วันแรกที่ขับเจ้า Jeep Wrangler แล้วมีคนขับรถแซงไปด้านหน้าและขับอยู่ด้านหน้าเรา และก็ยกสองนิ้วให้(พอดีเค้าเปิดประทุนก็เลยได้เห็นเค้าชูนิ้วให้ที่ด้านหน้า) ตอนแรกจะโกรธแต่ก็มีงงว่าคืออะไรเพราะเค้ายกสองนิ้ว คือนิ้วชี้กับนิ้วกลาง และวันต่อมาขับสวนกันกับรถ Jeep Wrangler อีกคัน คนขับรถจิ๊ปคันนั้นก็ชูนิ้วให้อีก เป็นสองนิ้วอีกแล้ว งงและมึนตึ๊บอีก ฉันไปทำอะไรให้เนี่ย แต่คราวนี้เรามองเห็นหน้าตาคนขับรถจิ๊ปคันนั้นเพราะเป็นช่วงสวนทางกัน เค้าก็ไม่ได้ทำหน้าโกรธอะไรนิ ดูหน้าตาเป็นมิตรด้วยซ้ำไป แล้วทำไมเค้าชูนิ้วสองนิ้วให้อ่ะ คือมือเค้าก็ยังจับพวงมาลัยอยู่น่ะแหละ แต่แค่ชูสองนิ้วขึ้นมาให้เรา และต่อ ๆ มาก็เริ่มเห็นเรื่อย ๆ ว่าเวลาขับรถจิ๊ป แรงเลอร์ตามถนนและถ้ามีรถจิ๊ป แรงเลอร์อีกคันขับสวนมาก็มักจะเจอแบบนี้เรื่อย ๆ บ้างก็ชูแค่สองนิ้ว บ้างก็ชูสามนิ้ว บ้างก็ชูสี่นิ้ว หรือบางทีเห็นยกมือโบกกันเลย แต่ก็เอาวะ ยกนิ้วชูนิ้วมาเราก็ยกตอบบ้างน่ะแหละ ถ้าเราเห็นก็ยกตอบน่ะ ของเราจะยกสี่นิ้วเลย คิดซะว่าเค้าทักทายมั๊ง เพราะดูหน้าตาก็เป็นมิตรดีนิ แต่ก็ยังแอบงงอยู่เล็ก ๆ 

 

งานนี้เลยพึ่งพาอากู๋เค้าหน่อย เข้าถามอากู๋เลยว่าทำไมคนที่ขับรถจิ๊ป แรงเลอร์ถึงได้ชูนิ้ว หรือยกมือ โบกมือให้กันเวลาขับรถสวนกัน ก็ได้คำตอบว่านั่นน่ะคือวัฒนธรรม "Jeep Wave" ของบรรดาคนที่ใช้รถ Jeep Wrangler(จริง ๆ รถจิ๊ปตัวที่เป็นรุ่นอื่น ๆ ไม่เคยเห็นเค้าทำกันนะ จะเห็นก็เฉพาะบรรดาคนที่ขับเจ้าจิ๊ป แรงเลอร์นี่แหละที่ทำกัน) ก็ประมาณว่าเป็นคอเดียวกัน รักรถแนว ๆ เดียวกัน ประมาณให้เกียรติกัน ทักทายเป็นมิตรกันนั่นแล ซึ่งสำหรับคนที่ใช้รถจิ๊ป แรงเลอร์มานานก็เข้าใจดี แต่สำหรับคนที่เป็นแฟนจิ๊ปรุ่นต่อ ๆ มา ในช่วงแรก ๆ ก็มีงง แต่หลัง ๆ ก็จะค่อย ๆ ทำความเข้าใจ และก็จะชูนิ้ว โบกมือ ทักทายกันเวลาเห็นรถจิ๊ป แรงเลอร์อีกคันสวนทางมา กลายเป็นกลมกลืนกับวัฒนธรรม Jeep Wave กันไป 

 

ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นวัฒนธรรมที่น่ารักดี แรก ๆ ตัวเราก็งง ไม่รู้จะโกรธหรือจะดีใจ เพราะเจอครั้งแรกคือคนชูนิ้วชี้กับนิ้วกลาง(คล้าย ๆ ชูนิ้วลิโพอ่ะนะ) คือถ้าเป็นแค่นิ้วกลางนี่ความรู้สึกที่ตอบกลับคงเป็น "โกรธ" น่ะแหละ ก็ความหมายสากลกันอยู่แล้วนิ แต่นี่เป็นนิ้วชี้กับนิ้วกลาง และพอเข้าใจความหมายก็ทำให้รู้สึกดีมากกว่า กลายเป็นว่าเวลาเห็นรถจิ๊ป แรงเลอร์คันอื่น ๆ บนท้องถนนแล้วรู้สึกเป็นมิตรไปในตัวน่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนจะโบกมือ ก่อนจะชูนิ้วเพื่อทักทายกันก็ต้องดูลาดเลา ดูถนนด้วยแหละ จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่จะว่าไปแล้วด้วยลักษณะของตัวรถจิ๊ป แรงเลอร์เองที่ออกแนวสูง ๆ ใหญ่ ๆ จะขับแบบปรู๊ดปร๊าดคงไม่ได้ สังเกตุว่าคนขับจะไม่ค่อยขับแบบเร็ว ๆ หวาดเสียว ส่วนมากขับเรื่อย ๆ สบาย ๆ ซะมากกว่าก็เลยได้มีโอกาสโบกมือทักทายกันไป และด้วยวัฒนธรรมนี้กลายเป็นให้ความรู้สึกที่ดีต่อกันแบบไม่มีเรื่องเพศ เรื่องวัยหรือเรื่องเชื้อชาติเลย จะวัยรุ่นหรือมีอายุ ไม่ว่าจะเพศไหนหรือเชื้อชาติไหนก็แล้วแต่ พอเห็นกันและกันขับรถจิ๊ป แรงเลอร์สวนทางกันมาก็มักจะเห็นโบกมือทักทายกันโดยอัตโนมัติแล้ว

 

และที่สังเกตุอีกอย่างที่บรรดาคนรักรถจิ๊ป แรงเลอร์จะชอบคือผ้าคลุมล้อสำรองที่อยู่ด้านหลัง สังเกตุว่าเจ้าตัวนี้ก็เป็นของตกแต่งรถจิ๊ปอีกอย่าง และเป็นตัวสื่อในสิ่งที่เจ้าของรถจิ๊ปคิดหรือรักได้เช่นกัน และจำได้ว่ามีวันนึงเราไปซื้อของที่ห้าง ตอนเดินออกมาจากห้างหลังซื้อของเสร็จ กำลังจะเอาของขึ้นรถ ก็มีสาวน้อยอาฟริกัน-อเมริกันนางนึงเดินเข้ามาและถามว่าซื้อผ้าคลุมล้อรถสำรองนี้จากไหน เธอบอกเธอชอบ ซึ่งเธอนั่งรอในรถจิ๊ปของเธอจนเห็นเราออกมา รอเพื่อแค่จะถามเราว่าซื้อผ้าคลุมล้อสำรองนี้จากที่ไหน ก็เลยบอกเธอไปว่าซื้อมาจากเว็บอเมซอน ซึ่งเธอบอกว่าเธอเห็นแล้วเธอชอบ เธอรักรถจิ๊ปของเธอและก็รักการถ่ายรูปด้วย เธอจะไปหาซื้อผ้าคลุมล้อสำรองตัวนี้มาบ้าง และก็นั่นแลเรียกว่าเป็นตัวบ่งบอกความชอบของแต่ละคนไปในตัวนั่นเอง