|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สงสารนุกนิก
แต่...สงสารกุญแจซอลมากกว่า ความเหลือเชื่อกับความขัดแย้งระหว่างคนสองคนมันทำให้หนูงุนงงเหมือนจู่ๆโดนอะไรหล่นใส่หัว พี่ล่ะอยากจับหัวหนูซอลมาโยกให้หายมึนเมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้น
นี่คงเป็นการเขียนบล็อกที่ตรงไปตรงมากับใจตัวเองที่สุดที่เคยเขียนมากเกี่ยวกับนักล่าฝัน เท่าที่ผ่านมา...กับเด็กนักล่าฝันไม่ว่ารุ่นไหน เราเองมักจะเลี่ยงไม่แตะในสิ่งที่เราไม่ชอบ ด้วยคิดว่าโลกที่หมุนรอบตัวเองมันก็ยุ่งจะตาย...อยู่แล้ว พอเจอในสิ่งที่ไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบ เราก็ทำแค่เลี่ยง...ไม่ให้คนหรือสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในวงโคจรของตัวเอง แต่กับเหตุการณ์ครั้งนี้ เรารู้สึกและรู้สึกแรงมาก
ทั้งหมดต่อจากนี้คือความรู้สึกส่วนตัวในฐานะคนดูAFเป็นอาชีพมาโดยตลอด บอกเป็นฟุตโน้ตไว้ตรงหัวจะได้ไม่ต้องเอามากล่าวอ้างสำทับทุกท้ายประโยค
เรื่องมันง่ายนิดเดียว มันเกิดจากการ เขม่นกัน ที่ซวยก็คือ มันไม่ใช่ต่างคนต่างเขม่นกัน แต่ดันเป็นคนหนึ่งคนไปเขม่นคนอีกคน โดยที่อีกคนนั้นมันดันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยอีกต่างหาก
ก็อย่างที่แม็คพยายามอ้อมบอกนุกนิกนั่นล่ะว่า ให้ฟังมากขึ้น และ ให้คุยนะไม่ใช่ พูด นี่คือการแนะนำนุกนิกให้รู้ถึงข้อเสียของตัวเองอย่างสุภาพที่สุดตามประสาแม็ค ถ้าเพียงแค่นุกนิกเป็นเด็กประเภทที่ ไว ต่อความรู้สึก และ เข้าสังคม กว้างกว่าโลกรอบตัวเองแล้วล่ะก็... นุกนิกคงเข้าใจถึงความพยายามเตือนแล้วเตือนอีกของแม็คไปแล้ว
ข้อเสียของนุกนิกแบบที่ใครต่อใครคงรับรู้มานานแล้วว่า เด็กคนนี้พร้อมเสมอที่จะเอาเรื่องราวของคนในวงสนทนากลับมาเป็นเรื่องของตัวเองเสริมเข้าไปอย่างไม่รอช้า เป็นเด็กที่ฟังแล้วพร้อมจะพูดเรื่องตัวเองอย่างไม่ดูจังหวะว่าคนอื่นก็ยังไม่จบเรื่องของเขาเลย
แต่ถ้าถามว่าเป็นเจตนาร้ายหรือเป็นการพยายามอวดทับหรือเปล่า เราเองกลับมองเป็นแค่ว่า เด็กคนนี้เข้าสังคมไม่เป็นแต่พยายามเหลือเกินที่จะเข้าร่วมวงสนทนา พูดง่ายๆก็คือขอแค่มีส่วนร่วมในเรื่องราวด้วยก็เท่านั้น โดยยังไม่ได้เรียนรู้ถึง มารยาททางสังคม
เป็นการเป็นไปแบบไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังผิดมารยาททางสังคมอยู่ และแย่อีกคือ ไม่มีใครเตือนจังๆให้รู้ตัวมาก่อนหน้านี้สักครั้ง เราเห็นแต่ความพยายามเตือนแบบรักษาน้ำใจ จนอ้อมเกินไป สุภาพเกินไปจนเด็กแบบนุกนิกไม่มีทางที่จะนึกไปถึงข้อนี้ได้ แม้แต่ครูรักตอนที่เรียกนุกนิกไปพูดคุยด้วย ก็ยังเตือนแบบอ้อมแล้วอ้อมอีก เกาไม่ถูกที่คันสักที
คืนเปิดใจนุกนิกกับครูรัก เราเองนั่งหัวเราะแล้วหัวเราะอีกกับการเสียรูปมวยของครูรัก วิธีการพูดจาของนุกนิกแบบที่พอครูรักพูดข้อติขึ้นมายังไม่ทันจบประโยคดังตั้งใจ หนูก็สวนขึ้นมาว่าใช่ หนูรู้ตัว หนูผิดอย่างโน้นอย่างนี้ พอรับผิดแล้ว หนูก็โยงเรื่องอื่นตามใจฉันใส่เข้ามา จนครูรักหันเรือเป๋ผิดทางลม กว่าจะคว้านสมอชักใบให้กลับคืน ก็กลายเป็นอีหรอบเดิมอีกรอบ ซ้ำไปซ้ำมาจนเรานึกเลยว่า ครูรักก็มีวันแบบนี้กับเขาด้วย แถมมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ต่อยสะเปะสะปะ ทำเอาเมาหมัดราวกับชกโดนลิ้นปี่
ตอนนั้นเราก็ยังนึกเลยว่า นุกนิกเข้าใจจริงไหม ยอมรับจริงไหมกับข้อบกพร่องที่เจ้าตัวตอบรับทุกคำของครูรัก แล้วก็ไม่ต้องนึกสงสัยนานเลย ส่วนที่ครูรักเตือน เด็กคนนี้เอาไปปรับ แถมเปลี่ยนตัวเองลงเยอะ เพียงแต่ว่า...ไอ้ส่วนข้อบกพร่องที่ครูรักเตือนแบบอ้อมโลกถึงวิธีการพูดคุย แทรกแซงการพูดในวงสนทนาคนอื่นน่ะ นุกนิกน่ะไม่เข้าใจแถมไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่ามีแฝงอยู่ในคำสั่งสอนครูรัก เด็กก็เลยล้น ก็เลยเลยเถิด ปรับตัวเองในส่วนที่ทำให้คนอื่นรอบกายรู้สึกรำคาญใจไม่ได้สักที
แล้วมาถึงคืนวันจันทร์ที่นุกนิกนั่งปรึกษาพี่แม็ค คำบอกเล่าของนุกนิกที่ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองกลัวที่จะอยู่ร่วมกับผู้หญิง กลัวเข้ากันไม่ได้ กลัวมีปัญหาและว่าตัวเองเคยเจอปัญหาแบบนี้มาแล้ว มันทำให้เรารู้สึกว่า ที่ผ่านมานุกนิกคงเจอมาไม่ใช่น้อย
สมัยเรียนปัญหาเด็กแบบนี้ คิดว่าน่าจะเคยผ่านหูผ่านตากันมา เด็กที่ถูกเขม่น ถูกเพื่อนแกล้งไม่พูดด้วย ถูกทิ้งเป็นแกะดำของห้อง เข้ากับใครไม่ได้ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรผิด ยิ่งพยายามยามแก้ไขก็ยิ่งกลายเป็นลูกไล่ของเพื่อนในห้อง จนในที่สุดก็ต้องปกป้องตัวเองโดยไม่เข้าไปสุงสิงกับใคร อยู่กับตัวเองให้มากที่สุด
แล้วพอหลุดจากสังคมตอนนั้นมาได้ ความไม่อยากพบอยากประสพกับเหตุการณ์ทำนองนั้นอีกแล้ว มันจะกลายเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองทำให้มากขึ้น พยายามให้มากขึ้น ให้คนยอมรับให้ได้ ถ้าไปในทางที่ถูกที่ควรก็โชคดีไป แต่ส่วนมากก็ไม่โชคดีขนาดนั้น มันจะกลายเป็นสะเปะสะปะ มากจนล้น หลับหูหลับตาพุ่งทยานไปข้างหน้าลูกเดียวโดยคนรอบข้างไม่ยอมรั้งยอมชะลอให้ พอลืมตามาอีกที ก็มองหาไม่เห็นใครสักคน คราวนี้ก็ยิ่งงง ยิ่งประหม่า ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิดไปตรงไหนตอนไหน
นุกนิกเองโชคดีตรงนี้ล่ะ โชคดีพอที่ได้ก้าวเข้ามาสูรายการที่มีคนหลายคนพร้อมรอตบให้เข้ารูปเข้ารอยตามครรลองของสังคม(ส่วนมาก) โชคดีพอที่มีมือใครหลายคนพยายามชะลอ พยายามลดความเร็วของเจ้าตัวเอาไว้
แต่ว่านุกนิกกลับถูกปรับถูกตบด้วยความที่เห็นว่ายังเป็นเด็กน้อย บวกกับความเป็นเด็กผู้หญิง จึงทำให้คนหลายคนทั้งในและนอกบ้านมองเด็กคนนี้ด้วยความขัดใจจนรำคาญรำไรเป็นระยะว่าเด็กคนนี้ก็ยังล้นยังเกินอยู่ไม่ใช่น้อย
ถ้าจะมองว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งนี้มีข้อดีอะไรขึ้นมา มันก็มีตรงว่า ในที่สุดก็มีคนยอมบอกข้อเสียให้นุกนิกรู้จังๆสักที เด็กมันจะได้เกาถูกที่คันเสียที!!! เด็กคนนี้ไม่ว่าเมื่อไร เราก็ยังเห็นว่าเป็นเด็กที่ยอมรับคำตำหนิและพร้อมจะแก้ไขโดยไม่อิดออด ไม่คิดแก้ตัว จากคืนนี้ไปเราคงได้เห็นภาพนุกนิกนั่งฟังตาโตเวลาร่วมในกลุ่มเพื่อนและพี่อย่างเงียบกริบไม่กล้าแทรก กลายร่างเป็นหอยหุบกาบ
คงต้องใช้เวลาและประสบการณ์ในการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นอีกเยอะ กว่าที่นุกนิกจะเกิด ความพอดี ในการใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้า
นุกนิกได้มาโตในบ้านอย่างใจหวังแล้ว
ส่วนนิวตี้ในมุมมองของเรานั้น เราคิดว่านิวตี้เปรียบเทียบตัวเองกับนุกนิกมาโดยตลอด ทั้งอายุที่ใกล้เคียงและฝีมือสูสี จนเราเองอยากคิดไปด้วยซ้ำว่า ตอนแรกๆนั้นนิวตี้ให้ความยกย่องนุกนิกพอตัวในเรื่องมีฝีมือดีกว่าตัวเองด้วยซ้ำ แต่พอเข้ามาในบ้าน คำชมที่เจ้าตัวได้รับจากหลายฝ่าย ประกอบกับเห็นไปเองว่านุกนิกไม่ได้เก่งอย่างที่คิด บรรทัดฐานในการวัดนุกนิกของนิวตี้จึงลดลง เมื่อวางนุกนิกอยู่ระดับเดียวกับตัวเอง ความเกรงใจระหว่างกันจึงไม่มี ข้อบกพร่องที่เห็นมาจึงยิ่งขัดหูขัดตา
ลองคิดดูสิว่าถ้าเป็นคนอื่นในบ้านสักคนที่มีความขี้อ้อนใครไปจนทั่วบ้านกับเพื่อนพี่ครูบาอาจารย์ และมีนิสัยชอบพูดชอบตัดหน้าคนอื่นเหมือนที่นุกนิกเป็น แต่เขาคนนั้นมีศักดิ์ศรีทางฝีมือหรือความอาวุโสเหนือกว่า
นิวตี้จะกล้าไหมที่จะ ทำ กับเขาเหมือนที่ ทำ ทั้งหมดกับนุกนิก จะกล้าเมินเฉย จะกล้าพูดใส่หน้าแรงๆ ไล่ให้ไปไกลๆ จนกล้าจะพูดต่อหน้า ระบายความในใจว่าเกลียด ว่ารำคาญหูรำคาญตา ถึงขนาดกล้าพูดว่า ในสิ่งเดียวกันนี้ถ้าเป็นคนอื่นจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเป็นนุกนิก นิวจะไม่พอใจจะรำคาญ พูดแม้กระทั่งว่า เกลียดขี้หน้าโดยไม่มีเหตุผลน่ะ
เราฟังแล้วสะอึกว่า เด็กคนนี้เอาสิทธิ์อะไรที่ไหนไปทำร้ายความรู้สึกของคนที่ต่างเรียกกันและกันว่า เพื่อน มาโดยตลอดแบบนี้
ไอ้การไม่รักษาน้ำใจกันขนาดนี้ รู้สึกแง่ลบกับคนหนึ่งคนขนาดนี้ ขนาดที่ว่า เป็นแค่คนร่วมห้องเรียน ร่วมการงาน คนรู้จักธรรมดา คนเรายังไม่สมควรจะตอกใส่หน้าใครขนาดนี้ ไม่มีสิทธิ์ใดจะทำกับใครแบบนี้
แต่นี่กับคนที่ ยอม คุณมาโดยตลอด คนที่เขาเห็นว่าคุณเป็นเพื่อน
คุณทำกับเขาได้ขนาดนี้เลยเหรอ!!!
มันเป็นการบ่งชัดให้เห็นว่า คุณมองแค่ตัวคุณคนเดียว เห็นตัวเองสำคัญที่สุด รู้สึกถึงแต่ความรู้สึกตัวเอง โดยไม่แคร์เลยแม้สักนิดว่าคนอื่นจะมีความรู้สึกเช่นกัน
นิวตี้ทำได้ รู้สึกแบบนี้ได้ ก็มีแค่สาเหตุเดียวคือ ที่ผ่านมาตัวเองเป็นฝ่ายกระทำกับคนอื่น ตัวเองไม่โดน ไม่ต้องรองรับอารมณ์ใคร
เพราะอะไรล่ะ... ก็เพราะนุกนิกเป็นฝ่ายยอม เป็นลูกไล่ เป็นฝ่ายอ่อนข้อให้มาโดยตลอด และ ถูกกระทำ แต่ฝ่ายเดียวก็เท่านั้นเอง
แล้วพอมาเจอการเคลียร์แบบนี้ ในที่สุดนิวตี้ก็ได้รับรู้ความรู้สึกในฝ่ายของคนที่ถูกกระทำกับเขาบ้าง รู้สึกได้ว่าตัวเองถูกกระหน่ำ ถูกซ้ำเติมโดยเกิดจากความคิดของตัวเอง
นี่คือการบ่งบอกว่า ที่ผ่านมานิวตี้ก็รู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ดีกับนุกนิก แม้ปากจะยอมรับปาวๆก็ตามแต่ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนักหรอก จนมาโดนเต็มๆซ้ำเติมตัวเองแบบนี้ ถึงได้รู้สึกกระอักเข้าเต็มอกจนได้
การ ใส่ ปั้งแบบไม่ยั้งมือของนิวตี้หลังจากฟังเพื่อนพี่ทุกคนพูดจบ นิวตี้รู้สึกว่าตัวเองถูก รุม และที่ถูกรุมนี้ เกิดจากใครล่ะ!!! พอรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา...ไม่ใช่ด้วยความเป็นเด็กตรงอย่างที่ชอบออกตัวหรอกนะ แต่แค่เพราะอยากระบายใส่คนที่ตัวเองคิดว่าเป็นต้นเหตุได้ รู้สึก เท่ากับที่ตัวเอง รู้สึก ณ ตอนนั้นเลย...ก็แค่นี้เอง แส้ในมือก็เลยฟาดใส่หน้านุกนิกแบบเอาให้ตาย กลายร่างเป็นกระโถนท้องพระโรงเรียบร้อยในบัดดล
ที่ผ่านมานิวตี้มักออกปากว่าตัวเองเป็นคนตรงๆ มีเรื่องอะไรก็เคลียร์ แต่จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา เราสงสัย...คนตรงมันตรงกันแบบนี้หรือวะ!
คนที่ออกปากหลังจากผ่านเหตุการณ์มาแล้วแทบทุกครั้ง คนที่เก็บความไม่พอใจตอนเพื่อนไล่เมื่อไปปลุกตอนเช้า แล้วจู่ๆเอาตอกใส่หน้าจนเพื่อนงงไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนไหนเมื่อครูรักเปิดโอกาสให้พูด คนที่แก้ตัวกับครูว่านึกว่าเพื่อน สำออย กรณีไม่สนใจตอนเพื่อนชัก คนที่บ่นกระฟัดกระเฟียดกับพี่แม็คและพี่อิชย์ว่า รำคาญ...นุกนิกชอบเข้ามากอด
ถ้าตรงจริง ชอบเคลียร์จริง ก็เคลียร์ก็จบไปตั้งแต่ ณ เวลาที่เรื่องอะไรต่อมิอะไรมันเกิดไปแล้ว ไม่ใช่เก็บเอาไว้ในใจ สุมความไม่พอใจ จนเกิดเป็นหนามแหลมรอเวลาปล่อยมาทิ่มแทงเพื่อนทุกครั้งเมื่อมีโอกาสแบบนี้
ยิ่งคำพูดที่ตามมาว่า นิวตี้คิดไปว่าที่เจ้แอนไม่เล่นไม่คุยกับตัวเองเหมือนก่อนก็เพราะตัวเองไม่ดีกับนุกนิกหรือเปล่า โห~ความคิดแบบนี้ มัน... นอกจากเราจะรับรู้ได้ว่าส่วนลึกๆนิวตี้รู้ว่าตัวเองทำไม่ถูกนะ แต่มันก็ยังแฝงการกล่าวโทษนุกนิกกลายๆตามมาด้วยอีกต่างหาก
ถึงว่าสิว่า ยิ่งนานก็ยิ่งไม่คุยกัน ก็ฝ่ายหนึ่งที่ว่าตัวเองเป็นคนดื้อนี่ล่ะ คิดสะเปะสะปะไปเรื่อย จนเข้าขั้นพาลพาโลใส่ข้อหาให้เพื่อนเพิ่มขึ้น รับรู้ความคิดแบบนี้เข้าไป เราก็ต้องส่ายหน้า รับไม่ไหวว่ะ
บอกตามความคิดเลยว่า ถ้านุกนิกไม่ใช่มีบุคลิกยอมคนแบบนี้ นิวตี้ไม่มีทางกล้าแผลงฤทธิ์ใส่ แม้นุกนิกจะยังง้องแง้งขี้อ้อน คุยแต่เรื่องตัวเองไม่สนใจคนอื่น ไม่เปิดช่องให้คนอื่นพูดมีส่วนร่วมบ้าง ความแน่จริงในตัวของนิวตี้ เกิดขึ้นกับคนที่ตัวเองคิดว่าด้อยกว่าเท่านั้นล่ะ
คนเรามันจะข่มคนที่คิดว่าข่มได้ แต่ไอ้เพื่อนข่มเพื่อนนี่มัน....
แล้วขอบอกเลยว่า ถ้าไม่ได้รับรู้ตัวตนด้านนี้ของนิวตี้(ที่เราคิดเองเออเอง วิเคราะห์เองสรุปเอง) เราก็ยังชื่นชอบน้ำเสียง บวกวิธีการสื่อสารในการร้องเพลงของคนคนนี้มาก แต่พอมารับรู้ไปแล้ว... ร้องเพลงเพราะแค่ไหน จากนี้ไปมันก็ไม่หลงเหลือความไพเราะแม้สักนิด!!!
เราเองย้อนนึกไปเมื่อซีซั่นห้า ปั๊มโซฮอลล์นั่น ไม่ว่าจะผ่านสักกี่เหตุการณ์ ก็ไม่มีสักครั้งที่ปั๊มจะลั่นจะใส่กับคนที่ตัวเองคิดว่าเป็น เพื่อน ปั๊มจะรู้สึกใส่กับคนที่ตัวมันเองขีดเส้นไว้ว่าไม่ใช่เพื่อน การที่ใครจะเป็นเพื่อนใครไม่ใช่กงการอะไรของเรา ไม่ใช่เพื่อนก็เป็นเรื่องของเจ้าตัว เพื่อนใคร คนนั้นก็เป็นคนเลือกเอง ในเมื่อปั๊มเลือกเพื่อน ก็ไม่มีสักครั้งที่จะทำร้ายจิตใจเพื่อน มีแต่ให้ใจเต็ม ๆ ขนาดคิดเองเออเองว่าโดนเพื่อนหักหลัง มันก็นอยด์ของมันเงียบๆ ไม่มีสักครั้งที่ไปฟาดงวงฟาดงากับคนคนนั้นให้เขาเจ็บตามกัน
ส่วนคนที่ปั๊มตั้งป้อม แต่ดันตั้งผิด ตัวปั๊มเองก็รับเองโดยไม่ไปทำให้เขาเจ็บ ใจ หรือแม้กระทั่งรับรู้ในเวลานั้นด้วยซ้ำ มีแต่บรรดาคนเฝ้าเงี่ยหูฟัง ตาเบิกจ้องข้างนอกนี่ล่ะรับไปเต็มๆ
แล้วเวลามันนอยด์สามเวลาหลังอาหาร มันก็ดีแต่ทำร้ายตัวมันเองเท่านั้น เพื่อนพี่คนรอบกายก็แค่เสีย เวลา เพื่อมาปลอบมากระตุ้นกัน คนจะอยู่ร่วมกัน เพื่อนกัน มันก็ต้องมี เวลา แบบนี้ที่ต้องเสียเพื่อแลกกับมิตรภาพอยู่แล้ว
เมื่อย้อนกลับมาซีซั่นนี้ เราขอยอมรับใจนิวตี้อยู่อย่าง...ไม่ว่ามันจะเกิดจากทิฐิหรืออะไรก็ตาม การยืนกรานว่าเคลียร์ไม่ได้ตอนนี้ ไม่รู้จะทำไง ปล่อยให้มันเป็นไป แม้ใจส่วนลึกเราจะคิดว่าถ้าโดนบีบอีกนิด นิวตี้คงหลุดปากออกมาว่าอยากหยุดความเป็นเพื่อนที่มันไม่เคยมีไปซะ ต่างคนต่างอยู่ในส่วนของตัวเองไปเลยมากกว่า
เคลียร์แต่ปากแต่ใจไม่เคลียร์ งั้นจะเคลียร์ทำไม เสียเวลาว่ะ!!!
เกิดเหตุการณ์นี้ก็ดี เป็นเพื่อนกันไม่ได้ก็ไม่ต้องเป็น เป็นแค่คนรู้จักกันก็พอ ไม่ต้องรักกัน ขอแค่รู้จักรักษาน้ำใจไม่ทำร้ายใจกันก็พอ รักษาความปกติเอาไว้ เห็นคนอื่นมีความเป็น คน เท่าเทียมกับตนเองก็พอ
การอยู่ร่วมกันมันก็ง่ายดายแค่นี้ล่ะ
Create Date : 29 กรกฎาคม 2552 |
|
5 comments |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2552 11:09:07 น. |
Counter : 922 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: buddhi 29 กรกฎาคม 2552 13:16:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: starcmu 29 กรกฎาคม 2552 15:36:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: Yok!ez 29 กรกฎาคม 2552 15:58:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: Nusantara (Nusantara ) 29 กรกฎาคม 2552 16:06:52 น. |
|
|
|
|
|
|
|
คนเราที่ปากบอกว่า "เคลียร์" ในใจก็ต้องเคลียร์ด้วยซิ