ท่านทั้งหลายจงดูดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้
ดาบสนี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า
ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จ ในที่สุดแห่งสี่อสงไขยกับเศษแสนกัปนับแต่นี้

... บล็อคง่ายๆ ของนายอังคาร ...

Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
18 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ยักษ์ นาค

มีข้อสงสัยจากวันก่อนว่า กุมภัณฑ์ กับ ยักษ์ ต่างกันอย่างไร
วันนี้จึงขอให้เทวดากับอสูรพักรบกันสักวันก่อน แล้วมาแนะนำตัวละคร คือ เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาให้รู้จักกันคร่าวๆ ครับ



ประเภทของเทวดา
สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีภพภูมิอยู่รายรอบเขาสิเนรุมาศ ตั้งแต่กลางเขา ลงมาเชิงเขา กินพื้นที่ครอบคลุมมหานทีสีทันดร ภูเขาสัตตบริภัณฑ์ ไปจนจรดภูเขาจักรวาล รวมทั้งมีภพภูมิซ้อนอยู่กับมนุษย์ภูมินี้ด้วย

เทวดาในสวรรค์ชั้นนี้แบ่งเป็น ๓ ประเภท คือ

๑. ภุมมเทวดา เป็นเทวดาที่มีฤทธิ์น้อย มีวิมานอยู่เรี่ยๆ พื้นน้ำและพื้นดิน
๒. รุกขเทวดา เป็นเทวดาที่มีฤทธิ์ปานกลาง มีวิมานอยู่ตามต้นไม้ที่มีแก่น
๓. อากาศเทวดา เป็นเทวดามีฤทธิ์มาก มีวิมานลอยอยู่ในอากาศ



เทวดาในทิศทั้งสี่
เทวดาแต่ละทิศของเขาสิเนรุมาศยังมีรูปร่างแตกต่างกันไปอีก ทำนองเดียวกับที่มนุษย์บนโลกนี้มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกัน และมีชื่อเรียกต่างกัน คือ

ทิศตะวันออก
เป็นที่อยู่ของ คันธัพพเทวดา หรือเทวดาคนธรรพ์ และพวกวิทยาธร
มีจอมเทพปกครองนามว่า ท้าวธตรฐ

ทิศใต้
เป็นที่อยู่ของ กุมภัณโฑเทวดา หรือเทวดากุมภัณฑ์ และพวกรากษส
มีจอมเทพปกครองนามว่า ท้าววิรุฬหก

ทิศตะวันตก
เป็นที่อยู่ของ นาคเทวดา
มีจอมเทพปกครองนามว่า ท้าววิรูปักษ์

ทิศเหนือ
เป็นที่อยู่ของ ยักขเทวดา
มีจอมเทพปกครองนามว่า ท้าวเวสสุวัณณ์



คนธรรพ์และวิทยาธร
คนธรรพ์ หรือคันธัพพเทวดา เป็นเทวดาในปกครองของท้าวธตรฐ มหาราชแห่งทิศบูรพา เป็นเทวดาที่มีวรรณะงาม มีรัศมีรุ่งเรือง
คนธรรพ์ชั้นสูงเป็นอากาศเทวดา มีวิมานลอยอยู่ในอากาศ เป็นพวกที่มีความชำนาญในการฟ้อนและขับร้องเพลง จึงมีหน้าที่ในการฟ้อนและบรรเลงเมื่อมีงานรื่นเริงในสวรรค์ เช่น ปัญจสิขเทพบุตรคนธรรพ์
คนธรรพ์ชั้นกลางเป็นรุกขเทวดา ส่วนใหญ่อยู่ในป่าหิมพานต์ มีวิมานอยู่ในต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม อาจจะเป็นรากหอม แก่นหอม กะพี้หอม เปลือกหอม ใบหอม ดอกหอม หรือผลหอม เป็นพวกที่ชอบเล่นฤทธิ์ อดีตชาติเคยเป็นผู้มีวิชาอาคม ตายแล้วจึงมาเกิดเป็นวิทยาธร
คนธรรพ์ชั้นล่างเป็นเทวดาที่กำเนิดในแก่นไม้ เรียกว่า คันธัพพเทวดา หรือคันทัพโพ บางทีเรียกว่า นางไม้ เทวดาพวกนี้อาศัยอยู่ในต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่งตลอดไปจนกว่าจะหมดอายุขัย แม้ต้นไม้นั้นจะถูกตัดฟันไปทำเรือ แพ บ้านเรือน หรือเครื่องใช้ไม้สอย ก็ยังคงสิงอยู่ในไม้นั้นไม่อาจย้ายไปอาศัยต้นไม้อื่นได้ ต่างจากรุกขเทวดาที่แม้จะอาศัยอยู่ตามต้นไม้เหมือนกัน แต่ถ้าต้นไม้นั้นตายหรือถูกตัดก็จะย้ายวิมานจากต้นนั้นไปต้นอื่น ด้วยเหตุนี้ คันธัพพเทวดาจึงมักทำร้ายมนุษย์ที่นำไม้มาให้เจ็บป่วย หรือทำอันตรายต่อทรัพย์สมบัติของมนุษย์ คันธัพพเทวดาพวกนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นเทวดาใจร้าย



กุมภัณฑ์
กุมภัณฑ์ เป็นเทวดาในปกครองของท้าววิรุฬหก มหาราชแห่งทิศใต้
กุมภัณฑ์ชั้นสูงเป็นอากาศเทวดา มีวิมานลอยอยู่ในอากาศ
กุมภัณฑ์ชั้นกลางเป็นเทวดาอยู่ตามป่าเขา มือถือกระบองใหญ่ ทำหน้าที่รักษาทรัพย์ในดิน รักษาป่าและภูเขา กุมภัณฑ์พวกนี้มีรูปร่างกำยำ แต่มีท้องใหญ่จนมองดูคล้ายว่ามีลูกอัณฑะใหญ่เท่าหม้อ จึงเป็นที่มาของชื่อ กุมภัณฑ์
กุมภัณฑ์ชั้นล่างอาศัยอยู่ตามแม่น้ำ สระน้ำ เรียกว่า รากษส ตัวโต หน้าแดง ท้องเขียว มือเท้าแดง เขี้ยวใหญ่ เท้าคด เป็นพวกที่ดุร้าย ชอบกินเนื้อสัตว์ รากษสไม่ปรารถนาสิ่งใดเลยนอกจากการได้กินเนื้อสัตว์เท่านั้น



นาค
นาค เป็นเทวดาในปกครองของท้าววิรูปักษ์ มหาราชแห่งทิศตะวันตก มีวิมานอยู่กลางเขาสิเนรุและในนทีสีทันดร ส่วนในเมืองมนุษย์นั้น นาคอาศัยอยู่ใต้หนองน้ำ แม่น้ำลำคลอง และในมหาสมุทร
นาคเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์ ปกติมีรูปร่างเป็นงูใหญ่ มีหงอน แต่เมื่อมาเที่ยวในถิ่นมนุษย์ก็มักจำแลงกายให้เหมือนมนุษย์ทุกอย่าง บางครั้งก็จำแลงกายเป็นสัตว์ต่างๆ ตามชอบใจ
นาคมีกำเนิด ๔ จำพวก คือ เกิดในไข่ (อัณฑชะกำเนิด) เกิดในครรภ์ (ชลาพุชะกำเนิด) เกิดในเถ้าไคล (สังเสทชะกำเนิด) และเกิดโดยอุบัติขึ้น (โอปปาติกะกำเนิด)
นาคทั้ง ๔ จำพวกนี้มีทิพย์สมบัติ มีฤทธิ์อำนาจ แตกต่างกัน นาคที่เป็นโอปปาติกะกำเนิดจะมีฤทธิ์อำนาจและทิพย์สมบัติรุ่งเรืองที่สุด รองลงมาคือนาคสังเสทชะกำเนิด นาคชลาพุชะกำเนิด และนาคอัณฑชะกำเนิด ตามลำดับ

นาคมี ๔ ตระกูลใหญ่ คือ
๑. ตระกูลวิรูปักษ์ เป็นนาคมีสีทอง
๒. ตระกูลเอราปถ เป็นนาคมีสีเขียว
๓. ตระกูลฉัพพยาปุตตะ เป็นนาคมีสีรุ้ง
๔. ตระกูลกัณหาโคตมะ เป็นนาคมีสีดำ

นาค แม้จะเป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีทิพย์สมบัติรุ่งเรืองประณีตกว่าพระเจ้าจักรพรรดิในเมืองมนุษย์ แต่ก็จัดว่านาคนี้เป็นเพียงสัตว์สวรรค์เท่านั้น ไม่อาจถึงมรรคผลนิพพานได้
ในครั้งพุทธกาล นาคตัวหนึ่งเบื่อหน่ายในอัตภาพนาค อยากจะกลับไปเกิดเป็นมนุษย์ คิดว่าหากได้บวชปฏิบัติธรรมในสำนักของพระศาสดา ก็คงจะได้พ้นจากความเป็นนาคได้เร็วพลัน คิดแล้วจึงแปลงกายเป็นชายหนุ่มเข้าไปบวชในธรรมวินัย อาศัยอยู่ในวิหารร่วมกับภิกษุรูปหนึ่ง
ครั้นถึงยามราตรี ภิกษุรูปนั้นตื่นนอนออกไปเดินจงกรมอยู่นอกวิหาร พระนาควางใจจำวัด แต่ธรรมชาติของนาคจะคืนร่างยามเมื่อเสพสังวาสกับนาคด้วยกันหรือเมื่อนอนหลับ พอพระนาคหลับร่างจึงกลับคืนเป็นงูใหญ่ ขนดยื่นออกไปทางหน้าต่าง ครั้นภิกษุร่วมวิหารกลับเข้ามาเห็นงูก็ตกใจส่งเสียงร้อง ภิกษุอื่นพากันวิ่งมาดู ส่วนพระนาคได้ยินเสียงเอะอะจึงตื่นขึ้น กลับร่างเป็นพระนั่งอยู่บนอาสนะ
ภิกษุอื่นสอบถามว่าท่านเป็นใครกันแน่ พระนาคยอมรับว่าตนเองเป็นนาค แอบมาบวชเพราะอยากกลับไปเกิดเป็นมนุษย์ ภิกษุเหล่านั้นจึงไปกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ
พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทแก่นาคภิกษุว่า พวกเจ้าเป็นนาค ไม่อาจงอกงามในธรรมวินัยนี้ได้ เจ้าจงไปเสียเถิด ไปรักษาอุโบสถในวันธรรมสวณะนั่นแหละ ด้วยวิธีนี้เจ้าจะพ้นจากกำเนิดนาคและได้ไปเกิดเป็นมนุษย์
พระนาครู้ว่าอัตภาพนาคของตนไม่อาจสำเร็จมรรคผลในธรรมวินัยได้ ก็หลั่งน้ำตาเสียใจ กลับสู่นาคพิภพไป
จากนั้น พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติสิกขาบท ไม่ให้สงฆ์บวชให้แก่ผู้ที่ไม่ได้เป็นมนุษย์ แม้ใครที่บวชอยู่ก่อนแล้วก็ให้สึกเสีย เพราะบุคคลเหล่านั้นไม่อาจบรรลุธรรมวิเศษได้



ยักษ์
ยักษ์หรือยักขเทวดา เป็นเทวดาในปกครองของท้าวเวสสุวัณณ์ มหาราชทางทิศอุดร เป็นพวกที่ชอบกินเนื้อ ดุร้าย และโกรธง่าย
ในสมัยพุทธกาลนั้น ภิกษุจำนวนมากเมื่อรับกรรมฐานแล้วก็มักจะหลีกจากหมู่ไปบำเพ็ญสมณธรรมในป่าซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของยักษ์ ยักษ์พวกนี้เป็นเทวดาดุร้าย ชอบทำปาณาติบาต ยักษ์บางพวกมีอาณาเขตเป็นของตน มนุษย์หรือสัตว์ถ้าหลงเข้าไปในเขตยักษ์ก็จะถูกจับกิน
ยักษ์ จึงถูกเรียกว่า อมนุษย์ นอกจากนี้คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ และนาค ที่ดุร้ายจึงพลอยถูกเรียกว่า อมนุษย์ ไปด้วย
อมนุษย์พวกนี้ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วไม่ชอบใจ เพราะพระศาสดาตรัสสอนให้ละอกุศลกรรม เลิกทำปาณาติบาต แต่คำสอนของพระศาสดาขัดกับอุปนิสัย อมนุษย์เหล่านี้ทำไม่ได้จึงไม่เลื่อมใสพุทธศาสนา พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เมื่อมีภิกษุเข้าไปบำเพ็ญสมณธรรมในป่าเปลี่ยว จึงมักถูกอมนุษย์พวกนี้เบียดเบียนจนไม่สามารถบำเพ็ญสมณธรรมได้
ท้าวเวสสุวัณณ์ในฐานะเป็นเทพบดีของเหล่ายักษ์ จึงเชิญท้าวมหาราชทั้ง ๔ ไปประชุมกันที่ อาฏานาฏิยนคร ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้บริวารของตนทำร้ายภิกษุสาวกของพระพุทธองค์ โดยผูกพุทธมนต์ขึ้นมาบทหนึ่ง เรียกว่า อาฏานาฏิยรักขา ประกาศว่าหากอมนุษย์ตนใดทำร้ายผู้สาธยายพุทธมนต์บทนี้จะต้องถูกลงอาญาอย่างรุนแรง เมื่อผูกมนต์เสร็จแล้วท้าวมหาราชทั้ง ๔ จึงไปเฝ้าพระศาสดาที่เขาคิชฌกูฏ เขตนครราชคฤห์ ถวายอาฏานาฏิยรักขาเพื่อประทานแก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ใช้สาธยายคุ้มครองตนต่อไป
พระพุทธองค์ทรงรับ อาฏานาฏิยรักขา จากท้าวมหาราชแล้ว ได้นำมาตรัสประทานแก่พุทธบริษัทในภายหลัง
พุทธมนต์อาฏานาฏิยรักขาของท้าวมหาราชทั้ง ๔ นี้ ประกอบด้วยคาถา ๖ บทที่พรรณนาคุณของพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ คือ พระวิปัสสี พระสิขี พระเวสสภู พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ และพระสมณโคตมะ เป็นพระปริตรศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ขับไล่พวกอมนุษย์ร้าย ต่อมาโบราณจารย์ได้ประพันธ์เพิ่มเติมบทบูชาพระพุทธเจ้าเป็น ๒๘ พระองค์ และนำไปใช้ในการสวดปัดรังควาญ เรียกว่า สวดภาณยักษ์
แต่สำหรับพระภิกษุผู้มีเมตตาหรือพระธุดงค์กรรมฐาน ท่านมักจะหลีกเลี่ยงไม่สวดบทอาฏานาฏิยรักขานี้ เนื่องจากนอกจากเป็นการลงโทษอย่างรุนแรงต่อพวกอมนุษย์ร้ายแล้ว แม้แต่อมนุษย์ดีเมื่อได้ยินพุทธมนต์บทนี้ก็ไม่อาจทนอยู่ได้ ท่านจึงมักจะเลือกสวดบทเมตตาสูตร ธชัคคสูตร หรือรตนสูตรก่อน หากสวดแล้วยังถูกอมนุษย์รบกวนอยู่อีกจึงจะสวดอาฏานาฏิยสูตร หรือไม่ก็หลีกไปอยู่ที่อื่นเสียเลยจะได้ไม่ต้องรบกวนกัน



เทวดาในต้นไม้
พระธุดงค์ท่านหลีกเลี่ยงไม่รบกวนเทวดาที่อาศัยอยู่ในป่า ภูเขา และต้นไม้ แต่ก็ยังมีพระภิกษุและมนุษย์อีกจำนวนมากที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ รบกวนถึงขั้นทำลายวิมานของเทวดาโดยไม่รู้ตัว
ภิกษุในเมืองอาฬวีรูปหนึ่งไปตัดต้นไม้ในป่าเพื่อนำมาสร้างกุฏิ เทวดาผู้มีวิมานอยู่ในต้นไม้นั้นได้ปรากฏกายบอกภิกษุรูปนั้นว่า ท่านโปรดอย่าตัดต้นไม้อันเป็นที่อยู่ของข้าพเจ้าเพื่อไปสร้างที่อยู่ของท่านเลย
แต่ภิกษุรูปนั้นไม่ฟังตัดต้นไม้ลงมาจนได้ และยังฟันถูกแขนทารกลูกของเทวดาองค์นั้นอีกด้วย เทวดาองค์นั้นโกรธคิดจะฆ่าภิกษุเสีย แต่ก็คิดได้ว่าเป็นการสร้างบาปกรรมต่อไปอีก จึงระงับความโกรธแล้วไปกราบทูลให้พระศาสดาทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคทรงทราบแล้ว จึงทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุพรากของเขียว ซึ่งรวมถึงการตัดต้นไม้หรือกิ่งไม้ด้วย โดยทรงห้ามทั้งการลงมือตัดเองรวมถึงการสั่งให้ผู้อื่นเป็นผู้ตัดแทนด้วย




เล่าเรื่องเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาเพียงคร่าวๆ เท่านี้ ตอนต่อไปจะได้กลับไปดูพวกเทวดากับอสูรเขารบกันต่อ และขอย้ำอีกครั้งครับว่าเรื่องทั้งหมดนำมาจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาพระไตรปิฎกนะครับ ไม่ใช่นำมาจากศาสนาอื่นใดที่ไม่ใช่พุทธศาสนา เดี๋ยวจะหาว่าไปเอาเรื่องแขกที่ไหนมาเล่า นี่เป็นเรื่องในพุทธศาสนาครับ แต่เป็นเพียงกระพี้ ไม่ใช่แก่นแท้นะครับ



Create Date : 18 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2552 7:39:22 น. 11 comments
Counter : 16943 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้มากมายเลย


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 18 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:12:37 น.  

 


ดีมากค่ะ คุณอังคาร ได้ความรู้หลากหลายดีคะ

สบายดีนะค่ะ


โดย: ย่าชอบเล่า วันที่: 18 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:21:51 น.  

 
เทวดาหลากหลาย ดีจัง

ปล.ขอบคุณดอกบัวสวยๆ ด้วยนะคะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 18 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:52:31 น.  

 
ชักเมาหมัดละค่ะ

จากบ้าน...เรื่องที่ไม่อยากทำกลัวจะเปลี่ยนใจไม่ได้

ตีกอล์ฟ ... เคยเห็นจริง ๆ นะ ไม่อยากเชื่อเลย ตีกอล์ฟพนันกัน เขาเล่นเยอะ น่าจะเสียนะ บอกแค้ดดี้เดินกลับเลยว่ามีธุระ


ขี่ช้าง นั่งแพ คงเปลี่ยนใจยาก เขาถึงว่าร่วมหัว จมท้าย เนาะค่ะ

แต่เกาะเนี่ยไม่ค่อยเห็นคนเบื่อนะคะ มีแต่ไม่อยากกลับ



โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:30:00 น.  

 
ไปอยู่ชั้นดุสิตดีกว่า มีพระโพธิสัตว์มากมาย


โดย: ทักษิณ IP: 202.149.25.235 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:45:18 น.  

 
ทำไมเป็นเทวดา แล้วยังร้ายกาจล่ะคะ :(


โดย: ทางช้างเผือกมีดาวสีชมพู วันที่: 18 พฤศจิกายน 2560 เวลา:21:14:17 น.  

 
ห้ามภิกษุพรากของเขียวรวมถึงการตัดต้นไม้เดี๋ยวนี้ทำกันทุกวัด.. อาจจะเป็นยุคสมัยที่เปลี่ยนไปใช่มั้ยค่ะ


โดย: ส้มโอ๊ย.. ส้มโอ IP: 182.232.174.107 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2561 เวลา:20:24:25 น.  

 
ขอบคุณมากเลยครับได้ความรู้และสนุกดีด้วยครับ


โดย: พี่ภิสิทธิ์ IP: 124.120.106.151 วันที่: 5 มิถุนายน 2565 เวลา:22:04:01 น.  

 
กำลังศึกษาเกี่ยวกับทิศทั้ง 4 และปู่มหาราชทั้ง 4 พร้อมด้วยบริวารมีลักษณะรูปร่างอ​ย​่​ยาง​ไร👏👏👏


โดย: สมณะประทีป IP: 49.237.16.77 วันที่: 9 มีนาคม 2566 เวลา:18:36:17 น.  

 
ขอบพระคุณมากครับ


โดย: ดอน วิทยา IP: 49.228.104.45 วันที่: 8 เมษายน 2566 เวลา:20:38:54 น.  

 
ขอบพระคุณมากครับ


โดย: ดอน วิทยา IP: 49.228.104.45 วันที่: 8 เมษายน 2566 เวลา:20:38:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Siri_waT_bkk
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บางครั้ง เธอเข้าใจไหม
ว่าทำไม จิตใจต้องเพ้อฝัน
ฝันมีสุขร่วมกัน ฝันมีส่วนผูกพัน
สิ่งเหล่านั้น ฉันเองเข้าใจ

   ความหมาย คงคลี่คลายโดยง่ายดาย
   หากได้ระบาย ออกมาให้เธอฟัง
   ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ก็เพราะเธอนั้นพิเศษ
   เกินกว่าฉัน จะควบคุมใจ

ยามใดเธอมีทุกข์ อยากหยุดโลกกลับไปช่วยเธอ
ใจมันคอยเสนอ ไม่เคยคิดห่วงใคร
ต่อให้ไกลจะไกลแค่ไหน ก็จะไปยกหัวใจให้
เพียงแต่ตอบรับ หากเธอยอมรับ กับฉัน

   ว่าเธอนั้น มันก็เป็นเหมือนกัน
   ส่วนฉันยืนยัน ประกันได้เลยเธอ
   ไม่ใช่เรื่องหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่
   เพียงแค่สามคำ ฉันรักเธอ...

   
    [เพลงจาก http://www.fileden.com]


[ stat since Sep24, 2009 ]
Friends' blogs
[Add Siri_waT_bkk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.