Dutch mill กับเมลานีน

Dutch mill กับเมลานีน

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สังคมไทยเกิดปัญหาหลายอย่าง ทั้งที่เป็นปัญหาที่เกิดจากคนไทยช่วยกันก่อขึ้นมา อีกส่วนหนึ่งเป็นปัญหาที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศจีน

ปัญหาที่คนไทยช่วยกันก่อร้างสร้างมันขึ้นมา คือปัญหาทางการเมือง ที่แต่ละฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เมื่อมีประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง สองสีเสื้อที่แต่ละคนสวมใส่บ่งบอกถึงการแบ่งกลุ่มอย่างชัดเจน สีหนึ่งเป็นสีเหลือง อีกสีหนึ่งเป็นสีแดง พวกเขาบอกว่าตัวเองเป็นกลุ่ม “ต่อต้าน” บุคคลหนึ่ง มากกว่าบอกว่าตัวเองเป็นกลุ่ม “นิยม” บุคคลหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ค่อยๆถูกแก้ปมไปทีละจุด ประเทศไทยน่าจะยืนตรงได้อย่างเข็มแข็งและค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และมั่นคงได้อีกครั้ง (ถ้าไม่มีใครสักคนทะลึ่งก่อความวุ่นวายอีก)

อีกปัญหาหนึ่งเป็นปัญหาที่รุนแรงและอันตรายไม่แพ้ปัญหาการเมืองที่กล่าวไปเบื้องต้น มันเป็นปัญหาที่กระทบทุกๆคนที่ต้องกินต้องดื่มเพื่อให้ท้องอิ่ม โดยเฉพาะอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของโปรตีน มันคือสารเมลานีนปนเปื้อนในวัตถุดิบนมผงนำเข้าจากประเทศจีน

ในช่วงเวลาแรก ผู้บริโภคต่างรับรู้ไปในทิศทางเดียวกันว่า วัตถุดิบนมผงที่มีสารปนเปื้อนนั้น นำไปเป็นส่วนประกอบของนมผงเด็กทั่วไป คนที่มีลูกเล็กเด็กแดงต่างวิตกกังวล บางครอบครัวตัดสินใจซื้อแต่นมผงที่ผลิตจากประเทศทางยุโรปหรืออเมริการเท่านั้น (ทั้งๆที่วัตถุดิบก็นำเข้ามาจากประเทศจีนอยู่ดี)

เมื่อกระแสเมลานีนกำลังฮิต จึงมีการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้น พบว่ามีอาหารหลากหลายประเภท เช่น ขนมขบเคี้ยว นมข้นหวาน ลฯ รวมไปถึงอาหารมีที่ส่วนผสมของโปรตีนทุกประเภท เพราะแต่ละประเทศต่างก็สั่งนมผงดิบจากประเทศจีนในการผลิตผลิตภัณฑ์ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย

ปัญหาทางการเมือง ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน แก้ไขพร้อมๆกัน มองเห็นเป้าหมายเดียวกัน และเดินทางไปพร้อมๆกันทั้งประเทศ แต่ปัญหาสารปนเปื้อนตกค้างในอาหารนั้น เป็นปัญหาของใครของมัน ขึ้นอยู่กับวิธีการรับมือของแต่ละองค์กร ใครทำได้ดีกว่าก็หมายถึงการปรับภาพลักษณ์องค์กรให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ส่งผลไปสู่กำไรในอนาคต

หนึ่งในหลายองค์กรที่กำลังปรับตัวอยู่ คือ บริษัท ดัชมิลล์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมเปรี้ยวพร้อมดื่มดัชมิลล์ เป็นองค์กรที่ก่อตั้งมาร่วมเวลา 25 ปี เรามาดูกันว่า องค์กรที่มีผลิตภัณฑ์นมปรี้ยวและจำเป็นต้องใช้ส่วนผสมของโปรตีน แก้ปัญหานี้กันอย่างไร

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา กรรมการผู้บริหารของดัชมิลค์ให้ข่าวประชาสัมพันธ์ถึงแผนนโยบายในปี 2551 รวมทั้งเป้าหมายและงบประมาณการทำกิจกรรมทางการตลาด แผนการตลาดในปีหน้าจะมุ่งเน้นไปที่การขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น จากเดิมที่ขายผ่านทางร้านค้าปลีก ยังเพิ่มช่องทางจำหน่ายขายตรงอีกด้วย

นมเปรี้ยวกับการขายตรง ฟังดูแล้วแปลกแต่น่าสนใจ แนวคิดก็คือ“สาวดัชมิลค์” ผมยังไม่เห็นรายละเอียดของช่องทางนี้เท่าไหร่แต่คิดว่าน่าจะเหมือน “สาวยาคูลล์” หรือเปล่า นั้นคือให้พนักงานสาวขายผลิตภัณฑ์ดัชมิลล์ ตามตลาดนัดหรือตามบ้าน (มั้ง) กรรมการผู้จัดการบอกว่านี้จะเป็นการเพิ่มยอดขายได้ทางหนึ่ง และเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนมีรายได้อีกด้วย

นอกจากการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทาง “สาวดัชมิลค์” แล้ว ยังมุ่งเน้นไปที่การเผยแพรีข่าวสารเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์นมเพื่อสร้างเข้าใจที่ถูกต้องในการบริโภค ที่เหลือเป็นแผนการกระจายสินค้าไปสู่ตลาดต่างประเทศ และเพิ่มกำลังการผลิต

ด้วยแผนในปี 2551 นี้ กรรมการผู้จัดการเชื่อว่าจะยอดขาย กำไร และส่วนแบ่งทางการตลาดได้แม้จะมีเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในปีหน้าก็ตาม แต่ที่น่าสนใจคือ ทางกรรมการผู้จัดการไม่เห็นแจ้งว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับผลิตภัณฑ์นมของบริษัท ซึ่งมีส่วนผสมของสารเมลานีนอยู่

สุดท้ายแล้ว ปัญหาทางการเมืองต้องให้ทหารหรือศาลปกครองเข้ามาเคลียร์ปัญหา แต่สำหรับปัญหาสารปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารแล้ว ผู้บริโภคคงเลือกร่วมกันเคลียร์ปัญหาเอง ด้วยการไม่ซื้อสินค้าขององค์กรนั้น

ปัญหาทางการเมือง ถ้าพัง ก็พังด้วยกัน แต่ปัญหาสารปนเปื้อน ถ้าพัง ก็ตัวใครตัวมันละจ้า …

Create Date : 13 ธันวาคม 2551		1 comments
Last Update : 13 ธันวาคม 2551 1:47:58 น.
Counter : 1409 Pageviews.
Share Tweet