ขอให้รอ วันรุ่งของพรุ่งนี้ ฟ้าคงมี พรชัยให้กับเรา (พ.ท. ณรงค์เดช นันทโพธิเดช)
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

พ่อครัวใหญ่


เตี้ยเป็นคนบ้านโป่งราชบุรีโดยกำเนิด บิดาเป็นชาวจีนมีอาชีพเป็นเจ้าของโรง้เลื่อย มารดา เป็นคนไทยเชื้อสายโซ่ง ถึงแม้เตี้ยจะโตมากับพ่อ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเลื่อย แต่ชีวิตเตี้ยไม่ได้สุข สบายแม้แต่น้อย เนื่องด้วยเตี้ยเป็นลูกคนที่สามในบรรดาลูกพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน เตี้ยยังมี น้องสาวอีกหนึ่งคน ชีวิตเตี้ยเมื่อตอนยังเด็ก ไม่ได้รับการดูแลเอาใจจากบิดามากนัก เนื่องด้วย มารดาของเตี้ยเป็นภรรยานอกสมรส ภรรยาหลวงของบิดาเตี้ยเป็นคนจีน สังคมคนจีนภรรยา หลวงย่อมเป็นใหญ่ มารดาของเตี้ยจึงไม่ผิดอะไรกับคนใช้ ชีวิตของเตี้ยนั้น เกิดมาไม่เคยมีความ อบอุ่นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีการเปรียบเทียบกับลูกของบ้านใหญ่ ความน้อยเนื้อ ต่ำใจนี้ เตี้ยเก็บสะสมมาเรื่อย มันเป็นความรู้สึกอิจฉาริษยาในวัยเด็ก ที่ทับถมมาเป็นเวลานาน ครั้นพอเตี้ยถึงวัยที่ศึกษาเล่าเรียน เตี้ยก็ได้รับการศึกษาเล่าเรียนเหมือนเด็กทั่วไปที่ควรจะได้เรียน มันผิดกันตรงที่ ทำไมเตี้ยต้องไปโรงเรียนวัด แต่ลูกบ้านใหญ่ทุกคนได้ไปเรียนโรงเรียนประจำ อำเภอ ตั้งแต่เด็กจนโต เตี้ยเองก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อกับแม่อยู่พร้อมหน้ากันเลย เพราะแม่และ ครอบครัวเตี้ยก็อยู่ต่างหาก ไม่ได้ไปอยู่ร่วมชายคากับพวกบ้านใหญ่ ต่างคนต่างอยู่ นานๆจึงจะ เห็นพ่อมาที่บ้านแม่ แต่ก็เป็นเหตุการณ์ตั้งแต่น้องสาวคนเล็กยังไม่เกิด ปัจจุบันพ่อก็ไม่ค่อย ไปมาหาสู่เลย

เมื่อเรียนจบมัธยมเตี้เลยตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพราะว่าเตี้ยมีความรัก ความรู้สึกของเตี้ยที่มีต่อ พิทยานั้ัน มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างที่เตี้ยไม่เคยมีในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นจากแม่ จากพ่อ หรือจากพี่ชายพี่สาวที่โตกว่า เกิดมาในชีวิตนี้ความรู้สึกแบบนี้ มันมีพลานุภาพยิ่งใหญ่มาก สำหรับเตี้ย ในที่สุดเมื่อความรักมันเต็มอกของเตี้ยและพิทยาสาวนครปฐม เลยตัดสินใจในสิ่งที่ ทุกคนในวัยสิบเจ็ดไม่สมควรที่จะทำ

คืนนี้เป็นคืนวันที่สองของงานประจำปีองค์พระปฐมเจดีย์ เตี้ยและพิทยานัดแนะกันอย่างด ี เมื่อตอนกลางวัน หลังจากแยกออกจากกลุ่มที่ตนมาด้วยต่างจูงมือกันมาสักการะพระร่วงโรจน-ฤทธิ์ เพื่อขอพรให้ความรักนั้นอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย เมื่อทั้งคู่แน่ใจซึ่งกันและกัน แม้จะมีอุปสรรค ขวากหนามหรือมหาสมุทร ก็ไม่อาจขวางความรักของทั้งสองได้ ทั้งคู่จึงหนีตามกันมาอยู่ที่บ้าน
โป่งราชบุรีซึ่งเป็นบ้านของเตี้ย ตัั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ทั้งคู่มีพยานรักด้วยกันสามคน หญิงสอง ชายหนึ่ง ภาระอันหนักยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นเขา ตกอยู่กับเตี้ยแต่เพียงผู้เดียว ลูกสามเมียหนึ่ง แม่อีก หนึ่ง เตี้ยต้องกัดฟันทนทำงานทุกอย่างไม่ย่อท้อ ไม่ว่าจะเป็นงานร้านข้าวต้มโต้รุ่ง งานรับจ้าง ทั้งกลางวันกลางคืน และแล้วเหมือนสวรรค์มีตา เมื่อแรงงานจังหวัดรับจัดหาคนงานไปทำงาน ตะวันออกกลางประกาศรับคนงาน

วันนี้อากาศจังหวัดราชบุรีแจ่มใสไร้เมฆหมอกมาบัง ไม่มีแต่ควันจากโรงงานน้ำตาล ไม่มี แม้แต่กลิ่นเหม็นจากแม่น้ำแม่กลอง ความรู้สึกของเตี้ยตอนนี้เป็นไปด้วยความหวัง มองไปทาง ไหนก็เห็นแต่หน้าลูกเมียล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ ตกเย็นเตี้ยเดินเข้าบ้านด้วยความปิติยินดี เพราะเตี้ยได้ไปทำงานที่ประเทศบาเรนห์ เป็นคนงานในครัว

เตี้ยทำงานอยู่ที่นั่นได้ปีกว่า เตี้ยต้องกลับมาเดินเตะฝุ่นหางานใหม่ในเมืองไทย ตอนนั้นเตี้ย มีความรู้สึกอยากกระโดดน้ำตาย มันมืดมนไปหมด เตี้ยคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี นอกจาก ภาระที่มีชีวิตแล้วคือลูกเมีย เตี้ยยังมีภาระที่ไม่ชีวิตอีกคือ เตี้ยซื้อบ้านเงินผ่อนอีกหนี่งหลัง เมื่อมัน ต้องกลับมาในเวลาอันไม่สมควร ซึ่งไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน จึงหมดหนทางที่จะไปสมัครงาน ครั้นจะไปเป็นพนักงานตามร้านอาหาร ก็คงไม่มีเงินผ่อนบ้านแน่ จะไปเป็นพ่อครัวตามโรงแรม ก็คงไม่ได้ ฝีมือไม่ถึงคงไม่มีใครจ้าง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เตี้ยไม่เคยผ่าน เปิดอ่านหน้าสมัครงาน
ทุกเช้า จนเจ็กเส็งเจ้าของร้านกาแฟที่บ้านโป่งรู้จักดี เพราะทุกเช้าเตี้ยจะต้องมาอ่านหนังสือ พิมพ์ที่ร้านเป็นประจำ

เช้านี้ก็เป็นเหมือนอย่างเคย มันตื่นแต่เช้ารีบไปหาหนังสือพิมพ์อ่าน หมดหวังกับไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชนอ่านจนไม่มีอะไรจะให้มันอ่าน อ่านทุกหน้าทุกตัวอักษรที่รับสมัครงานจนมัน เริ่มท้อ จึงเดินกลับบ้านด้วยความหวังถึงวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ต้องตื่นเต้นเมื่อพบกับ เศษกระดาษที่ลูกสาวคนโต ที่เรียนอยู่มัธยมปีที่สอง ได้แอบฉีกหนังสือพิมพ์วัฏจักรฉบับวัน อังคารที่ 25 มิถุนายน 2539 จากโรงเรียนมาให้พ่อของเธอ (เพราะร้านเจ็กเส็งไม่รับวัฏจักร) ในหน้านั้นระบุชัดเจนว่า ต้องการด่วนคนงานในครัวที่มีประสบการณ์ไปทำงานร้านอาหารไทย
ที่เมลเบิร์น เตี้ยจึงจัดแจงออกไปตลาดเพี่อหาโทรศัพท์สาธารณะ ด้วยความที่เป็นคนพูดจา ประจบประแจงอย่างน่าสงสาร ขอให้ได้มาก่อนค่าจ้างค่าแรงไม่มีการต่อรอง จึงไม่ยากนักที่มัน จะได้มาเมลเบิร์นออสเตรเลีย จากนี้ไปเตี้ยปฏิญาณไว้เลยว่า จะไม่ให้มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น อีก จะไม่ยอมให้ตกงานอีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะได้มาด้วยวิธีการใดก็ตาม เตี้ยกลัวทุกอย่าง กลัวคน จะมาแย่งตำแหน่ง เดี๋ยวไม่มีงานทำ ไหนบ้านก็ต้องผ่อน ลูกอีกสามอยู่ที่เมืองไทย ถ้าหลุดจาก ร้านนี้ไป ไม่รู้จะไปทำงานที่ไหน ครั้นจะกลับเมืองไทย ก็ไม่รู้จะไปทำอะไร จะไปเป็นเด็กร้าน ข้าวต้มก็ไม่ได้ ไม่พอเลี้ยงลูก คงนึกไม่ออกว่าจะไปทำงานอะไร ครั้นจะไปทำงานที่ตะวัน ออกกลาง ตัวก็เล็กจะไปทำงานก่อสร้างก็ไม่ไหว ก็เลยต้องมาทำงานในครัว ทั้งที่ฝีมือทำอาหารก็ ธรรมดา มาจากเด็กร้านข้าวต้ม เตี้ยอยู่ที่ร้านอาหารไทยที่นครเมลเบิร์นได้ไม่นานเท่าไหร่ เพราะ ไม่เก่งจริง ร้านอาหารไทยที่เมืองนี้ ต้องเก่งจริงๆถึงจะอยู่ได้ เตี้ยจึงเริ่มมองออกว่า ถ้าขืนอยู่ที่นี่ ต่อไป วันหนึ่งมันต้องประสบกับชะตากรรมที่มันคิดฆ่าตัวตายแน่ เพราะมันเป็นแค่ลูกมือ มัน ไม่ได้เป็นพ่อครัวใหญ่ มันจึงคิดว่าเป็นหัวหมาดีกว่าเป็นหางราชสีห์ จึงซื้อหนังสือพิมพ์ภาษา ไทยที่จำหน่ายในออสเตรเลียมาอ่านไม่ว่าจะเป็น ไทยออสฯ ไทยโพสต์ เพื่อหาที่สมัครงานใหม่

โชคดีพบร้านอาหารที่บริสเบน รับสมัครพนักงานในตำแหน่งพ่อครัวพอดี เตี้ยไม่ลังเล รีบ ลาออก และย้ายจากเมลเบิร์นมาอยู่บริสเบน มาทีแรกเตี้ยก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าหรือพ่อครัวใหญ่ เป็นแค่พนักงานในครัวธรรมดานี่แหละ แต่ด้วยความที่มันเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว จึง ไม่ยากนักที่มันจะถีบน้าโรมหัวหน้าคนเก่าออก น้าโรม เป็นคนที่สอนเตี้ยทำทุกอย่าง

“ตอนมันมาใหม่ๆ มันประจบให้น้าสอนมันทุกอย่าง แต่แล้วมันก็ขึ้นมาแทนน้าอย่างที่เห็น
นี่แหละ น้าทนไม่ไหว คนอย่างมันจะมีอะไร มาตอนแรกเป็ดมันยังเลาะไม่เป็นเลย ผัดไทย
น้าก็สอนมันผัด”

น้าโรมพูดพร้อมกับยกแก้วชาดอนเน่ขึ้นดื่ม พร้อมกับสาธยายต่อว่า

“น้ามันผ่านโลกมามากรู้ดีว่าของอย่างนี้ใครมีประโยชน์มากกว่า เจ้าของร้านเขาต้องเลือก คนนั้น น้าไม่สนใจหรอก น้ามันปลงแล้ว พอมันทำได้ทุกอย่าง มันก็บอกเจ้าของร้านว่า ให้เอาน้าออกเหอะ มันทำได้เก่งกว่าน้าอีก และที่สำคัญมันประจบชู้เจ้าของร้านซะอยู่หมัด เลย ในเมื่อการเมืองมันเปลี่ยนขั้ว น้าก็เลยย้ายพรรคหลีกทางให้มัน น้าเลยต้องมาทำอยู่ร้าน ไทยคิทเช่นนี้แหละสบายใจดี”

ตั้งแต่น้าโรมลาออกจากร้านนั้นเป็นต้นมา เตี้ยคนเดียวเท่านั้นที่เป็นใหญ่ในร้านนี้ ไม่ว่าไอ้ มนุษย์หน้าไหนจะมาเก่งทำเป็นรู้เรื่องมากกว่าไม่ได้ จะต้องมีอันเป็นไปภายในสามวันเจ็ดวัน ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ในร้านนี้ห้ามมีผู้หนึ่งผู้ใดมาอวดรู้หรือรู้จริงอย่างเด็ดขาด ถ้ามีใครหน้าไหน มาอวดรู้อวดเก่ง เตี้ยจะรีบตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการบอกเจ้าของร้านให้ลดวันทำงานทันที จนกว่า ผู้นั้นจะลาออกไปเอง เพราะฉะนั้นสิทธิ์ขาดในครัวอยู่ที่เตี้ยคนเดียว

จากนี้ไปเตี้ยไม่ใช่ไอ้เตี้ยลูกเมียน้อยเหมือนเมื่อตอนเด็กๆแล้ว ไม่ใช่เตี้ยที่แม่เป็นคนงาน และเป็นเมียน้อยเจ้าของโรงเลื่อย แล้วก็ไม่ใช่เตี้ยที่มีพี่ชายขี้เมาขึ้นโรงพักเป็นว่าเล่น เพราะเมา สุราอาละวาดจนผู้คนแถวนั้นเอือมระอา บางครั้งก็เมาจนทำร้ายคนในครอบครัว เพราะความ ไม่มีสติที่จะควบคุมตัวเองได้ ตอนนี้เป็นเตี้ยเป็นพ่อครัวใหญ่ ที่มีทุกอย่างมีบ้านมีรถขับ เอาลูก เอาเมียมาอยู่บริสเบนพร้อม มีอำนาจชี้นกเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นนก ในร้านไม่มีใครใหญ่เท่าเตี้ย นี่คือ ความภาคภูมิใจของคนที่กว่าจะได้เป็นพ่อครัวใหญ่

มันเป็นสัจธรรมจริงๆว่า สัตว์ที่มีกำลังมากย่อมเป็นเจ้าป่า ในการทำงานหรือการอยู่ร่วมกัน คนย่อมต้องมีความแตกต่างของคนที่อยู่ร่วมกัน เพราะแต่ละคนย่อมมีพื้นฐานที่ไม่เหมือนกัน
ความมัวเมาในอำนาจ มัวเมาในความต้องการแก่งแย่งกันนั้น ย่อมต้องมีการใช้เล่ห์เหลี่ยมเป็น เรื่องปกติ ยิ่งถ้าความเป็นอยู่ในต่างแดนด้วยแล้ว ย่อมต้องมีมากกว่าธรรมดา เพราะถ้าผู้ใดหลุด กระเด็นออกนอกวงโครจรเมื่อไหร่ ย่อมหมายถึงการเริ่มนับหนึ่งใหม่ ในเมื่อไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด แล้วจะกลัวเวรกรรมทำไม...
.....กาลเวลาย่อมกลืนกินสัตว์ทั้งหลาย พร้อมกับตัวมันเองด้วย ทำไมคนเราต้องแก่งแย่งแข่งขันกัน ทำไมไม่อยู่ร่วมกันโดยปราศจากอิจฉาริษยา....

ขอบคุณ สุดชาย ไทยออคิด ที่ให้ข้อมูล




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2550
1 comments
Last Update : 15 กรกฎาคม 2553 8:41:32 น.
Counter : 2287 Pageviews.

 

แวะมาอ่นครับ

 

โดย: KnightWin 3 มิถุนายน 2550 11:46:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พินิจนันท์ เจมส์
Location :
โน้ส อุดม Ayaka Oishi Hiroko Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




รวมเรื่องสั้นจากต่างแดน ชุด หนูอยากเป็นโสเภณีนี้
ผู้เขียนตั้งใจเขียนเพื่อให้เป็นความรู้ และตีแผ่สังคมที่ได้พบได้เจอมา ต้องการให้เป็นเรื่องสั้นที่มีครบทุกอรรถรสหลากหลาย อารมณ์ตลก ชีวิต เสียดสีสังคม และแฝงไปด้วยคติเตือนใจ แต่ละเรื่องผู้เขียนหวังแค่ปลุกจิตให้กับผู้อ่าน ได้รู้ได้สัมผัสกับแง่มุมบางแง่ ที่คนอาจมองข้ามไป และต้องการแสดงให้ เห็นว่าทุกสังคมนั้น ย่อมมีการแก่งแย่งแข่งขัน ดิ้นรน โอ้อวด เหยียดหยามกัน มีทั้งคนดี และคนไม่ดี สิ่งเหล่านี้ในสังคมเดียวกัน แต่คนอาจจะพบอาจเจอไม่เหมือนกัน และสังคม ของคน ก็เหมือนสังคมของสัตว์ผู้ที่เก่งผู้ที่มีกำลังมาก ผู้ที่รู้จักปรับตัว ก็ย่อมอยู่ได้ในสังคม นั้น ผู้ที่อ่อนแอและไม่ปรับตัว ก็ไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับคนในสังคมนั้น เพราะทุกคนมี ที่มาต่างกันและมีจุดมุ่งหมายต่างกัน แต่ในเมื่อมาอยู่ร่วมกันในที่ที่เดียวกัน ก็ย่อมที่จะมี ปัญหา เพราะทุกคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ต่างคน ต่างต้องต่อสู้ดิ้นรน เพื่อความอยู่รอด

เรื่องสั้นส่วนใหญ่ เคยโพสต์ลงในเวปเอ็มไทย ได้รับคำวิจารณ์และคำติชมจากผู้อ่านพอสมควร ผู้เขียนต้องการเพียงแค่ เสนอแนะให้เป็นข้อคิดกับคนรุ่นต่อไป หรือคนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมของคนในต่างแดนว่า เราควรจะเตรียมตัวอย่างไร ถึงจะอยู่รอดได้ ผู้เขียนไม่ได้มีจุดมุ่งหมาย ที่จะนำชีวิตผู้หนึ่งผู้ใดมาประจานให้ได้รับ ความเสียหาย เพราะทุกเรื่องตัวละครทุกตัวก็เป็นเรื่องสมมุติ ถึงแม้จะอิงหรืออ้างถึงสถานที่ จริง ก็เพื่อให้เกิดความสมจริงขึ้นกับเนื้อเรื่องเท่านั้น

ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้ จะบรรจุเรื่องราวต่างๆที่เป็นประโยชน์ ความสนุก สนาน สำหรับผู้อ่านอย่างครบถ้วน

ด้วยความปรารถนาดี

เจมส์

มกราคม 2543
New Comments
Friends' blogs
[Add พินิจนันท์ เจมส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.