ลุยนครนายก ตอนที่ ๒ สักการะพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ อุทยานพระพิฆเนศ
หลังออกจากวัดเขาทุเรียนแล้ว เราก็จะมุ่งหน้าเข้าสู่สถานที่ที่ ๒ ซึ่งเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู (ถ้าดูตามชื่อและสิ่งที่ประดิษฐานอยู่อ่ะนะ) นั่นก็คือ อุทยานพระพิฆเนศ
อุทยานพระพิฆเนศแห่งนี้เกิดจากแนวคิดของ พระราชพิพัฒน์โกศล หรือ หลวงพ่อเณร วัดศรีสุดารามวรวิหาร กรุงเทพมหานครที่ได้รับการถวายที่ดินจำนวน ๑๖ ไร่ ตอนแรกท่านคิดจะสร้างบ้านพักคนชรา แต่ก็ต้องพับโครงการไป แล้วตอนหลังได้มาสร้างใหม่เป็นอุทยานพระพิฆเนศ
บริเวณที่จอดรถและซุ้มขายของที่ระลึกของอุทยาน
ก่อนจะเข้าไปถึงบริเวณขององค์พระพิฆเนศ เราจะเจอกับศาลาที่ประดิษฐานเทวรูปของเทพเจ้าสำคัญ ๆ ของศาสนาฮินดู
พระศิวะ หรือ พระอิศวร เป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือเทพทั้งปวง ประทับบนเขาไกรลาส มีโคเป็นพาหนะ (ทำให้คนฮินดูเชื่อว่าวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิื) พระองค์ทรงมีพระเนตรที่สามบนหน้าหาก หากลืมพระเนตรนั้นเมื่อไร ก็จะสามารถเผาผลาญสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นจุณได้
พระนารายณ์ทรงครุฑ ซึ่งพระนารายณ์เป็นหนึ่งในสามเทพผู้ยิ่งใหญ่ มีสถานะเป็นผู้ปกป้องโลก ในยามที่เกิดยุคเข็ญ พระนารายณ์ก็จะอวตารลงมาเพื่อปราบยุคเข็ญ การอวตารไม่ใช่ว่าพระนารายณ์ลงมาเกิดบนโลกนะครับ แต่แค่แบ่งกำลังส่วนหนึ่งให้ลงมาเกิดเฉย ๆ ส่วนตัวพระนารายณ์ก็ยังอยู่ ณ ที่ประทับที่เดิม คือ เกษียรสมุทร หรือทะเลน้ำนม พระนารายณ์เคยอวตารทั้งหมด ๑๐ ครั้ง ครั้งที่คนน่าจะรู้จักกันดีที่สุดคือครั้งที่ ๗ ที่อวตารมาเป็น พระรามในเรื่องรามเกียรติ์นั่นเอง
พระพรหม เทพเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ทรงมีสี่พักตร์ แปดกร ทรงหงส์เป็นพาหนะ มีพระชายานามว่า พระสุรัสวดี
หลังจากสักการะเทพเจ้าอื่น ๆ แล้ว ทีนี้เราก็จะเข้าไปสู่ตัวอุทยานกันเสียที
เข้าไปเราจะเจอกับพระพิฆเนศองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ในท่านั่ง มีศาลามีมุมให้จุดธูปเทียนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิืต่าง ๆ
พระพิฆเนศองค์ใหญ่ ๆ นั้นของอุทยานพระพิฆเนศมีอยู่ด้วยกันสององค์ เข้ามาถึงจะเจอองค์นี้ก่อน
พระพิฆเนศเป็นโอรสของพระฺศิวะและพระแม่อุมาเทวี หรือพระนางปารวตี เมื่อแรกประสูติมีนามว่า พระขัณฑกุมาร แต่เดิมก็มีเศียรเป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดานี่แหละครับ แต่ครั้งนั้นพระศิวะได้เชิญพระนารายณ์มาเพื่อร่วมงานสมโภชพระพิฆเนศ พระนารายณ์ได้สบถออกมาว่า "บ๊ะ! ไอ้ลูกหัวหาย" ทันใดนั้น เศียรของพระขัณฑกุมารก็หายไปทันที พระนารายณ์จึงต้องไปหาศพคนที่ตายแล้วหันหัวไปทางทิศตะวันตกมาต่อคืนภายในวันนั้น ไม่เช่นนั้นพระขัณฑกุมารจะสิ้นชีพ จนใกล้จะหมดเวลาก็เจอแค่ช้างตัวหนึ่งนอนตายอยู่ จึงจำต้องตัดเอาหัวช้างนั้นมาต่อให้พระขัณฑกุมาร ทำให้พระขัณฑกุมารมีเศียรเป็นช้าง และต่อมาได้เปลี่ยนนามใหม่เป็น พระพิฆเนศ ส่วนนามพระขัณฑกุมารได้นำไปตั้งให้กับน้องชาย (หรือบางที่ก็บอกว่าพี่ชาย) ของพระพิฆเนศในเวลาต่อมา
องค์ที่เป็นจุดเด่นของทีนี่คือองค์ที่อยู่ด้านหลังซึ่งเป็นปางเสวยสุข แบบเดียวกับที่วัดสมานรัตนาราม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็บอกว่าของตนเองเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หากสังเกตให้ดีจะพบว่า พระพิฆเนศจะมีงาหักอยู่ข้างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนสร้างสร้างไม่ดี ทำให้งาหักพังลงมาแต่อย่างใด แต่มาจากตำนานครับว่า พระพิฆเนศเคยต่อสู้กับฤๅษีปรศุราม ซึ่งเป็นอวตารปางที่ ๖ ของพระนารายณ์ และถูกฤๅษีปรศุรามใช้ขวานฟันจนงาหัก ดังนั้นเทวรูปของพระพิฆเนศจึงมีงาที่หักทุกองค์
นอกจากพระพิฆเนศแล้ว ยังมีรูปปั้นของฤๅษีหลายตนให้สักการะ
จบแล้วครับ โปรดติดตามตอนต่อไป
บล็อกตอนก่อนหน้า
บล็อกตอนถัดไป
Create Date : 18 กันยายน 2559 |
Last Update : 23 กันยายน 2559 22:50:19 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2685 Pageviews. |
|
 |
|