ขอให้รอ วันรุ่งของพรุ่งนี้ ฟ้าคงมี พรชัยให้กับเรา (พ.ท. ณรงค์เดช นันทโพธิเดช)
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
บันทึกรักกับสาวญี่ปุ่น


ผมรู้สึกเหงาๆ ใจหาย เหนื่อยหน่าย อ่อนล้า ไม่อยากจะลุกจากที่นอน ซึ่งยังมี ไออุ่นๆ ถึงแม้ว่าเวลาจากนาฬิกาที่หัวเตียงจะบอกว่า อีกสิบนาทีก็จะสิบโมงเช้าแล้ว แต่อากาศภายนอก หน้าต่างก็ยังคงไม่มีแสงแดด ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมจนครึ้มสนิท กลิ่นของฝนลอดช่องหน้าต่างเข้ามา สัมผัสกับจมูก ทำให้ผมรู้สึกคุ้นๆ เหมือนกับว่าธรรมชาตินั้น มันไม่ได้แบ่งแยกเลยว่า กลิ่นดิน กลิ่นฝน ของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน แท้ที่จริงแล้ว ธรรมชาติที่ไหนก็เหมือนกัน ดินก็เป็นดิน ฝนก็เป็น ฝน ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน ธรรมชาติไม่เคยแบ่งแยกว่า นี่เป็นฝนหรือดินเป็นดินออสเตรเลีย แท้ที่ จริงแล้วคนเราต่างหากที่เป็นคน แบ่งแยกทุกสิ่งทุกอย่าง

เหม่อมองดูรอบห้องแคบๆชั้นล่างของบ้านสองชั้น เดิมบ้านหลังนี้ มีสามห้องนอน หนึ่งห้อง ครัว หนึ่งห้องรับแขก และหนึ่งห้องน้ำชั้นบน แต่เจ้าของบ้านได้ต่อเติมห้องชั้นล่างเพิ่มสองห้องให้ นักเรียนเช่า และอีกหนึ่งห้องทำงานของเจ้าของบ้าน พร้อมกับทำห้องน้ำเพิ่มอีกหนึ่งห้อง เพื่อให้เพียง พอกับความต้องการของผู้อาศัย ผมเช่าอยู่ที่ห้องด้านล่าง ส่วนอีกห้องเป็นนักเรียนจีนเช่าอยู่

วันนี้ในใจผมก็ยังคงเก็บรักษาความว้าเหว่และความเหงาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เหมือนกับว่าทั้งสอง อย่างนี้ มันเป็นสนิทสนมกับผมมานานแรมปี ถึงได้ทำตัวได้คุ้นเคยมาก ไม่ยอมจากผมไปสักที จิตใจ ยังคงล่อยลอยไปเรื่อยคิดถึงวันเก่าๆ บางครั้งผมยังนึกถามตัวเองว่าฝันไปหรือนี่ ความอาลัยอาวรณ์กับ สิ่งที่ต้องจากหรือพลัดพราก โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า จะได้พบกันอีกหรือไม่ ความรู้สึกนี้มันมาหาผม ตั้งแต่ เมื่อเช้าวาน หลังจากที่ซาโอริสาวญี่ปุ่นที่ผมหลงรักกลับไปญี่ปุ่น เราจากกันด้วยความเศร้าโศก ร้องไห้ อาลัยหาต่อกัน โดยที่ต่างฝ่ายต่างตอบตัวเองไม่ได้ว่า เราจะได้พบกันอีกหรือไม่ นี่อาจจะเป็นครั้งแรก ที่ผมมีแฟนเป็นคนต่างชาติ จึงทำให้ผมรู้สึกว่า ตอนนี้เหมือนผมอยู่คนเดียวในโลก จากการที่เคยมีเธอ นอนอยู่ข้างทุกครั้งเวลาตื่น แต่วันนี้มันช่างเงียบเหงาไร้เงาของเธอ

ผมรู้จักซาโอริ ตั้งแต่วันแรกที่ผมมาออสเตรเลีย เพราะเธออาศัยอยู่บ้านหลังนี้ก่อนที่ผมจะมา เมื่อผมก้าวลงจากแท็กซี่ที่มาจอดหน้าบ้าน มีผู้หญิงวัยกลางคนยืนรอรับอยู่ เธอชื่อว่าเพกกี้ เธอเดินนำ หน้า ผมขึ้นบันได เปิดประตูบ้านเข้าไป มีเด็กวัยรุ่นผู้หญิงผิวขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีแดง ใส่เสื้อกล้าม สีขาว เดินมาหา แล้วเพ็กกี้ก็แนะนำว่า เธอชื่อ ซาโอริ เป็นคนญี่ปุ่น เมื่อเจอเธอครั้งแรก ผมรู้ทันทีเลยว่า ผู้หญิงในแบบของผม เพราะเธอผิวขาว หน้า หมวย ผมสวย และตัวเล็ก

วันรุ่งขึ้น เจ้าของบ้านพานักเรียนที่อาศัยอยู่ไปเที่ยว เพื่อให้ผมคุ้นเคยกับสถานที่ และสร้างความ สนิทสนมเป็นกันเอง โดยมีเจ้าของบ้านผู้ชายชื่อเดวิด สามีของเพกกี้เป็นคนขับรถ ภายในรถมีนักเรียน สามคน คือซาโอริ ฮารูโยะ และผม ระหว่างที่รถแล่นออกจากตัว เมืองวิ่งตรงไปยังชายทะเลที่เรียก ว่านูซ่า เป็นชายหาด แล้วก็มีสวนสาธารณะ สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ผมไม่ปล่อยเวลาให้เปล่า ประโยชน์กว่าจะถึงที่หมาย ไม่รู้อีกไกลแค่ไหน ผมพยายามชวนซาโอริคุยตลอดทาง คุยโน่นคุยนี่ถาม ถึงเมืองโอซาก้าบ้านเกิดของเธอ และก็ไม่ลืมถามว่าเธอเคยมาเที่ยวเมืองไทยหรือไม่ แต่เธอไม่เคยมา แต่เจ้าของบ้านเคยมา เพกกี้ยังบอกอีกด้วยว่า ลูกสาวของเธอทั้งสองคน ชอบกินส้มตำมาก วันนี้เรา ไปเที่ยวกัน เหมือนไปนั่งรถเล่นมากกว่า พอกลับบ้านมาตอนเย็น ระหว่างกินข้าว ผมก็เป็นเหมือนเดิม ชวนซาโอริและทุกคนคุย

ผมพยายามหาโอกาสที่ใกล้ชิดเธอตลอด ไม่ว่าจะเป็นการตื่นแต่เช้า เพื่อไปโรงเรียนพร้อมเธอ หรือแม้แต่กลับบ้าน ผมพยายามหาโอกาสเจอเธอทุกครั้ง พยายามชวนเธอคุย ทั้งที่มารู้ตอนหลังว่า เธอมีแฟนอยู่แล้วที่โอซาก้า แต่ผมก็ไม่ละความพยายาม เพราะผมชอบเธอมาก ผมพยายามพูดอย่าง เปิดเผย จนเพกกี้มองออกว่าผมคิดอะไร แต่เหมือนเพกกี้ถูกชะตากับผม เธอเชียร์ เลยทำให้ผมมั่นใจ ขึ้น แต่ดูท่าทีซาโอริเฉยเมยกับผมมาก เหมือนไม่คิดอะไรเลย แต่เธอคงรู้ว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ

แล้วก็เหมือนโชคชะตาเข้าข้างผม เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ ผมจึงเซอร์ไพรส์เธอด้วย
กุหลาบแดงสดช่อน่ารักกับชอคโกแลตหนึ่งกล่อง เล่นเอาเธอยิ้มแก้มปริตลอดวัน เพราะผมทราบดีว่าการ
กระทำเช่นนี้ สำหรับสาวญี่ปุ่นแล้ว มันเป็นการบอกความในใจให้เธอรู้ว่า ผมไม่ต้องการเป็นแค่เพื่อนนะ จึงเป็นโอกาสดีที่ผมได้ทำคะแนนนิยมไปเรื่อยๆ และผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำนั้น ถึงไม่ใช่คู่รัก ก็ย่อมที่สร้าง ความดีใจให้กับผู้ที่ได้รับเช่นกัน ผมพยายามสร้างความประทับใจให้กับซาโอริตลอดมา ไม่ว่าจะเป็น การเก็บโต๊ะอาหาร,จัดโต๊ะอาหาร หรือแม้แต่ล้างจานชามของทุกๆคน ทำให้เธอเห็นว่าผมนั้นเป็นคนที่ สามารถดูแลเอาใจใส่เธอได้ ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ไม่มีน้ำใจ

เวลาผ่านไปสัปดาห์ที่สามที่อยู่บ้านหลังนี้ กิจวัตรประจำวันก็เหมือนๆเดิม เช้าไปเรียนหนังสือ ถ้าวันไหนผมไม่ได้ทำงาน ก็ร่วมวงรับประทานอาหารด้วยกัน และผมก็เลือกที่นั่งข้างๆซาโอริทุกครั้ง ถ้าวันไหนเป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ เราได้พบและสนทนากันในตอนเช้าด้วย

วันนี้เป็นวันเสาร์ ผมรีบตื่นนอนแต่เช้า ระหว่างรับประทานอาหาร ผมชวนเธอไปเดินเล่นที่ SouthBank Parkland เพราะวันนี้เป็นวันที่อบอุ่นและเจิดจ้าด้วยแสงแดด ผมดีใจมากที่เธอตอบตกลงที่จะ
ไปเดินเล่นกับผม

เราทั้งสองขึ้นรถโดยสารจากบ้านที่ New Farm ระหว่างทางดูเธออายๆ ผมอยู่นิดๆ ไม่นานนัก
ก็มา ถึงป้ายหน้าห้าง David Jones ในซิตี้ ซึ่งเป็นป้ายที่ต้องลง เราค่อยๆเดินทอดน่อง ดูเครื่องสำอางค์
ดูเสื้อผ้าในห้าง จากนั้นเดินออกจากห้าง เดินผ่านร้านเครื่องดื่ม ผมจำได้ว่าเธอชอบ ดื่มชานมไข่มุกมาก ผมจึงไม่ลืมที่จะหยุดซื้อชานมไข่มุกให้เธอดื่มระหว่างทาง เราซื้อสองแก้วใหญ่สำหรับเธอ และของผม เอง

จากนั้นเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำบริสเบน สู่ South Bank เดินเลาะไปตามชายฝั่งแม่น้ำที่เป็น ทางเดินและทางสำหรับจักรยาน เธอจับแขนผม ทำให้ผมเริ่มรู้ความในใจของเธอมากขึ้นว่า เธอก็เริ่มมี ใจกับผม วันนี้เราใช้เวลาตั้งแต่เช้าในการเดินเล่น ดูโน่นดูนี่ในสวนสาธารณะแห่งนี้ จนบ่ายโมงผม สังเกตุเห็นสีหน้าของเธอสีชมพูเพราะแสงแดดจ้า ทำให้ผิวหน้าอันขาวเนียนของสาวญี่ปุ่นผู้นี้เปลี่ยน และรู้ว่าเธอเริ่มหิว ผมจึงพาเธอไปร้านอาหาร เป็นร้านอาหารฝรั่ง เราเลือกที่จะรับประทานพาสต้ากับ น้ำเย็นๆแก้วโต เพราะกระหายน้ำ หลังจากนั้นสองเราเดินข้ามสะพานกลับมาในซิตี้ แล้วต่อด้วยการไปดู หนัง วันนี้ผมรู้สึกอิ่มใจและสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้ใกล้ชิดซาโอริทั้งวัน เธอเองก็คงจะคิดเช่นนี้ เหมือนกัน สังเกตุได้จากกิริยาอาการของเธอที่ใช้เวลาอยู่กับผมตลอด โดยที่ไม่มีท่าทีจะชวนกลับบ้าน
หรือบ่นเบื่อแต่อย่างใด

เราสองคนใช้เวลาในวันว่างอยู่ด้วยกันอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะนั่งจับมือกันดูทีวีที่บ้าน หรือ ออกไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ และการไปขี่จักรยานด้วยกัน มันเป็นชีวิตที่สดใส สดชื่น ยิ่งยามที่ ไปสวนสาธารณะในวันที่แดดอ่อนๆ เรามักจะนอนจับมือคุยกันในสนามหญ้า ที่ล้อมรอบไปด้วยแปลง ไม้ดอก หรือเอาหลังพิงกันคุยเรื่องราวของชีวิต พร้อมดื่มชานมไข่มุกด้วยกัน เธอเล่าให้ฟังว่าเธอเป็นลูก คนเดียว พ่อเธอมักจะตามใจเธอเสมอ แต่แม่เธอค่อนข้างจะเป็นคนญี่ปุ่นที่เจ้าระเบียบ ชีวิตมักจะทำตาม แบบแผนที่สังคมญี่ปุ่นมัก จะทำกันก็คือ พาเธอไปเรียนว่ายน้ำ และเรียนเปียโนตั้งแต่เด็ก จึงไม่แปลก อะไรที่เธอเล่นได้เก่ง และเมื่อโตพอสมควรก็ต้องส่งลูกหลาน ไปเรียนซัมเมอร์ในต่างประเทศทุกๆ ซัมเมอร์

ซาโอริ เป็นผู้หญิงที่ไม่จัดว่าสวย เพียงแต่น่ารัก รูปร่างได้สัดส่วน ผมสวย จมูกโด่ง ตาเล็กๆ ตามแบบสาวญี่ปุ่น รูปร่างไม่สูงและไม่อ้วน แต่ที่สำคัญเธอเดินเหมือนปกติ ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นที่จะเดิน หัวเข่าบีบเข้าหากัน เธอเป็นผู้หญิงที่สดใส ร่าเริง ชอบร้องเพลง ยามใดที่โฮมสเตย์พาเราทั้งสองออกไป เที่ยวด้วยกัน เรามักจะนั่งจับมือกันไปตลอดทาง บางครั้งเธอมักจะเอนศีรษะมาพิงที่ไหล่ ผมอยู่เสมอ จน ทำให้ผู้ที่ไปด้วยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ยามที่คนเหล่านั้น เห็นเราแสดงความสนิทสนมต่อกัน

คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย มีดาวเต็มท้องฟ้า อากาศสบายๆ เจ้าของบ้านพานักเรียนที่อาศัยอยู่ใน บ้านไปเที่ยวที่เมาท์คูทาห์ (Mt.Kootha) ซึ่งเป็นภูเขาสูง สามารถขับรถขึ้นไปได้ เพื่อดูวิวของเมือง บริสเบน อากาศบนยอดเขาค่อนข้างเย็น ผู้คนที่ขึ้นไปต้องเตรียมเสื้อหนาๆไปสักหน่อย บนนั้นมีร้าน กาแฟไว้บริการผู้คนที่ขึ้นไปชมวิวเมือง เราทั้งสองถ่ายรูปด้วยกัน ซาโอริอยู่ในวงแขนของผม เธอยืน เอนหลังแนบกับอกผม มือเราทั้งสองจับกันแน่น ทำให้ผมรู้สึกเป็นสุข ยิ่งที่ได้สัมผัสกับเส้นผมนุ่มๆ ของเธอ เรายืนชมวิวของเมืองบริสเบนด้วยกันจนได้เวลากลับ ผมได้แต่ถามตัวเองว่า ทำไมเวลามันผ่าน ไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ทั้งที่ตัวเองไม่อยากกลับ อยากจะให้เธออยู่อ้อมกอดผมอย่างนั้นตลอดไป และ คืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายที่เราสองจะได้ใกล้ชิดกัน พรุ่งนี้แล้วสินะที่เธอต้องกลับโอซาก้า

ระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน ผมพยายามอ้อนวอนให้เธออยู่ต่อ จนเธอน้ำตาคลอจะร้องไห้ ผมเอง ก็รู้สึกใจหายและแทบกลั้นน้ำตาไม่ได้ ยามที่คิดว่าพรุ่งนี้เธอต้องไปแล้ว เพราะซาโอริเป็นนักศึกษาใน มหาวิทยาลัยโอซาก้า ที่แค่มาเรียนภาษาเพิ่มเติมเท่านั้น และต้องกลับไปเรียนในญี่ปุ่นต่อให้จบ จึงเป็น เหตุผลว่าทำไมต้องกลับ

รถยนต์พาเราทั้งหมดมาถึงบ้านในเวลาไม่นานนัก ซาโอริกลับเข้าห้องจัดกระเป๋าเดินทาง ผมเดิน เข้าห้องผมเพื่อไปหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้เธอ

....ก๊อกๆๆๆๆ ....

เสียงผมเคาะประตูเพื่อให้เธอเปิดห้อง แค่เสี้ยวหนึ่งของนาที เธอก็บิดลูกบิดเปิดห้องออกมา พร้อมกับเรียกชื่อผม

“......์Nick…..”

ผมยื่นหมีพูห์ตัวเขื่องๆ ให้พร้อมกับพูดว่า

“..For you my sweetie when you miss me you can talk to this Pooh, I’ll be with you.”

เธอน้ำตาคลอเบ้า ตรงเข้ากอดผมพร้อมกับพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“Thanks, I love you very much, I promise I’ll be back to see you.

“I love you, too.”

คือคำตอบที่ผมตอบกลับไปให้เธอ ยิ่งทำให้เธอกอดผมแน่นมากขึ้น จนรู้สึกว่าโลกนี้มีแค่เรา
เพียงสองคน เหมือนนอนหลับฝันเวลาที่เราตื่นมา แล้วฝันที่ทำให้เรามีความสุขก็จากไป

สนามบินบริสเบนในเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้คนดูหนาตา เรามาถึงกันแต่แต่แปดโมงเช้า เมื่อซาโอริ จัดการเรื่องเอกสารเดินทางเรียบร้อย เราจึงมีเวลานั่งคุยกันที่ห้องผู้โดยสารขาออก ผมรู้สึกเศร้าอย่างบอก
ไม่ถูก แต่ทนฝืนยิ้มและพูดคุยกับทุกคนเหมือนปกติ รวมทั้งเวลาคุยกับซาโอริก็ตาม แม้ซาโอริจะเก็บ ความรู้สึกสักเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผมเห็นแววตาที่อาลัยอาวรณ์ต่อผม จนผมเองไม่ค่อยกล้าที่จะสบตา กับเธอ เพราะผมรู้ว่า ผมคงกลั้นน้ำตาไม่ได้ ถ้าผมเห็นเธอร้องไห้ จนในที่สุดเวลาที่เธอต้องขึ้นเครื่อง ก็มาถึง ผมและเธอกอดกันจนแน่น มิตรแท้ที่ไม่ได้รับเชิญ ก็พร่างพรูออกมาจนกลั้นไม่ได้ น้ำตาแห่ง ความรักและความอาวรณ์ ไหลออกมาจนนองหน้าเราทั้งสอง เรากอดกันร้องไห้ไม่อยากจากกัน เพราะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเจอกันอีก ถึงแม้เราจะได้รู้จักกัน และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ในระยะเวลาสั้นๆก็ตาม แต่ ความประทับใจในตัวเธอนั้น มิมีวันลืมไปจากใจของผมเลย ภาพเธอทุกภาพถูกบันทึกลงในสมุดบันทึก หัวใจผม ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายจากตัวเธอ หรือบุคลิกท่าทาง หรือแม้แต่เส้นผมที่สวยดำเหมือนขนนกกาน้ำ เธออาจจะเป็นหญิงต่างชาติคนแรกของผม และก็เป็นผู้หญิงในอุดมคติของผม จึงไม่แปลกอะไร ที่วันนี้ผมจะรู้สึกเหงาเหนื่อยๆ ไม่อยากลุกจากที่นอน ไม่อยากทำอะไร เพราะผมคิดถึงเธออยู่จนทุกวันนี้

......5 เมษายน 1998..


Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
Last Update : 27 สิงหาคม 2553 6:07:28 น. 4 comments
Counter : 1720 Pageviews.

 
เรื่องจิงป่ะ ?


โดย: ปัน IP: 125.27.0.185 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:08:55 น.  

 
สุดยอดครับ

ทุกวันนี้พี่เจอเขาอยุ่ มะครับ


โดย: foryouna_@hotmail IP: 125.24.247.107 วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:2:04:24 น.  

 


โดย: แม่บ้านไฮเทค วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:8:23:04 น.  

 


ขอให้ ซาโอรุ กลับมาหานะจ๊ะ


โดย: คนไม่ลืมอดีต IP: 124.121.62.17 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:06:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พินิจนันท์ เจมส์
Location :
โน้ส อุดม Ayaka Oishi Hiroko Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




รวมเรื่องสั้นจากต่างแดน ชุด หนูอยากเป็นโสเภณีนี้
ผู้เขียนตั้งใจเขียนเพื่อให้เป็นความรู้ และตีแผ่สังคมที่ได้พบได้เจอมา ต้องการให้เป็นเรื่องสั้นที่มีครบทุกอรรถรสหลากหลาย อารมณ์ตลก ชีวิต เสียดสีสังคม และแฝงไปด้วยคติเตือนใจ แต่ละเรื่องผู้เขียนหวังแค่ปลุกจิตให้กับผู้อ่าน ได้รู้ได้สัมผัสกับแง่มุมบางแง่ ที่คนอาจมองข้ามไป และต้องการแสดงให้ เห็นว่าทุกสังคมนั้น ย่อมมีการแก่งแย่งแข่งขัน ดิ้นรน โอ้อวด เหยียดหยามกัน มีทั้งคนดี และคนไม่ดี สิ่งเหล่านี้ในสังคมเดียวกัน แต่คนอาจจะพบอาจเจอไม่เหมือนกัน และสังคม ของคน ก็เหมือนสังคมของสัตว์ผู้ที่เก่งผู้ที่มีกำลังมาก ผู้ที่รู้จักปรับตัว ก็ย่อมอยู่ได้ในสังคม นั้น ผู้ที่อ่อนแอและไม่ปรับตัว ก็ไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับคนในสังคมนั้น เพราะทุกคนมี ที่มาต่างกันและมีจุดมุ่งหมายต่างกัน แต่ในเมื่อมาอยู่ร่วมกันในที่ที่เดียวกัน ก็ย่อมที่จะมี ปัญหา เพราะทุกคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ต่างคน ต่างต้องต่อสู้ดิ้นรน เพื่อความอยู่รอด

เรื่องสั้นส่วนใหญ่ เคยโพสต์ลงในเวปเอ็มไทย ได้รับคำวิจารณ์และคำติชมจากผู้อ่านพอสมควร ผู้เขียนต้องการเพียงแค่ เสนอแนะให้เป็นข้อคิดกับคนรุ่นต่อไป หรือคนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมของคนในต่างแดนว่า เราควรจะเตรียมตัวอย่างไร ถึงจะอยู่รอดได้ ผู้เขียนไม่ได้มีจุดมุ่งหมาย ที่จะนำชีวิตผู้หนึ่งผู้ใดมาประจานให้ได้รับ ความเสียหาย เพราะทุกเรื่องตัวละครทุกตัวก็เป็นเรื่องสมมุติ ถึงแม้จะอิงหรืออ้างถึงสถานที่ จริง ก็เพื่อให้เกิดความสมจริงขึ้นกับเนื้อเรื่องเท่านั้น

ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้ จะบรรจุเรื่องราวต่างๆที่เป็นประโยชน์ ความสนุก สนาน สำหรับผู้อ่านอย่างครบถ้วน

ด้วยความปรารถนาดี

เจมส์

มกราคม 2543
New Comments
Friends' blogs
[Add พินิจนันท์ เจมส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.