...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
ลุงบูลย์เล่าเรื่องอดีต ๒-๔







ระหว่างที่น้าชายคนรองไปซื้อสีและของต่าง ๆ ที่สั่ง น้าบุญคนพี่ที่ไปพาผมมานึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีรูปยายติดตั้งที่หน้าศพ เพราะคนสมัยนั้นไม่ชอบถ่ายรูป เชื่อกันว่าถ่ายรูปแล้วจะทำให้ตายเร็ว จึงไม่มีใครได้ถ่ายรูปยายไว้ น้าบุญจึงหันมาทางผม ถามว่า

“เณรวาดรูปแม่ตอนนี้เลยได้ไหม ดูหน้าแล้ววาดเลย น้าจะให้คนยกศพขึ้นนั่งพิง”

ผมตอบปฏิเสธว่า “ไม่เคยวาดจากตัวจริง เคยวาดแต่จากภาพถ่าย” เพราะรูปทุกรูปที่วาดผมเอารูปถ่ายใส่ไว้ใต้กระจกสเกล แล้วตีตารางขยายในกระดาษก่อนวาดออกมา บางครั้งก็ตีตารางทับรูปถ่าย

น้าบุญถามว่า “งั้นทำยังไงดี จะให้ช่างมาถ่ายภาพก็ต้องรออีกเป็นวันถึงจะได้” ผมตอบว่า
“ก็ต้องลองดู” และผมพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่วัดในเมืองเมื่อไม่นาน

มีพระรูปหนึ่งมาจากวัดวังตะวันออก ตอนนั้นผมกำลังมีชื่อในเรื่องวาดรูปเหมือน ว่าวาดออกมาเหมือนและมีชีวิตชีวามากกว่าใคร ไม่ดูแข็งกระด้างเป็นรูปปั้น ทำให้พระเณรบางรูปที่หัดวาดรูปเหมือนมาก่อนผมไม่พอใจ และเกิดความอิจฉาริษยาตามวิสัยของมนุษย์ปุถุชน เขาต้องการให้พระรูปนั้นมาลบชื่อผม โดยเขาหรือพระรูปนั้นดูภาพถ่ายแล้ววาดออกมาแบบไม่ต้องใช้สเกล หรือตีเส้นตารางขยายภาพ แต่ภาพที่เขาวาดออกมาแค่ดูคล้าย ๆ ต้นแบบไม่เหมือนจริง แต่พระเณรและเด็กวัดทุก ๆ คนที่เชียร์พระรูปนั้นคุยว่า

“วาดได้ขนาดนี้ก็เยี่ยมแล้ว เพราะวาดแบบฟรีแฮนด์ ไม่ได้ตีสเกล”
เขาจับเอาความหมายที่ว่า การวาดรูปแบบตีสเกล ใคร ๆ ก็วาดได้ไม่จำเป็นต้องมีฝีมือ



วันนั้นผมนิ่งเฉยไม่พูดอะไร แต่มีชายคนหนึ่งชื่อ ตาแดง อายุ ๖๐ กว่าปี เป็นโยมของหลวงพี่จ่ายพระนักเทศน์ ที่มีคนติดมาก และหลวงพี่จ่ายรูปนี้แหละที่สอบได้นักธรรมเอกแล้วสอบวิชาชุดครระดับ พ.กศ.ได้หมด และกำลังจะสึกออกไปใช้วุฒิครูสอบเข้าทำงานในหน่วยราชการ และหลวงพี่จ่ายยังเป็นครูที่เคยสอนนักธรรมให้ผม ตอนผมเพิ่งบวชและสอบนักธรรมตรี หลวงพี่จ่ายอยู่กุฏิไม้หลังใหญ่ใกล้ถนน หลวงพี่จ่ายเองก็ชอบผมและคอยสนับสนุนผมหลายเรื่อง และหลวงพี่จ่ายนี่แหละที่เคยพูดกับผมว่า

“เณรวาดรูปดีกว่าท่านมหาร่วงหลายเท่า ท่านมหาร่วงอุตส่าห์ไปเรียนวาดรูปเหมือนมาจากคนจีนที่กรุงเทพฯ นะนั่น แต่วาดออกมาแข็งเป็นหินรูปคนเหมือนรูปปั้น ส่วนเณรไม่ได้เรียนแต่ไปยืน ๆ ดู แล้ววาดออกมาดูนุ่มนวลมีชีวิต ผมว่านี่แหละคือพรสวรรค์ของใครของมันที่มอบให้กันไม่ได้”

กุฏิของหลวงพี่จ่ายนี่เองที่ผมเอารูปที่ผมวาดใส่กรอบไปติดโชว์ไว้หลายรูป เพื่อหางานมาให้ตนเองทำทำให้พอมีใครมาใครไปเห็นเข้าเขาก็นำรูปถ่ายมาให้ผมวาด สร้างรายได้ให้กับผมตลอดมา

ตาแดงมาจากบ้านหลวงพี่จ่ายที่ตำบลต้นเหรียง อำเภอสิชล ตาแดงมักจะมาเที่ยวในเมืองแล้วมาพักอยู่ที่กุฏิหลวงพี่จ่ายพระลูกชายครั้งละหลาย ๆ วัน บางทีเป็นเดือน

ตาแดงรู้ว่าผมถูกพระจากวัดวังมาลบชื่อ ก็อยากจะช่วยกู้ชื่อเสียงที่ถูกลบของผมคืนมา วันรุ่งขึ้นตาแดงจึงไปหาผมและพูดว่า

“เณรช่วยลองวาดรูปผมสักรูปเถอะ แต่ผมไม่มีรูปถ่ายนะ เอาเป็นว่าผมมานั่งแล้วเณรก็ดูหน้าวาดแล้วกัน” ตาแดงพยายามที่จะให้กำลังใจและให้ผมทดลองวาด ให้พยายามวาดออกมาให้ได้

พอดีช่วงที่ผมมาอยู่วัดในเมือง แล้วไปต่อหลักสูตรสีน้ำกับคุณครูน้อม ทิชินพงศ์ ท่านเพิ่งสอนเรื่องการร่างภาพในวิชาวาดหุ่นนิ่ง ท่านสอนวิธีร่าง การกะ เล็ง วัด สัดส่วนของวัตถุ และการลงแสงเงาหุ่นต่าง ๆ ให้ผมมาใหม่ ๆ ผมจึงลองเอามาใช้กับการวาดใบหน้าของตาแดง ผมวาดอยู่แค่วันเดียวภาพตาแดงก็เสร็จและออกมาเหมือนมาก มันเหมือนอย่างไม่น่าเชื่อและผมไม่เคยคิดว่าจะวาดได้

ตาแดงจัดการเอารูปของแกไปใส่กรอบเอง และนำไปติดไว้ที่กุฏิของหลวงพี่จ่ายพระลูกชาย แล้วคอยบอกกับใคร ๆ ว่า

“ภาพนี้เณรบูลย์วาดมาจากที่ลุงไปนั่งให้แกวาด เณรบูลย์แกวาดไม่ต้องใช้ภาพถ่ายเลยก็ได้เห็นไหม? ดูตัวจริงแล้ววาด”

ผมเลยได้ชื่อกลับคืนมาสู่ความเป็นหนึ่งในด้านภาพเหมือนต่อ แต่การวาดภาพศพยายคราวนี้ผมหนักใจ เพราะวาดไปเสียวไป กลัวไป…และหากกำลังวาดแล้วยายลืมตาขึ้นมามอง ผมมีหวังช็อกตายก่อนเผ่น ยิ่งผมไม่ถูกกับยายมาตั้งแต่ไหมแต่ไร แต่ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และสิ่งที่ผมหนักใจคือ ผมต้องวาดให้ยายลืมตาไม่ใช่หลับตา และภาพวาดจากตัวจริงของนางแบบที่ไร้ลมหายใจก็สำเร็จลงเคร่า ๆ ภายในเวลา ๑ ชั่วโมงเศษๆ ทว่า ผมยังจะต้องเอาเวลามานั่งขัดถูแต่งผิว ใส่แบ๊กกราวน์และแต่งเสื้อผ้าให้ดูดีในภายหลังอีกที แต่ตอนนั้นผมรีบให้น้า ๆ ช่วยยกศพยายใส่โลงก่อนที่ศพยายจะเน่า เพราะโลงศพที่ให้ช่างขัดถูและทาเชลแล็กไว้ ก็พร้อมแล้วที่จะให้ผมได้เขียนลายข้างโลงต่อไป

ผมยังชมตัวเองมาจนบัดนี้ว่าผมวาดรูปยายทั้ง ๆ ที่ยายเป็นศพแล้ว ให้เป็นเหมือนยายที่ยังมีชีวิตอยู่ขึ้นมาได้อย่างไร ผมวาดออกมาดีหมดยกเว้นนัยน์ตายายเท่านั้นที่ดุมาก เพราะผมนึกวาดดวงตาของยายใส่เอาเองเพราะยายนั่งหลับตาตลอด

ภาพยายภาพนั้นยังติดอยู่ที่บ้านน้าบุญ คนที่เคยไปตามตัวผมมาจนบัดนี้ ผมเคยไปดู เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๔๗ ตอนไปงานบวชลูกน้องชายแล้วเลยไปเยี่ยมน้าบุญ ภาพนั้นยังชัดเจน ไม่ซีดจางและไม่ลอกแม้แต่นิดเดียว

หลังจากเขาเอาศพยายใส่โลง ผมหันมานั่งคิดออกแบบวาดลายข้างโลงต่อ ผมวาดลายกนกเปลวลงบนกระดาษปิดหลังกรอบรูป ผมไม่เอาลายก้านขดเพราะลายกนกเปลววาดได้เร็วกว่า วาดเสร็จผมใช้ใบมีดเหลาดินสอที่เตรียมมาพร้อมในย่าม แกะลายออกเป็นตัว ๆ ผมวาดแล้วแกะแค่ ๓ แผ่น แผ่นแรกสำหรับลายข้างโลงซ้าย - ขวา แผ่นที่ ๒ เป็นชื่อยายสำหรับพ่นตรงกลาง แผ่นที่ ๓ สำหรับลายด้านหัวท้าย ซึ่งผมแกะเป็นเทพพนมหรือเทพบุตรประนมมือ

พอแกะแผ่นแรกเสร็จ ผมให้ชาวบ้านที่มาช่วยงานเอากระดาษที่ผมแกะลายไปแปะข้างโลงทีละด้าน ใช้เป๊กกดกระดาษแบบหัวกลมที่ผมเตรียมมาในย่ามเช่นกัน กดติดกระดาษลายให้แนบสนิทกับผิวโลง ติดเสร็จผมเอาสีน้ำมันสีขาวใส่ลงในกระป๋องพ่นยา ผสมน้ำมันสนให้ได้ส่วนแล้วลองฉีดพ่นดูก่อน พอเห็นว่าสีออกดีก็นำไปพ่นใส่ตัวลายไทย ในระยะห่างประมาณ ๑ ฟุต ละอองสีผ่านตัวลายที่แกะบนกระดาษหนาไปติดที่ผิวไม้ของโลง กลายเป็นลายตัวขาวบนพื้นดำ

ครั้งแรกลายอยู่ซีกโลงด้านซ้าย หนที่สองผมรอให้สีที่ติดกับแม่แบบแห้ง ก่อนพลิกกระดาษแม่แบบให้ชาวบ้านพ่นสีอีกครั้ง กลายเป็นลายด้านขวา พอสีที่ติดกระดาษแห้งนำแม่แบบไปแปะที่ผนังโลงอีกด้านอีกครั้ง แล้วทำในลักษณะเดียวกัน ต่อมาแผ่นที่สองพ่นชื่อ ชาตะ และมรณะ ของยายไว้ระหว่างลายซ้ายขวา

ชาวบ้านที่ผมให้ช่วยเป็นลูกมือ ต่างดีใจที่ได้ช่วยงานผม เพราะคนที่มาช่วยทำโลง จะได้รับการเอาใจจากเจ้าภาพเป็นพิเศษกว่าแขกอื่น ทั้งเหล้าโรง แม่โขง กวางทอง กาแฟ บุหรี่กรุงทอง และสายฝน ฯลฯ ดื่ม เสพ กิน สูบ กันไม่อั้นเขาจึงชอบ ส่วนผมดื่มได้แต่โกปี๊หรือกาแฟดำใส่น้ำตาล

ผมต้องอยู่และนอนบ้านยาย ๓ วัน กว่าจะแต่งลายข้างโลงรวมทั้งวาดและแต่งรูปเหมือนยายเสร็จให้น้าบุญยกพาไปใส่กรอบมาตั้งหน้าโลง

มีคนถามผมว่า ระหว่างแกะลายเป็นกระดาษแล้วเอาไปติด อย่างที่เขาเคยเห็นและทำกันมานานกับการพ่นสีแบบสเต็นซิล แบบไหนสวยกว่า ผมไม่กล้าตอบว่า

“แบบแกะกระดาษนำไปติดสวยและประณีตกว่า แต่งานนี้ผมต้องการให้งานเสร็จเร็ว ผมจึงคิดวิธีพ่น นี่ถ้างานไม่รีบผมคงเอาแบบเดิม”

๒-๓ คืนแรกที่ผมมาเขียนลายโลงศพและวาดภาพเหมือนให้ยาย ศพยังไม่ทันมีกลิ่นแต่ถ้าคืนที่สี่ที่ห้ากลิ่นต้องออกมาแน่นอน เพราะศพยายไม่แช่น้ำแข็งและไม่ฉีดฟอมาลีน แต่ชาวบ้านที่มางานศพ(ในสมัยนั้น) มักทนกลิ่นกันได้ ซึ่งผิดกับสมัยปัจจุบันที่ถ้ามีกลิ่นคนคงจะหนีหมด และช่างเขียนลายข้างโลงบางคน บางช่างที่เป็นคนแก่ ๆ คนพื้นถิ่นประเภทศิลปินพื้นบ้านแถมขี้เมา มักชอบนักที่จะวาดและแต่งลายข้างโลงไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมให้เสร็จ เช่นถ้าศพตั้งบำเพ็ญกุศล ๗ -๑๐ วัน ช่างก็ดึงงานไว้ให้ไปทำเสร็จเอาตอนก่อนจะนำศพไปเผา ๑ คืนก็มี เพื่อจะได้ถือโอกาสนั่งละเลียดเหล้าและกับแกล้มที่เจ้าภาพนำมาให้ ไปพร้อมกับการแต่งลายข้างโลง เพราะถ้าทำเสร็จแล้วถึงช่างจะมางานศพ ก็จะไม่มีใครมาคอยเอาใจเหมือนตอนที่กำลังทำงาน แต่ผมไม่อยู่ในฐานะที่จะทำเช่นนั้นได้ จึงมีแต่จะรีบทำให้เสร็จ ๆ และไวที่สุด

0000


๔. เสี่ยงภัยไปภูเก็ต

ด้วยเงินในกระเป๋าเพียง ๑๐๐ บาทและไม่รู้จักใครเลยในภูเก็ต ผมเสี่ยงภัยเดินทางไปภูเก็ตด้วยรถประจำทางสายนครศรีธรรมราช – ภูเก็ต ซึ่งตอนนั้นยังไม่ใช่รถบัสแบบคันใหญ่สีแดง ๆ แต่เป็นบรรทุกขนาดใหญ่ที่นำมาดัดแปลงสภาพเป็นรถโดยสาร หลังคาเตี้ยทาสีเหลืองแถบเขียว ทั้งคนขับและกระเป๋าพูดจากระโชกโอกฮาก ไม่สุภาพ แถมวางท่านักเลง

ในฐานะที่ผมเป็นคนเกิดในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ในตอนวัยเด็กผมมักสังเกตเห็นว่า ชาวนครศรีธรรมราช ที่ไม่ค่อยมีการศึกษา เช่น พวกกระเป๋ารถเมล์หรือเด็กท้ายรถ กระทั่งคนขับ ชอบวางตัวเป็นนักเลง ชอบตะคอกข่มขู่ผู้โดยสารราวกับโจร คนที่เคยใช้บริการรถเมล์สายนคร – ภูเก็ต คงจะยังจำกันได้ดี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดนครบริการ ชื่อนายหมานุ้ย นักเลงอันธพาลผู้โด่งดังของเมืองนคร แต่เมื่อไม่มีทางเลือกคนโดยสารก็จำเป็นต้องใช้บริการ (ปัจจุบันผมไม่เคยใช้บริการรถสายนี้มาสามสิบกว่าปี ไม่ทราบว่าจะยังเป็น เช่นที่เล่าอยู่หรือไม่)

พอลงจากรถเมล์(รถบรรทุกถุงไปรษณีย์) ที่หน้าตลาดสดภูเก็ตผมไม่รู้จะบ่ายหน้าไปไหนดี พอเห็นกำแพงและป้ายชื่อวัด…อยู่ตรงข้ามกับรถจอด ผมจึงเดินทำใจดีสู้เสือเข้าไปยกมือไหว้พระหนุ่มผิวคล้ำในวัดรูปหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในห้องชั้นล่างของกุฏิตึกสองชั้นหลังแรก พลางแนะนำตัวเองว่า
“ผมมาจากนคร ไม่เคยมาเมืองภูเก็ต อยากมาดูมาเที่ยวเมืองภูเก็ต ให้พอรู้จักเมืองภูเก็ต…”


พระรูปนั้นมองหน้าผมแล้วทำท่าอ้ำอึ้ง ผมจึงแก้ห่อม้วนกระดาษเพื่อโชว์รูปวาดตัวอย่าง ที่ผมนำติดตัวมา เป็นภาพดาราภาพยนตร์ มิตร ชัยบัญชา , ไชยา สุริยันตร์ , เพชรา เชาวราษฎร์ และรัตนาภรณ์ อินทรกำแหง วาดด้วยผงคาร์บอนบนกระดาษลายหนังไก่ ผมคิดตามประสาของผมในตอนนั้นว่า บางทีภาพวาดพวกนี้อาจจะเป็นใบเบิกทางให้ผมได้อยู่ในภูเก็ต ได้ดูลู่ทางการทำมาหากินก่อนจะสึกออกไปเมื่อออกพรรษา

ตอนอยู่ที่วัดบางปู ผมชอบวาดรูปดาราติดโชว์ไว้หน้าห้อง พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ (แม้แต่พระ)ผ่านไปเห็นก็อยากจะให้ผมวาดภาพของเขา ให้หล่อเข้มเหมือนดาราภาพยนตร์บ้าง ซึ่งผมก็สามารถทำให้ได้คือแกล้งวาดให้หล่อกว่าตัวจริง ใส่เงาเข้ม ๆ ดำจัด ขาวจัด มีพระเณรจำนวนเป็นสิบที่เอาภาพที่ถ่ายเป็นพระมาให้ผมวาด แต่งตัวเป็นฆราวาส ใส่ทรงผมเอลวิสเพรสลี่ ผูกไท ใส่สูท หรือใส่เสื้อลาย

ขณะที่พระหนุ่มรูปนั้นดูภาพที่ผมนำมาโชว์อย่างสนใจ ผมได้ทีถามท่านว่า
“ท่านมีรูปถ่ายบ้างไหม ผมจะวาดถวายให้ท่านหนึ่งรูปเป็นตัวอย่าง…”

ผมอยากพูดต่อไปว่า “เพื่อตอบแทนที่ท่านให้ที่พักกับผม” แต่เห็นว่าไม่ควรพูดเพราะจะทำให้เสียบุคลิก จึงคิดอยู่ภายในใจว่าถ้าพระหนุ่ม พระในวัด โยม ๆ ชาวบ้านในภูเก็ต หรือท่านสมภารเห็นฝีมือแล้วเกิดชอบฝีมือของผม แล้วชวนให้อยู่ที่วัดนี้จนถึงวันออกพรรษา สามเดือนที่ผมมาเป็นพระในเมืองภูเก็ต ก็มากพอที่จะทำให้ผมได้พบลู่ทางสึกออกไปเป็นช่างเขียนหากินอยู่ในภูเก็ตต่อไป อนาคตของผมจึงฝากไว้กับรูปภาพตัวอย่าง

พระหนุ่มรูปนั้นมีอายุอยู่ในราวสามสิบเศษ ๆ ยอมตกลงให้ผมพัก ซึ่งผมมองว่าเป็นเพราะท่านอยากได้รูปวาดฟรี ๆ จากผม ท่านรีบพาผมไป กราบท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาส ซึ่งมีรูปร่างใหญ่โต อ้วนพุงพลุ้ย และผิวขาวเหมือนคนจีน ท่านเจ้าคุณผมก็ดูสีหน้าของท่านออกว่า ท่านไม่ค่อยเต็มใจจะให้ผมพักเท่าใดนัก สิ่งแรกอาจมาจากบุคลิก หรือความพิการเดินขากะเผลกของผม มันไม่ชวนให้ผู้ที่แรกพบเห็นศรัทธา

ท่านถามผมสั้น ๆ ว่า อยู่ที่วัดไหน มาทำไม จะอยู่กี่วัน ผมตอบข้ออื่นๆ ได้หมดเหลือข้อสุดท้ายผมอึกอักมองหน้าท่าน อยากจะตอบว่า “ขอมาอยู่จำพรรษาสักสามเดือนจะได้ไหมครับ” แต่ไม่กล้าพูด ท่านเจ้าคุณจึงรีบตัดความโดยถามพระรูปนั้น ว่า “เขามาขอพักกับคุณใช่ไหม?”

“ขอรับกระผม” พระรูปนั้นประนมมือตอบ ท่านเจ้าคุณก็พูดว่า
“ที่นี่อนุญาตให้พระอาคันตุกะอยู่ได้ไม่เกินสามวัน” แล้วก็ไม่พูดไม่ถามอะไรอีก

00000


ผมเริ่มงานวาดรูปอย่างรวดเร็วในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยเอารูปถ่ายขนาด ๑ ๑/๒ คูณ ๒ นิ้ว ๒ รูปของพ่อและแม่ของพระหนุ่มมาเข้ากระจกสเกล แล้วตีตารางขยายภาพลงไปในกระดาษวาดรูป วาดลงในกรอบเดียวกันเป็นรูปคู่ เปลี่ยนเสื้อผู้ชายให้เป็นเสื้อสูทผูกไท และให้ผู้หญิงซ้อนไหล่ผู้ชายอยู่ด้านหน้า นั่งวาดอยู่ ๒ วันก็เสร็จให้พระหนุ่มนำไปใส่กรอบนำมาติดฝา

ตลอด ๓ วันที่ผมพักอยู่กับพระหนุ่ม ซึ่งผมรู้ในเวลาต่อมาว่าท่านเป็นชาวพัทลุง มีโยมนำมาฝากให้อย่วัด…ของท่านเจ้าคุณ ตอนเช้าผมฉันอาหารในบาตรที่พระเจ้าของห้องไปบิณฑบาตมาได้ มีอาหารคาวหวานเหลือเฟือ จากในย่าม ในบาตร และในปิ่นโตที่แม่ยกของท่าน ให้เด็กยกมาวันละ ๑ เถาทุกวัน ส่วนตอนมื้อเที่ยงหรือ ๑๑ นาฬิกา ผมเดินตามท่านไปนั่งฉันบนหอฉัน

หอฉันเป็นศาลาหลังใหญ่ยาว อยู่ห่างจากกุฏิตึกที่ผมมาอาศัยไปราว ๑๐๐ เมตร ในศาลามีชาวบ้านนั่งอยู่ ๖ - ๗ คนเพราะไม่ใช่วันพระ ในศาลาด้านที่พระนั่งพื้นยกสูงขึ้นครึ่งเมตร ชาวบ้านและเด็กวัดนั่งในที่ต่ำกว่า มีพระรวมทั้งผม ๑๑ รูป พระทุกรูปนั่งบนอาสนะที่ปูไว้เป็นที่ๆ ที่ละ ๑ รูป หันหน้าออกโดยนั่งเป็นแถวเรียงเดี่ยว ผมนั่งห่างออกมาเป็นพระรูปสุดท้าย ตรงหน้าพระทุกรูปมีสำหรับกับข้าวอย่างดีชนิดที่ผมไม่เคยพบมาก่อน ใส่สำรับปิดฝาเรียบร้อยและยังร้อน ๆ วางไว้ มีผลไม้เงาะ มังคุด หั่นเปลือกครึ่งใส่จาน ทุเรียนแกะแต่เนื้อหุ้มเมล็ดวางไว้ มีแก้วน้ำ จานช้อนซ่อมวางไว้ให้พร้อมเสร็จ ราวกับอาหารของเจ้านายชั้นสูง

ส่วนสามเณร ๖ รูปนั่งถัดไปอีกราวสองวาและหันหน้าเข้าหากันเป็นคู่
ผมคุ้นเคยแต่กับการนั่งฉันรวมและหันหน้าเข้าหากัน เมื่อต้องมานั่งฉันเดี่ยว ๆ แบบพระผู้ดีและมีคนคอยมองมาอย่างจับสังเกตทุกกริยา ผมจึงรู้สึกอึดอัดและขัดเขิน ทำให้ไม่กล้าฉันมากอย่างเคยฉันที่วัดบางปู หรือวัดชะเมาเมืองนครฯ

หลังจากอยู่มาครบ ๓ วันเช้าวันที่ ๔ ท่านเจ้าคุณก็ให้สามเณรรูปหนึ่งมาบอกว่า ให้ผมออกไปอยู่ที่วัดอื่นได้แล้วเพราะครบกำหนดที่อนุญาต ผมไปกราบลาท่านเจ้าคุณ ท่านไม่ถามสักคำว่าผมจะไปไหนต่อ…

เป็นอันว่าแผนของผมที่หวังจะโปรโมทโฆษณาผลงาน ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าและเหนื่อยเปล่า เพราะตลอด ๓ วันที่ผมอยู่ไม่มีพระเณรรูปใด หรือชาวบ้านที่มาวัดคนใดสนใจมายืนดูภาพที่ผมวาด แม้ผมจะออกมานั่งวาดโชว์ที่หน้าห้องหรือหน้าตึก เพื่อให้พระเณรอื่นเห็นก็ไม่มีใครมายืนดูหรือมาถามไถ่การทำงานของผมเลยแม้แต่สักคนเดียว…

ขณะเดินออกจากวัดมายังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นร้านค้าและตลาดสด ผมเห็นพระหนุ่มรูปหนึ่งและพระหนุ่มก็เห็นผม ผมจำได้ว่าเมื่อสองปีก่อนพระรูปนี้ซึ่งเป็นพระไปจากจังหวัดชุมพร เคยไปขอพักอาศัยกับผมที่กุฏิในวัด... เมืองนครศรีธรรมราช วัดที่ผมเคยอยู่ตอนที่ผมเรียนชั้นมัธยม และผมก็เคยเดินทางไปหาท่านถึงวัดวิสัยเหนือที่ชุมพร แต่ไม่พบเพราะท่านลงมาใต้

วันนี้เพราะโลกกลมผมจึงบังเอิญพบท่านอีกจนได้ และพอผมบอกว่าผมไม่มีที่พักในภูเก็ต ที่มีก็เพิ่งถูกสั่งให้ออกมาพระหนุ่มก็ชวนผมไปพักด้วยกัน ที่วัดอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่กลางเมืองภูเก็ต ผมขอไม่เอ่ยชื่อวัดในเมืองภูเก็ตทุก ๆ วัด ที่เคยไปพักนะครับ พระหนุ่มพูดกับผมว่า

“คุณไปพักอยู่กับผมที่นั่นได้สบาย หลวงลุงของผมเป็นรองเจ้าอาวาส ท่านเป็นชาวชุมพรและเป็นท่านพระครู…”

เพราะผมมีกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย นอกจากใบเล็ก พระหนุ่มจึงเรียกรถสามล้อแบบพ่วงข้างมาคันหนึ่ง ผมกับท่านขึ้นนั่งแล้วสามล้อถีบก็พาไปส่งที่วัดกลางเมืองภูเก็ต ห่างจากวัดแห่งแรกมาประมาณครึ่งกิโลเมตร

ผมยอมรับว่าที่วัดนี้สบายจริง ๆ ผมกับพระหนุ่มได้พักบนกุฏิหลังใหญ่อันกว้างขวางของท่านพระครู อาหารการขบฉันบริบูรณ์แสนสบาย แถมไม่ต้องไปฉันร่วมกันบนศาลา แต่ฉันอยู่ที่กุฏิท่านพระครู ท่านพระครูก็ดูใจดีพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง ผมใช้โอกาสแสดงผลงานหรือฝีมือทางวาดรูปให้พระเณร เด็กวัด ตลอดจนท่านพระครูได้เห็นอีกครั้ง ทว่าผู้ใช้บริการมีแต่พวกเด็กวัดที่มีปัญหา ในการวาดรูปส่งครูที่โรงเรียน พากันมาขอให้ผมช่วยสอนเรื่องการวาดสีน้ำให้

บางคนเอากิ่งมะขามที่ตัดเป็นแว่นเฉียง ๆ ซึ่งครูสั่งให้ทำในวิชาการฝีมือ ขัดผิวด้วยกระดาษทรายไว้เรียบลื่นเป็นมัน มาให้ผมวาดเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์ ผมก็วาดให้ไปอย่างสวยงามและถูกใจผู้รับ แต่ไม่มีพระเณรหรือชาวบ้านคนใดมาสนใจใช้บริการด้านรูปเหมือนของผมเลย

หลังจากอยู่มาครบ ๗ วัน วันที่ ๘ ท่านพระครูหลวงลุงของหลวงพี่ชาวชุมพรซึ่งมีชื่อว่า พระบุญร่วม ก็เรียกทั้งพระบุญร่วมและผมไปบอกว่า ท่านเจ้าอาวาสมีคำสั่งให้พระอาคันตุกะที่มาพักอาศัย รีบกลับภูมิลำเนาเดิมหรือย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะอีกหกเจ็ดวันพระจะเข้าพรรษา ทางวัดไม่ต้องการให้พระที่มาจากต่างถิ่นมาอยู่จำพรรษาที่วัดนี้

หลวงพี่บุญร่วมยังทำใจดีพูดกับผมว่า ไม่ต้องตกใจท่านจะพาไปหาที่พักใหม่ ท่านมีเพื่อนพระจากชุมพรมาอยู่ที่วัด(อีกแห่ง)รูปหนึ่ง ซึ่งเก่งทางด้านดูหมอ ดูลายมือมีคนนับถือมาก แล้วเราก็เดินทางออกจากวัดแห่งที่สองที่ผมมาพัก ในตอนสาย ๆ ประมาณ ๙ นาฬิกาเศษ ๆ โดยรถสามล้อถีบอีกเช่นเคย


วัด… (แห่งที่สาม) ตั้งอยู่บนเนินเขา ตอนที่เราเข้าไปกำลังมีงานศพคนรวย และเขากำลังต้องการช่างเขียนเพื่อให้ช่วยเขียนลายข้างโลงอยู่พอดี หลวงพี่บุญร่วมจึงบอกเขาว่าผมคือช่างเขียนฝีมือเยี่ยม จะให้วาดอะไรพันไหนวาดได้ทั้งนั้น เจ้าภาพดีใจรีบพาผมกับหลวงพี่บุญร่วมไปที่เต็นท์ เขาขอให้ผมช่วยวาดลายไทยข้างโลงและว่า ผมจะเรียกเท่าใดก็ได้ ผมฟังแล้วยิ้มแต่ไม่แย้มพรายว่า ผมไม่เคยคิดค่าแรงจากใคร ยิ่งผมเป็นพระผมจะเรียกร้องได้อย่างไร นอกจากที่เขาจะเมตตาถวายให้นั่นเป็นอีกเรื่อง

ผมร่างลายไทยลงบนกระดาษที่ผมสั่งให้เขาไปซื้อมาให้ คือกระดาษตะกั่วที่ด้านหลังเป็นกระดาษมันแบบที่เคยทำถวายศพหลวงพ่อทอง ผมใช้วิธีแกะลายบนกระดาษอย่างที่เคยทำ ขณะที่ทำไปได้ไม่นาน มีครูสอนศิลปะในโรงเรียนมัธยมคนหนึ่งมายืนดู พอเห็นฝีมือผมเขาก็เข้ามายกมือไหว้แล้วชวนคุย ถามผมว่าเรียนจบอะไรมา ผมตอบว่าไม่ได้เรียนเพาะช่างแต่สอบได้วาดเขียนโท พ้นจากพรรษานี้ผมก็จะสึกออกไปหางานทำ แล้วผมก็ถามเขาบ้าง เขาบอกเรียนจบ ป.ม.ช.จากเพาะช่าง สอนอยู่โรงเรียนรัฐบาล…เป็นโรงเรียนมัธยมในเมืองภูเก็ต เขาเขียนลายไทยได้เขาจึงมาช่วยผมอีกแรง


หลังจากเราสองคนเขียนลายและนำไปติดเสร็จในค่ำของวันที่ ๒ เจ้าภาพดูแล้วชอบใจมาก บอกว่าสวยที่สุด สวยกว่าที่ช่างเขียนลายโลงทุกคนในภูเก็ตเคยทำ อันที่จริงที่ภูเก็ตมีช่างศิลป์และครูศิลป์ที่สอนอยู่ตามโรงเรียนมัธยมต่างๆ มากมาย แต่ผมเดาว่าคงไม่มีใครมาทุ่มเทฝีมือและเวลากับงานที่ไม่มีค่าจ้าง บางคนถือว่าเป็นงานอัปมงคลไม่อยากหากินกับศพ คนที่ไปช่วยแต่งโลงจึงมักทำแบบให้พ้น ๆ ไปที ด้วยความเกรงใจเจ้าภาพในลักษณะที่ว่าจะปฏิเสธไปเลยก็ไม่ดี จึงทำแบบให้พ้น ๆ ไป ขณะที่ผมทำเพื่อเชิดชูศิลปะลายไทย

ครูมัธยมที่มาช่วยผมทำ ถ้าเขาไม่เห็นว่าผมทำอยู่ก่อนผมเดาว่า เขาก็คงจะไม่เสนอตัวเข้ามาช่วย หรือไม่ก็อาจจะทำแบบให้พ้น ๆ เพราะเกรงใจเจ้าภาพ ไม่มีใครอยากโชว์ฝีมืออย่างที่ผมทำ

คนจีนไม่ยอมใช้แรงงานใครฟรี ๆ เขาถามผมว่า จะเรียกค่าฝีมือเท่าใด ผมยิ้มและบอกว่า ผมเป็นพระรับจ้างใครไม่ได้ ตั้งใจทำเพื่อเอาบุญกุศล เขาจึงพูดว่า



“งั้นเงินนี้ คือเงินที่เราทำบุญถวายท่าน” ผมจึงจำเป็นต้องรับ เพราะเป็นพระจะไม่รับสิ่งที่เขาเต็มใจถวายก็ไม่ได้ พอกลับมานอนที่กุฏิผมแกะห่อดูมีเงิน ๕๐๐ บาท เงิน ๕๐๐ บาทในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ มากกว่าเงินเดือนครู(จัตวาอันดับหนึ่ง)

ระหว่างที่ช่วยแต่งโลงศพกระทั่งทำให้เขาเสร็จ ผมกับหลวงพี่บุญร่วมอาศัยอยู่กับพระหมอดูชาวชุมพรชื่อหลวงพี่เยื้อน มีชาวบ้านข้าง ๆ วัดและในตลาดมาหาทุกวัน คนที่เคยมาดูหมอต่างไปพูดต่อ ๆ ว่า ท่านทายแม่น(และบอกหวยแม่นด้วย)

ทว่าพออีก ๓ วันถัดมา ท่านเจ้าอาวาสก็ให้พระในวัดมาบอก พระหมอดูและหลวงพี่บุญร่วมว่า ให้รีบไปหาวัดอื่นอยู่เพราะทางวัดไม่ต้องการให้พระจากที่อื่นมาอยู่จำพรรษา พระชาวชุมพรทั้ง ๒ รูปจึงไม่รู้จะตัดสินใจเดินทางไปไหนดี ส่วนผมตอนนั้นตัดสินใจเด็ดขาดแล้วที่จะกลับไปบ้าน หรือวัดบางปูที่เมืองนครฯ



บังเอิญเหลือเกินที่ลูกหลานของคนจีนที่ตาย ที่ผมช่วยวาดลายไทยข้างโลงให้ เป็นครูอยู่ที่อำเภอตะกั่วป่า แกรู้ว่าเราสามคนกำลังมีปัญหา ครูคนนั้นชื่อครูจรูญพูดชวนขึ้นว่า

“ไปอยู่ตะกั่วป่าไหมครับ ผมจะหาที่อยู่และช่วยฝากสมภารวัดให้“
หลวงพี่ชาวชุมพรทั้งสองรูปตอบตกลง หลวงพี่บุญร่วมซึ่งผมคิดว่าท่านชอบผมมาก หันมาคะยั้นคะยอถามผมว่า

“ไปอยู่ตะกั่วป่ากันเถิดคุณบูลย์ ตะกั่วป่าก็เจริญไม่แพ้ภูเก็ตหรอกนะผมเคยไป เสียแต่ว่าเมืองเล็กไปหน่อย คุณบูลย์ไปอยู่หาลู่ทางเปิดร้านวาดรูปต่อไปได้สบาย”

ครูจรูญพอได้ยินคำนี้รีบพูดว่า “ถ้าเจ้าคิดจะสึกไปเปิดร้านวาดรูปผมช่วยได้นะ”



ผมตอบว่า “ครับ เพราะที่ผมมานี่ผมจะอยู่เป็นพระพรรษาเดียวเท่านั้น พอออกพรรษาผมก็จะสึก” แล้วผมก็เล่าว่า “ผมบวชเณรมาหกปี สอบได้วาดเขียนโท”

พอครูจรูญได้ยินคำว่า “วาดเขียนโท” แกทำท่าดีใจอีกครั้งบอกผมว่า
“งั้นเหมาะเลยโรงเรียนที่ผมสอน ยังไม่มีครูวาดเขียน เคยประกาศรับสมัครแต่ไม่มีคนสมัคร เดี๋ยวผมจะดูถ้าเขาเปิดรับสมัครอีกผมจะบอก แต่ถ้าให้ดีที่สุดตอนนี้ผมว่าเจ้าไปอยู่ตะกั่วป่าดีกว่า”

ครูจรูญสอนอยู่ในโรงเรียนเทศบาลตะกั่วป่า ผมตอบตกลงทันที

00000



Create Date : 11 มิถุนายน 2551
Last Update : 12 มิถุนายน 2551 23:14:38 น. 43 comments
Counter : 25829 Pageviews.

 
เกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ ใส่รูปไม่ได้


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:9:45:38 น.  

 
ลงอะไรผิดหรือเปล่าลุง
หรือว่าภาพใหญ่เกิน 150 เมค
ลองเช็คดูอีกทีนะ

แล้วจะเปลี่ยนแบคกราวน์หรือเปล่าเนี่ย
เหมือนจะมีใครมาป่วนบล๊อคปลายแปรงเหมือนกันแหละ เดี๋ยวจะไปดูอันเก่าของลุงก่อนว่าไอพีเดียวกันหรือเปล่า


โดย: ปลายแปรง วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:10:52:54 น.  

 
กำลังอ่านอยู่คร้าบลุง...เฟื่องฟ้า


โดย: เฟื่องฟ้า IP: 202.122.130.31 วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:11:51:34 น.  

 
แล้วพระที่ให้หวยแม่น เขาไม่บอกหวยลุงบ้างเลยเหรอ
..แต่ดีแล้วละ เพราะไม่งั้นเงินที่ได้มา ๕๐๐ ค่าเขียนลายข้างโลง คงไม่เหลือ...

ลุงเขียนคล้าย อาจินต์ ปัญจพรรค์ เลย...เฟื่องฟ้า


โดย: เฟื่องฟ้า IP: 202.122.130.31 วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:17:03:41 น.  

 

.......คุณเฟื่องฟ้าคะ.......

ถ้าแวะมาที่บล๊อคปลายแปรง รบกวบแจ้งเรื่องเมลล์ด้วยค่ะ
พยายามส่งตั้งแต่เย็น จนมึนตึ๊บไปหมดแล้ว
จะลบเมลล์ของคุณเฟื่องฟ้าออกหมดก่อนแล้วค่อยแอดเข้าไปทีหลัง

ไม่ทราบว่างานที่ส่งไปจะไดรับไหม
รบกวนขอที่อยู่คุณเฟื่องฟ้าด้วยค่ะ
ถ้าวันนี้ที่ส่งงานไปไม่ได้รับจะได้เขียนลงแผ่นไปให้

วันนี้ต้องอำลาอีแมวแล้วค่ะ...ไม่ไหวแหล่ววว





โดย: ปลายแปรง IP: 118.175.208.84 วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:21:05:07 น.


ฝากไว้ให้คุณเฟื่องฟ้าด้วยค่ะ ไม่เห็นเข้าไปที่บล๊อค
เลยเอามาไว้หน้าบ้านลุงบูลย์ด้วย
หรือบล๊อคปลายแปรงผีสิงไปแล้ว ใครๆไม่คบ เจอแต่เรื่องประหลาด

วันนี้พยายามส่งเมลล์ตั้งแต่เย็น โดนเด้งกลับ เด้งกลับ
โอย...ฟ้าดินลงโทษ



โดย: ปลายแปรง IP: 118.175.208.84 วันที่: 11 มิถุนายน 2551 เวลา:21:12:02 น.  

 
ติ๋ม
พอดีเมื่อวานสัญญาณ หรืออะไรล่ะมันไม่ค่อยแรง หลุดตั้งหลายครั้ง พอดีกับคุณโดมโทรมาคุยลุงจึงหยุดอัพบล็อก

คุณเฟื่องฟ้าครับ
ผมเคารพและนับถือท่านอาจินต์ปัญจพรรค์ว่าเป็นครูนะครับ ผมเคยไปที่บ้านท่านและเคยคุยกับท่านที่ร้านหนังสือ บีทูเอส ต่อมาก็คุยกันทางโทรศัพท์ ผมว่าผลงานชุดเหมืองแร่ของท่านยังน่าอ่านเสมอ

เรื่องพระที่ให้หวยแม่นยังมีจุดจบที่จะขาย ว่าแตเรตติ้งดูท่าจะไปไม่รอดครับ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:7:42:57 น.  

 
สวัสดีคุณ ปลายแปรง
เฟื่องฟ้า เข้าไปดูบล้อกคุณปลายแปรงทุกวันแหละ คุณปลายแปรงต่างหากละ ไม่ค่อยมาเยี่ยมบ้าน..เฟื่องฟ้า

ยังไม่ได้รับเมล์เลย

jirasak.t@thaiairways.com

jerasa_k@hotmail.com

เช้านี้อยู่เมล์บนจ๊ะ...สงสัยภาพจะใหญ่มาก..เฟื่องฟ้า

สวัสดีลุงบูลย์

คนอ่านอาจเยอะนะ แต่คนโพสต์ไม่แน่ใจ...เฟื่องฟ้า


โดย: เฟื่องฟ้า IP: 202.122.130.31 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:8:14:34 น.  

 
สวัสดีคุณเฟื่องฟ้า
ภาพวาดจากสำนักปลายแปรง-ภาณุมาศ รับทางเมล์ไม่ไหวหรอก มันหย่ายแล้วก็ละเอียดมาก ต้องรับแผ่นไปเท่านั้น ลุงเองเจอมาเลี้ยว คือเขาทำดีสุด ๆ ไม่ใช่อะไร

ผิดกับของลุงที่ส่งง้าย ง่าย


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:8:28:27 น.  

 
โอย....ลุง

เช้านี้ก็เกือบตายอีกแล้ว เปิดเครื่องปุ๊บ ไฟดีดปั๊บ..
ตั้งกะตี 5 จน จนตี 8 เนี่ยเกือบตีกันตายอยู่แล้ว

เมื่อคืนก็ปล้ำกะส่งเมลล์จนจะเอาระเบิดไปลงฮอทเมลล์แล้ว คุยนักคุยหนาว่าไฮเทค

อะโธ่....แค่ส่งงานไม่กี่เมกทำเป็นรวน....นอนเลย
วันนี้ต้องเอาใหม่กะว่าจะมาส่งแต่หัวรุ่งให้คุณเฟื่องฟ้าไฟดันเป็นยังงี้อีก....โวยกันแล้วนะเครื่องตัวนี้ปัญหามันเยอะจริงวะ.....
เกือบทุบกันแล้วลุง....
เราก็บอกว่าพี่ไฟมันรั่ว

ตานุก็เถียงมันรั่วได้ไงเราต่อเข้ายูพีเอส....
"รั่ว" ยืนยัน

"ไม่รั่ว" อีตานี่ก็เถียงสะบั้น "ถ้ารั่วก็ต้องเห็นสิ"

"เออ" ลุง....เคยเห็นไฟรั่ววิ่งมาเหมือนน้ำไหม อีตานุคิดว่าไฟรั่วต้องรู้สิ...เอา เก่งไหมหลานลุง ตาทิพย์เห็นไฟรั่วครับท่าน

โมโห....กลับไปนอนอ่านหนังสือรอบหนึ่งแล้วเนี่ย
นี่เพิ่งมาเรียกว่าใช้เครื่องได้แล้ว......พ่อเจ้าประคุณเปลี่ยนปลั๊ก
เถียง...ขอให้ได้เถียง
พวกผู้ชายนี่นะ...อะไรตัวเองรู้ดีไปหมดแหละ....บอกอะไรไม่เคยเชื่อดันไปข้างหน้าอย่างเดียวกลัวเสียหน้า
ที่ข้าคิดน่ะ...ถูกต้องเสมอ
เอ๊า....ขับรถเนี่ย ถ้าหลงกล้าถามทางไหมล่ะ ใช่...ทางนี้แหละ...ไม่ต้อง...ทางนี้แหละ....แม๊....มาเถียงคนเรียนผังเมือง....

อ้าว....ว่าจะเล่านิดเดียว ยาวเลย กำลังมีน้ำโหพวกผู้ชายเนี่ย....เอ
ลุงบูลย์กะคุณเฟื่องฟ้าก็ผู้ชายนี่หว่า ไปดีก่าเรา...

จะไปส่งเมล์ให้คุณเฟื่องฟ้าก่อนนะ
เดี๋ยวค่อยมาโม้ใหม่
จะเปลี่ยนแบคกราวน์ก็เอาตามที่บอกข้างต้นนะขอรับ


โดย: ปลายแปรง วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:8:37:51 น.  

 
ลุงเล่นเน็ตอยู่ป่าว เปิด MSM ด้วยสิจะได้คุยกัน


โดย: ปลายแปรง วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:8:40:09 น.  

 
ตกลงได้ภาพครบหมดแล้วนะคร้าบคุณ ปลายแปรง

คงเหลือแต่ที่มันกระโดดไปหน่อย ( ปวดหัวเลยสิ ส่วนที่กระโดดไป )

กำลังหาคำแทน ใจคละคลุ้ง โอ้ยงัยมันยากจริ้ง..

ลุงเอ๋ย ภาพสวยจริงๆ เฟื่องฟ้าจะเก็บเงียบไว้ อิ อิ..เฟื่องฟ้า ( ตอนนี้เมลล์รับได้ แต่ส่งไม่ได้ )


โดย: เฟื่องฟ้า IP: 202.122.130.31 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:11:18:30 น.  

 
เวลานักเขียนบวกศิลปิน มีมู้ดดี้นี่น่าฟังนะ คุณเฟื่องฟ้า (ยกเว้นเวลาเจอกะตัวเอง)

เออนี่ปลายแปรง ถ้าไม่อยากให้เขาด่า ลองเอารูปตัวเองที่สวย ๆ น่ะ มาเปลี่ยนรูปเดิมในโฟรไฟล์ได้แล้ว เชื่อลุง หารูปสวย ๆ มาเพื่อเรียกคะแนนคืน เพราะรูปนั้นตานุวาดไว้เป็นยายแก่เลย ทั้ง ๆ ที่ตัวจริงคล้าย ๆ ปนัดดา...บวกมยุรา

แหมลุงก็ขี้เกียจไปหารูปปลายแปรงตัวจริง(ที่สาวและสวย)มาโพสเสียด้วยซี เอาไว้ว่าง ๆ ก่อนนะ ตอนนี้ยิ่งเร่งงานยิ่งแฉะ

แบกกราวด์ ถ้าได้สีหวาน ๆ วิวสวย ๆ ก็ดี สีนี้เข้ากับเรื่องแต่ขาดชีวิตชีว่า

บอกตรง ๆ เข็ด ไม่กล้าเปลี่ยนโน่นนี่อีกแล้ว หลังจากวันที่มายเฟรนด์หายหมด


โดย: ลุงบูลย์ IP: 118.173.119.41 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:15:15:55 น.  

 
(จากภาพข้างบน ที่เด็กซน ๆ เอามาให้)

ตา "สวัสดียาย วันนี้ผมมีดอกไม้มาให้คุณ"
ยาย "เหรอ ขอบใจนะจ๊ะ" แล้วก็แถมจุ๊บให้ทีหนึ่ง
ตา (ดีใจตีลังกาถอยหลัง แล้วก็ลุกขึ้นใหม่)

"งั้น เอาไปอีกช่อ ผมมีมาหลายช่อ"
ยาย "เหรอก ดีจ๊ะ เอามามาก ๆ ยายชอบ" แล้วยายก็จุ๊บตาอีกทีหนึ่ง
และตาก็กระโดตีลังกากลับหลัง พร้อมกับมีดอกไม้ช่อใหม่มาให้ยายอีก
ฯลฯ

โอ....ยัยติ๋ม มีแค่นี้เองหรือ ไม่สนุกเลยว่ะ ว่าแล้วตาก็กลับบ้านไปจีบเด็กเอาะ ๆ แทน
(จบ)


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:15:32:58 น.  

 
ลุงบูลย์ครับ พญานาค กับสิงห์ ลุงวาดเปล่า..เฟื่องฟ้า


โดย: เฟื่องฟ้า IP: 202.122.130.31 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:17:06:07 น.  

 
โหลุง แล้วบอกบล๊อกร้าง
มันก็เดินไปได้เรื่อยๆนี่จ้ะ ถ้าร้างอ่ะ บล๊อกหนูดิ

ช่วงนี้ ใกล้ปิดเทอมหนึ่ง กิจกรรมเยอะค่ะลุง
ช่วงนี้ วันเกิดสามพ่อลูกเค้า เดือนเดียวกันเลย
คนละอาทิตย์ วันศุกร์ก็วันเกิดสามีสุดที่รัก
หนูก็ต้องเอาใจเค้าหน่อย จริงมั๊ยลุง
หาที่ไหนได้ล่ะ เลี้ยงดูครอบครัวลามไปถึงพ่อหนู
ซะขนาดนี้น่ะ แล้วก็วันเกิดลูกชายคนโตอีกด้วย
หนูมีงานเพิ่มขึ้นมาอีกอัน คือคิดเมนูอาหาร
แล้วต้องพยายามจำให้แม่น เมื่อถึงวันเกิดสามี

ถ้าลืมนะ เธอยั๊วะขาด อย่างน้อยๆต้องแหวกขี้ตาขึ้นมา
แล้วอวยพรให้ก่อนเพื่อนอ่ะลุง

อะไรอีกล่ะ..อ้อ พุธหน้าโรงเรียนก็เชิญไปประชุม
ประชุมไรไม่รู้มัน แต่หนูอ่ะไปช่วยเหลือโรงเรียน
ช่วยครูทำงานที่ห้องเรียนสองห้องน่ะลุง
น่ากลัวให้ไปรับไปประกาศมั๊ง มันก็ต้องไปล่ะลุง

สิ้นเดือนดิลุง ลูกปิดเทอม รับรอง มาบ่อยๆ


โดย: แม่น้องนิก IP: 216.175.78.17 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:20:24:52 น.  

 
ลุง...
ว่างขี้ตาแฉะ...แต่ยังมีกะใจมานั่งพากษ์ตาลุงกะตาป้านี่นะ

กำลังนั่งส่งเมลล์ให้คุณเฟื่องฟ้าอยู่เนี่ยเลยแวะมาเยี่ยม เดี๋ยวเข้าไปเปลี่ยนแบคกราวน์ให้

เอาหวิวๆใช่ไหม...ได้ขอรับ แต่เป็นห่วงฝาบ้านเก็บเอาไว้ก่อนเนอะ เดี๋ยวลุงตะกายแหกหมด

กำลังปล้ำไฮไฟว์อยู่เนี่ย....เอาสักตั้งเหวย ไว้หลอกเด็ก...หลานน่ะ ลูกเพื่อนตานุเอาไว้ล้วงความลับ
เด็กวัยรุ่นเราต้องคุยภาษาวัยรุ่นนิ

ได้จิบอะไรนิดๆก็สบายใจแล้วลุง...ไม่เครียดนานหรอก...เสียเวลาตัวเอง มานั่งกุมขมับอยู่ได้ เวลาทะเลาะกันก็ไม่ได้ตบตีกันหรอกกะว่าจะไม่พูดด้วย ไม่สนใจไปสักอาทิตย์

แล้วมันก็รำคาญตัวเองน่ะที่ต้องมาทำหน้าตึง....เซ็งตัวเอง
ถ้าเป็นผู้ชายก็ดีสิ ไม่พอใจชกปากกันเลย...เอ๊ามาว่ากันแล้วหายโกรธ...จบ

ผู้หญิงน่ะน่ารำคาญจะตาย...ทะเลาะกันงองแงง เรื่องผ่านไปนานแล้วยังเอามาแหนะแหน

เลยไม่คบเพื่อผู้หญิงเลยไง...เพราะฉะนั้นอย่ามาว่ากันที่เม้งๆทีก็มีอะไรจิบก็ซำบายใจ
(อันนี้เป็นข้อแก้ตัวที่ทำให้ตัวเองดูดีขึ้นมาเวลา ลุงๆ ป้าๆทำตาขวางยามเรามานั่งจิบนิ...แต่ขอโทษกินถึงตี 3 ตี 5 ลุกมาหุงข้าวให้กินได้ก็แล้วกันน่า)

แฮ่.....ไปดีก่าเดี๋ยวลุงว่าเมาแล้วมาเพี้ยนที่นี่
นั่งรอเมลล์มันโหลดไฟล์ก็มานั่งเขียนเรื่อยๆกระชากเรทติ้งให้นะเนี่ย

ต้องบอกว่าคุณเฟื่องฟ้ามาเป็นพระอินทร์เขียวๆ...ค่ายาฆ่าปลวกกะปุ๋ยใส่ยางพอดิบพอดีเลยลุง

ป้าพิศบ่นว่าเราไม่ขึ้นสวนปลวกขึ้นยางไปตั้งหลายต้น...ก็เลยต้องไปซื้อยาฆ่าปลวก กะซื้อปุ๋ยใส่ยางเล็ก สวนนี้แกปลูกเอาที่ไง ปลูกทิ้งปลูกขว้าง มันเลยโตไม่ทันกัน พอยกให้เราก็ตัดได้ไม่ถึงครึ่ง
มานั่งปั้นปุ๋ยกัน...สวนใหม่ๆที่แกทำกันไม่ยุ่ง ของน้องๆเขา เดี๋ยวชาวบ้านว่าเอาได้ว่าเรามาอยู่หวังสมบัติ
หวังอะไรล่ะ อยู่กันสองคน ตายก็เรียกมูลนิธิแล้วกัน

ตอนนี้ 4 ทุ่มครึ่ง ส่งได้เกือบภาพสุดท้ายแล้ว
จะไปนอนแล้วเน้อ...
มานั่งคุยคนเดียว...เครื่องคอมฯจะว่าบ้าเอานิ


โดย: ปลายแปรง IP: 118.175.208.84 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:22:33:24 น.  

 
*แวะมาดูอดีตของลุง อย่าลืมมาต่อเชียวนาครับ ไม่งั้นมีเคือง
*คนข้างบนมาบ่นอยู่นี่เอง ไฮไฟว์มันคืออิหยัง
ยังไม่กล้ายุ่งกะมันมาก ยังต้องปล้ำกับนิยายและท้องนา (ไม่ได้เข้ากันเล้ย)


โดย: ธารดาว IP: 202.149.25.225 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:4:21:31 น.  

 
โอ๊ะโอ่..ทำมายนอนดึกกันจัง เฟื่องฟ้า ไม่เกินหนึ่งทุ่มก็หลับแล้ว ตื่นอีกทีก็ ห้าทุ่ม ดู เอเอสทีวีหน่อย แล้วก็หลับต่อตอนตี สอง แล้วตื่นอีกครั้ง
ตอนตีสี่ ดูข่าวช่องสาม แล้วก็นอนอีกที ตีห้า แล้วก็ตื่นอีกที หก โมง ใส่บาตร หกโมงครึ่ง ไม่มีเวลาเปิด HOT MAIL เลย

เมื่อวานเปิดดู ของคุณ ปลายแปรงเพียบใน HOT MAIL เป็นรูปเขียนที่ส่งมาให้ ประมาณ สิบ กว่า เมลล์ สงสัย เมื่อคืนคงมีอีก ขอโทษด้วยยังไม่ได้เปิดดู ( ที่ทำงานเปิด HOT MAIL ไม่ได้ )

ขออนุญาตลุงบูลย์ขอฝากตรงนี สายๆ จะโอนให้คุณปลายแปรง ...เฟื่องฟ้า


โดย: เฟื่องฟ้า IP: 202.122.130.31 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:8:17:02 น.  

 
โฮ้ย...
เรตติ้งแมวอะไร มีแต่คนกันเองสองสามคน ปลายแปรง เฟื่องฟ้า แม่น้องนิก ธารดาว...แต่บางคนบอกว่าไม่โพสต์ต่อมีเคืองนี่แหละ ที่ทำให้จะต้องเขียนต่อ (ทั้ง ๆ ที่ก็ตั้งใจว่าจะเขียนอยู่แล้วแหละ)

การเขียน(สำหรับคนชอบเขียนและอยากหาประโยชน์จากการเขียน-ไม่อยากเรียกตัวเองว่านักเขียน)ย่อมยังประโยชน์มากหลาย วิธีคิดเรตติ้งจากนิตยสารบางฉบับหรือหลายฉบับ ที่คุณธารดาวเขียนมีคติไว้ว่า ถ้ามีจดหมายจากผู้อ่านแสดงความเห็นไป ๑ ให้คูณด้วย ๑๐ อะไรนี่แหละ

เพื่อนนักเขียนบางคนแถวอีสานบน(รู้จักกับธารดาว) ตอนนั้นเขาเขียนอยู่ในนิตยสารยักษ์ใหญ่ ชื่อเหมือนเมืองหลวงไทย โดนช้อตโน้ตจากผู้อ่านว่า "เขียนไม่ได้เรื่องเอามาลงให้เปลืองหน้ากระดาษทำไม"

ทางแก้ของนิตยสารฉบับนั้นขั้นแรก ให้นักเขียนคนนั้นเปลี่ยนนามปากกา แต่เรตติ้งก็ไม่ดีขึ้น ขั้นต่อมาเขาถูก "ปลดออก" แต่นักเขียนคนนี้ก็ยอดเยี่ยม ดูเหมือนจะเปลี่ยนนามปากกาอีกครั้งแล้วขอแก้ตัวใหม่ ไปพูดกับ บก. บก.ให้แก้ตัว ตอนนี้กลายเป็นว่าเป็นนักเขียนฮิตติดลม มีรายได้ไม่นับรวมเงินเดือนครูเดือนละเป็นแสน

ส่วนบางคนในนี้ขอไม่เอ่ยชื่อ ก็เคยเขียนในนิตยสารเล่มนั้นหรือในเครือ จนกระทั่งเรื่องถูกนำไปสร้างละครโทรทัศน์ แต่ต่อมาเขาก็โดนเป๊กอีกเช่นกัน แต่เขาก็หันไปจับนิตยสารใหม่ได้อีก ๑-๒ ฉบับ และตอนนี้พ็อกเก็ตบุ๊คของเขาก็ออกมาเป็นแถว แล้วก็ยังเอาเวลาส่วนหนึ่งทำนาไปด้วย ใครเอ่ย...

หันมาที่ลุงบูลย์ก็เคยใฝ่ฝันจะเขียนในนิตยสารเล่มนั้นมั้ง โดยเขาติดต่อมาเองหลังจากเขียนเรื่องสั้นไปให้เขาลงในนิตยสารเล่มนั้นได้ ๒ เรื่อง ตอนไปหาเขาเขาให้ลุงเขียนตอนต้นของนิยายแค่ ๓ ตอน ปรากฏว่า ๓ ตอนผ่าน เขาให้กลับมาเขียนต่อ

เขียนต่ออยู่เกือบ ๒ ปี เพราะกำลังเขียนไปได้ ๓๐๐ กว่าหน้าคอมพิวเตอร์เจ๊ง ฮารดดิสค์พัง แก้ไขไม่ให้ เอามาเร่หาร้านแก้ถึงห้างพันทิพพลาซ่า

ไม่ท้อถอยเขียนใหม่อีก "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น" คำพังเพยที่ถูกแปลงนี้เป็นสัจจะและข่มขืนไม่น้อย เขียนจบ ๕๑๐ หน้า ตลอดเวลานั้นลุงปฏิเสธไม่ยอมรับงานครูที่มาติดต่อ ๕ ปี(จากปี ๒๕๔๕-๒๕๕๐) จนมาเกิดกระแสในปี ๒๕๕๐ ทุกคนที่มาให้วาดรูปให้ผ่านหมด ตกเบิกห้าแสนกว่าบาท

ส่วนลุง บก.คนที่สั่งให้เขียน เกิดเส้นโลหิตในสมองแตก บก.ใหม่มาแทน ลุงส่งงานไปให้หลังจากใช้เวลาเขียนใหม่เกือบ ๕ ปีเขาไม่รับ ตอนนี้เรื่องที่เขียนยังอยู่ทั้งในคอมและในดิสค์

ทำให้มานั่งคิดว่า ๕ ปีที่ปฏิเสธครู ๆ ไปนั้น หากเรารับงานยอดเงินที่ได้มากกว่าค่าเขียนนิยายมรณะรื่องนั้นคูณด้วย ๑๐(เรื่องละประมาณ ๕ หมื่นเศษ)

แต่ความที่หาตัวเองไม่พบ หรือว่าพบแล้ว มาเกิดขึ้นเพราะปีที่แล้ว ปี ๕๐ ครู ๆ ที่มาหาไม่ได้มามือเปล่า ทั้งแบรนด์รังนก แบรนด์ซุปไก่ และของฝากอีกหลากหลาย ผลไม้อีกมากมีจนลุงแทบจะเปิดร้านค้าได้ทำให้ต้องรับ

ปีนี้มีเข้ามาน้อย แค่ ๗ คน ลุงทำไปมั่งหยุดเขียนหนังสือมั่งตามอัธยาศัย และพบตัวเองแล้วว่าเขียนรีปในสไตล์ของเรา(ถ้าเขียนแล้วขายได้) มีความสุขมากกว่าเขียนหนังสือส่งสำนักพิมพ์ เงินก็ได้แน่นอน ไส้ก็ตึง จนน้ำหนักเพิ่มตั้ง ๒-๓ กิโล จากเดิม ๕๐ กิโล

แต่งานที่เขียน ๆ ไว้ก็ยังไม่อยากที่จะให้มันจมหายไปในม่านฝุ่นของชีวิต หรืออาจเปรียบได้กับคำว่า "ขยันโง่" ทำให้อยากหยิบเรื่องนี้ ซึ่งส่งประกวดเข้ารอบ และสำนักพิมพ์ใหญ่แถว ๆ ถนนชัยพฤกษ์ เขตบางบัวทอง บอกว่าจะพิมพ์ นี่ก็เลยล่วงเวลามา ๒-๓ ปีแล้วไม่เห็นเขาติดต่อ ลุงก็จะนำมาเผยแพร่ในนี้ ส่วนเรตติ้งคิดแบบนิตยสารใช้วัดอุณหภูมินักเขียน

โฮ้ยวันนี้เลยได้เข้ามาเขียนอะไรยาว ๆ ฝากเด็ก ๆ รุ่นน้องรุ่นหลาน หวังว่าคงไม่มีมือป่วนมาอาละวาดนะ
(อาละวาดก็ลบเสียซิ จะเก็บไว้ให้เป็นแหนมแทงใจทำไม) -(สำนวนหนูแป้งลูกสาวคุณหนอน)


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:8:38:49 น.  

 
ยัยแปรงจ๋า
อันนี้ถูกใจแล้วฮ่ะ แต่แหมจากที่สร้างบรรยากาศโรแมนติก คราวนี้มาให้ชกลมเลยนะ ขืนชกแบบนี้ไม่เกิน ๕ นาที หัวใจวายแน่

ว่าแต่กล้วยนี่มีนัยอะไรจ๊ะ กล้วยลุงยังดิบนะ ไม่หง่อมจวนเน่าขนาดนี้ เอ๊ะหนุมาณทำไมหลับตาด้วย แต่แยกเขี้ยวนะ

คงไม่ใช่เพราะกำลังจะหัวใจวายนะ แต่หัวใจกำลังรีเจนซี่ ฮ่า ๆ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:8:48:42 น.  

 
แหม...ลุงก๊อ

จดหมาย 1 ฉบับเอา 10 คูณ ใช่ไหม
เรทติ้งบล๊อคเราก็ 3 คน เอา 10ใส่เข้าไป....ครือๆกั๋นล่ะก๊า

ไฟเพิ่งมาเนี่ย
ดับตั้งกะเมื่อคืนตอน ตี 1 กว่าๆ ลมแรงมากสงสัยไฟเมนข้างนอกดับซะเป็นวัน นั่งฟังนกคุยกันเพลินเลยไม่มีเสียงรกๆหูของจิ๊กโก๋บ้านนามากระหน่ำเสียงเข้าลำโพงให้ฟัง...เพลิน.....หลับเพลิน

อ๊ะ...เป็นอันว่าเสร็จสมอารมณ์หมายได้แบคกราวน์ถูกใจ
รูปชุดนี้เหมือนเคยเห็นอ.นิวัติ เขียนถึงน่ะ สาวมอญแม่เอ้ย
เย้ายวนใจดีแท้...แต่ก็จริงนะลุง สมัยนั้นเนอะ มาใส่วับๆแวมๆงี้...ตาย...ลุงเราชกลงเลือดกระฉูด.....5555

ว่าจะมาอวดว่าวันนี้ยำมะเขือม่วงเผาใส่ไข่ต้มให้ป้าพิศ มาเจอมุขกล้วยลุงบูลย์แล้วไม่เล่นดีกว่า กลัวช้ำใจ

ตาธารดาวเขาบ่นน้อยจังเลยนะ....สงกาสัยจะมือไม่ว่างนิ
เอาไว้กลับบ้านที่พะเยานะจะไปหาหนังสือศาสตราจารย์เพี้ยนดู...คิดว่าคงจะไม่มีในกรุแน่

ไปหลาดนัดกันดีกว่าลุง วันนี้เขาเพิ่งมาเปิดหลากนัดวันแรกที่ปากทางเข้าบ้านน่ะ ตรงบึงน้ำนั่นแหละ

ป้าพิศกะครูประสิทธิ์ไปแล้ว...เดี๋ยวไม่ทันหมัย
ต้องตามไปดู....อยากดูไหมจะได้ไปถ่ายรูปมาดู ชาวต่างชาติทั้งนั้นเลยล่ะ...


โดย: ปลายแปรง IP: 118.175.208.84 วันที่: 13 มิถุนายน 2551 เวลา:13:29:04 น.  

 
โอ๊ย! โอ๋ย....
บ้านปลายวาเจริญแล้ว ขอฝากกลอน...


สิบปีก่อนได้ข่าวชาวปลายวา
ว่าถนนไปมาลำบากเหลือ
การสัญจรรันทดไร้รถเรือ
เป็นดงเสือดงช้างป่ากว้างไกล

มาปีนี้มีข่าวชาวปลายวา
มีพ่อค้าเปิดตลาดนัดแห่งใหม่
มีนายทุนหมุนเงินกันเพลินไป
บุกป่าใหญ่เอาเงินหว่านกว้านซื้อดิน

บ้านปลายวานาไร่หายหมดแล้ว
เก๋งกะบะวิ่งแน่วทุกแถวถิ่น
แมงกะไซค์วัยรุ่นฟิตบิดเหมือนบิน
สิบล้อหินไล่ขยี้แมงกะไซค์

ได้ยินข่าวปลายว่ารวยแล้ว
เสาไฟฟ้าเดินแถวตามแนวใหม่
โทรทัศน์พัดลมตู้กินไฟ
ดาวเทียม ดาวไถไปถึงเรือน...

ได้ยินข่าวชาวสวนล้วนมีจิต
เบิกบานสมานมิตรหาใดเหมือน
ภาพเก่าเก่าหายหมดค่อยลดเลือน
เจ้าของเรือนนั่งรถเล็กผูกเน็คไท

บ้านปลายวาครานี้มีสีแสง
เขียวเหลืองแดงพราวพร่างสว่างไสว
ศิลปินป่าหน้าผ่องเป็นยองใย
รับงานใหญ่ผ่านอินเตอร์เน็ตเด็ดดวงแด



โหย แบบนี้จะมีอีหยัง ที่จะทำไม่ให้มีความสุขล่ะ มีแต่ที่ปะทิวนี่แหละที่นั่งนับถอยหลัง เพราะมีสนามบินก็บินบ่ได้ รถโทงรถทัวร์ไม่ผ่าน รถไฟก็แน่นมาจากที่อื่นจะขึ้นทีแสนลำบาก




โดย: lungboon (pantamuang ) วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:8:37:52 น.  

 
ลุ๊งงงงง

คุณเฟื่องฟ้าเอาไปฝากไว้ที่บล๊อคเหมือนกัน แต่ไม่มีส่งนี่นา งานที่ทำกะลุงก็เป็นลิขสิทธิ์ครูเขาม่ายช่ายเรอะ

ไม่อยากโดนฟ้อง ไม่มีตังค์จ้างทนาย
เมื่อวานไปหลาดนัด....เหอ...เหอ...
ไปช่วยเขาเก็บแผง วังเวงชักดิ้นชักงอ

แต่ไฟแว๊บๆบ้านปลายวาไม่มีนะจ๊ จาบอกให้
แวบๆหิงห้อยน่ะยังพอมีแต่ก็น้อยแล้ว



โดย: ปลายแปรง IP: 118.175.208.84 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:9:05:39 น.  

 
เอามาฝากจาก //www.dek-d.com/board/view.php?id=1099968
บันลือบุ๊คส์อะวอร์ดของเชิญผู้สนใจ ส่งผลงานเข้าประกวด หัวข้อการประกวดมีดังนี้

1.วรรณกรรมเยาชนทุกแนว

เขียนเรื่องสำหรับเด็กและเยาวชน ความยาว 100-200 หน้ากระดาษA4 ขนาดตัวหนังสือ 16 พอยต์

2.การ์ตูนความรู้ทุกสาขา

เขียนเรื่องและภาพการ์ตูนช่อง ความยาว 60-72 หน้ากระดาษA4 ตัดเส้นด้วยหมึกดำ ไม่จำกัดเทคนิดในการตกแต่งภาพให้สวยงาม โดยส่งต้นฉบับพร้อมไฟล์ซีดี

3.นวนิยาย

เขียนเรื่องสำหรับบุคคลทั่วไป ความยาว 150-200 หน้ากระดาษA4 ขนาดตัวหนังสือ 16 พอยต์ โดยส่งต้นฉบับพร้อมซีดี

4.หนังสือภาพสำหรับเด็ก

เขียนเรื่องและภาพสำหรับเด็ก ความยาว 28-30 หน้า ไม่รวมปก ต้นฉบับต้องเป็นภาพสี ไม่จำกัดเทคนิค

ส่งมาที่ : บันลือบุ๊คส์อะวอร์ด เลขที่ 958 ซ.สุทธิพล ถ.ประชาสงเคราห์ แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. 10400
หมดเขตส่งผลงานวันที่ 31 กรกฎาคม 2551

กรณีส่งด้วยตัวเอง สามารถส่งได้ทุกวันทำการ เวลา 09.00-17.30 น.

** สำหรับ ผลงานที่ทำในคอมพิวเตอร์ ทุกผลงานต้องพิมพ์ต้นฉบับ พร้อมแนบซดีไฟล์งาน ผลงานที่ส่งประกวด ทางสำนักพิมพ์จะไม่ส่งคืน ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม
งานนี้มีรางวัล
หัวข้อการประกวด 1-3

ที่หนึ่งจะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท

ที่สอง 30,000 บาท

ที่สาม 20,000 บาท

และรางวัลชมเชย 10,000 บาท
สำหรับห้อข้อที่ 4

ที่หนึ่งจะได้เงินรางวัล 30,000 บาท

ที่สอง 20,000 บาท

ที่สาม 10,000 บาท

และรางวัลชมเชย 5,000 บาท

**ทุกๆ ผลงานที่ได้รับคัดเลือกลิขสิทธิ์เป็นของสำนักพิมพ์ เจ้าของผลงานจะได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่พิมพ์ซ้ำ




โดย: ธารดาว IP: 202.149.25.225 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:16:00:12 น.  

 
แบบนี้เรียกว่ามิตรแท้
รีบตะครุบเลยยัยติ๋ม ตอนนี้เหลือกันอยู่แต่พวกเราแล้ว เห็นหน้ากันอยู่แค่นี้แหละ

พ่อธารดาวจ๊ะ
วันนี้ส่งไฟล์เรื่อง ลุงบูลย์เล่าอดีต ไปให้เวบมาสเตอร์แจมนำลงทั้งหมดในเวบไซต์ เธอไปอ่านได้จนจบเลย เพราะลุงอาจจะยึดเอาเวบไซต์เป็นที่พึ่งแล้วละ เพราะบล็อกเรา เขาหนีหมดแล้ว

เว้ว ๆ ๆ
แต่ไม่รู้คุณแจมเอาลงหรือยัง เดี๋ยวไปดูกัน ม้า...ไปเลย


โดย: ลุงบูลย์ IP: 118.173.117.163 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:19:56:42 น.  

 
แวะไปดูมาแล้วเมื่อกี้ ยังไม่เอาลงครับ

ลุงครับ โครงการประกวดวรรณกรรมมันก็ดีในแง่ที่่ทำให้้้เราเกิดกิเลส เมื่อเกิดกิเลสแล้วทำงานได้ก็แล้วไป
ทำงานได้หวังส่งไปชิิงรางวัล ไม่ได้อีกก็หดหู่ห่อเหี่ยว ไร้ความรื่นรมย์เบิกบาน
สรุปแล้ว 'แค่เขียนหนังสือให้ได้ ให้จบเรื่อง' ย่อมถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
อาเมน...


โดย: ธารดาว IP: 202.149.25.233 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:3:37:42 น.  

 
ลุงบูลย์
สัมบายดีบ่ครับ
คิดฮอดหลายๆ


oknation.net/blog/katcharit


โดย: รุ่งฤทธิ์ IP: 124.120.10.65 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:8:16:40 น.  

 
สวัสดีธารดาว
ไม่เป็นไร ลุงจะเอาลงให้ แต่ว่าขอดูทางคุณแจมก่อน เห็นเธอบอกในเวบคุณเฟื่องฟ้าว่าจะอัพบล็อก

สวัสดีรุ่ง คชฤทธิ์

โอเคเนชั่นไม่อยากไป เพราะเล่นตรวจบัตร ขอบัตรประชาชน (ไม่ชอบตรงนี้ มันมากเกินไป-)
ยังกะเราจะไปร่วมกับพันธมิตร)


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:12:41:52 น.  

 
อ้าง...

1.วรรณกรรมเยาชนทุกแนว

เขียนเรื่องสำหรับเด็กและเยาวชน ความยาว 100-200 หน้ากระดาษA4 ขนาดตัวหนังสือ 16 พอยต์

********************

โอ้โฮ เขียนตั้ง ร้อยหน้า ถึง สองร้อยหน้า มันจบยากจบเย็นขนาดนั้นเชียวหรือ

เกินสิบหน้าก็เห็นมีแต่คนบอกว่า ยังไม่ได้อ่าน เดี๋ยวว่างๆจะอ่าน จริงมั้ยลุง...เฟื่องฟ้า



โดย: เฟื่องฟ้า IP: 125.27.25.150 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:16:52:32 น.  

 
สวัสดีคุณเฟื่องฟ้า

วรรณกรรมเขาเขียนกันยาว ๆ ทั้งนั้นแหละ ของลุงเองเรื่องเมืองเทวดา และนักเลงสวนยางยาวเป็น๕๐๐ หน้า

ส่วนเรื่องสั้นคุณเฟื่องฟ้าลองไปอ่านในช่อการะเกดซี ของพวกนักเขียนที่ดัง ๆ เจ๋ง ๆ ส่วนมากอ่านวันเดียว(ในห้องน้ำอย่างลุง)ไม่จบ

ส่วนในบล็อกนี่ไม่ค่อยมีใครอยากอ่านหรอก นอกจากหนอนหนังสือจริง ๆ และถ้าอยากอ่านเขามักปรินท์ออกไปว่างค่อยอ่าน

ลุงรู้ข้อนี้ดีแต่ยังหวังว่าจะมีคนอ่าน

ในบล็อกนี่วรรณกรรม (นิยาย เรื่องสั้น- สารคดี)ยกเว้นแนววัยรุ่น แนวเกาหลี) ยิ่งแนวหนัก ๆ เสนอยาก บล็อกเขามีไว้สำหรับให้คนแก้เหงา หรือแบบว่าเป็นไดอารีบันทึกประจำวันอะไรทำนองนั้น

ลุงก็ชักจะถอย ๆ แล้วนะ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:9:16:12 น.  

 
ต้องค่อยๆปล่อยเรื่องทีละนิดสิ อย่างลุงทำนี่แหละ
..ทีละตอน ใครอยากอ่านก็ต้องเฝ้าติดตาม..ถ้าใครคลิ้กเข้ามาอ่าน เข้ามาดูเสียตังค์ก็ดีสิ จะได้มี
การแข่งขันกัน มีการลงทุน เพื่อยกระดับสินค้า และเป็นการสร้างงานด้วย ถ้าสามารถทำอย่างที่ว่าได้ เราจะเห็นบล็อกดีๆเกิดขึ้นอีกมากมาย

ไม่ต้องง้อสำนักพิมพ์ด้วย..จริงมั้ย ไม่แน่นะ อีกหน่อยอาจมีก็ได้

.ให้กำลังใจลุงบูลย์ครับ...เฟื่องฟ้า


โดย: เฟื่องฟ้า IP: 202.122.130.31 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:12:35:36 น.  

 
โอ้....อนิจจา

ไม่เข้าบล๊อควันเดียว คนแก่เหี่ยวแห้งได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

โอ้.....ธารดาว

"ลุงครับ โครงการประกวดวรรณกรรมมันก็ดีในแง่ที่่ทำให้้้เราเกิดกิเลส เมื่อเกิดกิเลสแล้วทำงานได้ก็แล้วไป
ทำงานได้หวังส่งไปชิิงรางวัล ไม่ได้อีกก็หดหู่ห่อเหี่ยว ไร้ความรื่นรมย์เบิกบาน
สรุปแล้ว 'แค่เขียนหนังสือให้ได้ ให้จบเรื่อง' ย่อมถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
อาเมน..."

ปลายแปรงชอบอันนี้ที่สุดเลย....จากใจแต๊ๆเลยเน้อ

"เดินอยู่บนถนนที่เป็นเป้าหมาย...จึงไม่รีบร้อนที่จะเดินไปให้ถึงปลายทาง".........จ๊ะ

ไม่ได้คิดถึงเรื่องงานประกวดเท่าไร แต่ที่คุณเฟื่องฟ้ากับธารดาวเอามาฝาก ก็น่าสนใจ ส่งได้ก็จะส่ง
ส่งไม่ได้ก็ไม่ว่ากัน เพราะดอนนี้กำลังปล้ำเขียนนิยายสั้นๆสักเรื่องหนึ่งให้ผ่านข้อจำกัดของตัวเองก่อน
แล้วค่อกระดื๊บๆๆไป หาเรื่องยาวๆสัก 1000 หน้า เอาให้เกินหน้าเกินตาลุงบูลย์ที่มีแค่ 500 เอง...เย้...เย

แต่จะลองดูนะ....


อ้อ....ลุงบูลย์
เห็นคุณฟ้ารั่วเขาฝากข่าวคราวเรื่องคุณสุริยันไว้ที่บล๊อคปลายแปรง เห็นหรือยัง

เมื่อก่อนปลายแปรงอ่านงานเขาเยอะมาก ชอบเรื่องมาเย เรื่องนักเลงพวกนี้ ตอนนี้ก็ยังมีเก็บไว้ที่บ้านที่พะเยาหลายเล่ม......ชอบ


เดี๋ยวมาคุยใหม่นะ.....เน็ตรวนๆไงก็ไม่รู


โดย: ปลายแปรง IP: 118.175.208.84 วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:20:54:05 น.  

 
หนูขอระบายความในใจค่ะ
หนูเป็นคนชอบศิลปะไทยมากๆ
พอดีเข้ามาในนี้ เลยขอบอก
เป็นคนวาดภาพไทยมาก เเต่ไม่มีใครสอน อยากมีครูสอนค่ะ


โดย: ศิริวรรณ เคียงคู่ IP: 222.123.249.215 วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:30:36 น.  

 
อยากเรียนวาดรูปจัง แต่พ่อกลับให้เรียนวิทย์-คณิต อยากวาดรูปจัง ต้องแอบวาดรูปทุกวันเลย ชีวิตใครจะเศร้ามากไปกว่านี้มั๊ย


โดย: มิว IP: 192.168.2.215, 202.143.175.229 วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:13:25:28 น.  

 
เน่าๆๆๆๆๆทั้งนั้นแล้ว


โดย: คนไทย IP: 58.9.127.84 วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:10:46:51 น.  

 
ขอบคุณคับสําหรับรูป*-_-*


โดย: Deathsee IP: 222.123.53.219 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:07:09 น.  

 
รูปสวยดีนิค้ะถ้าจะให้สยวต้องวาดรูปหนูอีจะแอ็กท่าให้


โดย: มีนา IP: 61.19.66.218 วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:17:15:40 น.  

 
งานศิลปะของท่านมีคุณค่ามากครับ
ขอบพระคุณที่ให้เป็นวิทยาทาน


โดย: ด.ต.เพทาย ไทยสันทัด IP: 118.172.163.133 วันที่: 26 ตุลาคม 2553 เวลา:9:13:08 น.  

 
ขอชมว่ารูปสิงห์สวยมาก หนูอยากวาดได้แบบนี้จัง สอนให้หน่อยได้ไหมครับ


โดย: วีวี่ IP: 61.90.95.176 วันที่: 2 ธันวาคม 2553 เวลา:12:04:30 น.  

 
fgyjtiyktu7olyo8il;i8uio;


โดย: โกบ IP: 192.168.3.119, 182.52.164.32 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:10:51:46 น.  

 
รูปลายไทยสวยจังเลยค่ะ

ขอบคุณนะค่ะสำหรับรูป

V_V ..........*-* .........บาย


โดย: ปวีณา วัฒนวงษ์ IP: 118.172.155.114 วันที่: 26 มกราคม 2554 เวลา:18:08:23 น.  

 
ลายไทยสวยมากค่ะ เรื่องก็สนุกค่ะ


โดย: สาริสา IP: 124.122.78.140 วันที่: 4 มิถุนายน 2556 เวลา:22:23:59 น.  

 
ขออณุญาตนำภาพพญานาคมาดัดแปลงวาดส่งอาจารย์นะคะ ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ศิริวรรณ IP: 171.7.97.107 วันที่: 23 มกราคม 2559 เวลา:13:45:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.