ลุยนครนายก ตอนที่ ๓ ย้อนอดีตสู่พุทธกาล พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์
ออกจากอุทยานพระพิฆเนศแล้ว เราก็จะไปต่อกันที่อุทยานอีกแห่งหนึ่ง เป็นอุทยานทางพระพุทธศาสนาครับ นั่นก็คือ อุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์
ตัวอุทยานอยู่ในทางผ่านไปยังน้ำตกสาริกา หรือนางรองนี่แหละจำไม่ได้ แต่ต้องสังเกตทางเข้าดี ๆ ไม่งั้นอาจจะเลยไปถึงน้ำตก ส่วนอุทยานแห่งนี้ก็สร้างขึ้นจากดำริของพระราชพิพัฒน์โกศล เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม สร้างในโอกาสพุทธชยันตีที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ครบ ๒,๖๐๐ ปี ขณะนี้ทางอุทยานกำลังมีการสร้างอุโบสถด้วย รวมไปถึงองค์พระพิฆเนศองค์ใหญ่อีกองค์
อลังการงานสร้างสุด ๆ
อุทยานแห่งนี้สร้างขึ้นโดยจำลองเหตุการณ์ในวันมาฆบูชา ที่มีพระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูปมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และพระสงฆ์ทุกรูปล้วนเป็นพระอรหันต์ อีกทั้งเป็นพระภิกษุที่บวชด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือได้บวชกับพระพุทธเจ้า โดยที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "จงมาเป็นภิกษุเถิด" หลังจากนั้น พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์แด่พระอรหันต์เหล่านั้น
องค์พระประธานของอุทยานเป็นปางที่เราไม่ค่อยจะได้พบเห็นเท่าไร นั่นก็คือ ปางแสดงโอวาทปาติโมกข์
คนที่สร้างนี่ต้องมีความเพียรมาก เพราะต้องสร้างรูปพระอรหันต์ถึง ๑,๒๕๐ รูป
นอกจากองค์พระประธานรวมไปถึงองค์พระอรหันต์แล้ว ยังมีประติมากรรมทรายอีกด้วย ไม่แน่ใจว่าจะมีตลอดรึเปล่า หรือจัดแสดงแค่ช่วงหนึ่ง
พญาครุฑ พาหนะของพระนารายณ์
มีครุฑก็ต้องมีนาค
ไหน ๆ แล้วก็ขอพูดถึงครุฑกับนาคหน่อยแล้วกัน เราอาจจะเคยได้ยินมาว่าครุฑกับนาคเป็นศัตรูกัน แต่เป็นเพราะอะไรรู้มั้ย เป็นเพราะแม่ของพญาครุฑเคยแพ้พนันแม่ของพญานาคเรื่องทายว่าม้าของพระอินทร์มีหางสีดำหรือสีขาว ซึ่งแม่ของพญานาคทายว่าสีดำ และสั่งให้ลูก ๆ นาคพ่นพิษใส่หางของม้าทำให้เป็นสีดำ (หรือบางตำราก็บอกว่าพญานาคเกาะตามตัวม้าจนเป็นสีดำ) ทำให้แม่พญาครุฑแพ้พนัน ต้องตกเป็นทาสของแม่พญานาคตามที่วางเดิมพันกันเอาไว้
ตอนนั้นพญาครุฑยังอยู่ในไข่ พอพักตัวออกมารู้เรื่องทุกอย่างก็เลยคิดจะช่วยแม่ของตน ขณะนั้นแม่พญานาคสั่งให้พญาครุฑไปเอาน้ำอมฤตมาให้ แล้วจะปล่อยแม่ของพญาครุฑให้เป็นอิสระ พญาครุฑจึงไปทำตามนั้น แต่น้ำอมฤตนั้นอยู่ในการครอบครองของพระอินทร์ ทำให้เกิดการต่อสู้กัน และพระอินทร์ก็ทำอะไรพญาครุฑไม่ได้จนพระนารายณ์ต้องมาปราบ แต่พลังก็เสมอกัน สุดท้ายพญาครุฑเลยมอบขนปีกให้พระนารายณ์เส้นหนึ่งเพื่อแสดงว่าพระนารายณ์ชนะแล้ว และยอมเป็นพาหนะของพระนารายณ์
พญาครุฑนำเอาน้ำอมฤตมาได้ ทำให้พญานาคดีใจที่จะได้กินน้ำอมฤต ในขณะที่พญานาคพากันไปอาบน้ำนั้น พระอินทร์ก็มาเอาน้ำอมฤตกลับคืนไป เมื่อพญานาคอาบน้ำเสร็จ เห็นหยดน้ำค้างอยู่บนยอดหญ้าคาก็นึกว่าเป็นน้ำอมฤตจึงแลบลิ้นเพื่อเลียทำให้ลิ้นถูกหญ้าคาบาดจนเป็นสองแฉก จึงเป็นที่มาว่าทำไมงูถึงมีลิ้นสองแฉก และนับแต่นั้นครุฑและนาคก็เป็นศัตรูกันเรื่อยมา
ประติมากรรมทรายพวกนี้นี่ห้ามจับนะครับ
ประติมากรรมหมอชีวก โกมารภัจจ์ แพทย์ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งตามประวัติ หมอชีวกเป็นบุตรของโสเภณีนามว่า นางสาลวดี แต่ถูกแม่นำไปทิ้งตั้งแต่ยังเป็นทารก ต่อมาได้รับการอุปการะจาก เจ้าฟ้าอภัย โอรสของพระเจ้าพิมพิสาร เมื่อโตเป็นหนุ่มได้ไปศึกษาวิชาแพทย์ที่เมืองตักศิลาจนชำนาญ สามารถรักษาอาการประชวรของพระเจ้าพิมพิสารที่หมอคนอื่นรักษาไม่ได้ จึงได้เป็นแพทย์ประจำราชสำนัก และยังปลีกเวลาไปรักษาประชาชนคนทั่วไปอีก จนวันหนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าประชวร พระอานนท์จึงได้เชิญหมอชีวกไปรักษาพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าได้รับหมอชีวกเป็นแพทย์ประจำพระองค์
ลากันไปด้วยประติมากรรมทรายสมเด็จโต แล้วเจอกันตอนหน้าครับ
บล็อกตอนก่อนหน้า
บล็อกตอนถัดไป
Create Date : 21 กันยายน 2559 |
Last Update : 23 กันยายน 2559 22:50:45 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1955 Pageviews. |
|
|
|