ชอบในสิ่งที่เลือก กับเลือกในสิ่งที่ชอบ อยู่ที่คุณตัดสินใจ ชีวิตของคุณ คุณคือผู้ลิขิต
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
27 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 

จดหมายจากฝั่งกว๊าน 14

กราบเท้า คุณพ่อคุณแม่ที่เคารพ


เธอถามตังเองหรือยังว่า “เธอพร้อมที่จะเปิดใจรับกับสิ่งใหม่ๆหรือยัง หรือเธอไปเพื่อให้ได้ชิ้นงาน”

มันไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหมค่ะ ที่มนุษย์ทุกคนล้วนกลัวการเปลี่ยนแปลง(ไปในทางที่เลวร้าย) และคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มนุษย์เราจะเอาตัวเองเป็นฐานในการมองและเรียนรู้ ทุกๆครั้งของการลงชุมชน แต่ละคนก็จะได้หัวข้อที่ตนเองจะต้องศึกษา ฉะนั้นทุกๆคนต่างก็คิดคำถามและวิธีที่จะทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ตนเองต้องการ

อย่างอาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้หัวข้อเรื่อง “สุขภาพและการดูแลรักษาสุขภาพในความหมายของชาวบ้าน” มันเป็นเรื่องที่ยากหากจะไม่ให้เราถามตรงๆว่า “ป้าค่ะ/ลุงค่ะ คำว่าสุขภาพในความหมายของป้าคืออะไร แล้วป้า/ลุงมีวิธีดูแลสุขภาพของตนเองอย่างไร” เราจะได้ข้อมูลที่เราอยากได้ ได้อย่างไรกันเล่าถ้าไม่ให้เราถามตรงๆแบบนี้ ถ้าไม่ถามในสิ่งที่เราอยากรู้ แล้วเราจะได้คำตอบได้อย่างไร

แล้วก็ต้องสะดุจกับคำพูดคำพูดหนึ่ง “เธอพร้อมที่จะเปิดใจรับกับสิ่งใหม่ๆหรือยัง หรือเธอไปเพื่อให้ได้ชิ้นงาน” นั้นนะสิค่ะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกๆครั้งก่อนที่จะลงชุมชน เราไม่เคยถามตัวเองเลย ว่าพร้อมหรือยังที่เปิดใจรับกับสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่มันแตกต่างไปจากที่เราคิดและเข้าใจ หรือพูดง่ายว่าอาจารย์ต้องการที่จะบอกให้เรียนรู้ที่จะรับฟังความคิดของผู้อื่นนั้นเอง บางครั้งไม่ใช่สิอาจจะทุกครั้งเลยก็ได้ ที่เราลงชุมชนเพื่อต้องการตอบสนองต่อหัวข้อที่เราได้รับ คำตอบที่เราอยากได้ก็คือคำตอบที่เราต้องการและได้รับการเรียนรู้มาแล้วว่า มันเป็นจริงถูกต้องตามทฤษฎีที่เราเรียนมา ไม่ใช่ต้องการคำตอบที่เป็นของชาวบ้าน จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วความเป็นชีวิตจริงกับทฤษฎีมันอาจจะไปด้วยกันไม่ได้

ได้พูดคุยด้วยคุณลุงคนหนึ่ง ลุงเล่าให้ฟังว่าลุงเป็นโรคเบาหวาน แล้วลุงก็เข้าใจว่าเป็นเพราะเมื่อก่อน สมัยหนุ่มๆลุงเคยสูบบุหรี่ แต่ตอนนี้ลุงเลิกสูบบุหรี่แล้ว ตั้งแต่ลุงรู้ว่าเป็นเบาหวาน ลุงต้องการจะบอกว่าการสูบบุหรี่ในอดีตเป็นเหตุทำให้ลุงเป็นโรคเบาหวานในปัจจุบันนี้ ซึ้งแท้จริงแล้วมันเป็นไปได้ยาก การสูบบุหรี่น่าจะก่อให้เกิดโรคอื่นๆมากกว่าโรคเบาหวาน แต่มันก็คือความเชื่อความเข้าใจของลุงที่เข้าใจเช่นนั้น

มีอีกรายหนึ่งเป็นคุณป้า ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่เมื่อถามถึงคำว่าสุขภาพดีในความรู้สึกของป้าว่าเป็นอย่างไร ป้าก็บอกว่าแบบป้านี้ก็เรียกว่ามีสุขภาพดีเหมือนกันนะ หมอบอกว่าป้าป่วยแต่ป้าไม่เห็นรู้สึกป่วย ยังทำงานได้ปกติ แต่ก็ทานยาตามที่หมอบอกเป็นประจำ หากอ้างตามทฤษฎีที่เรียนมา การมีสุภาพดีนั้นหมายความว่าร่างกายจะต้องไม่มีพยาธิสภาพใดๆ แต่ความหมายของป้านั้นสุขภาพดีอยู่ที่ใจ แม้ร่างกายจะป่วยแต่จิตใจเข้มแข็ง ไม่ป่วยตามร่างกายแค่นี้ก็ถือว่ามีสุขภาพดีแล้ว เมื่อก่อนลูกพยายามจะอธิบายเท่าที่ตัวเองรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น แต่มันเป็นแบบนี้ตากหากค่ะ (ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายนอกจากที่อ่านและเรียน) แต่ดูท่าว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่อยู่ๆเราจะไปเปลี่ยนใจไม่ให้เขาเชื่อในสิ่งที่เขาเชื่อมานาน

ในการลงชุมชนอย่างแรกที่พวกเราต้องทำความเข้าใจคือ เราศึกษากันในบุคคลกลุ่มย่อย สิ่งที่เราได้รับเกิดจากบุคคลคนนี้ เป็นเรื่องของคนคนนี้ เราจะเอาไปเหมาร่วมกันไม่ได้ ลูกเคยสงสัยว่าทำไมเราต้องมานั่งศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์แบบคนต่อคน ทำไมไม่ศึกษาจากทฤษฎีที่เขามีไว้ให้ ในเมื่อเขาสรุปออกมาเป็นทฤษฎีให้เราแล้ว ทำไมเราต้องมานั่งศึกษาอีก ซึ่งบางทีมันก็ไม่เป็นไปตามทฤษฎีที่เราอ่าน

ในที่สุดลูกก็ได้เรียนรู้และเข้าใจว่า การที่เราไม่ยึดติดกับกรอบความรู้ที่เรามี การศึกษาโดยปราศจากอคติ จะทำให้เราเข้าใจในสิ่งที่เป็นตัวตนของเขาอย่างแท้จริง โลกแห่งความจริงไม่มีเวลาให้ย้อนกลับไปแก้ตัว หรือย้อนกลับไปดูใหม่อีกรอบได้ เหมือนกับการที่เราอ่านหนังสือแล้วไม่เข้าใจ ก็จะกลับไปอ่านใหม่อีกรอบหนึ่ง หรือการทดลองอะไรสักอย่างแล้วไม่แน่ใจ ว่าผลการทดลองจะถูกต้องหรือไม่ เราสามารถทดลองช้ำใหม่ได้ และนี้เองคือเสน่ห์ของการลงชุมชน ไม่มีทฤษฎีที่ตายตัว มีอะไรให้เรียนรู้และแก้ไขมากมาย เหตุการณ์ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ย้อนกลับไปดูใหม่ไม่ได้

เหตุการณ์ที่พบเป็นเรื่องราวของชีวิตจริง ที่ไม่ได้จัดฉากขึ้นมาเหมือนกับห้องเรียนจำลอง ที่มีการจำลองทุกสิ่งไว้ ไม่ว่าจะเป็นสถานีอนามัยจำลอง ห้องผู้ป่วยจำลอง หุ่นผู้ป่วยจำลองหรือที่นักศึกษาที่นี้เรียกกันว่าอาจารย์ใหญ่ ฯลฯ เราปฏิบัติกับอาจารย์ใหญ่ที่เป็นหุ่นจำลองราวกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ มีการพูดคุยกับหุ่นอาจารย์ใหญ่ แต่ก็เทียบไม่ได้กับการคุยกับมนุษย์ด้วยกัน เพราะหุ่นจำลองเราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร เขาบอกไม่ได้ว่าเขารู้สึกกับเรื่องเหล่านี้อย่างไร แต่กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเราสามารถสื่อสารกันเข้าใจ

บางครั้งที่เราได้เจอทั้งเหตุการณ์ที่ประทับใจ เหตุการณ์ที่ไม่ประทับใจ และเหตุการณ์ที่ไม่ประทับใจนี้เอง ที่ทำให้พวกเราไม่อยากที่จะลงชุมชน มีเหตุการณ์หนึ่งที่ลูกได้เจอ และรู้สึกว่าเป็นการถามที่ไม่สุภาพเอามากๆ และไม่เคยคิดว่าจะเจอคำถามแบบนี้ พอเจอคำถามนี้เข้าไป ทำให้แต่ละคนยืนมองหน้ากัน อยู่ในอาการตกใจไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะไม่เคยเจอคนถามแบบนี้ และไม่คิดว่าจะเจอเข้ากับตัวเองแบบจังๆเช่นนี้ จนเขาผ่านไปแล้วถึงได้สติคืนมา และนึกขึ้นได้ๆว่าทำไมไม่ตอบเขาไป ทำไมไม่บอกว่าเราไม่ใช่อย่างที่เขาเข้าใจ

ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ยอมเพราะยังไงเราต้องมาที่นี้อีกหลายครั้ง แล้วจะยอมให้เขาใช้คำถามที่ไม่สุภาพแบบนี้กับเราอีกหรือ ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง เพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกมองและเข้าใจเช่นนั้น เมื่อถึงเวลาประชุมกลุ่ม เราจึงรายงานในสิ่งที่เราพบเจอให้อาจารย์ประจำกลุ่มฟัง โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย เพราะวันนี้เขาใช้เพียงแค่คำถาม แต่ถ้าวันหลังโดนมากกว่าการใช้คำถามละ แล้วน้องรุ่นต่อไปจะเจอแบบเราอีกเหรอ มีนักศึกษากี่รุ่นที่ต้องเจอแหตุการณ์เช่นนี้ ตอนแรกเรานึกว่าอย่างน้อย อาจารย์จะต้องหาวิธีแก้ไขให้เราได้

“แล้วหนูเป็นอย่างที่เขาพูดหรือเปล่าละ”
ทุกคนในกลุ่ม(ที่เป็นผู้หญิง)มองหน้าอาจารย์แล้วสายหน้า
“ถ้าหนูไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดจะไปเดือดร้อนทำไมกับสิ่งที่เขาพูด”
“แต่อาจารย์ค่ะ เหตุการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับนักศึกษาอีกกี่ครั้ง หากเราไม่ทำอะไรเลย”
“ใครว่าไม่ทำอะไรเลย เพียงแค่หนูๆไม่ตอบสนองกับมันก็เป็นการทำอะไรแล้วละ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกถ้าหนูมองข้ามมันไปชะ เราเลือกที่รับรู้ไม่ได้ แต่เลือกที่จะรับได้ไม่ใช่หรือ”
“แล้วความปลอดภัยของเราในการลงชุมชนครั้งต่อไปละค่ะ”
“หนูต้องอยู่กับวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้ แล้ววันนี้ไหนงานที่จะนำเสนอ”
“..................”

ลูกรู้สึกชอบอาจารย์ประจำกลุ่มของลูกทั้งสองคน คนหนึ่งลูกรู้สึกกับท่านเป็นเหมือนคุณยายที่จะคอยให้คำปรึกษากับหลานๆในกลุ่ม อาจเป็นเพราะท่าทางท่านที่ดูมีอายุมากเหมือนคุณยาย ท่านจบโทจิตวิทยา แนวการสอนของท่านจะชอบเอาธรรมะเข้ามาสอดแทรก สอนให้เราอย่าพยายามเปลี่ยนสิ่งอื่นๆรอบตัวเรา เพราะมันทำได้ยาก แต่ท่านสอนให้เรามองตัวเราและเปลี่ยนที่ตัวของเราเองมันจะง่ายกว่า

อีกท่านก็จบโทจิตวิทยาเช่นกัน ถ้าเปรียบกับอาจารย์คนแรก ท่านก็จะเป็นเหมือนคุณป้าที่ทันสมัยนิดหนึ่ง เข้าใจวัยรุ่นอย่างลูกและเพื่อนๆ ทำให้เวลาเข้ากลุ่มทุกคนกล้าที่จะพูดแสดงความคิดของตน และทำให้บรรยากาศการนำเสนองานเป็นกันเอง แนวการสอนของท่านก็จะต่างออกไป ท่านชอบสอบแบบบอกไม่หมด ทำให้สงสัยไปคิดและหาคำตอบเอง เป็นอาจารย์ประจำกลุ่มที่ลูกดูแล้วก็รู้สึกอบอุ่นทั้งคู่ เอาใจใส่พวกเราทั้งสิบสามคนดี ตั้งแต่เทอมที่แล้วจนถึงเทอมนี้ ท่านค่อยให้คำปรึกษาแก่พวกเราตลอด

แม้ว่าท่านจะไม่มีเวลาลงชุนชนพร้อมๆกับพวกเราเหมือนอาจารย์กลุ่มอื่นๆ ไม่ค่อยมีเวลาประชุมกลุ่มบ่อยๆเหมือนกลุ่มอื่น แต่นั้นมันก็ทำให้พวกเราเติบโตอีกแบบ เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาเวลาออกชุมชนเอง ประชุมกลุ่มกันเอง สรุปงานกันเอง ประชุมบ้างไม่ประชุมบ้าง แต่ในที่สุดเราก็มีงานนำเสนอกลุ่มใหญ่ เอาแบบอาจารย์งงว่าพวกแกไปประชุมกันตอนไหน จนช่วงหลั่งๆอาจารย์ไว้ใจ(ประกอบกับท่านต้องดูแลพี่ที่ขึ้นฝึกในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอีกจากเทอมที่แล้วที่ดูแลแต่พวกเรา) จึงปล่อยให้ประชุมกันเอง ออกชุมชนเอง แต่มันก็มีบ้างแหละที่พวกเราจะไปรวมตัวกันแถวๆร้านก๋วยเตี๋ยว หรือประชุมกลุ่มกันแถวๆห้องเน็ต

การลงชุมชนทุกครั้ง ต้องขอบคุณทุกๆคนที่ทำให้เราได้เรียนรู้ในหลายๆสิ่ง ชุมชนเป็นห้องเรียนที่ไม่มีขอบเขตจำกัดการเรียนรู้ ปกติเราเองก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม เพียงแค่เรามัวแต่สนใจตัวเองมากเกินไป เลยทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งรอบข้างไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่เมื่อเราได้ลองลดความสนใจตัวเองให้น้อยลง หันไปสนใจคนอื่นให้มากขึ้น เราก็จะได้รู้ว่ารอบตัวเรามีเรื่องราวอีกมากมายที่เราต้องศึกษาและน่าสนใจ

ลูกขอเล่าเรื่องการลงชุมชนไว้แค่นี้ก่อนนะค่ะ ลอยกระทงปีนี้เป็นปีแรกที่ลูกไม่มีคนทำกระทงให้ลอย แต่ลูกก็หากระทงลอยเองได้ ถ้าเป็นทุกปีลูกคงจะบอกให้ยายทำกระทงให้ แล้วยายก็จะบอกให้ลูกไปหาตาให้ตาตัดต้นกล้วยให้ ที่บ้านเราคงจะเต็มไปด้วยเศษใบตองและท่อนกล้วยนะค่ะในเวลาช่วงลอยกระทงแบบนี้ แน่นอนว่าในเวลานี้ยายคงจะวุ่นอยู่กับการสอนหลานๆ ทำกระทงใบตองอยู่ใช่ไหมค่ะ



ด้วยรักและคิดถึง

เบญจวรรณ

26 พฤศจิกายน 2550






 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2550
11 comments
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2550 9:40:33 น.
Counter : 418 Pageviews.

 

สวัสดีจ้ะหลานเบญจ์


หนูมีแววในการเขียนหนังสือจริงๆ
ขยันเขียน ขยันอ่าน ขยันคิดด้วยนะ

ขอบคุณมากสำหรับโคมไฟกระดาษอันใหญ่ที่ส่งมาทางไปรษณีย์

ลุงยังไม่เคยได้รับพัสดุทางไปรษณีย์ก่องใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย
โชคดีนะที่น้ำหนักเบา

ลุงจะหาที่แขวนเหมาะไว้ที่ไหนสักจุด เพื่อไว้เป็นที่ระลึกที่หนูส่งมาให้

หนูได้รับโปสการ์ดฝีมือของลุงหรือยัง
ป่านฉะนี้น่าจะถึงแล้วนะ

แค่นี้ก่อนนะ แล้วค่อยคุยกันใหม่

 

โดย: พ่อพเยีย 28 พฤศจิกายน 2550 10:39:54 น.  

 

สวัสดีค่ะลุงโดม

หนูได้รับแล้วค่ะ
ภาพสวยมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ

โคมไพกระดาษอันนั้นได้มาจากการลงชุมชน
แล้วเถรไถลไปเดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน พอดีวันนั้นกรณีศึกษาของหนูไม่อยู่บ้าน เลยได้โอกาศเดินสำรวจหมู่บ้าน
ไปเจอคุณตากำลังทำโคมไฟอยู่คนเดียวใต้ถุนบ้าน เห็นมันแขวนอยู่หน้าบ้านสวยดี จึงเดินเข้าไปคุยกับตา
ไปช่วยตาติดกระดาษ แต่ดูท่าจะไปช่วยให้งานตาเพิ่มขึ้นอีกชะมากกว่าค่ะ

 

โดย: เบญจวรรณ IP: 61.7.231.130 28 พฤศจิกายน 2550 13:40:53 น.  

 



น้องเบญจ์..

นาสนุกเหมือนกันนะ งานชุมชนเนี่ย แต่อย่าว่าแหละ ทุกสิ่งมี 2 ด้านเสมอ ทั้งสิ่งที่เราประทับใจ และสิ่งที่เราไม่ชอบใจ อย่างไรก็ตาม มันก็คือประสบการณ์ของชีวิตนะคะ มันสอนอะไรกับเราหลายสิ่งหลายอย่าง ใช่มั้ย

น้องเบญจ์เขียนเก่งขึ้นเรื่อยๆ นะคะ อย่างนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีค่ะ เอาใจช่วยน้องสาวนะคะ



 

โดย: พี่นก (Nok_Noah ) 28 พฤศจิกายน 2550 14:29:08 น.  

 

วันนี้มาเยี่ยมอย่างเป็นทางการ อิอิ
อยู่เชียงรายแถวไหนเนี่ย เบญจี้
กลับเมืองไทยเมื่อไหร่คงจะได้พบปะกันสักวันนะ
ยิ่งอยู่เจียงฮายเหมือนกันเนี่ย
เขียนเก่งจัง และเรียนรู้เรื่องกรอบคิดได้แล้วน่ะเนี่ย อีกหน่อยตามไม่ทันแน่ๆเรยยเนี่ย

ว่างๆ เบื่อจากการอ่านหนังสือออกชุมชนเมื่อไหร่ แวมาเยี่ยมกันมั่งนะจ๊ะที่
//thehappysimmy.spaces.live.com

 

โดย: หมี่เกี๊ยว IP: 198.142.231.248 28 พฤศจิกายน 2550 14:50:17 น.  

 

สนุกไหมลอยกระทงเมืองพะเยา....

เหมือนที่เชียงรายไหมล่ะ....ปีนี้เชียงรายเขามีกระทงสองฝั่งโขงอยากไปดูเหมือนกันแต่ไม่มีจังหวะ

เพราะติดต้องไปช่วยงานในหมู่บ้าน ช่วยพระทำกระทง ช่วยไปเป็นกรรมการกระทง

สนุกดี....งานในอบต.สนุกกว่างานที่กว๊าน เพราะมันเป็นงานของชุมชนจริงๆ มีอะไรให้ฮากลิ้งเยอะ....

ช่วงนี้อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆเนอะ...ชักขี้เกียจพิกล ยิ่งบ้านปลายแปรงอยู่ติดทุ่งนะ...ลมเย็นๆหอบมาทีหนึ่งไม่ต้องพูดถึง

ขอบใจหนูเบยจ์จ๊ะที่ยังแวะไปสม่ำเสมอ...ปลายแปรงไม่ค่อยได้ไปเยือนบ้านใคร
บางทีเข้าบล๊อคตัวเองก็มาผ่านๆ ไม่ค่อยจะว่างเขียนในบ้านตัวเองเท่าไร
ก็ชอบใจอีกทีที่ยังแวะไปทักทาย....มีอะไรสนุกๆก็เขียนไปเล่ากันฟังมั่งนะจ๊ะ

รักษาสุขภาพจ๊ะ

 

โดย: ปลายแปรง 28 พฤศจิกายน 2550 19:13:20 น.  

 

สวัสดีครับ

การทำงานกับชุมชน
เป็นอะไรที่ท้าทาย
ถ้าเราสามารถเข้าใจ
ในความหลากหลายของความคิด
นั้นแหละคือความสวยงามของชุมชนครับ

กำลังใจเดิม

 

โดย: ดอกเสี้ยวขาว 30 พฤศจิกายน 2550 22:47:28 น.  

 


การเปิดใจ เป็นเรื่องที่ดี นำมาซึ่งความเข้าใจกันมากขึ้น และเรียนรู้ซึ่งความแตกต่างระหว่างกัน
เอาใจช่วยกับฝันที่มีให้เป็นดังหวังค่ะ

 

โดย: p_tham 1 ธันวาคม 2550 1:08:48 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่นก

หนูยอมรับว่ากางลงชุมชนมันสนุก
มันทำให้ได้รู้ได้เรียนในสิ่งที่แปลกใหม่
ที่สำคัญมันอาจจะหาไม่ได้ในห้องเรียนมั้งค่ะ
และที่สำคัญที่สุดคือเราได้ออกไปนอกวิทยาลัย555
แม้ว่าจะต้องอดหลับเขียนรายงานส่งอาจารย์ แต่มันก็คุ้มค่ะ


สวัสดีค่ะพี่หมี่เกี๊ยว

การได้รู้จักพี่ทำให้หนูดีใจหลายอย่างเลยค่ะ
อย่างแรกดีใจที่พี่รู้จักกับที่เรียนของหนู
ดีใจที่พี่เข้ามาเยือนที่บล็อก
และที่ดีใจอย่างยิ่งคือ
ดีใจที่พี่เป็นคนเชียงรายเหมือนกัน
หนูอยู่พญาเม็งรายค่ะ
หนูก็หวังว่าจะได้พบพี่ในสักวันหนึ่งเช่นกันค่ะ

เรื่องเรียนต้องยกความดีให้อาจารย์ที่เอาใจใส่พวกเรา
ทำให้พวกเราเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ได้ดีค่ะ


สวัสดีค่ะพี่ปลายแปรง

พี่ปลายแปลงขา
ลอยกระทงที่กว๊านสนุกดีค่ะ
และก็ได้อิจฉาคนมีคู่ทั้งหลาย
อิจฉาสาวๆที่ได้แต่งตัวสวยๆไปลอยกระทง
แต่ไอ้เรานะสิค่ะ ไปรับใช้ชาติ 555
เลยได้แต่งชุดแม่บ้านทหารบกไปทั้งสองวันเลย

หนูได้ปล่อยโคมลอยด้วย
ปล่อยกับเพื่อนๆที่จบมาจาที่เดียวกันอีก 2 คน
และก็ชวนกันไปลอยกระทงแบบไร้คู่ลอย
ฮื้อๆๆๆๆๆ


สวัสดีค่ะพี่ดอกเสี้ยวขาว

แสดงว่าพี่จะต้องทำงานร่วมกับชุมชน หรือเคยทำงานร่ามกับชุมชน หรือชอบทำงานร่วมกับชุมชนใช่ไหมค่ะ
มันสนุกและท้าทายเหมือนที่พี่พูดจริงๆค่ะ
ขนาดหนูจะได้ลงชุมชนอาทิตย์ละครั้ง
ลงชุมชนวันอังคารตอนบ่าย กลับเข้าวิทยาลัยอีกทีก็เย็น
กลางคืนก็มานั่งเขียนงานส่งอาจารย์
พอรุ่งเช้าก็ประชุมกลุ่ม นำเสนองาน
ถึงหนูจะขี้เกียจเขียนรายงานส่งแบบวัยต่อวัน
แต่หนูก็ชอบออกชุมชน เพราะมันสนุกดี
และยืนยันว่าชอบที่อย่างน้อย ก็ไม่ต้องอยู่ในกฎที่วิทยาลัย(มันเป็นความสุขใจเล็กๆของนักศึกษาที่ได้ออกนอกกฎ555)


สวัสดีค่ะคุณ p_tham

ขอบคุณค่ะ
แล้วหนูจะลองพยายามดูค่ะ

การเปิดใจ เป็นเรื่องที่ดี นำมาซึ่งความเข้าใจกันมากขึ้น และเรียนรู้ซึ่งความแตกต่างระหว่างกัน

แล้วหนูจะตระหนักเอาไว้ใช้ทั้งในการออกชุมชนและในการใช้ชีวิตค่ะ
ดีใจค่ะที่มาเยือน

 

โดย: เบญจวรรณ (lukkongpoka ) 1 ธันวาคม 2550 16:53:14 น.  

 

อิจฉาสาวเหนือจัง
มีสายลมหนาวให้ใส่เสื้อหนาๆ
มีคนที่รักให้กอด
พ่อแม่น่ะ

 

โดย: พราน (ตาพรานบุญ ) 2 ธันวาคม 2550 2:18:40 น.  

 

อ่านจดหมายถึงพ่อแล้ว ยิ่งคิดถึงพ่อตัวเองจัง

ตอนหัวคำนั่งกินบะหมี่อยู่ดี ๆ ก็เกิดคิดถึงพ่อขึ้นมาจับใจเลย

เบญไปบอกว่าอยากอ่านเรื่องใหม่ น้าเปลี่ยนเรื่องใหม่แล้ว แต่ไม่สนุกหรอกนะ (ขอบอก)

 

โดย: แพรจารุ 2 ธันวาคม 2550 20:14:41 น.  

 

whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him

 

โดย: da IP: 124.122.247.144 18 เมษายน 2553 23:23:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


lukkongpoka
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add lukkongpoka's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.