01-06-64 | เพื่อนแท้ - มิตรอุปการะ เป็นที่พึ่งได้ มิตรร่วมทุกขืร์วมสุข ไม่ทิ้งกันยามวิบัติ มิตรแนะประโยชน์ให้ แนะให้ทำความดี มิตรมีความรักใคร่ ร่วมทุกขืร่วมสุขกัน |
02-06-64 | ปกติจิตเป็นปภัสสร เมื่อมีโลภโกรธหลงทำให้จิตเศร้าหมอง |
03-06-64 | แก้โลภด้วยการเสียสละ แก้โทสะด้วยสติปัญญา แก้หลงด้วยรู้ทั่วตามสภาพที่เป็นจริง |
04-06-64 | นวโกวาท คบคนดีสัตบุรุษ ฟังธรรมด้วยความเคารพ ตริตรองให้รู้สิ่งดีชั่ว ประพฤติธรรมที่ได้ไตร่ตรองแล้ว |
05-06-64 | พรหมวิหารธรรมสำหรับผู้นำ เมตตาหวังให้เขามีความสุข กรุณาช่วยให้เขามีความสุขได้จริง มุทิตายินดีเมื่อเขามีความสุขแล้ว อุเบกขาวางเฉยเมื่อเขาไม่มีความสุข |
06-06-64 | สังสารวัฏ = การเกิดของกิเลส: มีกิเลส ทำกรรม แล้วเกิดผล และเกิดกิเลสอีก เวียนอยู่เช่นนี้ โลภ โกรธ หลง ไม่รู้จบ |
07-06-64 | ความอดทน ทนต่อความเจ็บใจได้ ทนต่อสิ่งยั่วยุที่จะทำให้เกิดอารมณ์ สิ่งยั่วยุที่จะทำให้เกิดกำหนัด |
08-06-64 | ความเพียรชอบ เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้นจนเป็นสันดาน เพียรละบาปที่เกิดขึ้นให้หมดไป เพียรให้กุศลเกิดขึ้นในสันดาน เพียรรักษากุศลที่เกิดแล้วไม่ให้เสื่อม |
09-06-64 | อุปาทาน จิตที่ไปติดกับสิ่งใด แล้วยึดมั่นถือมั่น จะเกิดทุกข์ตามมา ทุกข์แบบนี้เกิดไม่รู้จักจบสิ้น ถ้าไม่ตัดที่ต้นเหตุ |
10-06-64 | หิริ ละอายแก่ใจ ไม่ทำผิดทั้งที่ลับและแจ้ง โอตตัปปะ กลัวผลที่จะเกิดขึ้นตามมา ทำอะไรต้องไม่อายฟ้าอายดิน |
11-06-64 | ผู้มีปัญญาย่อมห้ามจิตได้ ด้วยการฝึกสมาธิผ่านการภาวนา บังคับจิตไม่ให้ฟุ้งซ่านได้ ทำให้ใจสงบได้เร็วขึ้น |
12-06-64 | อนิจจัง กฏที่บอกทุกสิ่งไม่เที่ยง ให้อยู่อย่างไม่ยินดียินร้าย |
13-06-64 | โยนิโสมนสิการ การทำใจโดยอุบายแยบคาย คิดให้ละเอียดตริตรอง เข้าใจสิ่งนั้นอย่างถูกต้อง |
14-06-64 | ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ข้อปฏิบัติของผู้มีความรู้ คบกับสัตบุรุษ ฟังคำสอนโดยเคารพ คิดให้เข้าใจ ปฏิบัติให้สมกับความรู้ |
15-06-64 | กายเหมือนต้นโพธิ์ ใจเหมือนกระจกเงา เช็ดบ่อย ๆ ฝุ่นไม่จับ - ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกเงา แล้วฝุ่นจะจับตรงไหนล่ะ |
16-06-64 | เจริญอสุภะกัมมัฏฐาน มองสิ่งไม่สวยไม่งาม เพื่อคลายกำหนัดในกิเลส ด้วยการแยกส่วนร่างกายทีละส่วน ใช้กายคตาสติ |
17-06-64 | วิปริณามธรรม สังขารทางร่างกายเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ให้รู้และคอยดูเพื่อเป็นสติเตือนใจจะได้ไม่ประมาทต่อชีวิต |
18-06-64 | นิพพาน วิมุตติ ดับร้อนได้ ใจเย็น ใจสงบ ทำให้พ้นจากความทุกข์ |
19-06-64 | ทางเกิดของอารมณ์ รูปกระทบตาเกิดความรู้สึกทางตา-จักขุวิญญาณ การมีตา มีรูป มีความรู้สึกรวมเรียกผัสสะ แล้วจะเกิดเวทนา ตัณหา อุปาทานและกิเลสตามมา |
20-06-64 | การสำรวม ให้ใช้สติคุมผัสสะ ไม่ให้เกิดเวทนา อย่าให้ยินดียินร้าย ไม่ให้ความชั่วก่อเกิด ลดโลภ โกรธ หลงได้ |
21-06-64 | อิทัปปัจจยตา เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น มันต้องดับไปเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรยืนยงคงที่ มันดับไปเอง เกิด ๆ ดับ ๆ เป็นปกติ |
22-06-64 | มนุษยธรรม ไม่ฆ่ากัน ไม่ลักขโมย ไม่ล่วงเกินของรักของชอบ ไม่โกหก ไม่โลภ ไม่พูดคำหยาบเหลวไหล ไม่พูดให้คนแตกแยก ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่โลภ ไม่โกรธตอบ ไม่หลงอะไรง่ายๆ |
23-06-64 | กตัญญู รับรู้บุญคุณของผู้อื่นที่มีต่อเรา กตเวที ต้องตอบแทนไม่วันใดก็วันหนึ่ง ใครมีกตัญญูกตเวทีชีวิตจะอยู่รอด |
24-06-64 | ปฏิจจสมุปบาท มุ่งเน้นเรื่องการเกิดทุกข์และการดับทุกข์ กระแสแห่งปัจจัย และสิ่งที่เกิดขึ้นตามปัจจัย |
25-06-64 | อิทัปปัจจยตา เมื่อมีสิ่งนี้ ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ ๆ ย่อมเกิดขึ้น ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ ๆ ก็ไม่เกิดขึ้น |
26-06-64 | ถีนมิทธะ นิสัยมึนชา ไม่แจ่มใส ถ้าไม่มีถีนมิทธะ จะไม่มีนิวรณ์ จึงเกิดสมาธิ |
27-06-64 | สัมมาทิษฐิจะช่วยกำหนดกรรมดี ให้เลือกทำแต่สิ่งที่เป็นกุศล ไม่เบียดเบียนผู้อื่นและตนเอง |
28-06-64 | สิ้นกรรมได้ ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่น หมดสิ้นตัวตน มีตัวก็มีกรรม หมดตัวหมดกรรมได้ |
29-06-64 | กุศลกรรม ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น |
30-06-64 | ศีลดับโทษทางกายวาจา สมาธิดับกิเลสกลุ้มรุมจิต ปัญญาดับอนุสัยอาสวะ วิมุตติดับทุกข์ วิมุตติญาณทัสสนะดับไฟโง่ทั้งปวง |