ชอบในสิ่งที่เลือก กับเลือกในสิ่งที่ชอบ อยู่ที่คุณตัดสินใจ ชีวิตของคุณ คุณคือผู้ลิขิต
Group Blog
จดหมายจากฝั่งกว๊าน
เล่าเรื่องประทับใจ
เรื่องอยากเขียน
บันทึกสีขาว
สิงหาคม 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
7 สิงหาคม 2550
จดหมายจากฝั่งกว้าน
All Blogs
จดหมายจากฝั่งกว๊าน 21 (ย้ายหอ)
จดหมายจากฝั่งกว๊าน 20 (เพื่อน)
จดหมายจากฝั่งกว๊าน 19
จดหมายจากฝั่งกว๊าน 18 (ออกเดินไปบ้านย่า)
จดหมายจากฝั่งกว๊าน17
จดหมายจากฝั่งกว๊าน 16
จดหมายจากฝั่งกว๊าน15
จดหมายจากฝั่งกว๊าน 14
จดหมายจากฝั่งกว๊าน 13(ความในใจของเด็กโง่)
จดหมายจากฝั่งกว๊าน12
จดหมายจากฝั่งก๊วาน11(ของแถม)
จดหมายจากฝั่งกว๊าน10 (ทฤษฎีของแม่)
จดหมายจากฝั่งกว๊าน 9
จดหมายจากฝั่งกว๊าน 8(สิ่งที่น่ากลัวในความมืด)
จดหมายจากฝั่งกว๊าน ถึงต้นกล้า
จดหมายจากฝั่งกว๊าน6
จดหมายจากฝั่งกว้าน5
จดหมายจากฝั่งก๊วาน4
จดหมายจากฝั่งกว้าน3
จดหมายจากฝั่งกว๊าน2
จดหมายจากฝั่งกว้าน
จดหมายจากฝั่งกว้าน
กราบเท้าคุณพ่อที่เคารพ
พ่อค่ะลูกจำได้ว่าตอนที่ลูกยังอายุไม่มากนักลูกเคยเขียนจดหมายให้พ่อกับแม่ พ่ออธิบายให้ลูกฟังเกี่ยวกับการเขียนจดหมายว่า จดหมายเขามีไว้ให้คนที่อยู่ไกลๆกัน เดินทางมาหากันลำบากใช้เขียนติดต่อกัน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่พ่อกับหนูอยู่ที่บ้านด้วยกัน จึงไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายถึงกัน
แต่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่บ้านด้วยกัน ลูกของพ่อได้ออกมาเผชิญกับโลกภายนอกที่มีความแตกต่างจากบ้านของเราทุกประการ ทั้งที่อยู่ใหม่แบบหอพัก เพื่อนใหม่จากต่างจังหวัดและจังหวัดเดียวกัน สิ่งรอบข้างดูใหม่ไปหมด ไม่มีอะไรที่ทำให้ลูกรู้สึกคุ้นเคย หากลูกเดาไม่ผิดในขณะที่พ่ออ่านจดหมายของลูกพ่อก็คงจะแย้งในใจว่าทำไมลูกไม่โทรศัพท์คุยกับพ่อแทนการเขียนจดหมาย
สมัยก่อนลูกยังเด็กนักเลยบอกไม่ได้ว่าทำไม จึงเขียนจดหมายแทนการพูดกับพ่อ ทั้งๆที่ความจริงแล้วพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ไปไหน เรายังคงอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียวกัน แต่ตอนนี้ลูกมีคำตอบสำหรับคำถามของพ่อแล้ว เหตุผลข้อแรกคือ เพื่อการประหยัดเงินค่าโทรศัพท์ แต่เหตุผลที่แท้จริงคือ ลูกรู้สึกว่าในบางเวลาและในเรื่องบางเรื่องมันไม่สามารถที่จะสื่อสารเป็นคำพูดได้ การที่เขียนออกมาเป็นตัวหนังสื่อจะสื่อสารเรื่องราวทุกเรื่องตรงความต้องการได้มากกว่าการพูดออกมาเป็นคำพูด
พ่อค่ะการเดินทางต่อสู้ที่แสนจะยาวนานของลูก ที่ดูเหมือนว่าจะสิ้นสุดลง เมื่อลูกได้ย่างก้าวเข้ามาเป็นนักศึกษาในรั้วร่มศักดิ์แห่งนี้ ลูกรู้ว่าพ่อมีความภูมิใจในตัวลูกสาวของพ่อ พ่อสามารถพูดกับใครๆได้ว่าลูกของพ่อเรียนพยาบาล แม้ว่าสถาบันการศึกษาของลูกจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอะไร แต่ก็สามารถผลิตพยาบาลวิชาชีพที่มีคุณภาพออกสู่สังคมมาเป็นเวลายาวนาน จวบจนกระทั้งรุ่นของลูกที่เป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตร์รุ่นที่ 18/1
หลังจากชีวิตของเด็กมัธยมปลายได้สิ้นสุดลงไป พร้อมๆกับ ความวุ่นวายใจเรื่องการสอบเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ลูกตั่งใจที่จะเรียนต่อคณะอักษรศาสตร์ หรือไม่ก็คณะมนุษย์ศาสตร์ ตอนนั้นลูกรู้สึกกลัวว่าจะไม่มีที่เรียน จะสอบเรียนไม่ได้ รู้สึกกลัวไปหมด ช่วงเวลานั้นมันช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน แต่ลูกก็ผ่านมันมาแล้ว และการเดินทางก็ยังไม่ได้สิ้นสุดอย่างที่คิด แต่มันกำลังเริมต้นออกเดินทางอีกครั้ง ตอนนี้ลูกเองได้รับอิสรภาพอย่างที่ลูกปรารถนา ลูกจึงได้รู้ว่าอิสรภาพภายได้กรอบที่พ่อแม่สร้างขึ้นให้ปลอดภัยที่สุด จากที่เคยมีพ่อแม่คอยตักเตือน แนะนำ หลังจากนี้ไม่มีอิสรภาพที่มีกรอบของพ่อและแม่ขีดเอาไว้อีกแล้ว และลูกก็รู้ว่าพ่อกับแม่คงไม่คิดที่จะทำกรอบเหล่านั้นอีกต่อไป ลูกจึงใช้อิสรภาพที่ได้ต่างจากเมื่อก่อน เมื่อก่อนไม่จำเป็นต้องระวังเรื่องการใช้มันเพราะรู้ว่า เมื่อไหร่ที่ใช้มันเกินขอบเขตก็จะมีคนคอยดึงเข้ามาในกรอบเสมอ และลูกก็พยายามที่จะออกนอกกรอบให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ตอนนี้จะต้องใช้อิสรภาพที่มีอย่างระมัดระวัง ไม่ให้มันกลับมาทำร้ายตัวเองและคนรอบๆข้าง
พ่อเองก็คงจะรู้ว่าจริงๆแล้วอาชีพพยาบาลไม่ใช่สิ่งที่ลูกใฝ่ฝัน แต่ทำไมลูกถึงเลือกเดินทางนี้ ตอนแรกเลยลูกก็คิดเพียงแค่ว่าสมัครและก็สอบๆให้ผ่านไป ไม่มีทางที่ลูกจะมาเรียนพยาบาลได้เพราะลูกจะทำตามความต้องการของตัวเอง พอรู้ว่าตังเองมีสิทธ์เข้าเรียนก็ไม่คิดจะมาเรียนตังแต่แรก แต่พอได้เห็นและรับรู้ถึงอะไรหลายๆอย่าง ก็ทำให้มีกำลังใจลุกขึ้นสู้อีกครั้งหนึ่ง ตัดใจเรื่องความฝันและหันหน้ามาเผชิญกับความจริง
วันที่ 21 เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2550 เป็นวันที่ลูกเดินทางออกจากบ้านมารายงานตัวที่วิทยาลัยพยาบาล มันเป็นวันที่ลูกได้เป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตร์อย่างเต็มตัว เป็นคืนแรกที่ลูกได้มานอนที่วิทยาลัยแห่งนี้และก็จะต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อีกสี่ปีที่รั้วร่มศักดิ์แห่งนี้ ตอนที่พ่อกับแม่จะกลับบ้านเหมือนกับว่าหัวใจของลูกมันได้ขึ้นรถกลับไปที่บ้านด้วย และลูกก็มารู้ในภายหลังว่าไม่ใช่เพียงหัวใจของลูกที่มันไม่ได้อยู่กับตัวเอง แต่หัวใจของพ่อและแม่เองก็ไม่ได้กลับบ้านมันยังอยู่กับลูก พ่อบอกว่าแม่กับยายแอบร้องไห้ระหว่างทาง ลูกจึงตั้งใจแนวแน่ที่จะเรียนที่นี้และจะหอบเอาความสำเร็จไปฝากคนทางบ้าน
แต่แล้วลูกก็ล้มลงอีกครั้ง ความรู้สึกไม่อยากที่จะเรียน ความรู้สึกที่ว่ามันไม่ใช่ตัวตนของเรามันหวนกลับเข้ามา ในขณะนั้นลูกรู้สึกไม่มีความสุขและคิดที่จะหาที่เรียนใหม่ในปีถัดไปมันก็แวบเข้ามาในความคิด มันรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก
ในช่วงเวลานั้นลูกต้องขอบคุณหลายๆคนที่รับฟังความรู้สึกและปัญหา หลังจากที่ลูกทนเก็บมันเอาไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ เมื่อได้พูดออกไปมันเหมือนกับว่าได้ปลดปล่อยมันออกไป แน่นอนว่าลูกไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูด แต่ลูกพูดมันออกมาเป็นตัวหนังสือ และเมื่อรับรู้ว่าเขาไม่ได้เสแสร้งที่จะรับฟังและค่อยให้คำแนะนำ มันก็เป็นอีกแรงผลักดันให้ลุกขึ้นสู้
ขอบคุณหลายๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของลูก รวมถึงคุณป้าที่พบกันโดยบังเอิญที่หน้าโรงพยาบาล วันนั้นลูกไปรอรถไฟฟ้าจะไปชื้อของ ระหว่างรอรถป้าก็ทักลูกว่า หมอน้อย
ตอนแรกก็แปลกใจว่าป้าเรียกใคร แต่ดูจากสายตาแล้วป้าเขาน่าจะเรียกลูก เพราะสายตามองมาทางลูก ลูกก็ถามว่า
ป้าเรียกหนูหรือค่ะ ป้าก็บอกว่า
ใช่ ป้าเรียกหนู ลูกเลยบอกป้าไปว่า
หนูไม่ใช่หมอแต่หนูเรียนพยาบาลที่วิทยาลัยพยาบาลข้างๆโรงพยาบาลนี้แต่ป้าก็ยังเรียกว่า
หม้อน้อยอย่างเดิม แล้วป้าก็บอกว่า
ป้ามีลูกสาว อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหนู ป้าอยากให้ลูกเป็นหมอน้อย แต่ลูกป้าเรียนไม่เก่งมาสอบเรียนที่นี้แล้ว แต่สอบไม่ได้
ใครจะไปนึกว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของใครก็ไม่รู้ ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะทำให้คนที่กำลังอ่อนแอมีกำลังใจขึ้นมา หากคุณป้าคนนั้นเป็นคุณแม่ ลูกก็คงจะภูมิใจและมีความสุขที่ได้ทำให้คนที่ลูกรักและคนที่รักและหวังดีกับลูกมีความสุข แม้ว่าเมื่อก่อนลูกจะมองว่าความรักและความหวังดีของทุกคนกำลังทำร้ายลูก แต่แท้จริงแล้วลูกเองที่ทำร้ายตัวเอง แม้ตอนนี้ลูกจะพูดไม่ได้อย่างมันใจว่าลูกรักวิชาชีพพยาบาล แต่ลูกก็รู้สึกดีเมื่อคิดว่าเวลาที่ลูกเรียนจบออกไปแล้วลูกสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์ได้ ตอนนี้หนูจึงไม่นึกเสียใจที่เลือกเดินทางนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าลูกจะละทิ้งความฝันของลูกนะค่ะ พ่อเองก็คงจะรู้ดีในเรื่องความดันทุรังของลูก ลูกจะทำความจริงในปัจจุบันและความฝันในอนาคตให้สำเร็จในสักวันหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่าพ่อกับแม่จะต้องคอยให้กำลังใจลูก สัญญานะค่ะ
ตอนนี้ลูกก็ได้พูดในสิ่งที่อยากพูด และทำในสิ่งที่อยากทำแล้ว พ่อกับแม่อยู่ที่บ้านไม่ต้องเป็นห่วงลูกนะค่ะ หลายอย่างที่นี้ได้สอนให้ลูกรู้จักคิด รู้จักเลือก รู้จักทำและสอนให้ลูกเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แล้ววันหลังลูกจะเขียนมาใหม่ ลูกอยู่ที่นี้มีเรื่องราวมากมายที่จะเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อกับแม่ห้ามเบื่อที่จะอ่านเรื่องของลูกเสียก่อนที่ลูกจะขีเกียจเล่า หากลูกขี้เกียจเล่าเมื่อใดพ่อกับถึงจะขี้เกียจอ่านได้
รักและเคารพ
เบญจวรรณ
Create Date : 07 สิงหาคม 2550
Last Update : 7 สิงหาคม 2550 18:44:01 น.
2 comments
Counter : 344 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีจ้ะหนูเบญจ์
หนูพยายามทำวรรคตอนและเว้นบรรทัดให้อ่านง่ายๆหน่อยนะ การเขียนจดหมายถึงใครสักคนเป็นการเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด สามารถเล่าอะไรที่เราอยากเล่าได้เต็มที่
เดี๋ยวลุงจะมาอ่านบ่อยๆนะจ๊ะ
โดย:
พ่อพเยีย
วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:19:13:31 น.
สวัดดีค่ะลุงโดม
เอาไว้แก้ไขรอบต่อไปนะค่ะ
อยู่ในช่วงการลองผิดลองถูกค่ะ
โดย:
lukkongpoka
วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:12:57:06 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
lukkongpoka
Location :
เชียงราย Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
พ่อพเยีย
แพรจารุ
Nok_Noah
ปลายแปรง
สีน้ำฟ้า
pu_chiangdao
ตาพรานบุญ
ดอกเสี้ยวขาว
สเลเต
มัยดีนาห์
มณีมรกต
p_tham
ใต้ท้องฟ้า
kuakul
เพลงฝนต้นลมหนาว
zunzero
=Lord Gary=
veerar
มิสเตอร์ฮอง
K_chang
Charlotte Russe
pigarea
โสดในซอย
รวิษฎา
a_mulika
Takaw
joblovenuk
หนีแม่มาอาร์ซีเอ
join_Eng
fifty-four
โสมรัศมี
deawdai
แม่น้องแปงแปง
dang1234
สาวน้อยคอยเธอ
แม่น้องเบนส์
medkhanun
นกที่ไม่มีเสียง
Webmaster - BlogGang
[Add lukkongpoka's blog to your web]
Links
พี่หมี่เกี้ยว
แม่ญิงโย-นก
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
หนูพยายามทำวรรคตอนและเว้นบรรทัดให้อ่านง่ายๆหน่อยนะ การเขียนจดหมายถึงใครสักคนเป็นการเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด สามารถเล่าอะไรที่เราอยากเล่าได้เต็มที่
เดี๋ยวลุงจะมาอ่านบ่อยๆนะจ๊ะ