๐ รัตติกาลยอดรัก-รัตติกัลยา/พนมเทียน ๐






ชื่อเรื่อง : รัตติกาลยอดรัก
ประพันธ์โดย : พนมเทียน
สำนักพิมพ์ : ณ บ้านวรรณกรรม



จากเว็บ (ขออภัยค่ะ จำไม่ได้ว่ามาจากเว็บไหน)

ในโลกแห่งความลี้ลับ มนุษย์ส่วนใหญ่หวาดกลัว และอยากหนีให้ไกล หากมนุษย์ส่วนหนึ่งกลับถือเอาโลกของวิญญาณเป็นสิ่งอันน่าพิสมัย และมุ่งจิตแน่วแน่เพื่อหาคำตอบ ดร.จักรกฤษณ์ อิสราลักษณ์ ชายหนุ่มผู้ปรารถนาพิสูจน์ความพิศวงต่าง ๆ ด้วยตนเอง เมื่อมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ในดึกสงัดของความมืดมิด แม่ภูติสีชมพูได้ปรากฎกายขึ้น พร้อมกับนำความสุขสดชื่นมาสู่เขาอย่างไม่รู้ตัว เธอเป็นใคร มาจากไหน ไม่รู้ แม้มิอาจล่วงรู้ความเป็นมาแห่งเธอ หากสิ่งหนึ่งที่แสนสูงค่าในชีวิตที่เขาได้รับคือความรัก ความงดงามในหัวใจเธอ ภูติสีชมพู‘ รัตติกาลยอดรัก’





ชื่อเรื่อง : รัตติกัลยา
ประพันธ์โดย : พนมเทียน
สำนักพิมพ์ : ณ บ้านวรรณกรรม



จากปกใน

เพราะดวงจิตมุ่งมั่น ในความผูกพันที่มีอาจตัดได้ กิเลสแห่งเขา และดวงจิตอันร้อนเร่า ก่อให้เกิดผลมัวหมองต่อเธอ!

เพียงเพราะความอยากรู้และอยากพิสูจน์สิ่งต่างๆที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เป็นแรงหนุนผลักดันให้ ดร.จักรกฤษณ์ อิสราลักษณ์ ไม่อาจหยุดหยั่งการบำเพ็ญตบะ เพื่อเข้าสู่ฌานชั้นสูงได้ และแล้วกิเลสแห่งเขา ได้เรียกร้องให้เธอกลับมาอีกครั้ง..เขาผิดสัญญา..และกรรมนั้น มีผลต่อเขาและเธออย่างสุดจะหลีกเลียง

รัตติกัลยาเทพแห่งสรวงสวรรค์..นั่นคือความจริงที่เขาได้ประจักษ์แม้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแม้เธอจะมีเลือดเนื้อดั่งมนุษย์แตะต้องและสัมผัสได้ หากเธอก็อยู่สูงเกินเขาจะติดตาม..

อีกด้าน ความรักก่อเกิดผูกพันลึกซึ้งเกินกว่าจะถ่ายถอน หากอีกด้านหนึ่งเล่า..หน้าที่..และสภาพที่แท้จริง เธอและเขามิอาจเดินไปในทางเดียวกันได้กรรมของมนุษย์ ติดกายมาทุกคน เพียงแต่ใครจะปลดปล่อย ละวางได้แค่ไหนเท่านั้น สำหรับเขา..สิ่งต่างๆที่เข้ามาให้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็น ‘หิรัญญะ’ ไอ้จุกที่คอยเป็นเพื่อนช่วยเหลือและกวนโทสะ ‘อรัญเทวี’ ธิดาแห่งบาดาล สาวน้อยต้นเหตุแห่งการปรากฏกายของรัตติกัลยาเทพ..ล้วนนำพาให้เขาพากเพียรเข้าสู่ตบะฌานชั้นสูง

ภาพในอดีตชาติ กระจ่างดุจมองเห็นด้วยตาเปล่า ขณะนี้เขาตระหนักตนเองแล้วว่า ฌานบารมีที่เพียรสะสมไว้ ได้บรรลุถึงอีกขั้นหนึ่งแล้ว ขั้นที่สามารถติดต่อสัมผัสได้กับห้วงจักวาลอันลี้ลับอันหาขอบเขตมิได้ สิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่มนุษย์ทั่วไปเคยรู้จักนามกันในเฉพาะเท่ทาที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎกได้ปรากฏให้เขาเห็นแล้ว ทั้งๆที่ดวงตาทั้งสองข้างยังเปิดอยู่

รัตติกัลยา..คือเรื่องราวอันสืบเนื่องมาจาก ‘รัตติกาลยอดรัก’ การผูกเรื่องราวที่ชวนติดตามทุกฉากทุกตอน คือเสน่ห์ของผลงานคุณภาพชิ้นนี้ของนักเขียนเรืองนาม ‘พนมเทียน’ เรื่องราวความลี้ลับของซีกโลกที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดามิอาจจะเข้าถึงได้ ศาสตร์ที่มนุษย์ยังค้นหากันอย่างไม่มีวันสิ้นสุด..แม้แต่วิทยาศาสตร์เองก็ยังมิอาจพิสูจน์และยืนยันสิ่งเหล่านี้ได้

เกิดมามาชีวิตหนึ่ง ทุกชีวิตคงไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ติดตัวมาได้ ‘กรรมเก่า’ บางชีวิคละเลยไม่เกี่ยวข้องค้นหาและแก้ไข หากชีวิตมุ่งมั่นด้วยจิตบริสุทธิ์..ทางเลือกของมนุษย์มีเสมอ
สุดแท้แต่มนุษย์ผู้นั้นจะเลือกทางใด?



ย่อเรื่องและอาจจะ spoil ด้วยมั้งค่ะ

ในส่วนของ‘ รัตติกาลยอดรัก’เคยนำมาสร้างเป็นละครทางช่องสามค่ะ ตอนจบก็สร้างตามสไตล์ละครไทย คือให้จบแบบแฮบปี้พระ-นางได้ครองคู่กัน แต่..ในหนังสือให้จบตรงที่ นางพยาบาลรัตติช่วยแม่ของพระเอกตักบาตร ก่อนที่จะขึ้นรถแท็กซี่หายลับไปจากสายตาของพระเอก ที่ยืนมองผ่านหน้าต่างห้องส่วนตัว โดยที่ก่อนทั้งสองจะจากกัน ได้ให้คำสัญญาว่า รัตติกาลจะลงมาเกิดเพื่อและครองคู่กับเขา และให้เขารอเธอจนกว่าจะถึงเวลาที่จะได้พบกัน..ถ้าใครได้อ่านแค่เพียงภาคแรก ก็คงจะจินตนาการได้ว่าพระ-นางได้พบกันตามที่ตกลงกันไว้

แต่..พอมาอ่านภาคสอง‘รัตติกัลยา’ดร.จักกฤษ์ก็คือดร.จักรกฤษณ์ พอรัตติกาลจากไป ด้วยความที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ยังไม่วายมีข้อสงสัยอยู่ร่ำไป ถึงกับหาทางพิสูจน์การไม่มีตัวตนของเธอ ให้เพื่อนผู้เป็นหมอรักษาอาการประสาทของตัวเองรับรู็ด้วย โดยบอกเพื่อนตัวเองว่า นางพบาลพาลรัตติไม่ใช่คนและการพิสูจน์ครั้งนี้ ทำให้รัตติกาลไม่สามารถลงมาเกิดได้ เพราะต้องคอยหาข้อหักล้างและพิสูจน์ต่างๆของดร.จักรกฤษณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อยืนยันการมีตัวตนบนโลกมนุษย์ของเธอ

จนในที่สุดดร.จักรกฤษณ์ก็เข้าใจแล้วว่า สิ่งที่ตนเห็นและรับรู้ได้ในอีกมิติหนึ่งนั้น ควรแล้วที่จะเก็บไว้เพียงผู้เดียว การที่จะเปิดเผยให้ผู้อื่นได้รับรู้นั้น เป็นสิ่งพ้นวิสัยที่สามัญบุคคลจะพึงรับรู้ได้ จนในที่สุดเขาจึงตัดสินใจเดินเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ตลอดชีวิต

ในห้วงจักรวาลอันหาขอบเขตสิ้นสุดมิได้นี้ เต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับเหนือกฎเกณฑ์ธรรมชาติเกินกว่าที่มนุษย์ปุถุชนสามัญจะเข้าใจได้ แลเห็นหรือล่วงรู้ได้ สิ่งเหล่านี้ก็คือ ‘นามธรรม’อันปราศจากตัวตน.. อิทธิพลของ‘นามธรรม’ ต่างๆ เหล่านี้ บางขณะมันก็มาสัมผัสเกี่ยวพันกับชีวิตมนุษย์โลก ชักจูง ชี้แนะ และดลบันดาล สุดแต่กรรมเก่าของแต่ละบุคคล เพียงแต่ว่า มนุษย์โลก จะรู้สึกสำนึกตนหรือค้นพบความจริงได้หรือไม่เท่านั้น



โดยส่วนตัวคิดว่า

เรื่องนี้ตัวเอกเป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ ข้าเจ้าคิดว่าตัวพระเอกสร้างมาคล้ายกับจะตอบโจทย์ของหลายคน ที่สงสัยว่าวิญญาณนี้มีจริงหรือไม่ โดยกำหนดให้พระเองเป็นนักวิทยาศาสตร์มาเป็นตัวนำเนินเรื่อง กับนางเอกซึ่งเป็นพลังงานในอีกมิติหนึ่ง คิดดูซิคะ เมื่อวิญญาณกำลังถูกพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่วิญญาณเป็นแต่เพียงพลังงานเท่านั้น จับต้องไม่ได้ และทุกคนก็ไม่สามารถมองเห็นได้เช่นกัน เหมือนเป็นบทพิสูจน์ให้นักวิทยาศาสตร์อย่างดร.จักกฤษ์ต้องค้นหาต่อไปว่า หากนักวิทยาศาสตร์อย่างเขาได้พบได้เห็นสิ่งเหล่านั้นจริงๆ จะเป็นอย่างไร? จะสามารถพิสูจน์ให้บุคคลอื่นเชื่อตามได้หรือไม่? และดร.จักรกฤษณ์ก็พิสูจน์มาแล้ว ว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้น หากไม่สามารถพิสูจน์ให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้ เขาก็เป็นเพียงคนป่วยโรคประสาทในสายตาของบุคคลทั่วไปเท่านั้น











Create Date : 28 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2552 18:29:39 น.
Counter : 7118 Pageviews.

20 comments
  
เคยดูละครสมัยเป็นเด็กค่ะ นานจนจำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว ^ ^

อ่านตอนสปอยล์เล็กๆ แล้วทำให้อยากหามาอ่านค่ะ สมแล้วนะคะ กับนักเขียนท่านนี้ เนื้อเรื่องแปลกแหวกแนวกว่าใคร
โดย: ThaMN วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:16:36 น.
  
ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ของคุณพนมเทียนเลยค่ะ
แต่นามปากนี้...ไม่เคยทำให้ผิดหวังเนอะ

สำหรับนาง...ดูเหมือนช่วงเวลาแห่งการนิยาย...ค่อยๆ ห่างไปเรื่อยๆ
ไม่รู้ช่วงเวลาอย่างนั้นจะวกกลับมาอีกหรือเปล่า

วันหยุดนี้กลับบ้านหรือเปล่าคะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:5:31:40 น.
  
ทำการ์ดเผื่อไว้แล้วน๊า
แต่ไม่มีที่อยู่ของคุณฝน
ยังไงหลังไมล์มานะคะจะได้ส่งไปให้
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:20:08:02 น.
  
ได้รับแล้วค่ะ
รอนะคะพรุ่งนี้ไปหย่อนตู้
แต่ไม่รู้ว่าจะถึงช้าไหม
แต่อาคารที่ส่งมานี่แต่ก่อนนาห์นั่งรถผ่านประจำเลยเวลาไปรามสอง อิอิอิ

ฝันดีนะคะ
เดี๋ยวตามไปขอคุณอัลด้วยค่ะ
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:21:12:01 น.
  
งานที่พระที่นั่งหมดไปแล้ว...สรุปว่านางไม่ได้ไป
เสียดายพอๆ กับที่กลัวคนมากมายขนาดนั้น

กล้องคุณฝนไม่เป็นใจ...ก็ใช้ใจเป็นกล้องแทน
ถ่ายได้เหมือนกัน...เพียงแต่เก็บไว้ในใจคนเดียว
ไม่แบ่งให้เพื่อนดู...อิอิ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:5:30:18 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณฝน
มีความสุขกับช่วงเวลาแห่งครอบครัวนะคะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 29 ธันวาคม 2552 เวลา:5:26:19 น.
  
Myspace Comments






Happy New Year 2010 นะคะ ขอให้มีสุขภาพที่ดีสมบูรณ์แข็งแรง คิดอะไรก็ขอให้สมดังใจหวังค่ะ ทำสิ่งใดก็ขอให้ประสบความสำเร็จทุกประการตลอดปีและตลอดไปค่ะ




โดย: แม่น้องแปงแปง วันที่: 1 มกราคม 2553 เวลา:16:48:08 น.
  
โหป้า..เอานิยายมาลงได้และนะ
โดย: จุหลัน วันที่: 4 มกราคม 2553 เวลา:15:37:58 น.
  


สวีสดีปีใหม่ค่ะ ฝน

คิดถึงฝนนะคะคนดี
ยังคิดถึงคุณนางและเพื่อนๆ ทุกคนเสมอๆ
แต่ฝนก็คงทราบว่า นกยุ่งกับงานและบ้านค่ะ
แต่หากวันใดเข้ามาที่บล็อก
ให้ยังไงก็ต้องมาหาฝน อัล และคุณนาง
มิตรภาพที่มี เป็นสิ่งที่นึกถึงเสมอค่ะ

ปี 2553..ในปีนี้และตลอดไป นกขอให้ฝนแข็งแรง
พรั่งพร้อมไปด้วยความสุข ความรัก
และมีชีวิตตามที่ตนปรารถนานะคะ
พร้อมกับขอบคุณที่ฝนไปอวยพรปีใหม่ให้ค่ะ

บ้านเสร็จแล้วค่ะ แต่ยังเหลือเก็บตก
รายละเอียดเล็กน้อย กะว่าเดือนหน้า
คงจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ ที่นี้ก็จะวุ่นกับการจัดบ้านมั้งคะ
นกก็ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่และของขวัญในชีวิต
ที่ตัวของนกเองทำให้ตัวเองค่ะ

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:10:04:15 น.
  
ก๊อกๆ คุณฝน...ทำอะไรอยู่คะ
หยักไย่จับบ้านเต็มไปหมดแล้ว...อิอิ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 16 มกราคม 2553 เวลา:13:42:36 น.
  
นี่ยัยฝน

เค้าแอบมาจ๊ะเอ๋ล่ะ!
เมื่อกลางวันว่าจะโทรไปกวน
ก่อนรับประทานอาหาร...
ปรากฏว่า เค้ายุ่งซะเอง 555+

ไว้ว่าง ๆ ค่อยคุยกันนะ ..ยิ้ม..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:22:15:41 น.
  
บางสิ่งรับรู้ได้ด้วยใจ ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยตา ขอบคุณสำหรับเรื่องย่อ
โดย: N.P.CHEMISTRY IP: 161.200.26.42 วันที่: 2 ธันวาคม 2553 เวลา:15:54:25 น.
  
เจ้าของบล็อกครับ
อยากรบกวนถามว่า เราจะไปโหลดรัตติกาลยอดรักได้จากเว็ปไหนครับ อยากจะอ่านเหลือเกิน จะไปซื้อก็งบน้อย จะไปเช่ารึก็ ไม่รู้ว่ามีให้เช่าที่ไหนอีก เฮ้อ กลุ้ม ไงช่วยตอบด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ
โดย: คนรักพนมเทียน IP: 182.53.137.75 วันที่: 8 กันยายน 2554 เวลา:11:48:10 น.
  
คุณคนรักพนมเทียน

ไม่ทราบจริง ๆค่ะ ว่าเรื่องนี้มีให้โหลดด้วย
หรือโหดได้จากเว็บไหน

ถ้าจะเช่าคงต้องตามร้านเช่าหนังสือทั่วไปล่ะค่ะ
แต่ส่วนตัวคิดว่าอาจจะหาร้านให้เช่ายากอยู่สักหน่อย
อาจเป็นเพราะคนนิยมมีน้อยมั้งค่ะ เลยไม่ค่อยมีร้าน
ไหนซื้อเข้าร้าน จขบ.เองก็เลยต้องซื้อมาอ่านเอง

ถ้าทุนน้อยหน่อยก็ต้องหาตามร้านมือสองค่ะ แต่ก็ยังหา
ยากอยู่ดีหรือไม่ก็ซื้อที่งานหนังสือค่ะ อาจจะลดมากหน่อย
ก็ดีกว่าซื้อเต็มราคาค่ะ ^^
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 9 กันยายน 2554 เวลา:8:01:58 น.
  
อยากจะสั่งรัตติกัลยาคะ มีกี่เล่มคะ
โดย: จ๊ะจ๋า IP: 110.49.240.26 วันที่: 7 ตุลาคม 2556 เวลา:18:15:51 น.
  
คุณจ๊ะจ๋า

รัตติกัลยา..ถ้าตามรูปข้างบนเป็น booxset 4 เล่มจบค่ะ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 15 ตุลาคม 2556 เวลา:11:54:25 น.
  
เจ๋ง
โดย: somard IP: 118.172.172.237 วันที่: 5 พฤษภาคม 2557 เวลา:20:12:32 น.
  
นวนิยายเซตนี้ ยังมีประเด็นน่าสนใจในเรื่องของการนำความเชื่อในเรื่องของจิตวิญญาณ และเทวะนิยมตามความเชื่อของพุทธที่ทำให้คิดว่า พนมเทียน คงมีประสบการณ์ทางจิตที่ไม่ธรรมดา
โดย: แมวคู่ IP: 171.6.240.90 วันที่: 25 กันยายน 2559 เวลา:22:17:28 น.
  
โดยเฉพาะตวามสัมพันธ์ระหว่าง กันของวิญญาณที่แบ่งระดับด้วยบุญบารมี วิญญาณสวรรค์นั้น อำนาจบุญยิ่งใหญ่ชนิด โอปาติกะ ที่จ่ำกว่าต้องยำเกรงในรัศมี มิอาจเปชิญได้
โดย: แมวคู่ IP: 171.6.240.90 วันที่: 25 กันยายน 2559 เวลา:22:20:43 น.
  
ที่มีบุญกว่าแต่ยังด้อยชั้น อย่างกุมาร หรือ นาค ยังจ้องสำแดง ศิราภรณ์อันแท้จริงแห่งชาติกำเนิดเดิม อย่างอ่อนน้อม นับเป็นประเด็นสำคัญที่ไม่เคยเขอมาก่อนในนวนิยายเรื่องใดในโลก
โดย: แมวคู่ IP: 171.6.240.90 วันที่: 25 กันยายน 2559 เวลา:22:23:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
พฤศจิกายน 2552

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
All Blog