กราบพระย่านภาษีเจริญ กราบแล้วชีวิตเจริญ
ภาษีเจริญเป็นเขตที่มีวัดมากเป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพมหานคร มีจำนวนกว่า ๓๐ วัด ในครั้งนี้ ผมจะพาไปเที่ยว ๓ วัดที่น่าสนใจในเขตนี้ ตามไปกันเลย
มาเขตภาษีเจริญแล้วไม่มาวัดนี้คงไม่ได้ วัดนั้นก็คือ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งเคยเป็นที่จำพรรษาของหลวงพ่อสด จนฺทสโร วัดนี้เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่บริเวณที่เป็นปากคลองแยกไปจากคลองบางหลวงจึงถูกเรียกว่า วัดปากน้ำ พงศาวดารบางเล่มเรียกว่า วัดสมุทธารามด้วย ในสมัยรัชกาลที่ ๖ วัดนี้ทรุดโทรมลงมาก เจ้าคณะปกครองจึงได้ส่งหลวงพ่อสด ซึ่งขณะนั้นเป็น พระสมุห์สด จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ให้มาจำพรรษาที่วัดนี้ ท่านได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง สมณศักดิ์สุดท้ายของท่านคือ พระมงคลเทพมุนี
เนื่องจากเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของพระเกจิชื่อดัง จึงมีสาธุชนมากมายเข้ามากราบไหว้สักการะ
มีรูปจำลองของหลวงพ่อสดให้สาธุชนได้ปิดทองกันเพื่อความเป็นสิริมงคล ตอนอยู่ ป.๒ ผมเคยมาเรียนวาดการ์ตูนที่สมาคมการ์ตูนไทยแถว ๆ วัดปากน้ำนี่แหละ เรียนเสร็จก็ขอให้แม่พาเข้าไปปราบหลวงพ่อสดตลอด ตอนนั้น ผมชอบปิดทองที่รูปจำลองของหลวงพ่อมาก เพราะคนมาปิดทอง กันมากจนนิ่มไปหมด
ใครอยากกราบสังขารของหลวงพ่อสดก็สามารถขึ้นไปบนหอสังเวชนีย์มงคลนิรมิต นอกจากสังขารของท่านแล้วก็ยังมีหุ่นขี้ผึ้งของท่านประดิษฐานอยู่ด้วย ล่าสุดที่ผมไปมาตอนเดือนมกราคม บริเวณนี้มีการบูรณะอยู่ ไม่ทราบว่าขณะนี้เสร็จแล้วหรือยัง
พระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ วัดนี้มีการต่อเติมหลังคาจากบริเวณศาลาที่กราบรูปจำลองหลวงพ่อเมื่อสักครู่นี้กับโบสถ์จนแทบไม่เห็นตัวโบสถ์ทั้งหลังเลยว่าเป็นยังไง
ไฮไลต์หนึ่งที่ต้องไปชมเมื่อมาวัดปากน้ำแห่งนี้คือ พระเจดีย์มหารัชมงคลที่สูงเด่นเป็นสง่า
ต้องถอดรองเท้าก่อนขึ้นไปชมวิว
ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ
พระเจดีย์จำลอง
ออกจากวัดปากน้ำแล้ว เราจะเดินไปยังวัดต่อไปที่อยู่ไม่ห่างไกลกันนัก วัดนั้นมีชื่อว่า วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร วัดนี้สร้างโดยชาวจีนที่ชื่อ จีนอู๋ สมัยนั้นมีหมูเข้ามาเดินเต็มไปหมด คนจึงเรียกว่า วัดหมู ต่อมารัชกาลที่ ๓ ได้บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่แล้วพระราชทานนามว่า วัดอัปสรสวรรค์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึเจ้าจอมน้อยที่แสดงเป็นสุหรานากงในบทละครเรื่องอิเหนาได้ดีจนคนเรียกว่า เจ้าจอมน้อยสุหรานากง
พระอุโบสถ (บน) และพระวิหาร (ล่าง) ของวัดนี้เป็นศิลปะแบบพระราชนิยมของรัชกาลที่ ๓ คือมีศิลปะแบบจีนเข้าไปผสม ซึ่งวัดที่สร้างหรือปฏิสังขรณ์ในสมัยนี้มักจะมีศิลปะแบบจีนผสมอยู่
สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือพระประธานในพระอุโบสถ วัดจีนบางวัดมีพระประธานมากสุดก็อาจจะแค่ประมาณ ๓ องค์ แต่วัดนี้มีถึง ๒๘ องค์ ที่มีเยอะขนาดนี้ก็เป็นเพราะจะสื่อความหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ องค์ที่ได้มาตรัสรู้บนโลกใบนี้แล้ว เริ่มจากพระตัณหังกรพุทธเจ้า จนถึงพระโคตมะที่เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน
มีแผนผังการประดิษฐานด้วยว่าองค์ไหนอยู่ที่ไหน
ในพระวิหารประดิษฐานพระประธาน มีหุ่นผู้หญิงถวายอะไรสักอย่าง ถ้าให้ผมเดา อาจจะเป็นนางสุชาดาที่ถวายข้าวมธุปายาสก็เป็นได้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ก็จะเป็นเหตุการณ์ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ เพราะเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้เสวยข้าวมธุปายาสแล้ว ก็ได้นำถาดทองไปลอยในแม่น้ำเนรัญชราพร้อมอธิษฐานว่าหากจะได้ตรัสรู้ก็ขอให้ถาดจงลอยทวนน้ำ แล้วถาดก็ลอยทวนน้ำจริง ๆ ก่อนจะจมลงสู่นาคพิภพไปซ้อนทับกับถาดของพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์ก่อนหน้านี้
หอไตรเก่าแก่ หอไตรคือที่เก็บพระไตรปิฎก นิยมสร้างอยู่กลางน้่ำเพื่อกันปลวกมากิน
หอไตรได้รับการบูรณะจนใหม่เอี่ยมอ่องมาก ก่อนหน้านี้ผมเคยไปตอนที่ยังไม่บูรณะ ทรุดโทรมจนแทบจะพังมิพังแหล่อยู่แล้ว
สภาพก่อนการบูรณะ
วัดนี้มีพระพุทธรูปสำคัญอีกองค์ คือ หลวงพ่อฉันสมอ ประดิษฐานบนพระมณฑป อัญเชิญมาจากลาว ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระราชดำริที่จะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ไปประดิษฐานในพระบรมมหาราชวัง แต่ก็เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน ๓ วัน จึงมิได้อัญเชิญไป ที่เห็นอยู่นี้เป็นองค์จำลอง องค์จริงไปประดิษฐาน ณ กุฏิเจ้าอาวาส
พระพุทธรูปปางฉันสมอมีที่มาจากพุทธประวัติ หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๗ สัปดาห์ ทรงเสวยวิมุตติสุขอยู่ใต้ต้นเกด ขณะนั้นพระอินทร์เห็นว่าตั้งแต่ตรัสรู้มา พระพุทธเจ้ายังมิได้เสวยอะไรเลย จึงนำผลสมอลงมาถวาย
ออกจากวัดอัปสรสวรรค์แล้ว เราก็จะไปกันถึงวัดสุดท้ายที่มีสะพานเชื่อมกัน จริง ๆ แล้ววัดนี้อยู่ในพื้นที่ของเขตธนบุรีนะ แต่สามารถเดินจากวัดอัปสรสวรรค์ไปได้ง่าย ๆ เลย และเป็นอีกวัดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยี่ยมชมวัดในย่านนี้
วัดนั้นมีชื่อว่า วัดวรามาตยภัณฑสาราราม หรือเรียกสั้น ๆ ว่า วัดขุนจันทร์ สร้างโดย พระยามหาอำมาตย์ (ป้อม) มหาดเล็กในสมัยรัชกาลที่ ๑ จนเวลาผ่านไป เมื่อวัดนี้ทรุดโทรมลงมาก คุณท้าวภัณฑสารที่เป็นบุตรสาวได้บูรณะวัดนี้แล้วถวายเป็นพระอารามหลวงในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงพระราชทานนามใหม่โดยรวมชื่อสองพ่อลูกเข้าด้วยกันเป็น วัดวรามาตยภัณฑสาราราม
แค่เดินข้ามคลองจากวัดอัปสรสวรรค์ เราก็จะเห็นหลวงพ่อใหญ่ ที่เป็นจุดเด่นของวัดมาแต่ไกล
ภาพนี้ ถ่ายจากบนพระเจดีย์มหารัชมงคล วัดปากน้ำ
หลวงพ่อใหญ่ แบบชัด ๆ
ที่ฐานหลวงพ่อใหญ่มีพระราหู วัดนี้มีชื่อเสียงเรื่องการบูชาพระราหูมาก
พระอุโบสถของวัด ปกติไม่ค่อยเปิดเท่าไร
พระประธาน (วันนั้นวัดเขามีเตรียมงานอะไรสักอย่าง เลยเปิด)
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดนี้คือ หลวงพ่อโต ซึ่งแต่เดิมมีเพียงหลังคามุงจาก จนปี พ.ศ.๒๕๐๖ ได้มีการสร้างวิหารขึ้นมา
ลากันไปด้วยภาพของพระพุทธวิมุตติสุขครับ เป็นปางเสวยวิมุตติสุข
Create Date : 11 สิงหาคม 2559 |
Last Update : 11 สิงหาคม 2559 22:57:56 น. |
|
4 comments
|
Counter : 4595 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณคุณเอกบุรุษที่พาชมวัดสวยๆและพระพุทธรูปที่งดงามทั้งสามแห่งนี้นะคะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เอกบุรุษ สุดขอบฟ้า Travel Blog ดู Blog
..............................................
ขอบคุณมากค่ะที่แวะทักทายกัน
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ