ท่านทั้งหลายจงดูดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้
ดาบสนี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า
ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จ ในที่สุดแห่งสี่อสงไขยกับเศษแสนกัปนับแต่นี้

... บล็อคง่ายๆ ของนายอังคาร ...

Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

ที่สุดขอบเขาจักรวาล

คราวก่อนทิ้งไว้คำหนึ่งว่า คนที่มีมิจฉาทิฏฐิแบบดิ่งลึก สวรรค์ก็ไปไม่ได้ นรกก็ไปไม่ได้ ได้แต่ไปเป็นเปรตห้อยโหนอยู่ที่ขอบเขาจักรวาล เราจะมาเริ่มเรื่องกันตรงนี้ก็แล้วกันว่าจักรวาลนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ก่อนจะได้รู้ว่าสวรรค์อยู่ตรงไหน เทวดาอยู่ตรงไหน

คำว่าจักรวาลเป็นสถานที่อยู่อาศัยของสรรพสัตว์ทั้งมวล ตั้งแต่สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน มนุษย์ เทวดา และพระพรหม ความรู้เรื่องจักรวาลนี้อาจจะเกินความรู้ความสามารถของมนุษย์ทั่วไปสักหน่อย เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มีตาเนื้อมองเห็นเฉพาะวัตถุหยาบๆ และมองเห็นได้ไม่ไกลนัก จึงมองเห็นแค่คน สัตว์ สิ่งของ ดิน หิน ภูเขา ท้องฟ้า และต้นไม้ใบหญ้า ส่วนที่ละเอียด เป็นทิพย์ เช่น เทวดา หรือสวรรค์วิมานเบื้องบน มนุษย์ทั่วไปไม่อาจจะมองเห็นได้เลย ทำให้เกิดการถกเถียงกันระหว่างคนตามทิพย์กับคนตาถั่วอยู่บ่อยๆ พระพุทธองค์จึงตรัสว่าเรื่องของจักรวาลเป็นอจิณไตย ไม่ควรคิด เพราะจะทำให้เป็นบ้าไปเสียเปล่าๆ แต่แม้จะเป็นเรื่องอจิณไตยพระพุทธองค์ก็ยังตรัสถึงเรื่องของจักรวาลไว้มากพอสมควรทีเดียว
พระพุทธองค์ตรัสว่าจักรวาลมีมากมายนับไม่ถ้วน เรียกว่า อนันตจักรวาล แต่ละจักรวาลมีขอบเขตแน่นอนล้อมรอบด้วยภูเขาจักรวาล หลายๆ จักรวาลที่มาอยู่ประชิดติดกันเรียกว่าโลกธาตุ โลกธาตุขนาดเล็กคือกลุ่มจักรวาลพันจักรวาล โลกธาตุขนาดกลางคือกลุ่มจักรวาลล้านจักรวาล และโลกธาตุขนาดใหญ่คือกลุ่มจักรวาลแสนโกฏิจักรวาล
ด้วยพระญาณของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงแทงตลอดในแสนโกฏิจักรวาล แต่สำหรับมนุษย์ทั่วไปแค่เศษเสี้ยวของจักรวาลก็ยังเห็นไม่ชัด

ในอรรถกถาขุทกนิกายอธิบายว่าจักรวาลหนึ่งๆ มีลักษณะเป็นวงกลม มีปริมณฑล ๓,๖๑๐,๓๕๐ โยชน์ ล้อมรอบด้วยภูเขาจักรวาล เบื้องบนเป็นอากาศ เบื้องล่างเป็นปฐพี ใต้ปฐพีรองรับด้วยน้ำ ใต้น้ำรองรับด้วยลม และใต้ลมเป็นความว่างเปล่า
ชั้นพื้นปฐพีมีความหนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์
ชั้นน้ำหนา ๔๘๐,๐๐๐ โยชน์
ชั้นลมหนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์
ในพระคิริมานนทสูตร อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับจักรวาลไว้ว่า เบื้องล่างสุดใต้ชั้นลมลงไปเป็นความว่างเปล่าหาที่สุดมิได้ และเบื้องบนสุดเหนือพรหมโลกขึ้นไปก็เป็นความว่างเปล่าหาที่สิ้นสุดมิได้เช่นกัน

ในแต่ละจักรวาลประกอบด้วยทวีปใหญ่ทั้ง ๔ กับทวีปน้อย ๒ พัน มีมหานรก ๘ ขุม และนรกบริวาร มีสวรรค์ ๖ ชั้น มีพรหมโลกที่เป็นชั้นรูปภูมิ ๑๖ ชั้น และชั้นอรูปภูมิอีก ๔ ชั้น เหมือนกันทุกจักรวาล โลกมนุษย์ของเราเป็นเพียงทวีปหนึ่งใน ๔ ทวีปใหญ่เท่านั้น เรียกว่า ชมพูทวีป หรือบางทีก็เรียกว่า โลกชมพู

ภูเขาจักรวาลที่โอบล้อมรอบนอกสุดของจักรวาลนั้นเป็นภูเขาทิพย์ สูง ๘๒,๐๐๐ โยชน์ ด้วยเหตุนี้จึงเรียกรวมอะไรๆ ที่อยู่ในวงรอบของภูเขาลูกนี้ว่า จักรวาล และเนื่องจากมีจักรวาลจำนวนมากเบียดกันอยู่ จึงมี ๓ จักรวาลที่เอาขอบเขาจักรวาลมาสัมผัสกัน เหมือนวงกลมสัมผัสกัน ๓ วง ระหว่างจักรวาลทั้งสามนั้นจึงมีช่องว่าง
ช่องตรงนั้นแหละเรียกว่า โลกันตนรก แปลว่านรกที่อยู่ระหว่างโลกธาตุ พวกที่มีมิจฉาทิฏฐิดิ่งลึกจนสวรรค์ไม่ต้อนรับ นรกยังเสือกไสไล่ส่ง จะพากันมาห้อยโหนกันอยู่ตรงนี้ เพราะอยู่ภายในจักรวาลไม่ได้
ในโลกันตนรกมืดสนิทมาก แม้เพียงแสงน้อยนิดจากก้นหิ่งห้อยก็ยังไม่มี เพราะอยู่ไกลเกินกว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงไปถึง อีกทั้งยอดเขาจักรวาลนั้นก็สูงกว่าดวงอาทิตย์อยู่มาก จึงเป็นไม่ได้เลยที่แสงอาทิตย์จะส่องสว่างไปถึงด้วยเหตุนี้โลกันตนรกจึงเยือกเย็น น่าสะพรึงกลัว นานเท่านานเมื่อมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้องค์หนึ่งนั่นแหละ จึงจะมีโอภาสจากบุพนิมิต ๓๒ ประการ ปรากฏให้เห็นเพียงแว่บเดียวชั่วฟ้าแล่บ แล้วก็กลับมืดมิดลงเหมือนเดิม
สัตว์ในโลกันตนรกที่ห้อยโหนอยู่นั้นเป็นเปรต แต่เพราะมีความเป็นอยู่ที่ทุกข์ทรมานแสนสาหัสจึงเรียกว่าสัตว์นรกด้วย (และนับว่าบริเวณนี้เป็นมหานรกขุมที่ ๙ ไปด้วย) สัตว์นรกทุกตัวปีนป่ายมองอะไรไม่เห็น หิวโหยเพราะไม่มีอะไรกิน พอเข้ามาใกล้กันคว้าจับกันได้ก็นึกว่าเป็นอาหาร จึงปล้ำจับกันกินเป็นอาหารน่าเวทนานัก

นอกจากสัตว์นรกแล้ว นอกขอบเขาจักรวาลนี้ไม่มีเทวดาหรือสัตว์อื่นอาศัยอยู่เลย แต่บริเวณขอบเขาจักรวาลนี้แหละที่เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว มีเทวดาจากหมื่นโลกธาตุมาชุมนุมกันเนืองแน่น เผ่นหนีพระยามาราธิราชที่ไปขัดขวางพระโพธิสัตว์คืนวันตรัสรู้มารอชมพระบารมีกันอยู่ตรงนี้




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2552
5 comments
Last Update : 16 ตุลาคม 2552 10:11:06 น.
Counter : 1367 Pageviews.

 

 

โดย: นายแจม 16 ตุลาคม 2552 10:18:01 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณอังคาร

จากบล๊อก หมายถึงคุณอังคาร น่ะเหรอคะ
ที่บอกว่า ..ปัญหาคือไม่รู้ว่ามี "จริต" แบบไหน.. น่ะค่ะ

ไม่เข้าใจนักค่ะ แล้วทำไมถึงไม่รู้่ล่ะคะ (ไม่ได้กวนนะคะ)
ที่ถามเพราะต้องการทราบคำตอบจริงๆ ค่ะ

 

โดย: พ่อระนาด 16 ตุลาคม 2552 22:36:49 น.  

 

สวัสดีพ่อระนาด

จริตที่ว่าคือจริตผมเอง แค่ดูจริตตัวเองก็แย่แล้ว คงไม่ไปสนใจดูจริตคนอื่นอีกหรอกครับ

จริต คือ พื้นเพแห่งจิตที่หนักไปด้านใดด้านหนึ่งใน ๖ ด้าน เรียกว่า จริต ๖ คือ
๑. ราคจริต (หนักไปทางรักสวยรักงาม)
๒. โทสจริต (หนักไปทางใจร้อนขี้หงุดหงิด)
๓. โมหจริต (หนักไปทางเหงาซึม งมงาย)
๔. สัทธาจริต (หนักไปทางน้อมใจเชื่อ)
๕. พุทธจริต (หนักไปทางคิดพิจารณา)
๖. วิตกจริต (หนักไปทางคิดจับจดฟุ้งซ่าน)

ที่ว่าไม่รู้ว่าจริตเป็นแบบไหนเพราะมันไม่คงที่ มันเวียนเป็นไปทุกข้อเลย เลยไม่รู้ว่าเหมาะกับการปฏิบัติแบบไหนที่สุด เคยปฏิบัติหมุนเวียนไปหลายอย่าง อาจารย์ท่านว่า

"โยมขุดๆ ปลูกๆ ต้นไม้อยู่นี่แหละ เมื่อไหร่มันจะโต การปลูกต้นไม้แม้ดินมันอาจจะไม่ดีที่สุด แต่ต้นไม้ก็โตได้ แต่ถ้าเราไปรู้ว่าดินอีกที่หนึ่งมันดี แล้วเราก็ย้ายค้นไม้ ต้นไม้มันก็ชะงัก ไม่โต ดีไม่ดีมันตายเอาง่ายๆ"

 

โดย: oddy.freebird 17 ตุลาคม 2552 6:46:28 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณอังคาร

ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ
อ่านแล้วก็รู้สึกค่ะ ว่าเป็นทุกข้อเลย
แล้วแต่ว่าจะไปตรงข้อไหน เวลาใด

แต่วิธีการปฏิบัติก็คงเป็นวิธีที่อัพลงบล๊อกน่ะค่ะ
คือวิธีการดูจิต เห็นการเกิด-ดับ ของอายตนะค่ะ ก็ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง
ต้องอาศัยความเพียรอีกเยอะค่ะ

ไม่ว่าจะปฏิบัติแบบไหน อย่างไร ดีทั้งนั้น
เปรียบเหมือนขึ้นเขา มีหลายทาง แต่มีจุดมุ่งหมายคือ ยอดเขาเหมือนกัน
(จำมานะคะ ไม่ได้พูดเองค่ะ)

ปล.รูปที่นำไปฝากชอบมากค่ะ เห็นแล้วรู้สึกสงบขึ้นมาทันที
ขอบคุณมากค่ะ

 

โดย: พ่อระนาด 17 ตุลาคม 2552 9:31:27 น.  

 

วันนี้ยังไม่มีอะไรสงสัยค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 18 ตุลาคม 2552 13:47:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Siri_waT_bkk
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บางครั้ง เธอเข้าใจไหม
ว่าทำไม จิตใจต้องเพ้อฝัน
ฝันมีสุขร่วมกัน ฝันมีส่วนผูกพัน
สิ่งเหล่านั้น ฉันเองเข้าใจ

   ความหมาย คงคลี่คลายโดยง่ายดาย
   หากได้ระบาย ออกมาให้เธอฟัง
   ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ก็เพราะเธอนั้นพิเศษ
   เกินกว่าฉัน จะควบคุมใจ

ยามใดเธอมีทุกข์ อยากหยุดโลกกลับไปช่วยเธอ
ใจมันคอยเสนอ ไม่เคยคิดห่วงใคร
ต่อให้ไกลจะไกลแค่ไหน ก็จะไปยกหัวใจให้
เพียงแต่ตอบรับ หากเธอยอมรับ กับฉัน

   ว่าเธอนั้น มันก็เป็นเหมือนกัน
   ส่วนฉันยืนยัน ประกันได้เลยเธอ
   ไม่ใช่เรื่องหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่
   เพียงแค่สามคำ ฉันรักเธอ...

   
    [เพลงจาก http://www.fileden.com]


[ stat since Sep24, 2009 ]
Friends' blogs
[Add Siri_waT_bkk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.