Group Blog
 
 
มิถุนายน 2559
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
18 มิถุนายน 2559
 
All Blogs
 

"......: Journey Of Sailing #1 :: MUSIC THERAPY & PHOTOGRAPHY THERAPY & ADVENTURE THERAPY :......"

วันที่ 17 มิถุนายน 2559
 






Pain is part of life, just learn how to deal and get over with it or how to live and get along with it.

MUSIC THERAPY & PHOTOGRAPHY THERAPY & ADVENTURE THERAPY are the ways to help myself get through the difficult situation of my life.

I wish I could do the meditation but I'm afraid that I will go back to the stage that I was hearing his voice inside my head again(hearing each other thought, each other voice inside our heads...telepathic communication stage), I can't use that method(meditation) to heal my feelings. So "MUSIC & PHOTOGRAPHY & ADVENTURE" are the best ways for me to heal my feelings and slowly help me get through this.

Help me be able to live with his energy, with the symptoms of my heart and my back and other symptoms from his energy while I am in the "SOUL CONNECTION/SOUL MERGE STAGE". "NO MORE SUFFERING BUT STILL FEEL PAIN & WARM INSIDE THE MUSCLE OF MY HEART WITH NUMBNESS FEELINGS NOW" (Hard to explain, just no more sensitive feelings...no sad...no hate...no love...no missing (for him)...JUST NUMB FEELINGS...maybe just like the robot).

Well, at least I still be able to love my family anyway...not too numb though. This situation(Twin Flame Reunion/Soul Connection/Soul Merge) doesn't kill all of my love for my family. Still left some of my love for my family, especially for my daughter that she is very very special medicine for me.




ห้องนี้ตั้งใจว่าจะบันทึกทริปเล็ก ๆ จากการเรียนรู้การ Sailing กับ Yacht Sailboat กับเจ้า Moody Blue เรือเล็กลำนี้ ด้วยความที่ปีนี้นึกสนุก ๆ กัน อยากลองเปลี่ยนไปทำกิจกรรมทางน้ำ เล่นเรือใบบ้าง เป็นกิจกรรมครอบครัวในวันหยุดอีกกิจกรรมนึง และตั้งแต่ได้เจ้า Moody Blue ก็เพิ่งพาลงไปล่องในน้ำแค่ 3 ครั้งเอง กับแวะไปปิ๊คนิคในกระท่อมน้อยของเจ้ามูดี้บลู ก็เป็นอะไรที่สนุก ๆ ไปอีกแบบ

จะว่าไปแล้วสิ่งที่รู้เพิ่มคือความเข้าใจผิดของเรา เมื่อก่อนเราเคยคิดว่าบรรดานักเล่นเรือใบ เรือยอร์ชทั้งหลายเหล่านี้จะคงจะเป็นบรรดาคนรวย ๆ กันเท่านั้น ไม่กล้าคิดเรื่องเรือ แต่ตอนนี้ทำให้รู้ว่าเอาเข้าจริง ๆ คนธรรมดา ๆ ชนชั้นกลางแบบเรา ๆ ท่าน ๆ นี่ก็เล่นเรือใบ เรือยอร์ชได้เพราะเรือเหล่านี้นั้นก็มีให้เลือกหลายแบบ หลายรุ่น หลายราคา เรางบน้อยก็เลือกเรือรุ่นที่ราคาเบา ๆ โดยเฉพาะเรือใบ ที่เป็นแบบ Classic Yacht รุ่นเล็กซักมือสองมือสามนั้นราคาจะไม่แพงเท่าเรือใบใหม่ ๆ หรือเรือยนต์ต่าง ๆ และเจ้า Moody Blue รุ่น Cal 25 ที่พวกเราซื้อนี่ก็เป็นมือสามแล้ว เป็นเรือขนาด 25 ฟุต ซึ่งข้อดีอีกอย่างของเรือใบคือความสงบ เสียงไม่ดังเหมือนเรือยนต์และเรือใบกินน้ำมันน้อยมาก เพราะปกติส่วนใหญ่เจ้าของเรือจะมีเครื่องยนต์แบบรุ่นแรงม้าเล็ก ๆ ไว้เพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือกรณีลมทะเลมีไม่มากพอจะได้พาเรือกลับเข้าฝั่งได้ และหลาย ๆ คนก็ใช้ในช่วงจะนำเรือออกจากท่าและตอนนำเรือเข้าเทียบจอดที่ท่าเท่านั้น ถ้าอยู่ในอ่าวก็จะปล่อยให้ล่องไปตามทิศทางลมใช้แรงลมในการขับเคลื่อน ซึ่งจะแพงหน่อยก็คงเป็นผ้าใบ Sail แต่ซื้อทีก็ใช้ได้นาน อย่างตัวที่พวกเราซื้อนี่เจ้าของเดิมเค้าเพิ่งเปลี่ยนผ้าใบ Sail มาได้แค่สองปี เค้าบอกยังใช้ได้อีกเกือบสิบปีเลยกว่าจะเปลี่ยนใหม่ ดีไม่ดีพวกเราอาจจะใช้ใบผ้านี้จนกว่าจะขายเรือไปก็เป็นได้ คงจะยังไม่ซื้อใหม่ ส่วนตัวเรือนั้นเจ้าของเดิมเค้าใช้มานานหลายปีแล้ว ครอบครัวเค้าเริ่มกิจกรรม Sailing กับเจ้าเรือลำนี้ตั้งแต่ลูกชายคนโตเค้าอายุ 10 ขวบและคนเล็ก 4 ขวบ จนตอนนี้เด็กน้อยนั้นโตแล้วและกลายเป็นนักเรียนนายเรือที่โรงเรียนทหารเรือไปแล้ว และตอนนี้เค้าเพิ่งซื้อลำใหม่ที่เป็นขนาด 29 ฟุต ที่มีเนื้อที่ของ Cabin ยาวกว่าเดิม คงเพราะลูก ๆ โตกันแล้วเลยอยากได้เนื้อที่กว้างขึ้นมั๊ง ด้วยที่เค้าซื้อลำใหม่แล้วก็เลยต้องขายลำนี้ในราคาที่ถูกมากเลย พอพวกเราเห็นว่าสภาพเรือยังดีมากอยู่เลยพากันซื้อไว้มาลองกิจกรรมล่องเรือบ้าง จริง ๆ เห็นเค้าบอกถ้าอยากรักษาสภาพเรือให้ดี ๆ ได้นาน ๆ ต้องยอมเสียค่าใช้จ่ายให้ท่าเรือเพิ่มให้เค้าเอาเรือขึ้นฝั่งในหน้าหนาว ให้ทางท่าเรือทำความสะอาดเรือ ล้างพวกคราบเกลือต่าง ๆ จากน้ำทะเลออก และเช็คดูว่าเรือมีรอยรั่วต่าง ๆ หรือไม่จะได้ซ่อมได้อุดรอยรั่วต่อไป และก็ทาสีใหม่บ่อย ๆ ทุกปีหรือทุกสองปี พอหน้าซัมเมอร์ถึงเอาเรือลงไปจอดที่จอดเรืออีกรอบเพื่อเตรียมให้เจ้าของปล่อยเค้าลงน้ำให้เจ้าของทำกิจกรรมล่องเรือในหน้าซัมเมอร์ หน้าหนาวก็เก็บเค้าขึ้นฝั่งอีกรอบ ถ้าทำแบบนี้ทุก ๆ ปีแล้วจะช่วยรักษาสภาพเรือไว้ได้นาน เห็นเค้าแนะนำมาน่ะนะ

ในความรู้สึกเราแล้วเรือใบจะดูคลาสสิคและให้บรรยากาศที่สงบโรแมนติคมากเลย และด้วยความที่พวกเรายังไม่มีประสบการณ์การ Sailing มากก็ไม่ต้องล่องเรือไปไกล เอาแค่เลียบ ๆ ฝั่งอ่าวแบบกินบรรยากาศไปพร้อม ๆ กับเรือลำอื่น ๆ ก็ได้ ถ้าวันไหนอากาศไม่ดีแบบคลื่นแรงก็อย่าเสี่ยงเอาเรือออก และจะเห็นว่าถ้าวันไหนอากาศดี ๆ นี่บรรดาเรือ ๆ ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นใบหรือเรือยนต์ทั้งหลายต่างจะออกมาเพ่นพ่านบนผืนน้ำกันเยอะมาก กลายเป็นสนามเรือไปกลาย ๆ เลย พอเห็นบรรยากาศแล้วก็ทำให้เรานึกสนุกและไม่กลัว เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ช่วยเหลือกันทัน และการจะเล่นเรือแบบนี้ยังไงก็ต้องซื้อประกันอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าเช่าที่จอดเรือนั้นจ่ายเป็นรายปีและเราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกของสมาคมเรือยอร์ชเค้าด้วยเลยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรตรงนั้น และสังเกตุว่าท่าเรือแถบนี้นั้นมีอยู่แทบจะทุกมุมของอ่าวเลย เลยกลายเป็นว่าทางท่าเรือต่างก็แข่งขันกันเองเลยเป็นโอกาสของลูกค้าที่จะเลือกท่าเรือได้สบาย ๆ ลองหาดี ๆ ก็ได้เช่าที่จอดเรือในแบบที่ถูกลงด้วย เรามองว่าถ้าเป็นบรรดาคนรวยจริง ๆ ถ้าติดหรูหน่อยเค้าคงจะไม่ชอบกิจกรรมแบบตากแดดตากลมแบบนี้ล่ะมั๊ง หรือไม่พวกเค้าก็คงจะเลือกเรือยนต์แบบหรู ๆ หน่อย ที่ราคาแพง ๆ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ส่วนเรือใบแบบเล็กก็เหมาะกับคนงบน้อยแบบเรา ๆ อีกอย่างมองว่ากิจกรรมแบบนี้น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบความลุย ความเสี่ยงพอสมควรถึงจะรู้สึกสนุกและตื่นเต้น ถ้าเป็นคนแบบบอบบางติดหรูหน่อยอาจจะไม่สนุกกับกิจกรรมแบบนี้น่ะ สำหรับเราแล้วเรามองว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมครอบครัวในวันหยุดได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งลองกิจกรรมเรือใบนี้ไปซักพักถ้าถึงจุดที่ว่าเบื่อกิจกรรมนี้แล้วก็ขายเรือไปก็จบน่ะ ก็ไม่ได้มีข้อผูกมัดอะไร




 

วันที่ 14 มิ.ย. 2559 :: ลองพากัน Sail เจ้า Moody Blue กันเองโดยไม่ตัวเจ้าของเดิมเป็นคนช่วย









ช่วงบ่าย ๆ ของวันที่ 14 มิ.ย. หลังจากพากันไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนของลูก เป็นงานแจกรางวัลให้กับเด็กนักเรียน ปีนี้คนน้อยได้รางวัล Honor Roll ไป 3 Quarter (ใน 1 ปีการศึกษาของที่นี่จะแบ่งเป็น 4 Quarter) ส่วนรางวัลความประพฤติดีนั้นได้ทุก ๆ Quarter ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน Kindergarten ที่โรงเรียนนี้แล้ว จนขึ้นเกรด 4 ก็ยังได้รางวัลนี้ทุก ๆ Quarter อยู่ ก็ถือว่าทำให้พ่อแม่สบายใจไปด้วยในเรื่องความประพฤติและการเรียนของลูกที่โรงเรียน และ Quarter นี้เป็น Quarter สุดท้ายของปีการศึกษานี้และวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนในปีการศึกษานี้เช่นกัน ต่อไปก็เป็นการหยุดซัมเมอร์ยาวเลย แต่ก็ไม่ให้หยุดซะทีเดียว ยังมีกิจกรรมรออยู่ เห็นลูกบอกอยากไปเข้าค่าย Horse Summer Camp ต่อซักสองสัปดาห์ก็เลยปล่อยให้ลองดู อยากดูเหมือนกันว่าเค้าจะรักสัตว์และดูแลสัตว์ได้จริงไหม จะสามารถคลุกคลีกับสัตว์ได้จริง ๆ ไหม พอปลายเดือน ส.ค. ก็จะเป็นช่วงเปิดเรียนของปีการศึกษาใหม่และก็จะขึ้นเกรด 5 แล้ว เวลาบินเร็วจริง ๆ แป็บ ๆ เดียวเด็ก ๆ เค้าโตกันไวมาก อีกแค่ปีเดียวลูกก็จะจบ Elementary School ย้ายไปต่อ Middle School ที่อีกโรงเรียนแล้ว เวลาเร็วมากเลย ส่วนตัวพ่อแม่ก็แก่ลงตามไปเรื่อย ๆ เช่นกัน แต่ก็ต้องพยายามปรับตัวไม่ให้แก่ไวไป ยังต้องปรับความคิดต่าง ๆ ของตัวเองเพื่อให้ทันกับวัยของลูก จะได้เข้าใจในความคิดความอ่านในวัยของเค้า ด้วยความที่พากันมีลูกตอนแก่ก็เลยต้องปรับตัวตามลูกหน่อย ไม่ยอมทำตัวแก่กันตามวัย...อิอิ..

วันนั้นพอจบจากกิจกรรมที่โรงเรียนลูก ก็พากันขับรถตรงดิ่งไปที่ท่าเรือที่จอดเรือ และวันนั้นเป็นวันแรกที่ได้ฝึกทีมเวิร์คการ Sail กันจริง ๆ พากันลองเอาเรือออกจากที่ท่าที่จอดเรือแล้ว และเป็นอะไรที่ตะกุกตะกักมาก ก่อนหน้านั้นคือเจ้าของเรือเดิมเค้าสอนและทำให้ดู และก็แค่เป็นลูกมือให้เค้าแต่ยังไม่เคยทำกันเองจริง ๆ ซะที คราวนี้ลองกันเองแล้ว ไม่ง่ายเลยกับการที่จะเอาเรือออกจากท่าเพราะลมตีกลับด้วย ต้องแบ่งหน้าที่กัน ฝ่ายลูกดูฝั่งหัวเรือคอยเอาไม้ยันเสาไว้ไม่ให้เรือชนเสา ฝ่ายพ่อเป็นคนขับ ฝ่ายแม่คอยดูท้ายเรือเพื่อควบคุมการปล่อยเรือโดยถือเชือกผูกเรือไว้และค่อย ๆ ปล่อย พอได้จังหวะที่เรือเริ่มออกตัวและอยู่ตัวก็รีบกระโดดขึ้นเรือ ประสบการณ์ครั้งแรกนี่ไม่ง่ายเลย ตะกุกตะกักน่าดูแถมวันนั้นเรือชนเสาหลายรอบเหมือนกันแต่ดีที่ไม่มีเรือจอดแถวนั้น และในที่สุดก็พากันเอาเรือออกไปแล่นที่อ่าวได้

พอขากลับเข้าฝั่งก็มีเรื่องให้ลุ้นอีก ด้วยเรือใบเค้าจะมีฐานที่ยื่นลงไปในน้ำยาวประมาณ 4 ฟุต ซึ่งตรงนี้เจ้าของเดิมให้ข้อมูลไว้ว่าเวลาล่องเรือก็ให้ดูความลึกของน้ำด้วย(ที่หน้าจอจะมีบอกความลึกของน้ำว่ากี่ฟุต) เค้าบอกด้วยเรือใบนี้มีฐานยิ่นลงน้ำ 4 ฟุตอยู่แล้ว นั่นแสดงว่าเรือจะต้องแล่นในน้ำที่มีความลึกอย่างน้อย 10 หรือ 11 ฟุตขึ้นไป แต่วันนั้นมีช่วงที่เรือหลุดไปในช่วงน้ำลึกแค่ 5 ฟุตกว่า ๆ พากันตกใจ จริง ๆ ก็พากันดูแผนที่อยู่แล้วว่าช่วงนี้น้ำลึกกี่ฟุต แต่ก็พลาดกันจนได้ ตอนนั้นตกใจมากเลย ตายแล้วถ้าเรือติดนี่เรื่องใหญ่เลย ต้องโทรไปหาเรือมาลากกลับเขาฝั่งแน่ ๆ เสียเงินอีก ขับเรือไปใจก็ตุ้มต่ำ ๆ ไป พยายามลุ้นหาจุดที่น้ำลึกกว่านี้ อ่านหน้าจอไปลุ้นไป และโชคดีที่เรือไม่ติด และก็พากันกลับเข้าช่วงน้ำลึก 10 ฟุตอีกรอบและก็กลับเข้าท่าจอดเรือ ก็ลุ้นกันอีกกับการเอาเรือเข้าเทียบท่า ไม่ง่ายเลยจริง ๆ แต่ก็ผ่านไปได้...อิอิ..

เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ลุ้นระทึกกันแต่ก็สนุกดี อีกอย่างถ้าพากันฝึกไปเรื่อย ๆ เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ก็คงจะเริ่มเก่งกันบ้างล่ะน่า แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้เริ่มสนุก จากที่เป็นคนกลัวเรื่องน้ำ กลัวทะเล ตอนนี้กลายเป็นเริ่มไม่กลัวเรื่องเรือเรื่องน้ำทะเลแล้ว มองว่าชีวิตคนเราถึงคราวของแต่ละคนแล้วไม่ว่าเราจะอยู่ที่จุดไหนก็ตายได้อยู่ดี ถ้ามัวแต่กลัวก็ไม่ต้องทำอะไรเลยพอดี ไม่ต้องลองทำอะไรสนุก ๆ อีกอย่างส่วนตัวชอบอะไรแบบเสี่ยง ๆ ลุย ๆ เล็ก ๆ อยู่แล้วเลยกลายเป็นรู้สึกสนุกไปซะมากว่า คือก็ยังไม่ถึงกับแบบสบายใจแบบคุ้นมากมาย เพียงแต่ความกลัวเริ่มหายไปเยอะและก็ยังต้องระวังตัวอยู่ดี ยังไงเสื้อแจ็คเก็ตชูชีพต้องใส่ตลอด(เป็นกฏอยู่แล้ว)




 

วันที่ 12 มิ.ย. 2559 :: บรรยากาศบ้านใหม่ของเจ้า Moody Blue












เช้าวันอาทิตย์ที่ 12 มิ.ย. หลังจากพากันเอาเจ็ตสกีไปลองขับเล่นกันที่อ่าว แต่ลมแรงมากพากันกลัวคลื่นแรง ด้วยที่เพิ่งพากันลองก็ไม่กล้าเสี่ยงเพราะขนาดคนที่เค้าคงจะเล่นจนคุ้นเคยกันแล้วก็ยังเห็นไปขับกันแค่ไม่เท่าไหร่ก็พากันขึ้นฝั่ง เห็นบอก "Too much, too strong waves." ด้วยมือใหม่แบบเรา ๆ ก็เลยต้องวนกันแค่ไม่กี่นาทีก็พากันขึ้นฝั่ง

และจากนั้นก็พากันแวะกลับไปที่ท่าเรือเพื่อแวะดูเรือและพักกินอาหารกันที่นั่น สั่งอาหารจากร้านอาหารบนฝั่งแล้วนำลงไปกินในเรือแบบปิ๊คนิคเล็ก ๆ นอนพักผ่อนเล่น ๆ ในเรือประมาณสองชั่วโมงก็พากันกลับ วันนั้นลมแรงไม่กล้าเสี่ยงพากันเอาเรือออกไปเล่นในอ่าว ตั้งแต่พาเจ้า Moody Blue มาจอดที่บ้านใหม่ในวันที่ 4 มิ.ย. ก็ยังไม่ได้พาออกอ่าวซักที ยังไม่กล้าพอ จนวันที่ 14 มิ.ย. ที่อากาศดี ๆ คลื่นไม่แรงนั่นแหละจึงได้ลองล่องกันเอง




 

วันที่ 4 มิ.ย. 2559 :: เจ้าของเดิมช่วยพา Sail เพื่อย้ายเจ้า Moody Blue จากบ้านเก่าไปจอดไว้ที่บ้านใหม่


















เช้าวันเสาร์ที่ 4 มิ.ย. พากันย้ายเรือจากท่าเรือที่เจ้าของเดิมเช่าไว้ วันนั้นเจ้าของเดิมช่วยพา Sail เจ้า Moody Blue(Cal 25) ไปยังท่าเรือใหม่ที่พวกเราเช่าไว้ วันนั้นใช้เวลา 4 ชม. กว่า ๆ กว่าจะพาเจ้า Moody Blue มาถึงท่าเรือใหม่ ซึ่งถ้าเป็นการเดินทางโดยรถยนต์ระหว่างท่าเรือสองที่นี้ใช้เวลาราว ๆ 45 นาทีได้ แต่ทางน้ำโดยเรือใบใช้เวลา 4 ชม. กว่า ๆ เกือบ 5 ชม. เลยก็ว่าได้ ถ้าเป็นเรือยนต์ก็คงจะเร็วกว่านี้น่ะ และพอเจ้า Moody Blue ค่อย ๆ ล่องพาเข้าใกล้สะพานนี้ที่บนสะพานเต็มไปด้วยรถยนต์ รู้สึกว่าความสวยงามของสะพานกระทบตาเข้าให้ เลยกดชัตเตอร์เก็บภาพไว้ซะ พอล่องเข้าใต้สะพานก็กดชัตเตอร์เก็บภาพใต้สะพานนั่นแหละ ก็สะพานอยากให้มุมภาพสวยแปลก ๆ ดีนักเลยกดชัตเตอร์เก็บภาพซะให้เข็ดเลย

(และจากภาพนี้มองว่าในความเป็นจริงสิ่งที่เราหยุดไม่ได้คือการเปลี่ยนแปลงของเวลา เวลาจะค่อย ๆ นำพาทุกสิ่งทุกอย่างให้ค่อยเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ

ฉะนั้นถ้าตัวเราอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เชื่อเถอะว่าเวลาจะเป็นตัวค่อย ๆ นำพาตัวเราให้ออกห่างจากห้วงนั้นไปได้เรื่อยเอง ขอแค่ตัวเราอดทน พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเรา ตั้งสติดี ๆ ค่อย ๆ มองหาวิธีกับดับทุกข์ที่เหมาะสมกับตัวเรามาใช้ บางคนอาจจะเหมาะกับการวิ่งเข้าวัดหาที่สงบ ๆ แต่ในขณะที่บางเหตุการณ์ของบางคนนั้นใช้วิธีเหล่านั้นไม่ได้ ก็ต้องเลือกวิธีอื่นที่เหมาะสมที่ตัวเราใช้แล้วได้ผล ซึ่งส่วนตัวเราขอเลือกใช้วิธี "เสียงเพลงและก็กิจกรรมนอกบ้านที่ท้าทายเล็ก ๆ" เป็นตัวช่วยให้ตัวเราดีขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะยังไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ทั้งหมดซะทีเดียว แต่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน้อยเรื่องความรู้สึกทุกข์ใจก็ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป จะยังคงเหลือก็แต่อาการของหัวใจ อาการที่แผ่นหลัง และก็อาการอื่น ๆ ที่ตัวเราพอจะเข้าใจวิธีการรับมือกับอาการนี้ และสังเกตุได้ว่าช่วงที่ใจเรากำลังเพลินบนเรือในน้ำตัวเราก็จะลืม ๆ อาการเหล่านี้ไป แต่พอกลับเข้าฝั่ง ขึ้นรถก็เอาแล้วอาการหัวใจบีบ ๆ ตัว ร้อน ๆ หนัก ๆ หน่วง ๆ ก็กลับมาแล้ว และก็อยู่แบบนี้ทั้งคืน ก็อยู่ด้วยกันจนคุ้นเคยแล้ว

อีกอย่างคิดว่าคนเราพอเจอความทุกข์มาก ๆ โดยเฉพาะความทุกข์ใจที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้ ต้องคอยทำความเข้าใจตัวเอง ให้กำลังใจตัวเองและพอเราสามารถดูแลความรู้สึกตัวเองให้ผ่านพ้นมาได้ เรียกว่าอยู่ในจุดที่อยู่ตัวแล้ว คำว่า "Who Cares?" นี่ช่วยได้เยอะเลยทีเดียว คือไม่ต้องไปแคร์หรือกังวลอะไรมาก ใช้ชีวิตแบบทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปห่วงมากกับเรื่องที่ว่าใครจะคิดอะไรยังไง ตัดสินเราแบบไหนก็ไม่ต้องไปแคร์มาก แคร์คนใกล้ตัวเราที่รับรู้ ที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ที่เข้าใจเรา ที่ไม่ตัดสินเรานี่แหละดีที่สุด แล้วเราจะผ่านพ้นช่วงยุ่งยากนี้ไปได้เองน่ะ ก่อนหน้านั้นที่ยังเจ็บหนัก ๆ นี่บางช่วงนี่คิดว่าถ้าเราควักหัวใจออกมาและทิ้งหัวใจลงถังขยะได้โดยที่ตัวเรายังมีชีวิตอยู่ได้นี่ก็อยากจะทำเลย อยากเอาคนคนนี้ออกจากความรู้สึก ออกจากใจไปจริง ๆ แต่ในเมื่อเอาออกไม่ได้และพอเริ่มอยู่ได้แบบคุ้นเคยกับความรู้สึกและอาการเหล่านี้พร้อมกับบอกตัวเองว่า Who Cares? นั่นแหละก็ช่วยให้ผ่านมาได้และก็จะผ่านไปเรื่อย ๆ ระดับความเจ็บก็ค่อย ๆ แผ่วเบาลงตามกาลเวลา เดี๋ยวความรู้สึกก็คงจะค่อย ๆ ชา ๆ ไปเองน่ะ)




 

วันที่ 28 พ.ค. 2559 :: เจ้าของเดิมพาไปสอนการ Sail เจ้า Moody Blue ในอ่าว












เช้าวันเสาร์ที่ 28 พ.ค. เจ้าของเรือเดิมพาไปฝึก Sail ที่อ่าวใหญ่ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีลมเรื่อย ๆ แต่ไม่แรงแบบน่ากลัว ด้วยความที่เช้านั้นอากาศดีมาก ทำให้บรรยกาศวันนั้นท้องน้ำในอ่าวเต็มไปด้วยเรือใบและเรือยนต์ทั้งหลาย เห็นบรรดาเรือใบล่องในอ่าวแบบเป็นฝูงให้บรรยากาศสวยงามแบบนั้นแล้วจะรออะไรล่ะ มือก็กดชัตเตอร์รัวเลยสิคะ...บ้าถ่ายรูปอยู่แล้วนิ...อิอิ..



 

วันที่ 24 พ.ค. 2559 :: บรรยากาศบ้านเก่าของเจ้า Moody Blue










ช่วงเย็น ๆ ของวันที่ 24 พ.ค. ทริปแรกที่เจ้าของเรือเดิมพาออก Sail แบบเลียบอ่าวเล็ก ๆ เท่านั้นเอง เป็นการชิมลางบรรยกาศล่องเรือใบทริปเล็ก ๆ สั้น ๆ กับเจ้า Moody Blue




จะว่าไปแล้ว จริง ๆ แล้วชีวิตคนเรานี้นี่สั้นนะ ฉะนั้นแล้วจงเลือกใช้ชีวิตในวิถีที่ตัวเองชอบ สนุกกับการมีชีวิต แล้วความสุขจะตามมาเอง ส่วนความทุกข์หรือปัญหานั้นก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตอยู่แล้ว ไม่มีใครหนีความจริงเหล่านี้ไปได้หรอก ขอแค่เราเลือกวิธีจัดการกับปัญหา จัดการกับความทุกข์ในแบบที่ตรงจริตกับเราก็น่าจะเพียงพอ บางทีคนเราก็สร้างกรอบใหญ่เกินไป มากเกินไป และเอากรอบเหล่านั้นมาเป็นตัวสร้างเงื่อนไขให้ชีวิตแลดูสลับซับซ้อนไปเอง แค่เรามองชีวิตในมุมง่าย ๆ สุขก็ยอมรับและแสดงออกไปว่าสุข ทุกข์ก็ยอมรับและแสดงออกไปว่าทุกข์ ยอมรับกับความเป็นจริงให้ได้ก่อนแล้วเราจะค่อย ๆ หาทางแก้ปัญหาไปได้เองน่ะแหละ ถ้ามัวแต่ยึดติดกับหัวโขนมากไป ไม่ว่าจะเป็นยศฐาบรรดาศักดิ์ วัตถุเงินทอง ชาติตระกูลที่มาของแต่ละชีวิต มัวแต่จมปลักและยึดติดกับสิ่งสมมุติที่เป็นแค่เปลือกปลอม ๆ เหล่านั้นมากไปจนกลายเป็นอีโก้อันบักเอ้บกลาย ๆ ทำให้เกิดเงื่อนไขในชีวิต ทำให้ชีวิตสลับซับซ้อนไปเอง และไป ๆ มา ๆ กลายเป็นเผลอเอาอีโก้นั้นมาแบ่งแยกค่าความเป็นคนของคนอื่นกันไปก็มีให้เห็นเยอะแยะ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วชีวิตคนเราก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย จะยากดีมีจนยังไงก็ต้องการปัจจัยสี่เหมือน ๆ กันนั่นแหละ และพอถึงวันสุดท้ายของชีวิตแล้วไม่มีใครหน้าไหนสามารถนำเปลือกเหล่านี้ติดตัวไปด้วยได้เลย แม้แต่ร่างกายที่เราเผลอคิดว่าเป็นของเราก็เถอะ พอวิญญาณออกจากร่างแล้วร่างกายก็เป็นได้แค่เศษขยะ ต้องโดนบักเตรีย่อยสลายให้เป็นเศษดิน ให้กลายเป็นปุ๋ยเป็นอาหารของพืชกันไปก็แค่นั้น และต่อให้มีโอกาสได้ไปเกิดใหม่ในภพในชาติใหม่กันยังไงจิตวิญญาณก็ต้อง reset กันอยู่ดี

ฉะนั้นแล้ว ณ วันนี้เราขอเลือกมองและใช้ชีวิตในมุมง่าย ๆ ดีกว่า และที่ตัวเราสามารถค่อย ๆ ผ่านห้วงทุกข์มาได้ และก็อยู่มาได้ก็เพราะเลือกมองชีวิตในมุมง่าย ๆ แบบนี้นี่แหละ ไม่อยากเล่นเกมส์ความรู้สึก เล่นเกมส์ชีวิตกับใคร สุขก็บอกว่าสุข ทุกข์ก็บอกว่าทุกข์ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ ไม่ต้องไปสร้างเงื่อนไขให้สลับซับซ้อนมากมายกับชีวิต แต่ แต่ แต่...ตัวเราก็มีกรอบเล็ก ๆ ในการใช้ชีวิตของเราอยู่ และจะไม่เอากรอบเล็ก ๆ ของเรานี้ไปครอบงำให้กับชีวิตใครอื่นทั้งนั้นเพราะถือว่าแต่ละชีวิตเค้าก็มีสิทธิ์ใช้ชีวิตในกรอบเล็ก ๆ ของเค้าเช่นกัน สรุปก็คือเคารพในวิถีชีวิตของกันและกันนั่นแล

และพอเราเลือกมองชีวิตในมุมง่าย ๆ ก็ช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงยุ่งยากของชีวิตไปได้เช่นกัน ช่วยให้เราอยู่ได้เรื่อย ๆ กับอาการของหัวใจ ณ เวลานี้ไม่เสียใจอาลัยอาวรณ์กับอดีตและไม่กังวลกับอนาคต ทำใจให้อยู่กับปัจจุบันและเลือกทำวันนี้ให้ดีที่สุด ใช้ชีวิตกับครอบครัว ใช้เวลาด้วยกันสร้างความทรงจำดี ๆ กับครอบครัวไว้ เพราะถ้าวันใดวันนึงที่อาจจะต้องจากกันจริง ๆ ไม่ว่าการจากกันนั้นจะเป็นการจากกันแบบไหนก็แล้วแต่ เพราะคนเรายังไงก็ต้องจากกันซักวัน ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตายและนี่คือความจริงของชีวิตที่ทุกชีวิตต่างก็หนีไม่พ้น ซึ่งพอถึงเวลาที่ต้องจากกันไปเราจะได้มีความทรงจำดี ๆ กับครอบครัวไว้ คนในครอบครัวซึ่งเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเราจริง ๆ ในยามที่เราทุกข์ใจอย่างหนักหน่วง ที่รอดและผ่านพ้นมาได้ก็เพราะคนในครอบครัว ครอบครัวนี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา ณ วันนี้ วันข้างหน้าไม่มีใครรู้และขอเลือกทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ปัจจุบันเจ้า Moody Blue น้อยคงจะให้ความสำราญ สนุกสนานกับเจ้าของใหม่ไปแล้ว พวกเราขายเจ้าเรือใบน้อยลำนี้ไปตั้งแต่ปลายปี 2017 แล้ว เรารู้สึกไม่ใช่ทางเราจริง ๆ ปกติเป็นคนชอบพวกป่า ภูเขา ทำสวนอะไรแนวนี้มากกว่า ไม่ถนัดทางน้ำเลย เลยพากันขายเจ้าเรือใบน้อยนี้เพื่อตัดค่าใช้จ่ายค่าเช่าที่จอดเรือไปดีกว่า และต้องขอบคุณเจ้าเรือใบน้อยที่ได้ให้ความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับการล่องเรือใบในช่วงเสาร-อาทิตย์ เป็นกิจกรรมที่สนุกดีอีกแบบแต่ลึก ๆ ก็ไม่ใช่ทางเราเท่าไหร่ สนุกแต่แอบกังวลเพราะเราว่ายน้ำไม่เป็นเลยให้ความรู้สึกประมาณนี้ แต่ให้ไฮกิ้ง ปีนป่าปีนเขานี่เราชอบนักแล






 

Create Date : 18 มิถุนายน 2559
0 comments
Last Update : 25 กันยายน 2562 22:45:09 น.
Counter : 2630 Pageviews.


JC2002
Location :
MTH :: Maha Sarakham, Thailand
MUS :: Maryland, United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]






"......: ใครมองเรา :: เรามองเรา :......"

ใครมองเรา อย่างไร ใช่เรื่องใหญ่
เรามองเรา อย่างไร เรื่องใหญ่แน่
ใครมองเรา อย่างไร ร้อยตัวแปร
มันไม่แน่ นอนเท่า เรามองเรา

มีคนตัด สินเรา เท่าตาเห็น
แต่มันเป็น เพียงส่วนหนึ่ง ความคิดเขา
มันไม่ได้ ชัดเจน เหมือนตัวเรา
ที่มองเข้า ไปข้างใน ใจเราเอง

"......: JC2002 :: ดอกตะไคร้ป่าสีฟ้า :: 10 ก.พ. 51 :......"

Friends' blogs
[Add JC2002's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.