Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

สงสารนุกนิก




แต่...สงสารกุญแจซอลมากกว่า ความเหลือเชื่อกับความขัดแย้งระหว่างคนสองคนมันทำให้หนูงุนงงเหมือนจู่ๆโดนอะไรหล่นใส่หัว
พี่ล่ะอยากจับหัวหนูซอลมาโยกให้หายมึนเมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้น





นี่คงเป็นการเขียนบล็อกที่ตรงไปตรงมากับใจตัวเองที่สุดที่เคยเขียนมากเกี่ยวกับนักล่าฝัน
เท่าที่ผ่านมา...กับเด็กนักล่าฝันไม่ว่ารุ่นไหน เราเองมักจะเลี่ยงไม่แตะในสิ่งที่เราไม่ชอบ ด้วยคิดว่าโลกที่หมุนรอบตัวเองมันก็ยุ่งจะตาย...อยู่แล้ว
พอเจอในสิ่งที่ไม่ชอบ คนที่ไม่ชอบ เราก็ทำแค่เลี่ยง...ไม่ให้คนหรือสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในวงโคจรของตัวเอง
แต่กับเหตุการณ์ครั้งนี้ เรารู้สึกและรู้สึกแรงมาก



ทั้งหมดต่อจากนี้คือความรู้สึกส่วนตัวในฐานะคนดูAFเป็นอาชีพมาโดยตลอด
บอกเป็นฟุตโน้ตไว้ตรงหัวจะได้ไม่ต้องเอามากล่าวอ้างสำทับทุกท้ายประโยค










เรื่องมันง่ายนิดเดียว
มันเกิดจากการ “เขม่นกัน”
ที่ซวยก็คือ มันไม่ใช่ต่างคนต่างเขม่นกัน
แต่ดันเป็นคนหนึ่งคนไปเขม่นคนอีกคน โดยที่อีกคนนั้นมันดันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยอีกต่างหาก


ก็อย่างที่แม็คพยายามอ้อมบอกนุกนิกนั่นล่ะว่า “ให้ฟังมากขึ้น” และ “ให้คุยนะไม่ใช่ ‘พูด’ ”
นี่คือการแนะนำนุกนิกให้รู้ถึงข้อเสียของตัวเองอย่างสุภาพที่สุดตามประสาแม็ค
ถ้าเพียงแค่นุกนิกเป็นเด็กประเภทที่ ‘ไว’ ต่อความรู้สึก และ ‘เข้าสังคม’ กว้างกว่าโลกรอบตัวเองแล้วล่ะก็...
นุกนิกคงเข้าใจถึงความพยายามเตือนแล้วเตือนอีกของแม็คไปแล้ว


ข้อเสียของนุกนิกแบบที่ใครต่อใครคงรับรู้มานานแล้วว่า
เด็กคนนี้พร้อมเสมอที่จะเอาเรื่องราวของคนในวงสนทนากลับมาเป็นเรื่องของตัวเองเสริมเข้าไปอย่างไม่รอช้า
เป็นเด็กที่ฟังแล้วพร้อมจะพูดเรื่องตัวเองอย่างไม่ดูจังหวะว่าคนอื่นก็ยังไม่จบเรื่องของเขาเลย



แต่ถ้าถามว่าเป็นเจตนาร้ายหรือเป็นการพยายามอวดทับหรือเปล่า
เราเองกลับมองเป็นแค่ว่า เด็กคนนี้เข้าสังคมไม่เป็นแต่พยายามเหลือเกินที่จะเข้าร่วมวงสนทนา พูดง่ายๆก็คือขอแค่มีส่วนร่วมในเรื่องราวด้วยก็เท่านั้น
โดยยังไม่ได้เรียนรู้ถึง “มารยาททางสังคม”


เป็นการเป็นไปแบบไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังผิดมารยาททางสังคมอยู่
และแย่อีกคือ ไม่มีใครเตือนจังๆให้รู้ตัวมาก่อนหน้านี้สักครั้ง
เราเห็นแต่ความพยายามเตือนแบบรักษาน้ำใจ จนอ้อมเกินไป สุภาพเกินไปจนเด็กแบบนุกนิกไม่มีทางที่จะนึกไปถึงข้อนี้ได้
แม้แต่ครูรักตอนที่เรียกนุกนิกไปพูดคุยด้วย ก็ยังเตือนแบบอ้อมแล้วอ้อมอีก เกาไม่ถูกที่คันสักที


คืนเปิดใจนุกนิกกับครูรัก เราเองนั่งหัวเราะแล้วหัวเราะอีกกับการเสียรูปมวยของครูรัก
วิธีการพูดจาของนุกนิกแบบที่พอครูรักพูดข้อติขึ้นมายังไม่ทันจบประโยคดังตั้งใจ หนูก็สวนขึ้นมาว่าใช่ หนูรู้ตัว หนูผิดอย่างโน้นอย่างนี้
พอรับผิดแล้ว หนูก็โยงเรื่องอื่นตามใจฉันใส่เข้ามา
จนครูรักหันเรือเป๋ผิดทางลม กว่าจะคว้านสมอชักใบให้กลับคืน ก็กลายเป็นอีหรอบเดิมอีกรอบ
ซ้ำไปซ้ำมาจนเรานึกเลยว่า ครูรักก็มีวันแบบนี้กับเขาด้วย แถมมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ต่อยสะเปะสะปะ ทำเอาเมาหมัดราวกับชกโดนลิ้นปี่

ตอนนั้นเราก็ยังนึกเลยว่า นุกนิกเข้าใจจริงไหม ยอมรับจริงไหมกับข้อบกพร่องที่เจ้าตัวตอบรับทุกคำของครูรัก
แล้วก็ไม่ต้องนึกสงสัยนานเลย
ส่วนที่ครูรักเตือน เด็กคนนี้เอาไปปรับ แถมเปลี่ยนตัวเองลงเยอะ
เพียงแต่ว่า...ไอ้ส่วนข้อบกพร่องที่ครูรักเตือนแบบอ้อมโลกถึงวิธีการพูดคุย แทรกแซงการพูดในวงสนทนาคนอื่นน่ะ
นุกนิกน่ะไม่เข้าใจแถมไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่ามีแฝงอยู่ในคำสั่งสอนครูรัก
เด็กก็เลยล้น ก็เลยเลยเถิด ปรับตัวเองในส่วนที่ทำให้คนอื่นรอบกายรู้สึกรำคาญใจไม่ได้สักที


แล้วมาถึงคืนวันจันทร์ที่นุกนิกนั่งปรึกษาพี่แม็ค
คำบอกเล่าของนุกนิกที่ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองกลัวที่จะอยู่ร่วมกับผู้หญิง กลัวเข้ากันไม่ได้ กลัวมีปัญหาและว่าตัวเองเคยเจอปัญหาแบบนี้มาแล้ว
มันทำให้เรารู้สึกว่า ที่ผ่านมานุกนิกคงเจอมาไม่ใช่น้อย


สมัยเรียนปัญหาเด็กแบบนี้ คิดว่าน่าจะเคยผ่านหูผ่านตากันมา
เด็กที่ถูกเขม่น ถูกเพื่อนแกล้งไม่พูดด้วย ถูกทิ้งเป็นแกะดำของห้อง เข้ากับใครไม่ได้
โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรผิด ยิ่งพยายามยามแก้ไขก็ยิ่งกลายเป็นลูกไล่ของเพื่อนในห้อง
จนในที่สุดก็ต้องปกป้องตัวเองโดยไม่เข้าไปสุงสิงกับใคร อยู่กับตัวเองให้มากที่สุด

แล้วพอหลุดจากสังคมตอนนั้นมาได้
ความไม่อยากพบอยากประสพกับเหตุการณ์ทำนองนั้นอีกแล้ว
มันจะกลายเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองทำให้มากขึ้น พยายามให้มากขึ้น ให้คนยอมรับให้ได้
ถ้าไปในทางที่ถูกที่ควรก็โชคดีไป
แต่ส่วนมากก็ไม่โชคดีขนาดนั้น
มันจะกลายเป็นสะเปะสะปะ มากจนล้น หลับหูหลับตาพุ่งทยานไปข้างหน้าลูกเดียวโดยคนรอบข้างไม่ยอมรั้งยอมชะลอให้
พอลืมตามาอีกที ก็มองหาไม่เห็นใครสักคน
คราวนี้ก็ยิ่งงง ยิ่งประหม่า ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิดไปตรงไหนตอนไหน



นุกนิกเองโชคดีตรงนี้ล่ะ โชคดีพอที่ได้ก้าวเข้ามาสูรายการที่มีคนหลายคนพร้อมรอตบให้เข้ารูปเข้ารอยตามครรลองของสังคม(ส่วนมาก)
โชคดีพอที่มีมือใครหลายคนพยายามชะลอ พยายามลดความเร็วของเจ้าตัวเอาไว้



แต่ว่านุกนิกกลับถูกปรับถูกตบด้วยความที่เห็นว่ายังเป็นเด็กน้อย บวกกับความเป็นเด็กผู้หญิง จึงทำให้คนหลายคนทั้งในและนอกบ้านมองเด็กคนนี้ด้วยความขัดใจจนรำคาญรำไรเป็นระยะว่าเด็กคนนี้ก็ยังล้นยังเกินอยู่ไม่ใช่น้อย


ถ้าจะมองว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งนี้มีข้อดีอะไรขึ้นมา มันก็มีตรงว่า ในที่สุดก็มีคนยอมบอกข้อเสียให้นุกนิกรู้จังๆสักที เด็กมันจะได้เกาถูกที่คันเสียที!!!
เด็กคนนี้ไม่ว่าเมื่อไร เราก็ยังเห็นว่าเป็นเด็กที่ยอมรับคำตำหนิและพร้อมจะแก้ไขโดยไม่อิดออด ไม่คิดแก้ตัว
จากคืนนี้ไปเราคงได้เห็นภาพนุกนิกนั่งฟังตาโตเวลาร่วมในกลุ่มเพื่อนและพี่อย่างเงียบกริบไม่กล้าแทรก
กลายร่างเป็นหอยหุบกาบ

คงต้องใช้เวลาและประสบการณ์ในการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นอีกเยอะ กว่าที่นุกนิกจะเกิด “ความพอดี” ในการใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้า

นุกนิกได้มาโตในบ้านอย่างใจหวังแล้ว









ส่วนนิวตี้ในมุมมองของเรานั้น
เราคิดว่านิวตี้เปรียบเทียบตัวเองกับนุกนิกมาโดยตลอด ทั้งอายุที่ใกล้เคียงและฝีมือสูสี
จนเราเองอยากคิดไปด้วยซ้ำว่า ตอนแรกๆนั้นนิวตี้ให้ความยกย่องนุกนิกพอตัวในเรื่องมีฝีมือดีกว่าตัวเองด้วยซ้ำ
แต่พอเข้ามาในบ้าน คำชมที่เจ้าตัวได้รับจากหลายฝ่าย ประกอบกับเห็นไปเองว่านุกนิกไม่ได้เก่งอย่างที่คิด
บรรทัดฐานในการวัดนุกนิกของนิวตี้จึงลดลง
เมื่อวางนุกนิกอยู่ระดับเดียวกับตัวเอง ความเกรงใจระหว่างกันจึงไม่มี
ข้อบกพร่องที่เห็นมาจึงยิ่งขัดหูขัดตา


ลองคิดดูสิว่าถ้าเป็นคนอื่นในบ้านสักคนที่มีความขี้อ้อนใครไปจนทั่วบ้านกับเพื่อนพี่ครูบาอาจารย์ และมีนิสัยชอบพูดชอบตัดหน้าคนอื่นเหมือนที่นุกนิกเป็น
แต่เขาคนนั้นมีศักดิ์ศรีทางฝีมือหรือความอาวุโสเหนือกว่า

นิวตี้จะกล้าไหมที่จะ ‘ทำ’ กับเขาเหมือนที่ ‘ทำ’ ทั้งหมดกับนุกนิก
จะกล้าเมินเฉย จะกล้าพูดใส่หน้าแรงๆ ไล่ให้ไปไกลๆ
จนกล้าจะพูดต่อหน้า ระบายความในใจว่าเกลียด ว่ารำคาญหูรำคาญตา
ถึงขนาดกล้าพูดว่า ในสิ่งเดียวกันนี้ถ้าเป็นคนอื่นจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเป็นนุกนิก นิวจะไม่พอใจจะรำคาญ
พูดแม้กระทั่งว่า เกลียดขี้หน้าโดยไม่มีเหตุผลน่ะ



เราฟังแล้วสะอึกว่า
เด็กคนนี้เอาสิทธิ์อะไรที่ไหนไปทำร้ายความรู้สึกของคนที่ต่างเรียกกันและกันว่า “เพื่อน” มาโดยตลอดแบบนี้


ไอ้การไม่รักษาน้ำใจกันขนาดนี้
รู้สึกแง่ลบกับคนหนึ่งคนขนาดนี้
ขนาดที่ว่า เป็นแค่คนร่วมห้องเรียน ร่วมการงาน คนรู้จักธรรมดา
คนเรายังไม่สมควรจะตอกใส่หน้าใครขนาดนี้ ไม่มีสิทธิ์ใดจะทำกับใครแบบนี้


แต่นี่กับคนที่ ‘ยอม’ คุณมาโดยตลอด
คนที่เขาเห็นว่าคุณเป็นเพื่อน

คุณทำกับเขาได้ขนาดนี้เลยเหรอ!!!

มันเป็นการบ่งชัดให้เห็นว่า คุณมองแค่ตัวคุณคนเดียว เห็นตัวเองสำคัญที่สุด
รู้สึกถึงแต่ความรู้สึกตัวเอง โดยไม่แคร์เลยแม้สักนิดว่าคนอื่นจะมีความรู้สึกเช่นกัน


นิวตี้ทำได้ รู้สึกแบบนี้ได้
ก็มีแค่สาเหตุเดียวคือ
ที่ผ่านมาตัวเองเป็นฝ่ายกระทำกับคนอื่น ตัวเองไม่โดน ไม่ต้องรองรับอารมณ์ใคร

เพราะอะไรล่ะ...
ก็เพราะนุกนิกเป็นฝ่ายยอม เป็นลูกไล่ เป็นฝ่ายอ่อนข้อให้มาโดยตลอด และ ‘ถูกกระทำ’ แต่ฝ่ายเดียวก็เท่านั้นเอง



แล้วพอมาเจอการเคลียร์แบบนี้
ในที่สุดนิวตี้ก็ได้รับรู้ความรู้สึกในฝ่ายของคนที่ถูกกระทำกับเขาบ้าง
รู้สึกได้ว่าตัวเองถูกกระหน่ำ ถูกซ้ำเติมโดยเกิดจากความคิดของตัวเอง


นี่คือการบ่งบอกว่า ที่ผ่านมานิวตี้ก็รู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ดีกับนุกนิก
แม้ปากจะยอมรับปาวๆก็ตามแต่ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนักหรอก
จนมาโดนเต็มๆซ้ำเติมตัวเองแบบนี้
ถึงได้รู้สึกกระอักเข้าเต็มอกจนได้



การ ‘ใส่’ ปั้งแบบไม่ยั้งมือของนิวตี้หลังจากฟังเพื่อนพี่ทุกคนพูดจบ
นิวตี้รู้สึกว่าตัวเองถูก “รุม”
และที่ถูกรุมนี้ เกิดจากใครล่ะ!!!
พอรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา...ไม่ใช่ด้วยความเป็นเด็กตรงอย่างที่ชอบออกตัวหรอกนะ
แต่แค่เพราะอยากระบายใส่คนที่ตัวเองคิดว่าเป็นต้นเหตุได้ ‘รู้สึก’ เท่ากับที่ตัวเอง ‘รู้สึก’ ณ ตอนนั้นเลย...ก็แค่นี้เอง
แส้ในมือก็เลยฟาดใส่หน้านุกนิกแบบเอาให้ตาย กลายร่างเป็นกระโถนท้องพระโรงเรียบร้อยในบัดดล





ที่ผ่านมานิวตี้มักออกปากว่าตัวเองเป็นคนตรงๆ มีเรื่องอะไรก็เคลียร์
แต่จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา เราสงสัย...คนตรงมันตรงกันแบบนี้หรือวะ!


คนที่ออกปากหลังจากผ่านเหตุการณ์มาแล้วแทบทุกครั้ง
คนที่เก็บความไม่พอใจตอนเพื่อนไล่เมื่อไปปลุกตอนเช้า แล้วจู่ๆเอาตอกใส่หน้าจนเพื่อนงงไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนไหนเมื่อครูรักเปิดโอกาสให้พูด
คนที่แก้ตัวกับครูว่านึกว่าเพื่อน ‘สำออย’ กรณีไม่สนใจตอนเพื่อนชัก
คนที่บ่นกระฟัดกระเฟียดกับพี่แม็คและพี่อิชย์ว่า ‘รำคาญ’...นุกนิกชอบเข้ามากอด


ถ้าตรงจริง ชอบเคลียร์จริง
ก็เคลียร์ก็จบไปตั้งแต่ ณ เวลาที่เรื่องอะไรต่อมิอะไรมันเกิดไปแล้ว
ไม่ใช่เก็บเอาไว้ในใจ สุมความไม่พอใจ จนเกิดเป็นหนามแหลมรอเวลาปล่อยมาทิ่มแทงเพื่อนทุกครั้งเมื่อมีโอกาสแบบนี้


ยิ่งคำพูดที่ตามมาว่า นิวตี้คิดไปว่าที่เจ้แอนไม่เล่นไม่คุยกับตัวเองเหมือนก่อนก็เพราะตัวเองไม่ดีกับนุกนิกหรือเปล่า
โห~ความคิดแบบนี้ มัน...
นอกจากเราจะรับรู้ได้ว่าส่วนลึกๆนิวตี้รู้ว่าตัวเองทำไม่ถูกนะ แต่มันก็ยังแฝงการกล่าวโทษนุกนิกกลายๆตามมาด้วยอีกต่างหาก



ถึงว่าสิว่า ยิ่งนานก็ยิ่งไม่คุยกัน
ก็ฝ่ายหนึ่งที่ว่าตัวเองเป็นคนดื้อนี่ล่ะ คิดสะเปะสะปะไปเรื่อย จนเข้าขั้นพาลพาโลใส่ข้อหาให้เพื่อนเพิ่มขึ้น
รับรู้ความคิดแบบนี้เข้าไป เราก็ต้องส่ายหน้า รับไม่ไหวว่ะ


บอกตามความคิดเลยว่า
ถ้านุกนิกไม่ใช่มีบุคลิกยอมคนแบบนี้
นิวตี้ไม่มีทางกล้าแผลงฤทธิ์ใส่ แม้นุกนิกจะยังง้องแง้งขี้อ้อน คุยแต่เรื่องตัวเองไม่สนใจคนอื่น ไม่เปิดช่องให้คนอื่นพูดมีส่วนร่วมบ้าง
ความแน่จริงในตัวของนิวตี้ เกิดขึ้นกับคนที่ตัวเองคิดว่าด้อยกว่าเท่านั้นล่ะ


คนเรามันจะข่มคนที่คิดว่าข่มได้
แต่ไอ้เพื่อนข่มเพื่อนนี่มัน....



แล้วขอบอกเลยว่า ถ้าไม่ได้รับรู้ตัวตนด้านนี้ของนิวตี้(ที่เราคิดเองเออเอง วิเคราะห์เองสรุปเอง)
เราก็ยังชื่นชอบน้ำเสียง บวกวิธีการสื่อสารในการร้องเพลงของคนคนนี้มาก
แต่พอมารับรู้ไปแล้ว...
ร้องเพลงเพราะแค่ไหน จากนี้ไปมันก็ไม่หลงเหลือความไพเราะแม้สักนิด!!!



เราเองย้อนนึกไปเมื่อซีซั่นห้า
ปั๊มโซฮอลล์นั่น
ไม่ว่าจะผ่านสักกี่เหตุการณ์ ก็ไม่มีสักครั้งที่ปั๊มจะลั่นจะใส่กับคนที่ตัวเองคิดว่าเป็น “เพื่อน”
ปั๊มจะรู้สึกใส่กับคนที่ตัวมันเองขีดเส้นไว้ว่าไม่ใช่เพื่อน
การที่ใครจะเป็นเพื่อนใครไม่ใช่กงการอะไรของเรา ไม่ใช่เพื่อนก็เป็นเรื่องของเจ้าตัว
เพื่อนใคร คนนั้นก็เป็นคนเลือกเอง
ในเมื่อปั๊มเลือกเพื่อน ก็ไม่มีสักครั้งที่จะทำร้ายจิตใจเพื่อน มีแต่ให้ใจเต็ม ๆ
ขนาดคิดเองเออเองว่าโดนเพื่อนหักหลัง มันก็นอยด์ของมันเงียบๆ ไม่มีสักครั้งที่ไปฟาดงวงฟาดงากับคนคนนั้นให้เขาเจ็บตามกัน

ส่วนคนที่ปั๊มตั้งป้อม แต่ดันตั้งผิด ตัวปั๊มเองก็รับเองโดยไม่ไปทำให้เขาเจ็บ ‘ใจ’ หรือแม้กระทั่งรับรู้ในเวลานั้นด้วยซ้ำ มีแต่บรรดาคนเฝ้าเงี่ยหูฟัง ตาเบิกจ้องข้างนอกนี่ล่ะรับไปเต็มๆ

แล้วเวลามันนอยด์สามเวลาหลังอาหาร มันก็ดีแต่ทำร้ายตัวมันเองเท่านั้น
เพื่อนพี่คนรอบกายก็แค่เสีย “เวลา” เพื่อมาปลอบมากระตุ้นกัน
คนจะอยู่ร่วมกัน เพื่อนกัน มันก็ต้องมี ‘เวลา’ แบบนี้ที่ต้องเสียเพื่อแลกกับมิตรภาพอยู่แล้ว




เมื่อย้อนกลับมาซีซั่นนี้
เราขอยอมรับใจนิวตี้อยู่อย่าง...ไม่ว่ามันจะเกิดจากทิฐิหรืออะไรก็ตาม
การยืนกรานว่าเคลียร์ไม่ได้ตอนนี้ ไม่รู้จะทำไง ปล่อยให้มันเป็นไป
แม้ใจส่วนลึกเราจะคิดว่าถ้าโดนบีบอีกนิด นิวตี้คงหลุดปากออกมาว่าอยากหยุดความเป็นเพื่อนที่มันไม่เคยมีไปซะ ต่างคนต่างอยู่ในส่วนของตัวเองไปเลยมากกว่า


เคลียร์แต่ปากแต่ใจไม่เคลียร์ งั้นจะเคลียร์ทำไม
เสียเวลาว่ะ!!!






เกิดเหตุการณ์นี้ก็ดี เป็นเพื่อนกันไม่ได้ก็ไม่ต้องเป็น
เป็นแค่คนรู้จักกันก็พอ
ไม่ต้องรักกัน ขอแค่รู้จักรักษาน้ำใจไม่ทำร้ายใจกันก็พอ
รักษาความปกติเอาไว้
เห็นคนอื่นมีความเป็น ‘คน’ เท่าเทียมกับตนเองก็พอ

การอยู่ร่วมกันมันก็ง่ายดายแค่นี้ล่ะ







 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2552
5 comments
Last Update : 29 กรกฎาคม 2552 11:09:07 น.
Counter : 922 Pageviews.

 

เห็นด้วยครับ

คนเราที่ปากบอกว่า "เคลียร์" ในใจก็ต้องเคลียร์ด้วยซิ

 

โดย: buddhi 29 กรกฎาคม 2552 13:16:57 น.  

 

โดนใจอย่างแรงค่ะ

ขอบคุณนะคะ

 

โดย: starcmu 29 กรกฎาคม 2552 15:36:31 น.  

 

โดนใจได้อีกค่ะพี่คิว

 

โดย: Yok!ez 29 กรกฎาคม 2552 15:58:08 น.  

 

น้องQ เก็บรายละเอียดได้ครบ ตรงใจเหลือเกิน

 

โดย: Nusantara (Nusantara ) 29 กรกฎาคม 2552 16:06:52 น.  

 

อยากให้เขากลับมาดีกันเหมือนเดิม

 

โดย: may253617 30 กรกฎาคม 2552 18:41:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.