ชอบในสิ่งที่เลือก กับเลือกในสิ่งที่ชอบ อยู่ที่คุณตัดสินใจ ชีวิตของคุณ คุณคือผู้ลิขิต
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
จดหมายจากฝั่งกว๊าน10 (ทฤษฎีของแม่)

กราบเท้าคุณแม่ที่เคารพ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่มักจะเป็นห่วงลูกในเรื่องการคบเพื่อน แม่มักจะคอยตักเตือนลูกเสมอในเรื่องนี้ แม่กลัวว่าถ้าลูกคบเพื่อนที่ไม่ดีก็จะพากันเสียคน แต่ที่ผ่านมาลูกก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะลูกก็มีความเชื่อของตัวเองว่า การที่ลูกคบคนเช่นใดก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวตามเขาเสมอไป อย่างที่แม่ชอบยกตัวอย่างให้ฟัง ว่าการที่ลูกคบคนดีเขาก็จะชักจูงให้เราทำดีด้วย แต่ถ้าลูกคบกับคนนิสัยไม่ดีเขาก็จะชักชวนให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่ดี เช่นเพื่อนชอบอ่านหนังสือ เขาย่อมจะชักชวนให้อ่านหนังสือตามเขา ในขณะเดียวกันถ้าลูกคบกับเพื่อนที่ชอบเที่ยว เขาย่อมจะชักชวนลูกเที่ยว

ในเรื่องที่แม่พูดลูกไม่ปฏิเสธว่าไม่ใช่ความจริง เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ลูกก็เชื่อว่าลูกสามารถที่จะเลือกปฏิบัติตัวเองได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวตามเพื่อนเสมอไป เพียงแต่การที่เราคบกับคนเช่นใด โอกาสที่เราจะทำตัวตามเขาจะมีสูง เนื่องจากการอยู่ด้วยกัน การที่เราเห็นเขาทำในสิ่งนั้นบ่อยๆ จากการที่เรามองว่ามันไม่ปกติ เพราะมันไม่ใช่วิถีชีวิตของเรา เมื่อเห็นจนเคยชินก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติ และอาจเผลอทำตัวตามเขาไป หากว่าไม่มีเกราะที่เข้มแข็งพอ

ในบรรดาเรื่องที่แม่ห่วงลูกมากที่สุดคงจะเป็นเรื่อง ความรักเช่นหนุ่มสาว ทั้งๆที่แม่บอกว่าแม่ไม่ห้ามหากลูกจะมีแฟน หรือคิดที่จะคบกับใครสักคนมากกว่าการเป็นเพื่อน แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตของเวลา อายุ ความรับผิดชอบ และจะต้องบอกให้พ่อกับแม่ทราบเสมอ ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะเลวร้ายเพียงใด พ่อกับแม่พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง และฝ่าฟันมันไปกับลูก ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังมีทฤษฎีของแม่ติดตามประโยคข้างต้นเสมอว่า ถ้าลูกจะเป็นคนนิสัยไม่ดี ก็จะอยู่ในช่วงอายุ 12-18 ปีนี้แหละ คำว่านิสัยไม่ดีของแม่มีความในลึกๆว่า ห้ามมีแฟน นั้นแหละแต่แม่ไม่พูดโดยตรงเท่านั้นเอง เพราะแม่คงจะรู้ว่าการที่ยิ่งห้ามมันก็เหมือนยิ่งยุนั้นเอง

ทฤษฎีของแม่มันอาจจะฟังดูแปลกๆ เมื่อลูกเล่าให้เพื่อนฟังเขามักจะหัวเราะเสมอ ในความคิดของลูกก็ไม่ต่างจากเพื่อนๆ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เวลาอยู่ต่อหน้าแม่ลูกก็มักจะแสดงความคิดเห็นตามที่ลูกคิด (หรือที่แม่ชอบบอกว่ามันเป็นการเถียง อาจมีบ้างครั้งที่ลูกเถียงอย่างที่แม่พูดจริงๆ มันไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น แต่ลูกก็จะเถียงว่าลูกไม่ได้เถียงแม่ แต่กำลังบอกให้แม่รู้ ) เพียงเพราะไม่อยากรู้สึกว่าตนเองเป็นผฝ่ายแพ้ (ซึ่งลูกก็หาคำอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่เคยนั่งฟังในสิ่งที่แม่พร่ำสอนเพียงอย่างเดียว ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองแพ้ถ้าไม่ได้พูดอะไรออกไป ทั้งๆที่ต่อหน้าลูกบอกว่าไม่เชื่อ แต่ลูกกลับทำตามที่แม่สอนเวลาไม่ได้อยู่กับแม่ ลูกพบข้อดีของการเถียงแม่อยู่อย่างหนึ่ง มันทำให้ลูกกล้าที่จะบอกในสิ่งที่ตัวเองคิด และแม่ก็จะได้รับรู้ว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่ และมันทำให้เรามีเวลาให้กันและกันไงค่ะ) ทุกๆครั้งที่ลูกจะกระทำในสิ่งที่แม่บอกว่าไม่ดี คำพูดของแม่ ใบหน้าของแม่ที่คอยพร่ำสอนลูกก็จะเข้ามาอยู่ในความคิดของลูกเสมอ

จนวันนี้ลูกเองไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่า “รัก” ในแบบฉบับที่แม่ห่วงนักห่วงหนา แต่มีครั้งหนึ่งที่ลูกเกือบจะได้สัมผัสกับมันเข้า หากเขาบอกให้ลูกรับรู้เร็วกว่านี้อีกสักหน่อย บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องโรแมนติก ที่ผู้ชายคนหนึ่งมาบอกว่า ชอบผู้หญิงคนหนึ่งในวันสุดท้ายที่รู้ว่าต้องจากกัน และต่างก็ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีก เขามาบอกว่าชอบลูกในวันปัจฉิมนิเทศ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แสดงให้ลูกรับรู้เลย ในความรู้สึกของลูกเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ที่คอยให้ความช่วยเหลือลูกเสมอมา ในเรื่องต่างๆที่ลูกต้องการความช่วยเหลือ

ในวันนั้นเป็นวันที่ลูกได้รู้ว่าเขาชอบลูก แต่มันก็สายเกินไปที่ลูกจะเริ่มต้นกับเขา โดยใช้คำที่มีความหมายมากกว่าเพื่อน เพราะนับจากวันนี้ลูกก็ยังไม่มีความมันใจในตัวเอง ยังไม่รู้อนาคตว่าต่อจากวันนี้แล้วจะไปเรียนที่ไหน และเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเรียนที่ไหน ต่างคนต่างไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วเส้นทางที่เราเลือกก็ไม่รู้ว่ามีอะไรรอเราอยู่

ลูกจึงตัดสินใจบอกเขาว่าหยุดความผูกพันของเราเอาไว้ตรงคำว่า “เพื่อน” และจากกันด้วยความรู้สึกดีๆของคำว่าเพื่อนจะดีกว่า เพราะไม่ว่าวันนี้วันไหนเราได้เจอกัน เราต่างก็จะจดจำกันและกันว่าเราเป็นเพื่อนกัน และหากว่าเขาได้เจอคนที่ดีๆ เขาจะได้ไม่ต้องลังเลใจที่จะเริ่มต้นกับคนที่เขาได้เจอ ดีกว่าการที่เราคบกันในวันที่ ต่างก็ไม่มีความมันใจในตัวเองและอนาคต แล้วจากกันด้วยความรู้สึกที่แย่ๆ ลูกยอมรับกับเขาตรงๆว่าลูกรับไม่ได้กับการที่เคยถูกเอาใจใส่ แต่แล้ววันหนึ่งจะต้องถูกทอดทิ้ง เพราะลูกมีความเชื่อว่าความรักในแบบเพื่อน แบบพี่แบบน้อง มันจีรังยั่งยืนกว่าความรักแบบหนุ่มสาว อย่างที่แม่พร่ำสอนว่า ในวัยอย่างลูก ย่อมจะหาความยั้งยืนของความรักแบบหนุ่มสาวได้ยาก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ได้เข้าใจความหมายของคำว่ารักได้อย่างแท้จริง

หากวันนั้นลูกตัดสินใจคบกับเขา ลูกเองก็ยอมรับว่าลูกก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ลูกมีให้กับเขามันเรียกว่าอะไร แต่มันคงไม่ใช่ความรักอย่างแน่นอน เพราะเมื่อลูกนึกถึงเขาขึ้นมาลูกไม่ได้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น อย่างที่ลูกนึกถึงพ่อกับแม่ หรือเวลาลูกนึกถึงน้องชายของลูก ลูกบอกได้ว่านี้คือความรัก เพราะลูกอยากจะดูแลน้องของลูกอย่างดีที่สุด อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กันน้อง แต่สำหรับเขาเป็นเพียงความรู้สึกดีๆที่มีให้กับเขา แต่ไม่อยากจะผูกพันกันมากเกินคำว่าเพื่อนในเวลานั้น(ส่วนอนาคตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง)

ในวันนั้นลูกอาจทำร้ายจิตใจของเขา และหากลูกจะบอกว่า ที่ตัดสินใจเช่นนั้นเพื่อเราทั้งสองฝ่าย มันอาจเป็นเหตุผลที่เข้าข้างตัวเองเกินไป ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะแท้จริงแล้วลูกได้รับความรักอย่างเพียงพอแล้ว สำหรับความรักที่พ่อกับแม่ และทุกๆคนที่อยู่รอบตัวลูกมีให้ และมันคงจะยังไม่ถึงเวลาอย่างที่พ่อกับแม่ชอบพูดว่า “ยังไม่ถึงเวลา เมื่อถึงเวลาแล้วจะรู้เอง”

และเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลูกตัดสินใจเช่นนั้น เป็นเพราะลูกมาคุยกับแม่เรื่องของเขา แล้วแม่บอกว่า ตามใจลูก แล้วแต่ลูกจะตัดสินใจ แต่ขอให้ลูกรู้จักคิด แสดงออกให้เหมาะสมกับเวลา อายุและความรับผิดชอบ เท่านี้แหละที่ลูกต้องการ หากวันนั้นแม่ห้ามแบบหัวชนฝา ลูกก็อาจจะลองพิสูจน์ให้แม่เห็นว่า มันไม่อันตรายอย่างที่แม่คิด

เมื่อลูกได้มาอยู่ที่นี้ ลูกได้รู้จักกับความรักแบบหนุ่มสาวมากขึ้น แต่ไม่ได้เข้าไปสัมผัสกับมันโดยตรง แต่ลูกได้เห็นและเรียนรู้มันจากเพื่อนๆของลูกเอง เวลาที่ลูกมาอยู่ที่นี้ไม่ถึง 1 อาทิตย์ ลูกได้เห็นเพื่อนโดนบอกเลิกตั้งสองคน ส่วนใหญ่จะคบกันมาก่อนที่มัธยม เพราะเขาต่างจากลูกตรงที่เขาได้ใช้ชีวิตเป็นเด็กหอตั้งแต่เรียนมัธยม แต่พอต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียน แล้วได้เจอคนใหม่จึงโทรมาบอกว่า “ฉันไม่อยากทำร้านเธออีกต่อไป ไม่อยากหลอกลวงใคร เรากลับมาเป็นเพื่อนกันจะได้ไหม ฉันพึ่งจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร” เท่านี้แหละเพื่อนของลูกถึงกับปล่อยโฮออกมา บอกว่าถ้าไม่มีเขาจะอยู่ไม่ได้ ยอมที่จะเป็นที่สองหรือไม่รับรู้ความจริงเลยดีกว่า หากต้องอยู่กับความจริงที่ปวดร้าว ก็ขออยู่กับความฝันที่สายงามดีกว่า

ในวันนั้นลูกทำได้เพียงปลอบใจ และมันใจว่าเพื่อนของลูกจะต้องอยู่ได้หากไม่มีผู้ชายคนนั้น ลูกได้ถามเขาว่าแน่ใจหรือว่าความรู้สึกนั้นมันเรียกว่าความรัก เพราะขนาดตัวเองยังไม่รู้จักรักตัวเอง แล้วมันใจแล้วว่าสิ่งที่มอบให้กับคนอื่นนั้นเรียกว่าความรัก ลูกถูกย้อนว่า เธอไม่รู้หรอกเธอไม่ใช่ฉัน แล้วไม่โดนทิ้งแบบฉัน ลูกจึงเงียบไป ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะที่เขาพูดมันก็จริง แต่ในวันนี้ลูกก็เห็นเขาอยู่ได้โดยไม่มีผู้ชายคนนั้น ในกรณีของเพื่อนลูก ลูกไม่ได้มองว่าใครถูกหรือผิด แต่มันเป็นเรื่องของความไม่แน่ใจในตัวเองและการตัดสินใจมากกว่า คงไม่มีใครจะล่วงรู้อนาคตได้ล่วงหน้า เพราะอย่างเพื่อนของลูกคนนั้น ตอนนี้เขาก็ได้เจอกับคนที่เขาถูกใจอย่างที่เขาต้องการ ซึ่งลูกก็รู้สึกดีที่เขาได้เจอคนที่เขาต้องการ หากวันนั้นลูกคบกับเขา แล้วทราบว่าตอนนี้เขาเจอคนใหม่ ลูกคงจะไม่รู้สึกแบบนี้

ลูกจึงได้เข้าใจที่พ่อมักจะบอกว่า มุมมองความรักของผู้ชายกับผู้หญิงมันต่างกัน ผู้หญิงเลือกที่จะเป็นคนสุดท้ายของผู้ชายที่ตนรัก ในขณะที่ผู้ชายต้องการที่จะเป็นคนแรกของผู้หญิง ซึ่งพ่อมักจะย้ำนักย้ำหนาในเรื่องนี้ แต่ลูกก็ไม่ได้มองว่าความรักแบบหนุ่มสาวมันไม่ดี มันดีอย่างแน่นอนสำหรับความรัก ลูกเชื่อว่าความรักมันย่อมจะทำให้เรามีความสุข หากเรารู้จักควบคุมมันไม่ให้มันเป็นตัวควบคุมเราเสียเอง

ไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เมื่ออาจารย์พูดถึงเรื่อง “ของแถม” เอาไว้ลูกจะเล่าให้ฟังค่ะว่าของแถมที่ลูกว่ามันคืออะไร

รักและเคารพ
เบญจวรรณ
26 ตุลาคม 2550




Create Date : 26 ตุลาคม 2550
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 17:18:39 น. 8 comments
Counter : 347 Pageviews.

 
แวะมาทักทายค่ะ


โดย: Natthanicha วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:16:10:45 น.  

 
สวัดีจ้ะหลานเบญจ์

ได้กลับบ้านไปอยู่กับแม่อีกแล้ว
ขอให้รักพ่อมและน้องไปก่อนแล้วกัน

ความรักแบบหนุ่มสาวน่ะ
โตขึ้นเดี๋ยวก็รู้เอง
หรือไม่แน่บางทีอาจจะไม่รู้จักเลยก็ได้
มีหลายคนที่เกิดมาในโลกนี้แล้วไม่เคยรักใคร
ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีครอบครัว
ไม่เคยมีลูก

แต่ก็ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขได้
แต่ตอนนี้หนูอายุยังน้อย ยังบอกอะไรไม่ได้หรอก


โดย: พ่อพเยีย IP: 222.123.43.195 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:16:14:26 น.  

 
พี่นกของน้องเบญทำเท่เอารูปดอกทุเรียนตูม ๆ มาฝาก พอมันบานแล้วก็สวยนะ น้านะเคยได้ดอกทุเรียน ร้อยเป็นมาลัยมาเป็นของกำนัล (จริง ๆ ไม่ได้โม้)

วันนี้อยู่บ้านคนเดียว กวีร่วมบ้านถูกเพื่อนชวนไปร้องรำทำกินไกลออกไปประมาณห้ากิโล เห็นว่าเพื่อนเก่าสมัยเรียนชั้นประถมทื่ไม่ได้เจอกันมาเกือบสี่สิบปี มาพบกัน

พวกเขาชวนน้าด้วย แต่น้าว่า น้าเล่นอ่านเขียนบล็อกอยู่ที่บ้านดีกว่า

ขนาดอยู่บ้านเขียนอ่านบล็อกยังมีคนหลอกให้ไปฟังเพลงบ้านบล้อกเขา ทำกันได้อย่างไร ฝากไว้ก่อนเถอะตาพราน

ฝากไว้ที่หน้าบ้านนี้แหละเข้าใจว่า จะผ่านมาอีก






โดย: แพรจารุ 25 ตุลาคม 2550 20:38:04 น.


โดย: เบญจวรรณ (lukkongpoka ) วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:16:59:59 น.  

 
สวัสดีค่ะ Natthanicha

ยินดีที่ได้สรูจักกันบนถนนสายนี้ค่ะ
แล้วคุยกันค่ะ


สวัสดีค่ะลุงโดม

ความรักแบบหนุ่มสาวน่ะ
โตขึ้นเดี๋ยวก็รู้เอง

ประโยคนี้เห็นด้วยค่ะ แต่ประโยคหลังเนี้ย

หรือไม่แน่บางทีอาจจะไม่รู้จักเลยก็ได้
มีหลายคนที่เกิดมาในโลกนี้แล้วไม่เคยรักใคร
ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีครอบครัว
ไม่เคยมีลูก

จะพยายามไม่ให้เกิดกับตัวเองค่ะ
ลุงโดมพูดชะใจคอไม่ดีหมดเลยค่ะ เห็นเขาว่าเรียนวิทยาลัยยิ่งมีโอกาสขึ้นคานสูงอยู่ด้วย


สวัสดีค่ะน้ายาย

เพิงจะกลับบ้านมาค่ะ
ไปสำรวจข้อมูลให้กับอาจารย์ที่บ้าน
งานนี้เลยได้กลับบ้านสมใจอยากค่ะ
ใครๆเขาก็ทักว่าคราวนี้ทำไมกลับบ้านเร็ว
ไปได้แค้ 2 อาทิตย์เอง
(เพราะบอกทางบ้านไว้ว่าจะกลับอีกทีตอนสิ้นปีโนน)
มาถึงเมื่อกี้นี้เองค่ะ

น้ายายอยู่บ้านคนเดียวเหงาไหมค่ะ
แต่คงจะไม่เหงามากหรอก มีพี่ตาพรานบุณชวนไปฟังเพลงแล้วนิค่ะ
พูดถึงดอกทุเรียนของพี่นกแล้วก็อยากเห็นดอกทุเรียนตอนบานจังค่ะ
คงต้องขอให้พี่นกถายภาพตอนดอกมันบานมาโชว์แล้วค่ะ




โดย: เบญจวรรณ (lukkongpoka ) วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:17:11:23 น.  

 
อ๊ะ อ๊ะ มีคนพาดพิงเรา ยกมือประท้วงครับท่านประทาน กระผมหลอกล่อโดยสุทจริตใจนะครับ คุ้นๆคำนี้อ่ะ

น้องเบญจวรรณเก็บข้อความนี้ไว้นะ แล้วค่อยกลับมาอ่านเมื่อเวลาผ่านไป ช่วงนี้ก็ดำเนินชีวิตด้วยสติแล้วกัน เอ่อ ฟังเพลงได้ป่าว ปุ่มกดเพลงอยู่ด้านบนภาพนะ รอแป๊ปนึงแล้วมันจะขึ้นมา ถ้าไม่อ่านก็กดเพลย์ เพลงนี้พี่ชอบนะ "บัดนั้นไก่แก้วพุ่งพาพรานเฒ่าผ่านชั้นฟ้าสู่แดนสวรรค์ อันระยิบระยับด้วยประกายแสงสีดั่งแดนนิมิตร"เพลงจากlord of the rings พี่ว่ามันใช่อ่ะกับภาพนี้นะ


โดย: พราน (ตาพรานบุญ ) วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:19:16:43 น.  

 


น้องเบญจ์..

มาตอบคำถามก่อนนะคะ ภาพที่แยกไม่ออกระหว่างหญิงชายในบล็อกพี่ ก็คงแล้วแต่มุมมองเนอะ ประมวลเอาว่า ผู้ชายน่าจะใส่เสื้อสีเข้ม ส่วนผู้หญิงน่าจะใส่เสื้อลายจุด พยายามมองแบบนั้นแล้วกัน ดีมั้ย จะได้อ่าน tag ได้อารมณ์มากขึ้น อิอิ อ่าน tag ของพี่แล้วเป็นไงมั่ง กำลังหานะคะแบบที่ว่า "หุ่นเท่ห์ เปย์เก่ง เบ่งน้อย ห้อยปริญญา มารดาตาย" อิอิอิ (แบบขำๆ นะคะ)

ดอกทุเรียนบานเมื่อไหร่ จะถ่ายภาพมาฝากนะคะ อยากเห็นมาลัยดอกทุเรียนบานของพี่ยายเหมือนกัน บ้านสวนแท้ๆ แต่พี่นกไม่เคยได้รับมาลัยแบบนี้ของใครเลยนะคะ น้องเบญจ์ ชักอิจฉาพี่ยายตะหงิด ตะหงิด อิอิ คงสวยนะคะ มาลัยดอกทุเรียนบานเนี่ย

พี่นกผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาแล้วค่ะ น้องเบญจ์ เป็นช่วงเวลา poppy love หรือเปล่านะ พอพี่หวนกลับไปนึกย้อนแล้ว รู้สึกเลยค่ะว่าตลกดี พี่นกเองก็ไม่เคยตอบรับความรู้สึกที่เกินเพื่อนกับใคร จะมีก็แค่เพื่อนสนิทค่ะ ตอนนี้เวลาเจอกันกับเพื่อนสนิท(ใช้คำว่า เพื่อนสนิท ดีกว่าค่ะ) ก็จะทักทายกันเป็นเพื่อนที่รู้สึกดีดีต่อกัน ความรู้สึกแบบนี้ ดีกว่ามากมายกับการที่เรารับความรู้สึกที่เกินเพื่อน แล้วจะต้องห่างกันเพราะต่างคนต่างแยกกันไปแล้วไปเจอคนใหม่ กลายเป็นไม่มองหน้ากันเลย เสียดายความรู้สึกดีดีที่เคยมีให้กันนะคะ

ช่วงนี้ ตั้งใจเรียนดีกว่าอย่างอื่นค่ะ น้องเบญจ์ "สวยใส การศึกษาดี มีความคิด....เลือกได้นะคะ" (เชื่อพี่มั้ยล่ะ)



โดย: พี่นก (Nok_Noah ) วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:17:13:02 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ตาพรานบุญ ,พี่นก

อยากรู้หรือเปล่าค่ะว่าของแถมที่ว่าคืออะไร
ถ้าอยากรู้ก็ตามมาเลยค่ะ
จะเฉลยให้หายส่งสัย


โดย: เบญจวรรณ IP: 61.7.231.130 วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:12:47:10 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.122.247.144 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:23:31:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lukkongpoka
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add lukkongpoka's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.