ขอให้รอ วันรุ่งของพรุ่งนี้ ฟ้าคงมี พรชัยให้กับเรา (พ.ท. ณรงค์เดช นันทโพธิเดช)
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
บันทึกรักกับสาวญี่ปุ่น (erotic)ห้ามเด็กต่ำกว่า18อ่าน


ผมรู้สึกเหงาๆ ใจหาย เหนื่อยหน่าย อ่อนล้า ไม่อยากจะลุกจากที่นอน ซึ่งยังมี ไออุ่นๆ ถึงแม้ว่าเวลาจากนาฬิกาที่หัวเตียงจะบอกว่า อีกสิบนาทีก็จะสิบโมงเช้าแล้ว แต่อากาศภายนอก หน้าต่างก็ยังคงไม่มีแสงแดด ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมจนครึ้มสนิท กลิ่นของฝนลอดช่องหน้าต่างเข้ามา สัมผัสกับจมูก ทำให้ผมรู้สึกคุ้นๆ เหมือนกับว่าธรรมชาตินั้น มันไม่ได้แบ่งแยกเลยว่า กลิ่นดิน กลิ่นฝน ของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน แท้ที่จริงแล้ว ธรรมชาติที่ไหนก็เหมือนกัน ดินก็เป็นดิน ฝนก็เป็น ฝน ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน ธรรมชาติไม่เคยแบ่งแยกว่า นี่เป็นฝนหรือดินเป็นดินออสเตรเลีย แท้ที่จริง แล้วคนเราต่างหากที่เป็นคนแบ่งแยกทุกสิ่งทุกอย่าง

เหม่อมองดูรอบห้องแคบๆชั้นล่างของบ้านสองชั้น เดิมบ้านหลังนี้ มีสามห้องนอน หนึ่งห้อง ครัว หนึ่งห้องรับแขก และหนึ่งห้องน้ำชั้นบน แต่เจ้าของบ้านได้ต่อเติมห้องชั้นล่างเพิ่มสองห้องให้ นักเรียนเช่า และอีกหนึ่งห้องทำงานของเจ้าของบ้าน พร้อมกับทำห้องน้ำ เพิ่มอีกหนึ่งห้อง เพื่อให้เพียง พอกับความต้องการของผู้อาศัย ผมเช่าอยู่ที่ห้องด้านล่าง ส่วน อีกห้องเป็นนักเรียนจีนเช่าอยู่

วันนี้ในใจผมก็ยังคงเก็บรักษา ความว้าเหว่และความเหงาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เหมือนกับว่าทั้ง สองอย่างนี้ มันเป็นสนิทสนมกับผมมานานแรมปี ถึงได้ทำตัวได้คุ้นเคยมาก ไม่ยอมจากผมไปสักที จิต ยังคงล่อยลอยไปเรื่อยคิดถึงวันเก่าๆ บางครั้งผมยังนึกถามตัวเองว่าฝันไปหรือนี่ ความอาลัยอาวรณ์กับ สิ่งที่ต้องจากหรือพลัดพราก โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า จะได้พบกันอีกหรือไม่ ความรู้สึกนี้มันมาหาผม ตั้งแต่ เมื่อเช้าวาน หลังจากที่ซาโอริสาวญี่ปุ่นที่ผมหลงรักกลับไปญี่ปุ่น เราจากกันด้วยความเศร้าโศก ร้องไห้ อาลัยหาต่อกัน โดยที่ต่างฝ่ายต่างตอบตัวเองไม่ได้ว่า เราจะได้พบกันอีกหรือไม่ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ ผมมีแฟนเป็นคนต่างชาติ จึงทำให้ผมรู้สึกว่า ตอนนี้เหมือนผมอยู่คนเดียวในโลก จากการที่เคยมีเธอ นอนอยู่ข้าง ทุกครั้งเวลาตื่น แต่วันนี้มันช่างเงียบเหงา ไร้เหงาของเธอ

ผมรู้จักซาโอริ ตั้งแต่วันแรกที่ผมมาออสเตรเลีย เพราะเธออาศัยอยู่บ้านหลังนี้ก่อนที่ผมจะมา เมื่อผมก้าวลงจากแท็กซี่ที่มาจอดหน้าบ้าน มีผู้หญิงวัยกลางคน ยืนรอรับอยู่ เธอชื่อว่าเพกกี้ เธอเดินนำ หน้าผมขึ้นบันได เปิดประตูบ้านเข้าไป มีเด็กวัยรุ่นผู้หญิงผิวขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีแดง ใส่เสื้อกล้าม สีขาว ไม่ใส่เสื้อใน (เพราะผมมองเห็นหัวนมนูนออกมานอกเสื้อ) เดินมาหา แล้วเพ็กกี้ก็แนะนำว่า เธอชื่อ ซาโอริ เป็นคนญี่ปุ่น เมื่อเจอเธอครั้งแรก ผมรู้ทันทีเลยว่า ผู้หญิงในแบบของผม เพราะเธอผิวขาว หน้า หมวย ผมสวย และตัวเล็ก

วันรุ่งขึ้น เจ้าของบ้านพานักเรียนที่อาศัยอยู่ไปเที่ยว เพื่อให้ผมคุ้นเคยกับสถานที่ และสร้างความ สนิทสนมเป็นกันเอง โดยมีเจ้าของบ้านผู้ชายชื่อเดวิดเป็นสามีของเพกกี้เป็นคนขับรถ ภายในรถมีนัก เรียนสามคน คือซาโอริ ฮารูโยะ และผม ระหว่างที่รถแล่นออกจากตัว เมืองวิ่งตรงไปยังชายทะเลที่ เรียกว่านูซ่า เป็นชายหาด แล้วก็มีสวนสาธารณะ สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ผมไม่ปล่อยเวลาให้เปล่า ประโยชน์กว่าจะถึงที่หมาย ไม่รู้อีกไกลแค่ไหน ผมพยายามชวนซาโอริคุยตลอดทาง คุยโน่นคุยนี่ ถาม ถึงเมืองโอซาก้า บ้านเกิดของเธอ และก็ไม่ลืมถามว่าเธอเคยมาเที่ยวเมืองไทยหรือไม่ แต่เธอไม่เคยมา แต่ เจ้าของบ้านผัวเมียเคยมา เพกกี้ยังบอกอีกด้วยว่า ลูกสาวของเธอทั้งสองคน ชอบกินส้มตำมาก วันนี้เรา ไปเที่ยวกัน เหมือนไปนั่งรถเล่นมากกว่า พอกลับบ้านมาตอนเย็น ระหว่างกินข้าว ผมก็เป็นเหมือนเดิม ทำตัวเป็นหัวหน้าแกงค์หูดำ (หน้าหม้อ) ชวนซาโอริและทุกคนคุยตลอด (เพราะผมเป็นคนที่ชอบสร้าง จุดเด่นด้วยการคุยมาตั้งแต่เด็ก)

ผมพยายามหาโอกาสที่ใกล้ชิดเธอตลอด ไม่ว่าจะเป็นการตื่นแต่เช้า เพื่อไปโรงเรียน พร้อมเธอ หรือแม้แต่กลับบ้าน ผมพยายามหาโอกาสเจอเธอทุกครั้ง พยายามชวนเธอคุยตลอด ทั้งที่มารู้ตอนหลังว่า เธอมีแฟนอยู่แล้วที่โอซาก้า แต่ผมก็ไม่ละความพยายาม เพราะผมชอบเธอมาก ผมพยายามพูดอย่างเปิด เผย จนเพกกี้มองออกว่า ผมคิดอะไร แต่เหมือนเพกกี้ถูกชะตากับผม เธอเชียร์ครับ เลยทำให้ผมมั่นใจขึ้น แต่ดูท่าทีซาโอริเฉยเมยกับผมมาก เหมือนไม่คิดอะไรเลย แต่เธอคงรู้ว่า ผมคิดอย่างไรกับเธอ

ระหว่างที่ผมอยู่ที่บ้านนี้ ผมหางานทำตั้งแต่อาทิตย์แรก และได้งานสองแห่ง โดยทำที่ร้าน อาหารไทยในวันปกติ และทำที่ร้านญี่ปุ่นในวันอาทิตย์ ทำงานอาทิตย์ละห้าวัน ในวันอาทิตย์ ผมทำงาน ตั้งแต่สิบโมงเช้า พักประมาณบ่ายสองโมง และเริ่มอีกทีตอนห้าโมงเย็นจนถึงประมาณสี่ทุ่ม หน้าที่ผมก็ เหมือนกัน ไม่ว่าร้านไทยหรือร้านญี่ปุ่น ก็คือล้างจาน ทำความสะอาดครัว ทำทุกอย่างที่ เขาใช้ให้ทำ หุงข้าว หั่นผัก หั่นเนื้อ ไม่ได้ยากเย็นอะไรมาก ง่ายๆ และก็สนุกดี

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ตอนบ่าย ผมทำอยู่ที่ร้านญี่ปุ่น ช่วงพักพอดี ซาโอริไปหาบอกว่า เพกกี้รออยู่ ให้ไปหา ผมก็เดินตามซาโอริไปหาเพกกี้ ซึ่งกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ เรานั่งสนทนากัน โดยมีผม เพกกี้ และ ซาโอริ

“ก็ไม่มีอะไร แค่เป็นห่วง เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ทำงานร้านญี่ปุ่น เลยมาดูว่า มีปัญหาอะไร หรือไม่” เสียงเพกกี้ถามด้วยความเป็นห่วงจริงๆ

ผมก็ตอบไปว่าไม่มีอะไร เพราะมันไม่มีอะไรจริงๆ เรานั่งคุยกันจนผมได้เวลาทำงานอีกครั้ง ผม จึงขอตัวไปทำงาน แล้วเธอก็กลับบ้านประมาณสี่ทุ่มครึ่งกว่าๆ ผมกลับมาบ้าน ทุกคนยังไม่นอน บางคนนั่งดูทีวี แต่เพกกี้กับซาโอริ นั่งคุยกันที่ระเบียงด้านหลังชั้นบนของบ้าน เมื่อผมไปร่วมวงสนทนาด้วย ผมนอนในเปลญวน ซึ่งผูกไว้ สำหรับนอนเล่น เราคุยกันมากมายหลายเรื่องจนดึกดื่น เพกกี้จึงขอตัวไปนอน แต่ซาโอริยังไม่ยอมไป นอน ผมเลยชวนเธอคุย แต่ครั้งนี้ปฏิกริยาเธอเปลี่ยนไป ดูเธอสดใส ยิ้มตลอดเวลาคุยกัน เราคุยกัน เรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วก็เรื่องแฟน เธอถามผมว่าไม่มีแฟนหรือ ผมรีบตอบว่าไม่มี (แต่ที่จริงมีอยู่ที่ เมืองไทยตั้งสามคนในตอนนั้น) แล้วผมก็ถามเธอว่า แฟนของเธอล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง เธอก็ตอบว่า ตอน นี้เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับแฟนของเธอเลย จากนั้นเธอก็บอกให้ผมไปนั่งข้างเธอบนม้านั่งยาวที่เธอนั่งอยู่ เพราะผมนอนอยู่ในเปล

ผมเป็นคนเชื่อคนง่าย โดยเฉพาะคนที่หน้าหมวยๆ ผมเลยลุกจากเปล ไปนั่งข้างเธอ ตอนนี้เธอ เริ่มมีสีหน้าอายๆ แต่อมยิ้มอย่างไม่หยุด เมื่อผมไปนั่งบนม้านั่งข้างเธอ เธอลุกขึ้น แต่เธอไม่ได้ลุกหนีนะ เธอลุกมานั่งบนตักผม แล้วเธอก็พูด I like you very much. แล้วก็จูบที่ปากผม ด้วยความที่ผมกลัว เธอจะเสียใจ ผมเลยจูบกับเธออยู่พักหนึ่ง จนรู้สึกว่าผมอยากทำมากกว่าจูบแล้ว ประกอบกับผมยังไม่ได้ อาบน้ำ เพิ่งเลิกงานมา จึงบอกเธอว่า ขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วบอกให้เธอไปหาผมที่ห้องชั้นล่าง

พออาบน้ำเสร็จ เธอก็ไม่สร้างความผิดหวัง เธอมาหาผมที่ห้องนอนจริงๆครับ ดูเธออายนิดๆ แต่ กล้ามากกว่า ผมรีบดึงตัวเธอมากอด จูบที่ปากเธอ จับเธอนอนบนเตียงนอน จากนั้นก็จับเธอถอดเสื้อออก ผมจูบ ลูบไล้เธอไปทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ซอกคอ ติ่งหู ไล่ลงมา จนถึงหน้าอกที่สวยงามและขาวมาก เพราะเธอเป็นญี่ปุ่น ผมซุกไซ้ไปจนถึงหน้าท้อง และจัดแจงถอดกางเกงขาสั้นยืดๆของเธอออก พร้อมกับ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว (ที่จริงผมไม่ได้ใส่ แค่นุ่งผ้าเช็ดตัว เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ) แล้วเล้า โลมเธอ จนเลือดในร่างกายเธอหมุนเวียน และสูบฉีดอย่างเต็มที่ เพื่อไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆของ ร่างกาย ทั้งอวัยวะภายในและภายนอก ทำให้อวัยวะบางอย่างขยายตัว มีอาการเกร็งและบีบรัด แต่อาการ นี้จะกลับคืนสู่ภาวะ ปกติก็ต่อเมื่อได้รับการบำบัด แต่ถ้าเธอไม่รับการบำบัด เธอจะมีอาการเจ็บปวด ตึง กล้ามเนื้อบริเวณนั้นของเธอ เพราะเลือดส่งไปหล่อเลี้ยง นอกจากนี้ยังทำให้เครียด ร้อน และถ้าปล่อย ให้เป็นนานๆเข้า อาจถึงขั้นนอนไม่หลับ วิตก ปวดหัวไม่หาย ปวดบริเวณหน้าท้อง อารมณ์ หงุดหงิด ขี้โมโหโดยไม่มีเหตุผล คนไทยอย่างผมโดนสั่งสอนอบรมมาเสมอว่า ให้รู้จักช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ก็เลยอยากบำบัดให้เธอด้วยหัวใจที่หื่นกระหาย เพราะตอนนี้สนามหญ้าหน้าบ้านของเธอแฉะไปหมด เธอก็เปิดประตูให้ผมไปบำบัด เพื่อให้เธอเข้าสู่ภาวะปกติ ปลอดโปร่งโล่งสบาย และดื่มด่ำกับความสุข ผมจึงเริ่มลากสายท่อดับเพลิง เพื่อเข้าไปฉีดน้ำดับไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่อย่างไม่มีวันมอด แต่ผมก็ต้อง สะดุดลง เพราะเธอนั้นได้รับการอบรมมาอย่างดีในเรื่องของเพศศึกษา และญี่ปุ่นไม่เคยตกอยู่ในความ ประมาทเวลามีเพศสัมพันธ์ เธอจึงย้ายบ้านหนีผม ขณะที่ผมกำลังเอาหัวจรวดจ่อประตูบ้านเธอ แล้วบอก ให้ผมใส่ถุงยางอนามัยก่อน (condom) ผมแทบลมจับ เพราะตอนมาไม่คิดว่าจะมาเจออย่างนี้ เลยไม่ได้ เตรียมตัว แล้วตอนนี้ก็ตีสองกว่าแล้วจะไปหาที่ไหนวะ ถุงยาง จะไปเคาะห้องเจ้าของบ้าน ถามหาถุงยาง อนามัยก็กระไรอยู่ ผมบอกว่าไม่มีและอ้อนวอนขอให้ผมเข้าบ้านเธอเถิด แต่เธอยังยืนยันว่าไม่ยอม (จริงๆน่ะ เธอนอนยัน เพราะอยู่ในท่านอน) ผมอ้างเหตุผลต่างๆว่าถ้าผมไม่ได้ฉีดน้ำดับเพลิงในครั้งนี้ อาจทำให้ผมเป็นมะเร็งที่ต่อมลูกหมากได้ และอาจเครียดมากจนต้องส่งโรงพยาบาล บุคลิกก็อาจเปลี่ยน ไป หรืออาจเป็นคนวิตกจริต จนถึงกามตายด้านได้ ได้ผลครับผู้หญิงญี่ปุ่น ก็ยังคงเป็นญี่ปุ่นคือ ตามใจผู้ชาย เธอบอกง่ายมาก เธอจะใช้ปากทำให้ ผมเลยนอนหงายเพื่อให้เธอปฏิบัติหน้าที่ได้สะดวก สาวญี่ปุ่นคนนี้ปฏิบัติหน้าที่ได้เก่งมาก ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากโรงเรียนไหน (จะส่งแฟนที่เมืองไทยไป เรียนบ้าง) ผมเริ่มมีอาการเกร็งตามกล้ามเนื้อทุกส่วน เริ่มหายใจแรงและถี่เหมือนคนเป็นหอบ มือและเท้า เกร็ง เธอเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้น จนทำให้ผมเสียวสุดๆตรงปลายหัวจรวด ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบปล่อย นกปล่อยปลาตอนอยู่เมืองไทย ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องปล่อยสิ่งมีชีวิตพวยพุ่งออกมา แต่ด้วยความที่ เธอเป็นแบบฉบับของผู้หญิงญี่ปุ่น ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนในเรื่องของความสะอาดและการประหยัด เธอไม่ชอบเรื่องเลอะเทอะเปรอะเปื้อน เธอเลยกลืนกินไปจนหมด เพื่อรักษาความสะอาด และรีไซเคิล ได้อย่างหมดจดและเกลี้ยงเกลา ไม่ต้องเสียเวลาเปิดไฟหาอะไรมาเช็ด จากนั้นล้มตัวนอนเอาหน้าแนบอก ผม ฟังเสียงหัวใจของผมเต้นแรงอย่างมีความสุข ประสาททุกส่วนผ่อนคลายความตึงเครียด แล้วทุกอย่าง ก็หยุดความเคลื่อนไหว

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย (ที่จริงก็ไม่เช้าหรอก เพราะสิบโมงกว่าแล้ว) เพราะกว่าจะนอนได้ก็ตีสามกว่า แล้วยังสูญเสียพลังงานอีกเลยตื่นสาย ไปโรงเรียนไม่ไหว เธอก็เช่นกัน ไม่ยอมไปโรงเรียน เธอชวนผมออกไปเดินเล่น วันนี้เราเลยออกไปเดินเล่นในเมือง ผมลืมไปแล้วว่า เมื่อคืนผมอยากได้อะไร แต่ความเธอที่เป็นคนมีความจำเป็นเลิศ เธอไม่ลืมครับ เธอพาผมเข้าชุปเปอร์ มาร์เก็ต ตรงไปที่ชั้นขายถุงยาง พร้อมกับเลือกสีและกลิ่นให้ด้วย และอธิบายว่ายี่ห้อนี้หนา ยี่ห้อนี้บาง เธอเลือกสีชมพู กลิ่นกล้วยหอม พร้อมกับยี่ห้อที่เธอชอบ เพราะบางเหมือนสัมผัสโดยตรง และยังบอก อีกว่า ออสเตรเลียน่าจะมีขาย แบบผิวหยาบขรุขระเหมือนที่ญี่ปุ่น เราซื้อมาไม่มากเท่าไหร่แค่สองกล่อง กล่องละหนึ่งโหล แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้ตรงดิ่งกลับบ้าน เพื่อไปทดลองสรรพคุณของถุงยาง ยี่ห้อนี้ เพราะผมต้องไปทำงานจนถึงห้าทุ่มเที่ยงคืน ถึงจะกลับบ้าน

คืนนี้ผมกลับถึงบ้านสี่ทุ่มกว่า เพราะร้านไม่ยุ่ง เปิดประตูห้องเข้ามา ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะต้อง เข้าอยู่ทุกวันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะผมพบว่าซาโอรินอนรอผมอยู่ในห้อง (บ้านนี้ไม่ต้องล็อคห้อง) ผมจึงรีบอาบน้ำสระผม เพื่อให้กลิ่นครัว ควันไฟ และกลิ่นอาหารหมดไปจาก ตัวผม เพราะมันอาจจะทำให้หมดอารมณ์ และเกิดความไม่ประทับใจได้ เมื่ออาบเสร็จเรียบร้อย เช็ดตัว เช็ดหัวจนแห้งสนิท ก็ถึงเวลาผจญภัย ผมเปิดผ้านวมออก เมื่อสอดตัวเข้าใต้ผ้านวมก็พบว่า สาวญี่ปุ่น วัยยี่สิบคนนี้ ใจกล้าหน้าด้านมาก เพราะเธอนอนแก้ผ้ารอผมอยู่ใต้ผ้าห่ม (แต่จริงผมหน้าด้านกว่า เพราะ ผมแก้ผ้าเดินในห้อง) จากนั้นผมก็จัดการทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง โลหิตไหลเวียนได้ดี และกล้ามเนื้อ หัวใจทำงานดีขึ้น ป้องกันเส้นเลือดตีบตัน ให้ไขมันในร่างกายถูกดูดซับด้วยการเล้าโลม และจูบลูบคลำ ที่อวัยวะที่เป็นจุดศูนย์รวมของประสาททั่วร่างกาย ตั้งแต่ริมฝีปาก ใบหู ติ่งหู ซอกคอ เต้านม สะโพก บั้นท้าย ขาอ่อน และอวัยวะเพศ แล้วยังบรรเทาอาการปวดข้อ ปวดหลัง ด้วยการกอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอ ด้วยท่วงท่า และเพื่อไม่ให้เสียชื่อชายไทย ผมจำได้ว่าต้องเล้าโลม เธอมากกว่ายี่สิบห้านาที เพื่อเธอ ประทับใจและถึงสวรรค์ และเป็นการรักษาชื่อเสียงของชายไทยได้ด้วย (แต่ในใจอยากเล้าโลมเธอสัก ครึ่งชั่วโมง ก็กลัวว่าเธอจะหลับไปซะก่อน) แต่ถ้าไม่เล้าโลม อาจทำให้บ้านของเธอแห้งแล้ง เกิดความ เจ็บปวดและไม่ประทับใจกับคนไทยไปชั่วชีวิตก็ได้ แต่ ณ เวลานี้ บริเวณทางเข้าบ้านเธอ ต่อมอัตโนมัติ ของเธอ อำนวยความสะดวกทางเข้าบ้านจนลื่นแฉะไปหมด พร้อมที่จะรับแขกผู้มีเกียรติอย่างไอ้ใบ้ ของผม

เมื่อตอนนี้บ้านของเธอพร้อมแล้ว เธอจึงเชิญให้ผมเข้าบ้านด้วยการพูดว่า condom first เพราะ เธอเป็นคนที่รอบคอบเสมอ ผมตามใจเธอทุกอย่าง ก็เลยต้องทำตาม (เพราะผมเป็นคนว่านอนสอนง่าย ตั้งแต่เด็กๆ) เมื่อใส่เสื้อกันฝนเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เจ้าสาวก็ไม่กลัวฝนแล้ว ผมจึงสอดใส่หัวจรวดเข้าไป ในบ้านของเธออย่างสุดแรง (เพราะผมกำลังหื่นมาก) เธอร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า อีเตะ อีเตะ (ผมมารู้ ตอนหลังแปลว่าเจ็บ) แต่ผมไม่ได้สนใจอะไร ยังคงทำตามที่คุณหมอท่านหนึ่งเคยพูดไว้ คือให้ทำเหมือน ว่าเราแปรงฟัน เอาแปรงใส่ปากเบาๆ ค่อยๆถูไถไปมา อย่าเร็วมาก ต้องรอให้ยาสีฟันแตกฟองก่อน เพื่อ ช่วยให้ลื่น ถ้ารีบเร่งแปรงเร็วๆ ตั้งแต่ยาสีฟันยังไม่มีฟอง แปรงก็จะกระแทกเหงือกเจ็บ และเหงือกอาจพัง ได้ และให้สังเกตุการชักเข้าออกของแปรง ถ้าเริ่มลื่น มีฟอง ก็ให้เร่งความเร็วตามความต้องการ จากเกียร์ หนึ่ง สอง สาม เรื่อยไป เมื่อยก็หยุดพัก ทำการพูดคุย ทำความเข้าใจ กับเหงือกว่า เร็วไปไหม? แรง ไปไหม? เจ็บไหม? ไม่ชอบแบบไหน ชอบแบบไหน วนเวียนอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะพอใจ หรือบรรลุ ตามความต้องการแล้ว จึงหยุดแล้วล้างยาสีฟันออกจากปากด้วยน้ำ และล้างแปรงด้วย ไม่แนะนำให้ใช้ ทิชชู่เช็ด เพราะนอกจากไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้ทิชชู่ติดปาก และแปรงเป็นหย่อมๆ (จาก เพศศึกษา ฮาสุดขีด ของ นพ.ดร.สุกมล วิภาวีพลกุล )

แต่ผมก็ไม่สามารถทำตามทฤษฏีของคุณหมอได้หมด เพราะผมเปลี่ยนเกียร์แล้วหยุดไม่ได้ และก็ ไม่สามารถตั้งคำถาม ถามเธอด้วยว่าชอบไหม ชอบแบบไหน อะไรอย่างนั้น เพราะผมต้องนึกเป็น ภาษาไทย แปลเป็นอังกฤษ แล้วจึงถาม เธอเองก็คงต้อง ฟังคำถาม ผมเป็นอังกฤษ แปลเป็นญี่ปุ่น แล้ว ค่อยตอบเป็นอังกฤษ กว่าเราจะถามตอบ เราคงหมดอารมณ์ทั้งคู่ ผมจึงใช้การสังเกต และฟังจากเสียงร้อง ของเธอง่ายกว่า ส่วนการควบคุมเกมและท่าทางต่างๆ เป็นเรื่องของผมที่จะปฏิบัติ แต่สิ่งที่ผมไม่สามารถ ตามใจสาวญี่ปุ่นครั้งนี้ได้ก็คือ เกิดมาในชีวิตผมไม่เคยใช้ถุงยางอนามัยเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต จึง ทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาขวางกั้น ผมจึงบอกเธอขอเอาถุงยางออก เธอไม่ยอมครับ แต่ผมบอกว่า ถ้าใส่ผมทำอีกไม่ได้ เมื่อเป็นอย่างนี้เหมือนผมมัดมือชก เธอจึงยอมผม ผมจึงจู่โจมทำลายป้อมค่าย สอดใส่ประตูสวรรค์อันชุ่มฉ่ำเนืองนอง ที่รอให้ดับเพลิงเข้าไปฉีด ผมเปลี่ยนเกียร์และท่าอยู่นานพอ สมควร ผมเห็นเธอทำท่าทางเหมือนเสียวที่ห้องเครื่องอย่างสุดชีวิต บริเวณนั้นแฉะมากขึ้นเหมือนเขื่อน พัง กล้ามเนื้อเริ่มหดเกร็ง ก้นเธอลอยไม่ติดพื้น ใบหน้าเบี้ยวบูด นิ้วมือเกร็งเหมือนกรงเล็บอินทรีย์ ส่งเสียงครวญครางประหนึ่งว่าจะขาดใจ ผนังในบ้านเต้นตอดตุบๆ ส่วนผมก็สุดที่จะทนการสู้รบครั้งนี้ ต่อไปได้ ผมจึงรีบแปรงฟันอย่างรวดเร็ว แล้วก็ไปเหนือ เพื่อกินข้าวซอยแบบถี่ๆขึ้น และหยุดลงทันที ที่มีของเหลวพุ่งลงบนท้องน้อยของเธอ พร้อมกับหายใจถี่ๆ ใจเต้นแรง ส่งเสียงครวญครางเล็กน้อย เป็นพิธี พร้อมกับฟุบหน้าลงบนอกของเธอ เป็นอันเสร็จพิธี แต่ผมก็ยังคงทำตามที่คุณหมอแนะนำ ไม่ได้อีก คุณหมอบอกให้ล้างเหงือกและแปรงด้วยน้ำ หลังแปรงฟันเสร็จ ห้ามใช้ทิชชู่ เพราะนอกจาก ไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้ทิชชูติดเป็นหย่อมๆ ผมแก้ปัญหาด้วยการใช้ทิชชู่ชนิดเหนียว หนานุ่ม เพื่อ ป้องการติดเป็นหย่อมๆ ในการทำความสะอาด ครั้นจะให้ผมกับเธอไปล้างด้วยน้ำ คงไม่ได้แน่ เพราะ มันคงจะซีดและเปลืองน้ำ แล้วก็ขี้เกียจเดินเข้าๆออกๆห้องน้ำ เพราะว่าคืนนั้นเราทำกันตั้งห้าครั้ง

ชีวิตเราสองคนยังคงวนเวียนและตักตวงอยู่อย่างนี้ จนในที่สุดซาโอริเรียนภาษาจบ ตามที่เธอลง ทะเบียนไว้ เธอก็ต้องกลับโอซาก้าไปเรียนหนังสือต่อ เพราะเธอยังเป็นนักศึกษาของมหาลัยในโอซาก้า เธอแค่มาซัมเมอร์ภาษาที่นี่เท่านั้น วันที่เธอจากไป ผมซื้อตุ๊กตาหมีพูห์ตัวเขื่องๆให้เป็นที่ระลึก และไปส่ง เธอที่สนามบิน เรากอดกันร้องไห้ไม่อยากจากกัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเจอกันอีก ถึงแม้เราจะได้ รู้จักกัน และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ในระยะเวลาสั้นๆก็ตาม แต่ความประทับใจในตัวเธอนั้น มิมีวันลืมไป จากใจของผมเลย ภาพเธอทุกภาพถูกบันทึกลงในสมุดบันทึกหัวใจผม ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายจากตัวเธอ หรือบุคลิก ท่าทาง หรือแม้แต่เส้นผมที่สวย ดำเหมือนขนนกกาน้ำ เธออาจจะเป็นหญิงต่างชาติคนแรก ของผม และก็เป็นผู้หญิงในอุดมคติของผม จึงไม่แปลกอะไรที่วันนี้ผมจะรู้สึกเหงา เหนื่อยๆ ไม่อยากลุก จากที่นอน ไม่อยากทำอะไร เพราะผมคิดถึงเธออยู่จนทุกวันนี้

นิค
5 เมษายน 1998..

ข้อมูล - เพศศึกษา จาก คลีนิคออนไลน์
_ Samunpai.com/sex
-Thaimental.com
- เพศศึกษาฮาสุดขีด โดย นายแพทย์ ดร.สุกมล วิภาวีพลกุล
ขอบคุณ ทุกๆคนที่มีน้ำใจ ทำให้มีกำลังที่จะเดินหน้า ไปด้วยความหวัง
เพคกี้ และ เดวิด ที่ให้ความรักความอบอุ่นในต่างแดนไม่เคยลืม


Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
Last Update : 27 สิงหาคม 2553 5:55:32 น. 5 comments
Counter : 11974 Pageviews.

 
บรรยายเห็นภาพเลยนะพี่ เอาไปรวมเล่มได้แล้วล่ะนะ อิอิ


โดย: ปู IP: 61.19.238.18 วันที่: 29 เมษายน 2552 เวลา:12:57:19 น.  

 
โหว

เด็ก ๆ ข้ามเข้าเจงด้วยค่ะ


โดย: Kally_narak วันที่: 4 เมษายน 2553 เวลา:20:39:10 น.  

 
เรทจิงด้วย ดีน่ะที่เราลูกสามแล้ว คำว่า itai (อิไต้) แปลว่าเจ็บ ถ้าพูดอย่างเป็นทางการ พูดว่า อิไต้ ถ้าพูดกับคนสนิทกันแล้วก็พูดว่า อิเต๊ะ ๆๆ ได้ ไม่เป็นไรค่ะ แล้วคุณไม่ได้ขอเบอร์หรือเมล์ติดต่อกันหรือค่ะ ตอนนี้คบกันอยู่หรือเปล่า แต่ขอเดาว่าคงไม่ได้คบกันหรือไม่ได้ติดต่อกันแล้วใช่ป่าวค่ะ


โดย: แม่บ้านไฮเทค วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:8:38:24 น.  

 
ฮา ชอบๆๆๆ


โดย: สักวันฉันจะอ้วนกลม วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:15:16:22 น.  

 
เก่งแล้วยังทะลึ่งได้ใจจัง


โดย: น้อง ที่ถูกลีม IP: 115.87.36.118 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:08:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พินิจนันท์ เจมส์
Location :
โน้ส อุดม Ayaka Oishi Hiroko Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




รวมเรื่องสั้นจากต่างแดน ชุด หนูอยากเป็นโสเภณีนี้
ผู้เขียนตั้งใจเขียนเพื่อให้เป็นความรู้ และตีแผ่สังคมที่ได้พบได้เจอมา ต้องการให้เป็นเรื่องสั้นที่มีครบทุกอรรถรสหลากหลาย อารมณ์ตลก ชีวิต เสียดสีสังคม และแฝงไปด้วยคติเตือนใจ แต่ละเรื่องผู้เขียนหวังแค่ปลุกจิตให้กับผู้อ่าน ได้รู้ได้สัมผัสกับแง่มุมบางแง่ ที่คนอาจมองข้ามไป และต้องการแสดงให้ เห็นว่าทุกสังคมนั้น ย่อมมีการแก่งแย่งแข่งขัน ดิ้นรน โอ้อวด เหยียดหยามกัน มีทั้งคนดี และคนไม่ดี สิ่งเหล่านี้ในสังคมเดียวกัน แต่คนอาจจะพบอาจเจอไม่เหมือนกัน และสังคม ของคน ก็เหมือนสังคมของสัตว์ผู้ที่เก่งผู้ที่มีกำลังมาก ผู้ที่รู้จักปรับตัว ก็ย่อมอยู่ได้ในสังคม นั้น ผู้ที่อ่อนแอและไม่ปรับตัว ก็ไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับคนในสังคมนั้น เพราะทุกคนมี ที่มาต่างกันและมีจุดมุ่งหมายต่างกัน แต่ในเมื่อมาอยู่ร่วมกันในที่ที่เดียวกัน ก็ย่อมที่จะมี ปัญหา เพราะทุกคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ต่างคน ต่างต้องต่อสู้ดิ้นรน เพื่อความอยู่รอด

เรื่องสั้นส่วนใหญ่ เคยโพสต์ลงในเวปเอ็มไทย ได้รับคำวิจารณ์และคำติชมจากผู้อ่านพอสมควร ผู้เขียนต้องการเพียงแค่ เสนอแนะให้เป็นข้อคิดกับคนรุ่นต่อไป หรือคนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมของคนในต่างแดนว่า เราควรจะเตรียมตัวอย่างไร ถึงจะอยู่รอดได้ ผู้เขียนไม่ได้มีจุดมุ่งหมาย ที่จะนำชีวิตผู้หนึ่งผู้ใดมาประจานให้ได้รับ ความเสียหาย เพราะทุกเรื่องตัวละครทุกตัวก็เป็นเรื่องสมมุติ ถึงแม้จะอิงหรืออ้างถึงสถานที่ จริง ก็เพื่อให้เกิดความสมจริงขึ้นกับเนื้อเรื่องเท่านั้น

ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้ จะบรรจุเรื่องราวต่างๆที่เป็นประโยชน์ ความสนุก สนาน สำหรับผู้อ่านอย่างครบถ้วน

ด้วยความปรารถนาดี

เจมส์

มกราคม 2543
New Comments
Friends' blogs
[Add พินิจนันท์ เจมส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.