|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
จาก Philly สู่ Chicago
หลังจากที่ได้ถอนตัวจากการเป็น Au Pair เรารู้สึกว่าชีวิตนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้วซิ นี่แหละจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตจริงที่ไม่มีผู้ปกครอง ไม่มีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำ ไม่สามารถงอแงหรือเรียกร้องความสนใจจากใครได้อีกเหมือนอย่างที่เราเคยเป็นและชอบเป็น ไม่มีใครมาคอยเอาอกเอาใจเหมือนก่อน เราต้องตัดสินใจทุกเรื่องด้วยตัวเอง โชคชะตาทำไมมาเล่นตลกกับเราอย่างนี้ ไม่ชอบเลย นึกในใจว่า "เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน"
วันที่เดินออกจากครอบครัวอุปถัมภ์ เราเห็นเด็กสองคนที่เราดูแลยืนมองเราตาละห้อยอยู่กับปุ๊ก Au Pair คนใหม่ที่มารับช่วงต่อ เรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ต้องวิ่งกลับไปกอดกันอยู่พักใหญ่ ตอนนั้นใจหายมาก แต่ก็ต้องตัดใจเดินจากมา
เรามุ่งตรงสู่ชิคาโก้พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่สองใบ พอออกจากสนามบินก็เจออู๊ด (ซึ่งตอนนั้นกลายเป็นคนรักเก่าจากเมืองไทย) มารอรับอยู่ เรายังไม่รู้เลยว่าจะไปพักที่ไหน แล้วจะอยู่ยังไง ชิคาโก้เป็นอย่างไรก็ไม่รู้ จริงๆแล้ว ช่วงที่อยู่ฟิลาเลเฟีย เราได้มาเที่ยวที่ชิคาโก้ครั้งหนึ่ง แต่แค่ไม่กี่วัน การเที่ยวก็ไม่ได้เหมือนกับการมาอยู่ ความรู้สึกต่างกันโดยสิ้นเชิง
อู๊ดมีญาติพี่น้องอยู่ในชิคาโก้เป็นจำนวนมาก เรียกว่าเป็นตระกูลใหญ่ทีเดียว และบรรดาญาติๆของอู๊ดต่างก็เปิดร้านอาหารกัน เรานั่งรถไปกับอู๊ดเพื่อไปหาญาติอู๊ดคนหนึ่งและหวังว่าจะได้งานทำ พอไปถึงก็ได้งานทำจริงๆ แต่มีปัญหาเรื่องที่พักและการเดินทาง แถวนั้นไม่ได้อยู่ในตัวเมือง ถ้าไม่มีรถก็เดินทางลำบาก คิดไปแล้ว อาจจะเสี่ยงต่ออันตรายได้ เราเลยถอยกลับไปตั้งหลักก่อน
วันแรกๆที่ไปถึงชิคาโก้ เราไปพักอยู่ที่บ้านอาอี๊ของอู๊ดเพื่อรองาน ช่วงนั้นรู้สึกเครียดมาก เพราะไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ และชีวิตจะเป็นยังไงต่อไป โชคดีที่มีอู๊ดคอยให้กำลังใจและญาติๆของอู๊ดก็ดีกับเรา คอยให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี
ในที่สุด ร้านอาหารของอาอี๊อู๊ดคนหนึ่งต้องการคนพอดี และร้านนี้อยู่ในใจกลางเมืองชิคาโก้ พร้อมทั้งให้ที่พักบนตึกเดียวกันกับร้านอาหารในราคาที่ถูกมากๆ เราเลยไม่รีรอ จึงตัดสินใจไปทำงานที่นั่น
วันรุ่งขึ้นเราก็ย้ายข้างของไปอยู่ที่ใหม่ ซึ่งเป็นตึกสูงสี่ชั้น ห้องที่เราได้พักอยู่ชั้นสองและเป็นแบบสามห้องนอนอพาร์ทเม้นท์ ส่วนห้องครัวและห้องน้ำต้องใช้ร่วมกับรูมเมทอีกสองห้อง รูมเมทของเราเป็นสองสาวชาวอินโดนีเชีย รุ่นๆเดียวกัน ดูแล้วใจดี นิสัยดีทั้งคู่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ร้านอาหารที่เราจะทำเป็นแบบไทย-ญี่ปุ่นอยู่ชั้นล่างของตึก เราเลยไม่ต้องเดินทางเลย ทำเลของตึกอยู่ห่างจาก Water Tower แค่บล็อกเดียว เรียกว่าอยู่ใจกลางเมืองมากๆ ติดแหล่งชอปปิ้ง ถ้าเทียบกับกรุงเทพก็น่าจะเป็นย่านมาบุญครองอะไรทำนองนั้น
เอาล่ะ ดูๆแล้วทุกอย่างเริ่มเข้าที่ และปลอดภัย โชคดีอีกอย่างที่เราได้กะทำงานเต็มห้าวันเลย เราก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเริ่มต้นอาชีพพนักงานเสริฟ และพร้อมที่จะทำงานเก็บเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ไม่รู้ว่าจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน จะได้รายได้ยังไง เราก็หวังว่าการทุ่มเทแรงกายแรงใจมาเป็นพนักงานเสริฟในอเมริกา คงจะช่วยให้เราเก็บเงินได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันจำกัด เพราะค่าเงินดอลล่าร์ที่เราจะหาได้ เมื่อเทียบกับเงินบาทแล้ว คงจะช่วยเราได้เยอะ ได้เท่าไหร่ก็ต้องเอา ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเกี่ยงหรือเลือกได้
เราสูดหายใจเข้าเต็มปอดฟอดใหญ่ ภาวนาให้ทุกอย่างดีขึ้น และเป็นไปอย่างที่ตั้งใจ เราพร้อมลุยแล้ว สู้ สู้
ป.ล. เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณสามปีที่แล้วนะคะ
| |
Create Date : 24 กันยายน 2552 |
|
7 comments |
Last Update : 24 กันยายน 2552 11:15:05 น. |
Counter : 737 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: lovelylk 24 กันยายน 2552 14:06:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: bite25 24 กันยายน 2552 20:33:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: p IP: 202.28.25.9 29 กันยายน 2552 16:32:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไก่ IP: 111.84.89.5 14 กุมภาพันธ์ 2553 0:48:48 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ลูกไก่สิ สงสัยแก่แล้วมั้ง ลืมง่ายจริงๆๆ
ตอนนี้แทบจำอะไรไม่ได้แล้วอ่ะ