GOLDEN BAMBOO:)

I love King รักในหลวงค่ะ

Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
21 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Culture Shock in America

วันนี้ขอพูดถึง Culture Shock ที่เราเจอในประเทศอเมริกาสักหน่อยดีกว่า

Culture Shock เป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการที่เราได้ไปอยู่ในสถานที่ใหม่ ต่างวัฒนธรรมประเพณี ต่างภาษา ต่างความเป็นอยู่ และเราเจอกับเหตุการณ์หรือบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่าตกใจ แปลกประหลาดใจ หรือบางครั้งอาจจะทำให้เรารู้สึกเศร้า หดหู่ก็ได้

ตอนมาที่อเมริกาแรกๆ มีหลายเรื่องที่เราไม่เข้าใจคนอเมริกัน ถึงวันนี้บางเรื่องเราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เหตุการณ์หลายอย่างที่เราพบเห็นมาก็เรียกว่าเป็น Culture Shock ได้เหมือนกัน

1. คนอเมริกันชอบพูดทักทาย How are you? แต่ไม่มักจะสนใจคำตอบของฝ่ายตรงข้าม ตอนเรียนที่เมืองไทย เวลาใครถามว่า How are you? เราก็ต้องตอบว่า I'm fine, thank you, and you? เหมือนกับคนไทยที่เวลาถามสารทุกข์สุกดิบ เราก็ตอบกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่สำหรับอเมริกันแล้วไม่ใช่ คำทักทาย How are you? ถ้าจะแปลไปแล้วก็เหมือนการพูดแค่ Hello พวกเขาไม่สนใจคำตอบ และถ้าใครตอบไปยาวๆ เขาก็จะมองหน้าเราแปลกๆ หรือบางทีกลายเป็นว่าเรายืนพูดอยู่คนเดียว เพราะเขาเดินจากเราไปแล้ว เราเคยเจอแบบนี้หลายครั้งมากๆ จนคิดว่าถ้าไม่อยากได้คำตอบ จะถามทำไม ทำให้เราหงุดหงิดไปตั้งหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เพิ่งเข้าใจ


2. เวลาเข้าทานอาหารในร้านอาหารอเมริกัน อย่าเห็นช้างเท่าหมู เพราะปริมาณอาหารสำหรับทานคนเดียวของอเมริกันเท่ากับคนไทยทานได้สองคน เช่นถ้าสั่งพาสต้า พิซซ่า แฮมเบอร์เกอ์ เราก็จะได้จานใหญ่มากๆ และอีกอย่าง คนที่นี่เค้าจะไม่แบ่งอาหารกันทาน จานใครจานมัน แม้ครอบครัวเดียวกันยังแยกเลย ถ้าสมมุติว่าสามีจะชิมอาหารภรรยาก็ต้องขออนุญาติกันก่อน


3. การซื้อของและคืนได้ ในอเมริกาไม่ว่าเราจะซื้อของอะไร โดยมากแล้ว ถ้าเราไม่พอใจในสินค้า เราสามารถเอาไปคืนได้พร้อมกลับได้เงินกลับคืนมาแบบเต็มจำนวน เพียงแค่เก็บใบเสร็จเอาไว้และพยายามอย่าดึงป้ายออก ต่างจากเมืองไทย ถ้าซื้อแล้วก็ห้ามคืน มิน่าคนอเมริกันถึงชอบชอปปิ้งกันมากๆ


4. สถานบันครอบครัวของที่นี่ไม่เหมือนเมืองไทยเลย คนอเมริกันเมื่อโตขึ้นสามารถหางานทำเลี้ยงตัวเองได้ ก็จะไม่อยู่กับพ่อแม่อีกต่อไป อยู่แบบตัวใครตัวมันและลูกก็ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ ส่วนใหญ่เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่า พวกเค้าก็จะไปอยู่ตามบ้านพักคนชรา หรือไม่ก็เลี้ยงตัวเองโดยการได้รับเงินจากรัฐบาล คนอเมริกันจึงต้องพยายามทำงานจ่ายภาษีเพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเองในยามชรา ไม่เหมือนกับคนไทยที่เชื่อเรื่องความกตัญญู ลูกๆยังหวังพึ่งได้และยินดีที่จะดูแลพ่อแม่ เพื่อทดแทนบุญคุณ


5. ผู้หญิงอเมริกันเสียงดัง ตอนมาแรกๆ โอโห ผู้หญิงที่นี่ขี้โวยวายชะมัด อาจจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กๆแตกต่างจากวัฒนธรรมเอเชีย ทุกคนที่นี่เท่าเทียมกัน ผู้หญิงกล้าคิดกล้าพูด และไม่มีระบบผู้อาวุโสที่นี่ แต่ยังไงเราก็ยังชื่นชมผู้หญิงแบบไทยๆมากกว่า ดูงามกว่าเยอะเลย


6. การตรงต่อเวลา คนอเมริกันนัดเป็นนัด และการผิดเวลาถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากๆ โดยเฉพาะถ้านัดมาคุยเรื่องงาน ทุกเวลามีคุณค่า สามารถสร้างเม็ดเงินได้ เพราะที่นี่การจ่ายค่าจ้างแรงงานเป็นการจ่ายแบบชั่วโมงมากกว่าแบบเงินเดือน


7. ชอบทำกิจกรรม คนอเมริกันไม่ชอบอยู่เฉยๆ ตารางเวลาจะถูกกำหนดเอาไว้เต็มไปหมดว่าต้องทำโน่นทำนี่ วันว่างเมื่อไหร่ก็ต้องหากิจกรรมทำ ออกไปข้างนอก โดยเฉพาะหน้าร้อน เมืองแต่ละเมืองจะมีการโปรโมตกิจกรรมหน้าร้อนและจะมีเทศกาลงานต่างๆให้คนมาร่วมสนุก และส่วนใหญ่ก็เข้าฟรี นอกจากนั้นคนที่นี่ยังรักการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ มีฟิตเนสหลายแห่งและราคาย่อมเยา ยิ่งหน้าร้อน เวลาออกไปข้างนอก จะเห็นคนมากมายมาออกกำลังกายกลางแจ้ง


8. ความเป็นส่วนตัว คนอเมริกันมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก จะไม่ค่อยวุ่นวายกับเรื่องของชาวบ้าน ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เพื่อนบ้าน หรือแม้กระทั่งบางครั้งครอบครัวเดียวกัน อยู่บ้านเดียวกัน ยังแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย


9. แรกๆมาที่นี่ จะแปลกใจว่าทำไมคนอเมริกันปากหวาน เวลาพูดจาก็จะออกท่าทางแบบเกินจริง เวลาชมก็ชมแบบคนที่ถูกชมสามารถลอยได้เลยทีเดียว เวลาพูดแสดงความเสียใจกับใคร ก็แสดงท่าทีว่าเสียใจสุดๆ ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าทำไมถึงดูไม่จริงใจเอาซะเลย แต่ตอนนี้ชินซะแล้ว เพราะพอพูดเสร็จ เดี๋ยวพวกเค้าก็ลืม


10. เท่าที่สังเกต คนอเมริกันนี่ขี้เหงาไม่ใช่เล่น คนที่นี่ชอบแยกออกมาจากครอบครัวและพักอยู่คนเดียวหรืออยู่กับรูมเมท ดังนั้นจะเห็นได้ว่าคนที่นี่นิยมมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน เลี้ยงเหมือนเป็นลูกคนหนึ่งเลย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ จะเห็นคนจูงสุนัขออกมาเดินเล่นเป็นประจำ บางครั้งเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่มีเวลาให้ จึงเกิดอาชีพใหม่ขึ้นมาคืออาชีพรับจ้างจูงหมาไปเดินเล่น อัตราการจ้างต่อชั่วโมงยังแพงกว่ารายได้ที่ร้านแมคโดนัลด์จ่ายให้พนักงานเสียอีก ยิ่งกว่านั้นค่ารักษาพยาบาล ค่าอาบน้ำทำความสะอาดสุนัขหรือแมวที่นี่แพงมาก แต่คนอเมริกันก็ยอมจ่าย เพื่อจะได้มีเพื่อนไว้คลายเหงา


11. การหย่าร้าง อัตราการหย่าร้างที่ประเทศนี้สูงมาก เราว่าเป็นเพราะผู้หญิงและผู้ชายที่นี่มีความเท่าเทียมกันมากๆ จึงไม่มีใครแคร์ว่าถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ต้องพึ่งพาอาศัยกัน คนอเมริกันเวลารักกันก็รักกันหวานเยิ้มเลย แป็บเดียวก็แต่งงานกัน แต่พอเวลาผ่านไปไม่นาน เกิดอาการไม่พอใจซึ่งกันและกัน ก็หย่ากันดีกว่า ซึ่งเราว่าการหย่าร้างเป็นการทำลายสถาบันครอบครัว จะเห็นคนที่นี่เป็น single mom และ single dad กันเยอะมาก


12. อเมริกันแชร์ วัฒนธรรมเอเชีย เวลาเราออกไปทานข้าวกับเพื่อน ถึงเวลาจ่ายเงิน เราก็จะช่วยๆกันจ่ายให้จบ ไม่สนใจว่าใครทานไปเท่าไหร่ หรือถ้าเราออกไปกับผู้ใหญ่กว่า ส่วนใหญ่แล้วผู้ใหญ่ก็จะเป็นฝ่ายออก และถ้าเป็นคนรักกัน ผู้ชายก็จะเป็นคนจัดการเรื่องค่าอาหาร แต่อเมริกันไม่ใช่เลย เวลาไปทานอาหารกัน ก็จะต่างคนต่างจ่าย และจะจ่ายเฉพาะอาหารที่ตัวเองสั่งทานเท่านั้น ไม่มีขาดไม่มีเกิน เวลาทานอาหารก็จะทานของใครของมัน ไม่มีการลองชิมจานของคนอื่น บางครั้งก็สร้างความวุ่นวายให้กับร้านอาหารถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะคิดเงินไม่ลงตัวสักที เรารู้สึกว่าจะอะไรกันนักกันหนา นานๆออกมาทานข้าวกับเพื่อน จ่ายมากหน่อยนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป จริงมั้ย


13. ตอนแรกที่มาที่นี่ เรารู้สึกว่าคนอเมริกันแต่งตัวตลกจัง มีอะไรใส่ก็ใส่ แฟชั่นที่นี่ตามแฟชั่นเอเชียหรือยุโรปไม่ทัน เช่น จะเห็นผู้ชายใส่สูทผูกเน็คไทกับการเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบเป็นประจำ ในหน้าร้อน คนที่นี่ก็ไม่นิยมใส่รองเท้าแตะ ยังใส่ถุงเท้ากับผ้าใบหรือรองเท้าหุ้มส้น คนอ้วนใส่เกาะอก เปิดพุง บางทีก็ใส่ทูพีซกับกางเกงขาสั้นเดินตามถนน ข้อนี้เราชอบ ใครจะใส่อะไรก็ใส่ ไม่แคร์ว่าหุ่นเป็นยังไง เพราะไม่มีใครมาสนใจ


14. เมืองแห่งบัตรเครดิต คนอเมริกันไม่ชอบใช้เงินสด ทุกอย่างสามารถซื้อได้โดยบัตรเครดิตหรือเดบิต ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่ก็ตาม ดังนั้นถ้ามาเที่ยวที่อเมริกา ก็ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดมากมาย แต่การใช้เครดิตก็เป็นดาบสองคม เพราะถ้าใช้มากเกินไป ก็สามารถกลายเป็นหนี้ก้อนโตได้ ยังไงเราก็ว่ามีเงินสดดีที่สุด


15. การช่วยเหลือ วันหนึ่งมีคนแก่เดินงุ่มง่ามมาและพยายามจะขึ้นทางต่างระดับ แต่ไม่มีกำลังยกตัวเองขึ้น พอดีเราเห็น เราก็รีบคว้ามือให้จับ เพราะเค้าจะได้ไม่ล้ม พอช่วยเสร็จ มีพี่คนหนึ่งที่เรารู้จักก็พูดเชิงดุใส่เราว่าห้ามให้ความช่วยเหลือกับคนแก่หรือใครก็ตามในอเมริกา เพราะถ้าเราช่วยเค้า แล้วเค้าเกิดล้มขึ้นมาหรือเกิดบาดเจ็บ เค้าก็สามารถฟ้องเราได้ และจะกลายเป็นความผิดของเรา ถึงแม้ว่าเราเจตนาดีก็ตาม เราอึ้งไปเลย และไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่นี่เค้าถึงคิดแบบนี้ พี่คนนั้นยังบอกอีกว่า ถ้าเห็นใครเกิดอันตรายปางตาย เช่นรถชน และต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน เราก็ห้ามเข้าไปช่วย ที่ช่วยได้ก็คือโทรแจ้ง 911 เพื่อเป็นการเซฟตัวเองที่สุด เรารู้สึกไม่ดีเลย เพราะเราคิดว่าการช่วยเหลือคนไม่ควรมีขีดจำกัด เราช่วยเพราะใจเราอยากช่วย และมันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี


16. อาหารแช่แข็ง ในสมัยก่อน เนื่องจากหน้าหนาวในหลายๆรัฐของอเมริกาค่อนข้างยาวนาน การเกษตรกรรมก็ไม่สามารถทำได้ต่อเนื่อง การหาอาหารสดทานตลอดปีก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นอกเสียจากนำเข้ามาจากที่อื่น ดังนั้นการแปรรูปอาหารให้เป็นแบบแช่แข็งก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่คนอเมริกันนิยมทำกัน จนกระทั่งปัจจุบัน วัฒนธรรมอาหารแช่แข็งยังสืบทอดต่อกันมา ในซุปเปอร์มาเก็ต เราเห็นอาหารและขนมเกือบทุกประเภทกลายเป็นอาหารแช่แข็งเต็มไปหมด ซึ่งเราสามารถนำมาใส่ในไมโครเวฟเพียงไม่กี่นาที ก็ทานได้ ทันใจคนทานและประหยัดเวลาของคนที่ไม่มีเวลาแบบคนอเมริกัน โดยส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกว่าอาหารแช่แข็งเหล่านี้ มีคุณค่าทางอาหารน้อยนิด ทำให้อ้วนง่ายและไม่สดตามธรรมชาติ ถ้าเลี่ยงได้เราก็ไม่ทานเลย จะเห็นได้ว่าคนอเมริกันที่หันมาใส่ใจสุขภาพ ก็เริ่มหันมาทานอาหารสดกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีอาหารสดให้เลือกมากขึ้นตามร้านค้าต่างๆ


17. คนอเมริกันที่ค่อนข้างมีฐานะจะรูปร่างดี ผอมเพรียว ส่วนคนที่ไม่ค่อยมีเงินมักจะอ้วนถึงอ้วนที่สุด ตรงกันข้ามกับเมืองไทย คนรวยอ้วน เแต่คนจนกลับผอม เราก็แปลกใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ปรากฏว่าที่คนรวยอเมริกันผอมก็เพราะเค้าเลือกทานอาหารดีๆ เพื่อสุขภาพและไม่ทานอาหารขยะ ส่วนคนจนส่วนใหญ่ก็จะทานอาหารขยะ เช่นพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ น้ำอัดลม เพราะที่อเมริการาคาถูกมาก มองย้อนกลับมาเมืองไทย อาหารดีๆของคนรวยในเมืองไทยก็จะเป็นพวกอาหารขยะจากอเมริกา เพราะราคาที่ขายในเมืองไทย คนจนไม่สามารถซื้อได้เลย มากไปกว่านั้น อาหารที่เรียกว่าอาหารเหลาในเมืองไทย คนรวยในไทยก็ชอบทาน ทั้งๆที่มีแต่ของมันๆทั้งนั้น แต่แพงหูฉี่ นี่แหละทำไมคนรวยในไทยถึงมีโอกาสอ้วนง่าย ส่วนทางเลือกที่ดีที่สุดของคนจนในไทยคือทานผัก ทานทุกสิ่งทุกอย่างแบบบ้านๆเท่าที่จะหาได้หรือราคาถูก คนจนในไทยก็เลยผอมยังไงล่ะ


การปรับตัวให้เข้ากับเหตุการณ์หรือสิ่งที่เจอในสถานที่ใหม่ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่เราเปิดใจให้กว้าง และยอมรับวัฒนธรรมใหม่ แต่เราไม่จำเป็นต้องทำตาม แค่เรียนรู้ไว้ว่าแต่ละสถานที่มีอะไรไม่เหมือนกัน แค่นี้เราก็จะอยู่ในเมืองใหม่ได้อย่างมีความสุข และช่วยบรรเทาโรคคิดถึงบ้านได้


Create Date : 21 สิงหาคม 2552
Last Update : 20 มิถุนายน 2554 7:10:18 น. 7 comments
Counter : 3795 Pageviews.

 
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราค่ะ


โดย: somphoenix วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:7:43:57 น.  

 
เข้าใจคุณ จขบ. เลยคะ โดยเฉพาะข้อแรกเพราะลูกไก่เป็นประจำ


โดย: lovelylk วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:8:46:56 น.  

 
ขอบคุณมากๆ เลยครับที่นำมุมมองที่เห็นที่สัมผัสมาบอกกล่าว


โดย: bite25 วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:16:44:42 น.  

 
เห็นด้วยทุกข้อเลยค่ะ Culture Shock เหมือนกัน

ก็ต้องเรียนรู้และปรับตัวกันไปค่ะ


โดย: kaviaBuhrman วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:10:07:08 น.  

 
ขอบคุณมากๆเลยน่ะค่ะ เป็นประโยชน์มากค่ะ
ไปมาเหมือนกัน อต่พอตอนจะเอามาทำรายงานพรีเซนต์หน้าห้องกลับจำอะไรไม่ได้เลย ช่วยได้มากเลยค่ะ


โดย: Ai IP: 222.123.57.226 วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:11:23:11 น.  

 
ช๊อบๆๆ ชอบๆๆ เป็นประโยชน์มากเลยค๊ะะะะ

ขอบคุณ


โดย: M1zz191 วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:23:41:19 น.  

 
ขอบคุณสำหรับแง่คิดดีๆครับ


โดย: xwsx IP: 222.123.201.12 วันที่: 15 ธันวาคม 2552 เวลา:8:51:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Coucou Bamboo
Location :
Chicago United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Welcome to my blog

พอดีได้มีโอกาสเข้ามาดู Bloggang ของคนหลายๆคน ก็เริ่มมีความรู้สึกว่าน่าสนใจ เลยสมัครเป็นสมาชิกของที่นี่อีกหนึ่งคน แม้ว่าจะเป็นคนเขียนไม่เก่ง ใช้ภาษาไม่ค่อยถูกต้อง แต่สิ่งที่ตั้งใจจะทำก็คืออยากจะเก็บข้อมูลส่วนตัวและเรื่องราวที่ได้พบเห็นมาเอาไว้ นอกจากนั้นบางอารมณ์ก็อยากเขียนความรู้สึกนึกคิดไว้เป็นบันทึกของตัวเองที่นี่ด้วย เพื่อจะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำตลอดไป สำหรับใครก็ตามที่หลงเข้ามาในบล็อกนี้ ก็ขอกล่าวคำสวัสดี และขอให้ทุกท่านมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ และขอให้โชคดีนะค่ะ

BON COURAGE!.
New Comments
Friends' blogs
[Add Coucou Bamboo's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.