทวดาแล้วเนี่ย ลุงจะหาว่าหนูอู้ล่ะสิ


โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.135.30 วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:9:10:22 น.  

 
สวัสดีค่ะ พินดีใจนะค่ะที่ถาพดอกเทียนได้มีประโยชน์บ้าง ไงก็ขอให้ลุงบูลย์เดินทางสู่แดนอีสานโดยสวัสดิภาพนะค่ะ พินในนามชาวอีสานและชาวศรีสะเกษยิดดีต้อนรับค่ะ


โดย: พิน (sakcaga ) วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:12:20:49 น.  

 



มีโอกาสได้ไปทำงานที่สมุย แต่ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปเหมือนพี่ มาเป็นกำลังใจให้อัพบล๊อกต่อไป




เที่ยวสบาย ๆไปได้ทุกคน


โดย: ปฏิบัติหน้าที่แทนคุณLord (=Lord Gary= ) วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:16:17:03 น.  

 






ลืมส่งรูปมาเป็นตัวอย่าง เลยส่งใหม่ให้น้ำลายไหลเล่น ๆ อิอิ



ทีลอซู ที่แสนจะประทับใจ



เที่ยวสบาย ๆไปได้ทุกคน


โดย: ปฏิบัติหน้าที่แทนคุณLord (=Lord Gary= ) วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:16:40:48 น.  

 
หินตายาย เพิ่งเคยเห็น มหัศจรรย์ของธรรมชาติ มีอยู่เสมอ ๆ

ไปเที่ยวแล้วเห็นธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
ทำให้เราตัวเล็กลงจริง ๆ


โดย: แพรจารุ วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:13:36:59 น.  

 
สวัสดีทุก ๆ ท่าน น่าชื่นใจ นี่แสดงว่า คอลัมน์ท่องเที่ยวนี่ขายได้ งั้นลุงอัพล่ะ
ก่อนอื่นขอขอบคุณหลานพิณ ลุงไปเอาเรื่องดอกเทียน พอดีต้องการข้อมูลเรื่องสมุนไพร ประโยชน์ของเทียน เขียนหนังสือให้ครูเอาไปทำผลงาน ซี ๘

และขอบคุณ คุณปฏิบัติหน้าที่แทนคุณLord (=Lord Gary= ที่เอาภาพทีลอซูมาให้ดู ที่นั่นลุงขึ้นไปแต่ฟิล์มหมดพอดี เลยไม่ได้ภาพ แต่พวกทีลอจ้อและการล่องแพได้มา ว่าง ๆ จะเอามาลง

ผมมาเชียงใหม่ตอนงานพืชสวนโลก แต่รู้สึกเหนื่อย ๆ เลยด้ไปบ้านใครเลย นี่ก็นายฉมังฉายรบเร้าจะให้มาอยู่เชียงใหม่ ให้มาวาดภาพขาย เขาเปิดร้านไว้แล้วที่บ่อสร้าง ก็อยากจะมาอยู่ แต่...

ไม่รู้จะบอกว่าอย่างไรดี คนแก่น่ะติดที่อยู่เป็นที่หนึ่ง
นั่นคือสาเหตุหนึ่งซึ่งมาไม่ได้ ว่าจะส่งรูปที่วาดมาให้เขาขายแทน ก็ยังไม่ว่างวาดสักที


โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.233.193 วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:14:41:38 น.  

 
ง่ะ เพิ่งรู้ว่าแม่มีญาติที่เกาะสมุยด้วย

malila108@windowslive.com



โดย: ลูกสาว บัวนาค IP: 58.8.169.80 วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:16:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.